My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 992 ต่อให้ก่อนสามท่า
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 992 ต่อให้ก่อนสามท่า
ตอนที่ 992 ต่อให้ก่อนสามท่า
“ก็ได้ๆงั้นผมจะหยุดพูดและจับสลาก”ฉิงเฟิงกล่าวอย่างรวดเร็ว
เดิมทีฉิงเฟิงไม่เคยคิดเย้าหยอกประมุขร้อยบุปผาแม้แต่น้อยแต่เธอกลับต้องการฆ่าเขาซึ่งทำให้เขารู้สึกอึดอัดไม่พอใจมาก ดังนั้นเขาจึงกวนประสาทเธอเป็นการแก้แค้น
เขารู้อยู่แล้วว่าฮวาเซียนจื่อสำคัญต่อประมุขร้อยบุปผาเพราะเธอไม่กล้าฆ่าเขาตอนที่ฮวาเซียนจื่อออกมาขวางดังนั้น ตราบเท่าที่ฮวาเซียนจื่ออยู่ข้างๆ เขาย่อมปลอดภัยหายห่วง
การที่เขาหยอกล้อประมุขร้อยบุปผาก็เพื่อระบายความโกรธเท่านั้นจากนั้นเขาก็วางมือลงในกระบอกไม้ไผ่และจับสลาก
ฉิงเฟิงเพ่งตามองและเห็นว่าตัวอักษรสามพยางค์นั้นอ่านได้ว่ามู่ หง หลิง
มู่หงหลิง ฉิงเฟิงมีสีหน้าแปลกๆโลกช่างแคบนัก เขาจับสลากได้คู่กับศิษย์พี่ของฮวาเซียนจื่อ ผู้หญิงที่เกลียดชังเธอมากที่สุด
มู่หงหลิงไม่ชอบทั้งฉิงเฟิงและฮวาเซียนจื่อส่วนฉิงเฟิงก็ไม่ชอบเธอเช่นกัน
“รอบแรกหลี่ฉิงเฟิงผู้พิทักษ์ของฮวาเซียนจื่อปะทะมู่หงหลิง”
ประมุขร้อยบุปผาบุ้ยปากเล็กน้อยและกล่าว
มู่หงหลิงยืนอยู่ข้างๆผู้พิทักษ์ของเธอซึ่งเป็นหญิงวัยกลางคนที่อายุราวๆ50 ปี เธอมีรอยย่นบนใบหน้า แต่ยังคงงามสะพรั่ง เธอคืออาวุโสสามของตำหนักร้อยบุปผาซึ่งทรงพลังมาก
เธอกล่าวกับมู่หงหลิงว่า“ให้ข้าสู้แทนเจ้า”
มู่หงหลิงส่ายหัวและกล่าวว่า“ไม่ต้อง ตอนนี้ข้าอยู่ในระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นปลายแล้ว มันน่าจะเกินพอที่จะจัดการกับหลี่ฉิงเฟิง”
ในฐานะหนึ่งในหกสาวกที่มีความสามารถมากที่สุดของตำหนักร้อยบุปผามู่หงหลิงมีความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีของเธอ เธอต้องการเอาชนะหลี่ฉิงเฟิงด้วยตัวเองและทำให้ชายคนนี้รู้ว่าเธอแข็งแกร่งแค่ไหน
ผู้อาวุโสสามพยักหน้าและเห็นด้วยกับทางเลือกของมู่หงหลิงเธอเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้มีพลังในระดับจิตวิญญาณแท้จริงขั้นต้นเท่านั้น เธอจึงไม่กังวลและมั่นใจในตัวของมู่หงหลิง
วูบ!
มู่หงหลิงเริ่มขยับตัวเธอกระโดดเบาๆจากพื้นดินและลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าก่อนที่จะลงกลางเวที ท่วงท่าที่ทรงเสน่ห์เก๋ไก๋ของเธอดึงดูดเหล่าสาวกหญิงสาวในฝูงชนอย่างมาก พวกเธอเหล่านั้นต่างส่งเสียงเชียร์
มู่หงหลิงเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง เธอชี้นิ้วไปที่ฉิงเฟิงและกล่าวอย่างภาคภูมิใจว่า “ในการต่อสู้ครั้งนี้ข้าจะทุบตีเจ้าให้เละในสามกระบวนท่า”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้สาวกหญิงรอบๆก็ตื่นเต้นมากใบหน้าที่งดงามของพวกเธอแดงก่ำราวกับเปลวไฟ ศิษย์พี่ข่มเหงผู้คนเกินไปแล้ว เธอกล้าประกาศว่าจะใช้เพียงสามกระบวนท่าเพื่อกำจัดชายผู้นี้
พูดถึงชายที่รังเกียจอย่างหลี่ฉิงเฟิงสาวกทุกคนต่างก็ไม่ชอบหน้าเขาและมองเขาในแง่ร้าย ยกเว้นเพียงฮวาเซียนจื่อและชุ่ยน้อย
“ฮ่าๆศิษย์พี่หงหลิงกำลังจะแสดงพลังที่แท้จริงสั่งสอนชายคนนี้แล้ว !”
