My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 977 บุกนิกายแวมไพร์
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 977 บุกนิกายแวมไพร์
ตอนที่ 977 บุกนิกายแวมไพร์
ในขณะนี้เซี่ยเติ้งเฟยรู้สึกสำนึกเสียใจหากย้อนเวลากลับไปได้เขาจะไม่มาเมืองตงไห่เพื่อทวงถามหนี้แค้นกับภรรยาของหลี่ฉิงเฟิง ซึ่งการกระทำทั้งหมดของเขานั้นถูกปลุกปั่นจากพี่ชายของเขา, เซี่ยจื่อหาว
เซี่ยเติ้งเฟยรู้ว่าตนเองกำลังจะตายในวันนี้และตอนนี้แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยปละละเว้นพี่ชายของเขาง่ายดายเป็นแน่ เรื่องที่เกิดขึ้นนี้หากไม่ใช่เพราะพี่ชายของเขายุยงให้มาฆ่าหลินเสวี่ยที่เมืองตงไห่ เขาคงไม่ต้องเจ็บปวดและถึงฆาตเช่นนี้ เขาต้องการให้พี่ชายของเขาต้องทุกข์ทรมานไปด้วยกัน
จังหวัดเจียงหนาน,หุบเขาจันทราโลหิต
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วเขาเคยได้ยินเกี่ยวกับหุบเขานี้มาก่อน มันเป็นหุบเขาที่มีชื่อเสียงในจังหวัดเจียงหนาน อย่างไรก็ตาม กล่าวกันว่ามันถูกปิดผนึกเอาไว้ ดังนั้นบุคคลภายนอกจึงไม่ได้รับอนุญาตให้ผ่านเข้าไป กลับกลายเป็นว่ามันเป็นที่ตั้งของฐานใหญ่ของนิกายแวมไพร์นี่เอง
“ขอบใจตอนนี้แกก็ไปตายอย่างหมดห่วงได้แล้ว เพราะนิกายแวมไพร์ที่เหลือทั้งหมดจะตามไปอยู่กับแกในอีกไม่ช้า” ฉิงเฟิงเหยียดมือขวาออกไปและคว้าคอของเซี่ยเติ้งเฟย
แกร่ก!
ฉิงเฟิงหักคอของเซี่ยเติ้งเฟยเพื่อจบชีวิตของเขา
นายน้อยแห่งนิกายแวมไพร์– ตายแล้ว
ก่อนตายดวงตาของเซี่ยเติ้งเฟยเต็มไปด้วยความเสียใจและความกลัว มันเป็นความกลัวต่อความตาย
ฉิงเฟิงไม่สนใจศพของเซี่ยเติ้งเฟยเขาหันไปมองที่หลินเสวี่ยแทนและพูดว่า “ที่รัก ผมจะพาคุณไปฆ่าผู้คนสักเล็กน้อย”
‘
ที่รัก
, ผมจะพาคุณไปฆ่าคน
’
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ของฉิงเฟิงใบหน้าที่ละเอียดอ่อนของหลินเสวี่ยก็ดูสับสน
เมื่อฉิงเฟิงได้เห็นความงุนงงของหลินเสวี่ยเขาจึงอธิบายด้วยรอยยิ้มว่า “ที่รัก เหล่าผู้คนของนิกายแวมไพร์กล้าบุกเข้ามาในบริษัทของเราแถมจะฆ่าคุณ พวกเราต้องให้พวกมันชดใช้ในครั้งนี้ ผมต้องการประกาศก้องให้ทุกนิกายของหัวเซี่ยได้รับรู้ว่าใครก็ตามที่ทำร้ายคุณจะต้องได้รับผลที่ตามมาของการถูกทำลายล้างด้วยน้ำมือของผม !”
