My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 985 หนึ่งดรรชนีแยกสรรพสิ่ง
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 985 หนึ่งดรรชนีแยกสรรพสิ่ง
ตอนที่ 985 หนึ่งดรรชนีแยกสรรพสิ่ง
“หลี่ฉิงเฟิงเจ้ามันยโสเกินจะเยียวยา แม้แต่จ้าวตำหนักก็ยังไม่กล้าพูดได้เต็มปากเลยว่าจะฆ่าข้าด้วยนิ้วเดียว” ฉินฮาวยิ้มอย่างเย็นชา แววตาเต็มไปด้วยการดูถูก
ในฐานะผู้อาวุโสใหญ่ของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้เขาแข็งแกร่งจนเป็นที่รับรู้กันดีด้วย ขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลาย ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเหมือนถูกหยามหลังจากได้ยินคำพูดของฉิงเฟิง
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้ฝึกตนก็คือหน้าตา,ชื่อเสียงและศักดิ์ศรี และสิ่งที่ฉิงเฟิงกล่าวอ้างเมื่อครู่นั้นเป็นการดูถูกเขาอย่างแรง
“หลี่ฉิงเฟิงกำลังเล่นกับไฟ! เขากล้าดูถูกผู้อาวุโสหนึ่งได้อย่างไร ”
“ถูกต้องข้าแน่ใจว่าอาวุโสหนึ่งจะสับเขาเป็นชิ้นๆแน่”
“พวกเราต่างก็เป็นผู้ติดตามของอาวุโสหนึ่งทุกอย่างจะต้องตกเป็นของพวกเรา ผู้อาวุโสหนึ่งจะตบรางวัลพวกเราหลังจากที่เขาเอาชนะหลี่ฉิงเฟิงและชิงตำแหน่งจ้าวตำหนัก”
ผู้ฝึกตนในบริเวณใกล้เคียงทุกคนต่างก็พูดคุยกันอย่างดุเดือดและมองดูหลี่ฉิงเฟิงด้วยความรังเกียจเห็นได้ชัดว่าพวกเขาอยู่ข้างอาวุโสหนึ่ง พวกเขาศรัทธาอย่างหน้ามืดตามัวหวังว่าเขาจะเอาชนะอุปสรรคสุดท้ายที่ขวางเส้นทางยึดครองตำหนักโห่วเย่อหวงตี้
ตูม!
ผู้อาวุโสหนึ่งฉายแสงออร่าที่ทรงพลังซึ่งเป็นความสามารถของยอดฝีมือในระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลายบรรยากาศทั่วทั้งบริเวณสั่นสะเทือนอย่างสอดคล้องกันและทำให้สาวกที่อยู่รอบๆทุกคนต่างก็ถอยร่น ใบหน้าของพวกเขาเริ่มซีดเซียว
“
ดรรชนีจักรพรรรดิเพลิง
! “
อาวุโสหนึ่งตะโกนด้วยความโกรธเกรี้ยวราวกับว่าเขาต้องการปลดปล่อยความโกรธทั้งมวลด้วยเสียงตะโกนนี้
ลำแสงสีเขียวฉีดพุ่งออกมาจากร่างของฉินฮาวมันเปี่ยมไปด้วยพลังมหาศาลและพุ่งทะลุอากาศไปหาฉิงเฟิง
นี่เป็นเคล็ดวิชาสุดยอดของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้ที่ทรงพลังและสามารถพัฒนาได้
ก่อนหน้านี้มีเพียงเฉพาะจ้าวตำหนักและฉินเซียนจื่อบุตรสาวเท่านั้นที่มีสิทธิ์เรียนรู้เคล็ดวิชาพิเศษนี้แต่อาวุโสหนึ่งสามารถคว้าเคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังนี้ได้หลังจากเขาเอาชนะและคุมขังจ้าวตำหนัก
