My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา - ตอนที่ 997 ถูกท้าทายไม่หยุดหย่อน
- Home
- My Cold and Elegant CEO Wife ราชันย์หมาป่ากับ CEO ที่แสนเย็นชา
- ตอนที่ 997 ถูกท้าทายไม่หยุดหย่อน
ตอนที่ 997 ถูกท้าทายไม่หยุดหย่อน
ฉิงเฟิงจ้องไปที่จื่อรั่วอย่างรวดเร็วโดยไร้คำพูดการเสวนากับผู้แพ้ทำให้เขาเสียเวลามาก
จื่อรั่วรู้สึกเหมือนโดนเหยียดหยามเมื่อเห็นว่าฉิงเฟิงไม่โต้ตอบเธอแม้แต่น้อยนิดเธอไม่สามารถทำอะไรได้เพราะเธอเป็นผู้แพ้
“หลี่ฉิงเฟิงเป็นผู้ชนะ”ประมุขร้อยบุปผาประกาศผล
เธอรู้สึกไม่พอใจกับผลลัพธ์นี้มากเธอตกตะลึงจากเหตุที่ว่าศิษย์สาวกอัจฉริยะของเธอคนแล้วคนเล่าพ่ายแพ้ให้กับเจ้าเด็กสารเลวคนนี้ นอกจากนี้ศิษย์สาวกอัจฉริยะทั้งหมด เธอเป็นผู้ฝึกฝนมากับมือ
“เขาชนะอีกแล้ว มันเกิดอะไรขึ้น ?”
“บ้าชัดๆสงสัยศิษย์พี่ของพวกเราต้องฝึกให้มากขึ้นกว่านี้”
“ข้าคิดว่าศิษย์พี่จื่อรั่วจะสามารถมอบบทเรียนที่เจ็บปวดให้กับเจ้าหมอนี่ได้”
ฝูงชนต่างตกใจที่ฉิงเฟิงได้รับชัยชนะอย่างไม่ยากเย็นนักแถมยังหนักมือต่อสตรีจนทำให้เหล่าสาวกหญิงฉุนเฉียว
แม้ว่าจื่อรั่วจะพ่ายแพ้ในการประลองแต่ผู้อาวุโสสองที่เป็นผู้พิทักษ์ของเธอก็ไม่สามารถยอมรับผลลัพธ์นี้ได้ เธอยืนขึ้นและหมายจะท้าทายฉิงเฟิง
เธอเป็นผู้หญิงวัยห้าสิบปีที่ยังดูสวยแม้ว่าจะมีรอยตีนกาเธอย่อมต้องเคยเป็นสาวงามคนหนึ่งในช่วงวัยสาวอย่างแน่นอน
การต่อสู้เพื่อตำแหน่งนักบุญไม่ได้มีไว้เพื่อชื่อเสียงเท่านั้นแต่ยังทำให้คนผู้นั้นและพรรคพวกมีอำนาจที่สามารถเข้าถึงทรัพยากรและสิทธิประโยชน์มากมาย
ในตำหนักร้อยบุปผานักบุญหญิงนั้นมีศักดิ์ฐานะต่ำกว่าประมุขเท่านั้น การมีอำนาจมากขึ้นก็สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์และทรัพยากรได้มากขึ้น เช่น เงิน, โอสถล้ำค่า, เคล็ดวิชาและอุปกรณ์วิญญาณ ผู้อาวุโสสองต้องการเพียงโอสถระดับวิญญาณเพื่อทะลวงผ่านระดับพลังขั้นต่อไปอย่างไรก็ตาม โอสถนั้นมีค่ามากจนสามารถเข้าถึงได้เพียงแค่ประมุขหรือนักบุญเท่านั้น ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอต้องการให้จื่อรั่วชนะ
“หลี่ฉิงเฟิงข้าขอท้าประลองกับเจ้า” อาวุโสสองก้าวออกมาและกล่าวขึ้นในขณะที่ใบหน้าบูดบึ้ง
ฉิงเฟิงขมวดคิ้วในขณะที่รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยเขาเพิ่งจะเอาชนะหงหลิงและถูกท้าทายโดยผู้พิทักษ์ของเธอ หลังจากนั้นก็เอาชนะจื่อรั่วมาได้ แต่ยังถูกผู้พิทักษ์ของเธอท้าทายซ้ำอีกคน แล้ววันนี้จะจบสิ้นหรือไม่
หลังจากเห็นฉิงเฟิงยืนนิ่งไม่ตอบคำอาวุโสสองก็แสยะยิ้มออกมาและกล่าวว่า “ทำไม เจ้าไม่กล้ารับคำท้า ? กลัวงั้นหรือ ?”