หลินเสวี่ยรู้สึกประทับใจหลังจากได้ยินคำอธิบายของฉิงเฟิงเธอรู้ว่าฉิงเฟิงเพียงแค่เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยและต้องการแก้แค้นให้กับเธอ ถึงแม้ว่าเซี่ยเติ้งเฟยจะตายไปแล้ว แต่มันก็ยังไม่อาจบรรเทาความโกรธในใจของฉิงเฟิงลงได้
“ตกลง,ชั้นจะไปกับคุณ” หลินเสวี่ยพยักหน้าและกล่าว ถึงแม้ว่าหลินเสวี่ยจะเป็นผู้หญิงที่มีจิตใจดีงามแต่มันก็เพียงเฉพาะต่อคนดีๆเท่านั้น เธอไม่จำเป็นต้องใจดีกับคนเลวๆเช่นนิกายแวมไพร์ หากฉิงเฟิงมาไม่ทันเวลา เธอคงตายไปแล้ว
ฉิงเฟิงเป็นผู้ที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและไม่ชอบผัดวันประกันพรุ่งเขาจองตั๋วเครื่องบินไปยังจังหวัดเจียงหนานทันทีพร้อมกับหลินเสวี่ย, ราชาอสูรค้างคาวม่วงและราชินีอสูรเพลิง
ส่วนทีมเขี้ยวหมาป่านั้นฉิงเฟิงไม่ได้นำพวกเขาไปด้วยเพราะต้องการให้พวกเขาอยู่ที่เมืองตงไห่เพื่อคอยปกป้องเมืองและดูแลความปลอดภัยของพนักงานในบริษัทIce Snow
ฉิงเฟิงและหลินเสวี่ยนั่งเครื่องบินชั้นเฟิร์สคลาสในขณะที่ค้างคาวม่วงและราชินีอสูรเพลิงนั่งอยู่ข้างหลังพวกเขา
ใบหน้าที่ละเอียดอ่อนงดงามของราชินีอสูรเพลิงดูไม่ค่อยพอใจและรู้สึกอึดอัดเมื่อเธอเห็นฉิงเฟิงนั่งกุมมือกับหลินเสวี่ย
“พี่หญิงคุณอิจฉาเหรอ ” ค้างคาวม่วงกระพริบตาและกระซิบถาม
“ค้างคาวน้อยถ้าเจ้าพูดซ้ำอีกครั้ง เจ้าจะโดนทุบตีแน่” ดวงตาที่สดใสกลมโตของราชินีอสูรเพลิงจ้องเขม็งไปที่ค้างคาวม่วงอย่างเยือกเย็นในขณะที่กล่าว
เมื่อได้เห็นแววตาที่หนาวเย็นของราชินีอสูรเพลิงค้างคาวม่วงก็รู้สึกหวาดกลัวและขนลุก เขาเติบโตขึ้นมาด้วยการถูกนังมารคนนี้ข่มเหงรังแกตั้งแต่เด็ก ดังนั้นเขาจึงกลัวมากเมื่อได้เห็นสีหน้าของเธอตอนนี้
“พี่หญิงเพลิงพี่อย่าจริงจังกับเรื่องโจ๊กของผมนักเลย หลินเสวี่ยเป็นภรรยาของนายน้อย ดังนั้นการที่พวกเขาจับมือกันก็ถือเป็นเรื่องปกตินะครับ…” ค้างคาวม่วงกระซิบกับราชินีอสูรเพลิงอีกครั้ง
คงจะดีกว่าถ้าเขาอยู่เงียบๆเพราะทันทีที่ราชินีอสูรเพลิงได้ยิน เธอก็โกรธขึ้นมาทันที เธอตบหลังหัวของค้างคาวม่วงด้วยฝ่ามือขวาจนทำให้เขาหัวหมุน
ค้างคาวม่วงเหลียวมองนังมารร้ายนางนี้เพียงแวบเดียวเขาทำหน้าเจี๋ยมเจียมและไม่กล้าพูดอะไรออกไปเพราะเขาไม่สามารถเอาชนะเธอได้
หลินเสวี่ยเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเบาะหลังทั้งหมดเธอหันไปถามฉิงเฟิงว่า “ที่รัก ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ทำไมเธอถึงดุร้ายจัง”