“หลี่ฉิงเฟิงระวังด้วย วิชาดรรชนีนี้ทรงพลังมาก มันสามารถเจาะทะลุกายาของท่านได้” ใบหน้าอันงดงามของฉินเซียนจื่อเปลี่ยนไปและรีบกล่าวเตือนเขา
เมื่อเริ่มแรกในตอนที่เธอได้ศึกษาเคล็ดวิชานี้เธอก็รู้ว่ามันทรงพลังเพียงใดและด้วยการที่พลังแท้ทั้งมวลในร่างกายไปรวมกันที่จุดเดียวมันอาจเปี่ยมไปด้วยพลังงานจำนวนมหาศาลและทะลุทะลวงร่างกายของหลี่ฉิงเฟิง
แต่ทว่าฉิงเฟิงกลับยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ฉินเซียนจื่อและบอกกับเธอว่าไม่จำเป็นต้องกังวล หากผู้อาวุโสหนึ่งกล้าโจมตีเขาด้วยวิชาดรรชนี มันก็เหมือนมดผยองต่อหน้าช้าง
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหลี่ฉิงเฟิงจะต้องใช้วิชาดรรชนีผู้พิชิตเข้าต้านรับมันเป็นวิชาดรรชนีที่ไร้เทียมทานซึ่งพ่อของเขาเป็นคนถ่ายทอดให้ วิชานี้เมื่อผู้ฝึกบรรลุถึงดรรชนีที่เก้าแล้ว คนผู้นั้นจะสามารถกรีดนิ้วระเบิดดาวเคราะห์ได้เลยทีเดียว แน่นอนว่าฉิงเฟิงยังไปไม่ถึงจุดนั้น เขาเพิ่งสำเร็จเพียงดรรชนีแรก แต่มันก็เพียงพอแล้วในการรับมืออาวุโสหนึ่ง
“
หนึ่งดรรชนีแยกสรรพสิ่ง
! “
ฉิงเฟิงเหยียดนิ้วชี้ของเขาออกมาและกลั่นพลังงานแท้จากเส้นชีพจรลมปราณภายในร่างกายจากนั้นควบรวมพวกมันทั้งหมดไว้ที่ปลายนิ้วของเขา
ถึงแม้ว่าแสงสีเขียวของหนึ่งดรรชนีแยกสรรพสิ่งจะดูคล้ายคลึงกับแสงสีเขียวของดรรชนีจักรพรรดิเพลิงแต่มันก็แข็งแกร่งกว่าและทรงพลังกว่ามาก
ตูม
!!
แสงสีเขียวของวิชาดรรชนีผู้พิชิตที่ยิงออกมาจากนิ้วของฉิงเฟิงพุ่งชนกับพลังดรรชนีจักรพรรดิเพลิงมันสลายลำแสงของฝ่ายหลังไปสู่ความว่างเปล่าทันที
แทบจะทันทีดรรชนีผู้พิชิตกลายเป็นคมมีดสีเขียวที่แหลมคมและเจาะทะลุร่างกายผู้อาวุโสหนึ่งด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าฟาด
ครึ่ก! ร่างของผู้อาวุโสหนึ่งถูกแยกออกเป็นสองในขณะที่ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความสยดสยอง ก่อนจะสิ้นใจ ในหัวของเขามีคำถามเพียงประโยคเดียว
ทำไมวิชาดรรชนีของเขาถึงทรงพลังขนาดนี้
….
ผู้อาวุโสหนึ่งของตำหนักโห่วเย่อหวงตี้,ยอดฝีมือระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลาย ตายแล้ว
การตายของผู้อาวุโสหนึ่งได้กระตุ้นความรู้สึกของฝูงชนที่มารวมตัวกันเพราะเขาถูกแยกร่างเป็นสองส่วนด้วยลำแสงจากวิชาดรรชนีของหลี่ฉิงเฟิงโดยไม่จำเป็นต้องโจมตีซ้ำ !