ฉิงเฟิงยิ้มอย่างแผ่วเบาและตอบว่า“ย่อมได้ ถ้านี่คือสิ่งที่คุณต้องการ”
เมื่อฉิงเฟิงรับคำท้าอาวุโสสองก็กระโดดปราดขึ้นไปบนเวทีในพริบตาราวกับประกายแสง เธอหยิบกลองสีแดงอันเล็กออกมา กลองนี้มีขนาดเล็กเท่าฝ่ามือและทำจากหนังของแรดอสูรแดง
แรดอสูรแดงเป็นสัตว์อสูรที่น่ากลัวมากมันสามารถโจมตีด้วยพลังวิญญาณได้
กลองสีแดงทำจากหนังของแรดอสูรแดงซึ่งสามารถกระตุ้นการโจมตีทางวิญญาณได้ด้วยตัวมันเองเมื่อใช้อาวุธชนิดนี้พลังโจมตีจะต้องทวีคูณแน่นอน
อาวุโสสองตีกลองแดงและก่อให้เกิดคลื่นเสียงที่มองไม่เห็นหลายสายและกระจายออกไปด้านนอกมันราวกับออกซิเจนซึ่งเป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็น แต่มันมีอยู่อย่างแน่นอน
ตูม
!!
ฉิงเฟิงรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรงในสมองของเขาเนื่องจากจิตใจของเขากำลังถูกทำร้ายด้วยการโจมตีทางวิญญาณของอาวุโสสอง
ในช่วงเวลานี้มังกรเพลิงในจิตของฉิงเฟิงก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งและกลืนกินการโจมตีทางจิตวิญญาณที่ปล่อยออกมาโดยอาวุโสสองการโจมตีทางวิญญาณของเธอนั้นบอบบางเหมือนกระดาษแผ่นหนึ่งต่อหน้าออร่าของมังกรเพลิง
หลังจากมังกรเพลิงกลืนกินพลังโจมตีทางวิญญาณแล้วมันก็คงเหลือพลังส่วนหนึ่งไว้ให้ฉิงเฟิงได้ดูดซับเหมือนครั้งที่แล้ว
จิตของฉิงเฟิงปล่อยแสงสีเขียวและกลืนพลังงานวิญญาณที่เหลืออยู่ทันทีตอนนี้พลังวิญญาณของเขาเติบโตขึ้นอีกขั้นและมีสีเข้มขึ้นด้วย
“หลี่ฉิงเฟิงข้ามีพลังโจมตีทางวิญญาณเหนือล้ำกว่าจื่อรั่ว ตอนนี้เจ้ากำลังได้รับบาดเจ็บอย่างแน่นอน ดังนั้นจงยอมแพ้ซะ ” อาวุโสสองกล่าวกับฉิงเฟิง
ฉิงเฟิงเหลือบมองเธอด้วยหางตาและกล่าวด้วยความรังเกียจว่า“ป้าโง่เอ้ย…” โง่
!