“อ่า..เรียกเธอว่าราชินีอสูรเพลิง เธอเป็นหนึ่งในผู้ติดตามของผมแต่อารมณ์ค่อนข้างรุนแรงและชอบลงไม้ลงมือ เธอคือนังมารร้ายนางหนึ่ง” ฉิงเฟิงกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะที่กุมมือของหลินเสวี่ย
ราชินีอสูรเพลิงโกรธมากเมื่อได้ยินสิ่งที่ฉิงเฟิงพูดเธอเป็นสุภาพสตรีนะ ทำไมเขาถึงหาว่าเธอเป็นผู้หญิงอารมณ์ร้าย
เธอโกรธมากและต้องการระบาย… เธอกล้ำกลืนความฉุนเฉียวและเอาไปลงที่ค้างคาวม่วง เธอตบหัวเขาไปอีกหลายครั้งจนค้างคาวม่วงมีสภาพที่น่าสังเวช เขาต้องกลายเป็นที่รองรับอารมณ์ของราชินีอสูรเพลิงไปโดยปริยาย
“พี่หญิงนายน้อยนินทาพี่ ทำไมพี่ถึงมาทุบตีผมแทนละ ” ค้างคาวม่วงบ่นพึมพำด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความขมขื่น
บ้าเอ้ยทำไมต้องเป็นฉันด้วย
ฉันจะไม่ไปไหนมาไหนกับนางมารร้ายคนนี้อีกแล้วพอเธอโมโหอะไรก็เอามาลงที่ฉันคนเดียว..
ค้างคาวม่วงคิดในใจอย่างหดหู่
ฉิงเฟิงเห็นใบหน้าที่น่าสังเวชของค้างคาวม่วงจนอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า“เจ๊คนสวย ใจเย็นๆหน่อยได้ไหม ค้างคาวม่วงกำลังอยู่ในวัยเจริญพันธุ์ คุณไปตบตีเขาแบบนั้นเกิดเขาหยุดโตขึ้นมาทำไง ?”
“เจ้าหมายความว่าอะไร ถ้าเจ้าไม่อยากให้ข้าทุบตีค้างคาวน้อย งั้นเจ้าจะให้ข้าทุบตีเจ้าแทนมั้ยล่ะ ?” ราชินีอสูรเพลิงถลึงตากลมโตของเธอและกล่าวกับฉิงเฟิงอย่างเย็นชา ฉิงเฟิงอึ้งเขารู้ว่าราชินีอสูรเพลิงมีอารมณ์แปรปรวนอยู่เสมอ ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเธอ และหันหน้ากลับไปกุมมือน้อยๆหลินเสวี่ยอีกครั้งตามเดิม
……….
เครื่องบินเดินทางด้วยความรวดเร็วและมาถึงที่จังหวัดเจียงหนานในเวลาเพียงสี่ชั่วโมงเท่านั้น
ในจังหวัดเจียงหนาน,ฉิงเฟิงและพรรคพวกโบกแท็กซี่ไปยังหุบเขาจันทราโลหิต เดิมทีคนขับไม่เต็มใจที่จะไปเพราะที่นั่นเป็นสถานที่ที่น่ากลัวและมีคนตายในระแวกนั้นมากมาย แต่หลังจากที่ฉิงเฟิงเสนอค่าจ้างถึงสองพันดอลลาร์ (60,000 บาท) คนขับก็ตัดสินใจขับพาพวกเขาไปทันที เงินตรานั้นยังคงมีอำนาจเสมอ
หุบเขาจันทราโลหิตอยู่ทางตอนเหนือของจังหวัดเจียงหนานมันเป็นภูเขาลูกใหญ่ที่เต็มไปด้วยก้อนหินสีแดงเลือด ผู้คนมักจะได้ยินเสียงคร่ำครวญในคืนพระจันทร์เต็มดวงซึ่งส่งผลให้มันได้รับการขนานนามว่าหุบเขาจัทราโลหิต