“ขะแข็งแกร่งเกินไป หลี่ฉิงเฟิงแข็งแกร่งเกินไปจริงๆ “
“นะ..นั่นสิ ชายหนุ่มคนนี้แข็งแกร่งที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบมา เขาดูเหมือนจะแข็งแกร่งกว่าท่านจ้าวตำหนักด้วยซ้ำ”
“พวกเราจบแล้ว…. พวกเราติดตามอาวุโสหนึ่งก่อการยึดอำนาจ ตอนนี้เขาตายไปแล้ว พวกเราก็จบสิ้นตามไปด้วย”
เหล่าสาวกรอบๆเริ่มแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและบางคนที่เป็นฝ่ายฉินฮาวก็เริ่มหวั่นถึงชะตากรรมของพวกเขา
ทันใดนั้นสาวกบางคนก็เริ่มคุกเข่าลงยอมจำนนแม้แต่บางคนยังโขกศีรษะและกล่าววิงวอนด้วยความกลัวว่า “นายหญิงน้อยขอรับ พวกเราขอความเมตตาด้วยเถิด ! พวกเรามันมีตาหามีแววไม่ พวกเราไม่ควรติดตามอาวุโสหนึ่งก่อกบฏต่อตำหนักเลย”
“คุณหนูฉินจะเอายังไงกับคนพวกนี้ดี ” ฉิงเฟิงหันหลังมาและถามฉินเซียนจื่อ
“ฆ่าพวกมันให้หมดเมื่อครู่พวกมันเพิ่งกระสันจะสังหารข้า ข้าไม่อาจให้อภัยคนพวกนี้ได้” ฉินเซียนจื่อกล่าวด้วยสีหน้าไม่แยแส
ฉิงเฟิงพยักหน้าและเห็นด้วยเมื่อเขาได้ยินคำพูดของเธอเขาก็เป็นอีกคนที่เกลียดการถูกผู้ใต้บังคับบัญชาทรยศหักหลัง
ฉิงเฟิงชักกระบี่เพลิงคะนองออกมาและสะบัดมันเข้าใส่เหล่าสาวกที่อยู่ข้างหลังศพอาวุโสหนึ่งพลังกระบี่แผ่ออกไปกว้างถึง 20 เมตรในขณะที่มันฉีกผ่านอากาศและผ่าร่างพวกเขาเป็นสองส่วนทั้งหมด
ด้วยการสะบัดกระบี่เพียงครั้งเดียวเหล่าผู้ติดตามอาวุโสหนึ่งทุกคนก็ตกตายลง รวมไปถึงอาวุโสสามที่ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
จนถึงตอนนี้เหลือเพียงกลุ่มเดียวที่อยู่ในห้องโถงคือฉินเซียนจื่อและเหล่าผู้ที่ยังสนับสนุนเธอ
“หลี่ฉิงเฟิงขอบคุณมาก หากวันนี้ท่านไม่ปรากฏตัวขึ้น ข้าคงตายไปแล้วอย่างแน่นอน” ใบหน้าของฉินเซียนจื่อนั้นเต็มไปด้วยความชื่นชมในขณะที่เธอแสดงความขอบคุณต่อฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงโบกมือและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า“ไม่ต้องมากพิธีหรอก พวกเราเป็นเพื่อนกันดังนั้นการช่วยเหลือคุณคือสิ่งที่ฉันควรทำ”
ทันใดนั้นฉินเซียนจื่อก็นึกขึ้นได้ถึงพ่อของเธอและคนอื่นๆเธอรีบกล่าวขึ้นว่า “ตายจริง ! ข้าเกือบลืมไปเลย พ่อของข้าและอาวุโสสองยังถูกขังอยู่ในคุก”
“ไม่ต้องกังวลไปกันเถอะฉันจะไปกับคุณด้วย” ฉิงเฟิงยิ้มอย่างอ่อนโยนในขณะที่เขาเดินตามฉินเซียนจื่อไปยังที่คุมขังพ่อของเธอ
หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็มาถึงคุกหนึ่งแห่งหนึ่งมันเป็นคุกใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีชายวัยกลางคนสองคนนั่งอย่างสงบอยู่ที่นั่น แขนและขาของพวกเขาถูกมัดด้วยโซ่เหล็กสีดำซึ่งเป็นโซ่เหล็กที่มีความแข็งแรงเป็นพิเศษ มันถูกใช้เพื่อพันธนาการผู้ฝึกตนโดยเฉพาะ
ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าดูซูบซีดหน้าผากของเขากำลังมีร่องรอยสีดำปกคลุม แต่รูปร่างสมส่วนและใบหน้าที่ได้รูป เป็นข้อบ่งชี้ให้เห็นว่าสมัยหนุ่มๆชายวัยกลางคนผู้นี้ต้องเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาคมคายอย่างยิ่ง ทั่วร่างของเขามีบาดแผลมากมาย ชัดเจนว่าได้รับบาดเจ็บสาหัส
ชายวัยกลางคนที่หน้าซีดเซียวผู้นี้ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฉินอ้าวเทียนจ้าวตำหนักโห่วเย่อหวงตี้คนปัจจุบัน ชายผู้ทอดตาดูหมิ่นไปทั่วหล้า ก่อนหน้านี้เขาถูกลอบโจมตีโดยปีศาจนอกรีตและได้รับบาดเจ็บสาหัส เขาเหลือชีวิตอีกเพียงไม่กี่วัน
เมื่อเห็นฉินเซียนจื่อและชายหนุ่มหล่อเหลาคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นพร้อมกันใบหน้าของฉินอ้าวเทียนก็เปลี่ยนไป เท่าที่เขารู้, บุตรสาวของเขาเป็นผู้หญิงที่เย่อหยิ่งทะนงตนและเชิดหน้าต่อบุรุษทุกรูปนาม
ในตำหนักโห่วเย่อหวงตี้,ฉินเซียนจื่อไม่เคยคลุกคลีสุงสิงกับผู้ชายคนไหน ไม่มีผู้ชายคนใดได้รับเกียรติแม้แต่ให้เธอชายตามอง แต่ตอนนี้ฉินเซียนจื่อ, บุตรสาวของเขากลับมาพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่งอย่างไม่คาดคิด ซึ่งทำให้ฉินอ้าวเทียนรู้สึกประหลาดใจอย่างใหญ่หลวง ชายหนุ่มผู้นี้เป็นใครกันแน่
“ท่านพ่อพวกเรามาช่วยท่าน” ฉินเซียนจื่อกล่าว เธอไม่ได้ตระหนักถึงสีหน้าที่ดูประหลาดของพ่อเธอแม้แต่น้อย เธอรีบเข้าหาเขาและกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ฉินอ้าวเทียนเป็นยอดยุทธ์ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากเขาเคยสัมผัสทั้งจุดสูงสุดและต่ำสุดในชีวิต ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกตื่นเต้นกับความจริงที่ว่าบุตรสาวของเขามาเพื่อช่วยชีวิต
“เซียนจื่อ,ฉินฮาวอยู่ที่ไหน ” ฉินอ้าวเทียนถาม
“ท่านพ่อเขาถูกชายหนุ่มคนนี้สังหารไปแล้ว เขาชื่อว่าหลี่ฉิงเฟิง”
ฉินเซียนจื่อกล่าวพร้อมกับชี้ไปที่ฉิงเฟิงที่ยืนอยู่ข้างๆ
อะไรนะ
ถูกหลี่ฉิงเฟิงสังหารแล้ว
ใบหน้าของฉินอ้าวเทียนแปรเปลี่ยนไปพร้อมกับความตกใจเขาไม่รู้สึกตกใจแม้แต่ตอนที่บุตรสาวโผล่มาช่วยชีวิต แต่ตอนนี้เขาตกใจมากกับการตายของอาวุโสหนึ่ง ฉินอ้าวเทียนย่อมรู้ว่าอาวุโสหนึ่งมีพลังระดับไหนเขาเป็นยอดฝีมือขอบเขตจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลาย แต่ชายหนุ่มตรงหน้าเขานี้มีพลังในระดับขั้นต้น ดังนั้นเขาสามารถสังหารอาวุโสหนึ่งได้อย่างไร