ผู้อาวุโสสองอึ้งไปครู่หนึ่งเมื่อเธอได้ยินการตอบโต้ของฉิงเฟิงจากนั้นเธอก็โมโหอย่างแรง เธอจ้องมองไปที่ฉิงเฟิงด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธราวกับภูเขาไฟที่สามารถระเบิดได้ทุกเมื่อ
เธอเป็นที่เคารพนับถือจากเหล่าสาวกในตำหนักร้อยบุปผาอยู่เสมออีกทั้งเธอยังเป็นหนึ่งในอาวุโสที่มีชื่อเสียงที่สุด ไม่เคยมีใครดูถูกด่าทอเธอเช่นนี้มาก่อน
นอกจากอาวุโสสองสาวกคนอื่นๆต่างก็ตกใจเพราะพวกเธอไม่คาดคิดว่าหลี่ฉิงเฟิงจะกล้าดูถูกด่าทออาวุโสสองผู้ทรงเกียรติ ชายคนนี้ช่างกล้าหาญบ้าบิ่นอย่างไม่น่าเชื่อ
“หลี่ฉิงเฟิง! เจ้ากล้าด่าข้า ข้าจะฆ่าเจ้า !” อาวุโสสองตะโกนออกมาในขณะที่โกรธเกรี้ยวอย่างมาก
“เข้ามาเลยป้าโง่ เอาพลังวิญญาณของป้าโจมตีฉันมาให้เต็มเหนี่ยวได้เลย”
ฉิงเฟิงกล่าวพร้อมกับหัวเราะ
ฉิงเฟิงบ้าไปแล้วหรือ ไม่ใช่แน่นอน ! เขายั่วยุเธออย่างมีจุดประสงค์ เขาต้องการทำให้เธอโกรธเพื่อที่เธอจะได้ใช้พลังวิญญาณโจมตีเขา
ฉิงเฟิงได้ค้นพบความลับอีกอย่างเขาสามารถกลืนพลังวิญญาณของอีกฝ่ายและนำมาเพิ่มให้ตนเองได้
แน่นอนว่าย่อมได้ผลอาวุโสสองโกรธเกรี้ยวมากขึ้นหลังจากฉิงเฟิงหยามเธออีกครั้ง
ปึงปึง ปึง ……
อาวุโสสองตีกลองแดงของเธออย่างบ้าคลั่งและส่งคลื่นกระแทกพลังวิญญาณเข้าใส่ฉิงเฟิงอีกหลายครั้ง
คลื่นเสียงพลังวิญญาณหลายสายวิ่งเข้ามาในสมองของฉิงเฟิงมันต้องการที่จะฉีกกระชายจิตวิญญาณของเขาและทำให้เขาเป็นบ้า พลังงานวิญญาณเป็นพลังงานที่สำคัญที่สุดในสมองของมนุษย์ใครๆก็สามารถกลายเป็นคนบ้าได้ถ้าหากพลังวิญญาณได้รับความเสียหาย อาวุโสสองต้องเต็มไปด้วยความเกลียดชังอย่างรุนแรงต่อฉิงเฟิง เธอถึงได้โจมตีเขาด้วยวิธีที่โหดร้าย
น่าเสียดายที่เธอไม่รู้เลยว่ายิ่งโจมตีมากเท่าใดฉิงเฟิงก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น เพราะเขากำลังสวาปามพลังวิญญาณที่เธอโจมตีมาทั้งหมด
หลังจากที่มังกรเพลิงกลืนกินพลังวิญญาณไปส่วนหนึ่งมันก็เหลือให้ฉิงเฟิงไว้ส่วนหนึ่ง ซึ่งเพียงพอที่เขาจะดูดซับไหว
ในตอนนี้พลังวิญญาณของฉิงเฟิงได้พัฒนาขึ้นจากระดับแรกขั้นกลางไปถึงระดับแรกขั้นสูงหลังจากได้กลืนกินพลังวิญญาณมหาศาลนี้
ด้วยความก้าวหน้าของพลังงานวิญญาณพลังโจมตีของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า ตอนนี้เขาสามารถปล่อยเกลียวคลื่นวิญญาณได้สองวงแล้ว
“โจมตีมาอีกซี่ป้าโง่ !” ฉิงเฟิงตะโกนด่าอาวุโสสองอย่างหยาบคาบต่อไป
เขาจงใจทำเช่นนี้เพราะเขารู้ว่ายิ่งทำให้เธอหงุดหงิดมากเท่าใด เธอก็จะโจมตีเขามากขึ้นและแรงขึ้น ซึ่งเขาก็สามารถดูดซับพลังวิญญาณของเธอได้เรื่อยๆ
อาวุโสสองยังคงตีกลองอย่างบ้าคลั่งและปล่อยการโจมตีทางวิญญาณไปยังสมองของฉิงเฟิงอีกนับสิบๆครั้งเธอพยายามอย่างยิ่งที่จะฉีกกระชากจิตวิญญาณของเขาให้แหลกเป็นเสี่ยงๆ
ถึงกระนั้นฉิงเฟิงก็ไม่ได้ถูกคุกคามจากการโจมตีเหล่านี้แม้แต่น้อยเขาและมังกรเพลิงดูดซับพวกมันทั้งหมดและแปรเปลี่ยนมาเป็นพลังงานของพวกเขาเอง อย่างไรก็ตาม ผ่านไปได้สักพักเขาก็พบปัญหา พลังวิญญาณของเขาก็หยุดเพิ่มขึ้นทันทีหลังจากได้รับมาปริมาณหนึ่ง