ครึ่งชั่วโมงต่อมาคนขับปล่อยฉิงเฟิงและคนอื่นๆลงที่เชิงเขาและหักพวกมาลัยขับหนีไปทันที ถึงแม้ว่าฉิงเฟิงจะให้ค่าจ้างถึง 2000 ดอลลาร์ แต่คนขับก็ยังกลัวอยู่มาก
“ที่รัก,ทำไมที่นี่ถึงมีแต่หินสีแดง ” หลินเสวี่ยชี้ไปที่ก้อนหินสีแดงบนภูเขาจันทราโลหิตและถามด้วยความสงสัย
ฉิงเฟิงพยักหน้าและกล่าวว่า“ที่นี่คือหุบเขาจันทราโลหิตและเป็นฐานใหญ่ของนิกายแวมไพร์ พวกมันฆ่าและสูบเลือดมนุษย์จนทำให้ก้อนหินในหุบเขานี้เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด ในที่สุดมันก็กลายเป็นหินสีแดงเช่นนี้”
“นิกายแวมไพร์นี่ช่างเป็นกองกำลังที่ชั่วร้ายจริงๆ”หลินเสวี่ยขมวดคิ้วและกล่าวด้วยความโกรธ
“ถูกแล้วในเมื่อพวกมันทำแต่ความชั่ว ดังนั้นวันนี้ฉันจะกำจัดพวกมันให้สิ้นซาก” ฉิงเฟิงกล่าว
หุบเขาจันทราโลหิตมีความสูงกว่าพันเมตรและเต็มไปด้วยก้อนหินสีแดงเลือดมันเป็นสถานที่ที่เต็มไปกลิ่นอายความชั่วร้ายและออร่าของเหล่าวิญญาณที่กระหายเลือด มีอาคารขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนเนินเขาลูกหนึ่งซึ่งดูราวกับพระราชวังในยุคกลาง มีคนหลายร้อยคนอาศัยอยู่ที่นั่น ซึ่งล้วนเป็นคนของนิกายแวมไพร์
ฉิงเฟิงและพรรคพวกเดินไปที่เชิงเขาซึ่งมีสาวกนิกายแวมไพร์สองคนที่กำลังลาดตะเวนอยู่พวกมันสังเกตเห็นพวกเขาและตะโกนออกมาด้วยความเย่อหยิ่งว่า “พวกเจ้าหยุดเดี๋ยวนี้ ! ที่นี่คือฐานใหญ่ของนิกายแวมไพร์ ห้ามคนนอกมาเพ่นพ่าน”
เปรี้ยงเปรี้ยง !
ฉิงเฟิงยื่นมือขวาออกมาและฟาดฝ่ามือสองครั้งใส่ยามทั้งสองคนโดยไร้คำพูดจาพวกมันแหลกเป็นชิ้นๆในทันที
ตอนที่ 978 ทำลายค่ายกลด้วยหนึ่งดรรชนี
ฉิงเฟิงลงมืออย่างรวบรัดและมีประสิทธิภาพเขากำจัดสาวกนิกายแวมไพร์ทั้งสองคนด้วยสองฝ่ามือ จนกระทั่งสาวกคนอื่นๆที่อยู่ไม่ไกลได้ยินเสียงและมุ่งหน้ามาทันที
ในครานี้หน่วยลาดตระเวนของนิกายแวมไพร์แห่กันมามากกว่าสิบคนโดยที่แต่ละคนเต็มเปี่ยมไปด้วยออร่าที่แข็งแกร่ง
“เจ้าเป็นใคร! เจ้ากล้าสังหารสาวกของนิกายแวมไพร์ได้อย่างไร ?” ชายชุดคลุมแดงผู้มีท่าทางเป็นหัวหน้ากลุ่มกล่าวถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ปัง!
ฉิงเฟิงขี้เกียจเกินกว่าที่จะเจรจาโต้ตอบเรื่องไร้สาระดังนั้นเขาจึงตบฝ่ามือเข้าใส่ชายที่เพิ่งกล่าววาจา ชายผู้นั้นต้องการปัดป้อง แต่ฝ่ามือของฉิงเฟิงนั้นรวดเร็วเกินไปอีกทั้งยังทรงพลังอย่างมากทำให้ร่างกายของชายคนนั้นแตกกระเซ็นเป็นชิ้นๆ