“ใช่ค่ะพี่หงหลิงบอกว่าจะล้มเขาในสามกระบวนท่า ในความคิดข้า เพียงกระบวนท่าเดียวก็เพียงพอแล้ว”
“ถูกต้องข้ามองแวบเดียวก็รู้ว่าชายคนนี้อ่อนแอขี้ขลาด พวกเราเหล่าสตรีเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด” สาวกหญิงเหล่านี้ซุบซิบนินทาในขณะที่พวกเธอพูดจาดูถูกด่าทออย่างเปิดเผย
ตำหนักร้อยบุปผานั้นเต็มไปด้วยผู้หญิงพวกเธอดูถูกผู้ชายอย่างมากและคิดว่าผู้ชายเป็นเพศที่ขี้ขลาด ผู้หญิงต่างหากที่แข็งแกร่งกว่า
เมื่อเผชิญหน้ากับการยั่วยุของมู่หงหลิงและได้ยินการเยาะเย้ยถากถางจากเหล่าศิษย์สตรีร่องรอยความโกรธเคืองก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของฉิงเฟิง แม้แต่สาวๆเหล่านี้ยังดูถูกเหยียดหยามเขา ถ้าเสือไม่แสดงความกล้าหาญของมัน พวกเธอคงคิดว่าฉันเป็นคิตตี้ใช่มั้ย !
ฉิงเฟิงขยับร่างอย่างรวดเร็วเหมือนสายลมแรงเขาหายตัวไปทันทีและปรากฏตัวอีกครั้งบนเวที
เมื่อมู่หงหลิงเห็นว่าฉิงเฟิงเคลื่อนไหวได้เร็วแค่ไหนใบหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปทันที ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความตกใจเพราะว่าฉิงเฟิงคล่องแคล่วรวดเร็วกว่าเธอจริงๆ แต่ต่อให้ว่องไวเพียงใดมู่หงหลิงก็ไม่ถึงขั้นกังวลเพราะเธอรู้ดีว่ากุญแจสำคัญของการต่อสู้ก็ระดับพลังและเคล็ดวิชา ความเร็วไม่ใช่ปัจจัยหลัก
“งั้นฉันจะต่อให้เธอสามท่าลงมือได้เลย” ฉิงเฟิงวางมือไพร่หลังและเชิดหน้ามองมู่หงหลิงอย่างเย่อหยิ่ง
ฉิงเฟิงถูกมู่หงหลิงและสาวกหญิงโดยรอบดูถูกด่าทอแต่คำพูดของเขากลับเป็นการดูถูกเสียยิ่งกว่าพวกเธอเสียอีก !
ยโสเย่อหยิ่งความบ้า อวดดี ทั้งหมดนี้เป็นความประทับใจที่พวกเธอมีต่อหลี่ฉิงเฟิง
อะไรนะ ให้ลงมือก่อนสามกระบวนท่า !?
ใบหน้าของมู่หงหลิงเปลี่ยนไปร่องรอยของความโกรธปรากฏบนใบหน้างดงามของเธอ เธอเป็นใคร เธอเป็นหนึ่งในหกสาวกที่มีความสามารถมากที่สุดในตำหนักร้อยบุปผาและตอนนี้ยังเป็นที่รู้กันดีว่าเธอแข็งแกร่งกว่าฮวาเซียนจื่ออดีตนักบุญด้วยซ้ำ ! แต่ตอนนี้หลี่ฉิงเฟิงกลับป่าวประกาศว่าจะต่อให้เธอสามกระบวนท่าต่อหน้าศิษย์พี่น้องและประมุขเธอโดนดูถูกเหยียดหยามจนรู้สึกอัปยศ
“ไม่พูดพล่ามโอ้อวดให้มากนัก! เจ้าคิดว่าสามารถรับมือข้าได้งั้นหรือ หาที่ตายชัดๆ”
มู่หงหลิงกล่าวอย่างเย็นชา
“แน่นอนเธอมีอะไรเด็ดก็โชว์มาได้เลย !” ฉิงเฟิงยืนอย่างสงบและวางมือทั้งสองไว้ด้านหลังของเขา
เขาต้องพิชิตมู่หงหลิงอย่างสมบูรณ์เขาต้องการทำลายความภาคภูมิใจของเธอในฐานะผู้หญิงเพื่อทำให้เธอเข้าใจว่าใครกันแน่ที่เป็นหัวหน้าครอบครัว !
(เกล็ดสาระประโยคนี้ ENG ใช้คำว่า who wears the pants แปลตรงตัวจะหมายความว่าใครเป็นคนใส่กางเกง คำว่า”ใส่กางเกง”ในที่นี้หมายถึงเป็นบอสหรือหัวหน้า ส่วนใหญ่ผู้ชายจะใส่กางเกงและเป็นหัวหน้า แต่เมื่อเราเห็นผู้ชายที่ทำตามคำบงการของแฟนทุกประการเราก็จะแซวว่า แฟนเขาเอากางเกงของเขามาใส่และเป็นบอสของเขา(ผู้หญิงมักใส่กระโปง) ดังนั้นประโยคข้างบนหมายถึง เธอเป็นบอสของครอบครัว Who wears the pants in your relationship)
ใบหน้าของมู่หงหลิงมืดครึ้มชายคนนี้โอหังเกินไปแล้ว ! เขากล้าเอามือทั้งสองไว้ด้านหลังได้ยังไง ! นี่เป็นการไม่เคารพอีกฝ่ายอย่างมาก !
ฮ่าห์!
มู่หงหลิงคำรามด้วยเสียงเซ็กซี่มือขวาเปลี่ยนเป็นฝ่ามือ พลังงานแท้ควบแน่นอยู่ในฝ่ามือของเธอ ด้วยเสียงแหลมที่คมชัดมู่หงหลิงยิงฝ่ามือใส่เขาทันที
ความเร็วของฝ่านี้เร็วมากมันราวกับสายฟ้าที่แยกอากาศออกเป็นสองส่วน เพียงแค่ฝ่ามือเดียวของเธอ อากาศรอบข้างก็ระเบิดออกเป็นวังวนนับไม่ถ้วน
“ศิษย์พี่ยอดไปเลยแข็งแกร่งมาก ! เอาชนะไอ้ลูกเต่าคนนั้นซะ !” สาวกหญิงรอบๆต่างตะโกนเสียงดัง
เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามืออันทรงพลังของมู่หงหลิงฉิงเฟิงก็ไร้การตอบสนอง เขาไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับมันเลย
เมื่อมือของมู่หงหลิงเข้ามาใกล้เขาเท้าขวาของฉิงเฟิงก็ขยับไปทางขวาเล็กน้อยเพื่อหลบหลีกการโจมตีของเธอ
การโจมตีของมู่หงหลิงทั้งช้าและอ่อนแอเกินไปข้อบกพร่องทั้งหมดของเธอถูกฉิงเฟิงจับตามองออกจนหมดเปลือก
เคล็ดวิชาบ่มเพาะของหลี่ฉิงเฟิงถูกดัดแปลงมาจากเคล็ดวิชาระดับจักรพรรดิหรือแม้แต่ดีกว่าไม่ว่าจะเป็นกายาแดนชำระ ดรรชนีผู้พิชิต หรือเพลงหมัดมังกรเพลิง พวกมันล้วนแต่เป็นเคล็ดวิชาระดับสูงล้ำที่สามารถพัฒนาไปสู่ระดับอมตะไร้เทียมทานได้ ส่วนวิชาที่มู่หงหลิงใช้อยู่นั้นอ่อนแอเกินไปในทุกๆด้าน
ใบหน้าของมู่หงหลิงเปลี่ยนไปเธอไม่คิดว่าเขาจะหลบการโจมตีของเธอง่ายดายเช่นนี้มันเหนือความคาดหมายของเธอ
ไม่เพียงแค่มู่หงหลิงจะประหลาดใจแม้แต่ผู้คนรอบๆก็ประหลาดใจเช่นกัน ผู้ชายสารเลวคนนี้รอดพ้นจากการโจมตีของศิษย์พี่พวกเธอได้อย่างไร !
“กระบวนท่าแรกผ่านไปแล้วนะเธอลงมือต่อได้เลย” ฉิงเฟิงกล่าวเบาๆ
ดวงตาของมู่หงหลิงเต็มไปด้วยความจริงจังในครั้งนี้เธอรู้แล้วว่าเธอกำลังประมือกับคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขามเนื่องจากหลี่ฉิงเฟิงนั้นไม่ได้หมูอย่างที่เธอคิด ศักยภาพในการต่อสู้และปฏิกิริยาตอบสนองของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก
มู่หงหลิงชักกระบี่ของเธอออกมามันเป็นอุปกรณ์วิญญาณระดับสูงที่มีความกว้างสามนิ้วและยาวสามฟุต ทั่วทั้งตัวกระบี่เป็นสีฟ้า
มู่หงหลิงได้ใช้วิชาฝ่ามือโจมตีเขาไปแล้วแต่ไม่ได้ผลดังนั้นครั้งนี้เธอจึงตัดสินใจใช้อาวุธแทน มู่หงหลิงพลิกข้อมือของเธอและพาดกระบี่เหนือหน้าอกเธอวาดกระบี่ออกเป็นเส้นโค้งอันแหลมคมไปในอากาศและมุ่งเข้าหาฉิงเฟิง กระบี่นี้มีเป้าหมายที่หัวใจ เธอต้องการแทงทะลุหัวใจของเขา
ไร้คำพูดจะกล่าวมู่หงหลิงผู้นี้ช่างโหดเหี้ยมอำมหิตผิดกับใบหน้างดงาม เธอต้องการเอาชีวิตเขาทั้งที่เป็นแค่การประลอง