My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 117 อย่าบังคับให้เปิดปากพูดจะได้ไหมครับ
เช้าวันต่อมา ฮาโรลด์ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่ไม่ค่อยเท่าไหร่ดีนัก นั้นเพราะจู่ๆก็มีธงมรณะขนาดบิ๊กบึ้มถูกทิ้งลงกลางงานปาร์ตี้เมื่อคืนนี้
ซิดและไอรีนตั้งใจที่จะแต่งงานกันหลังจากจบภารกิจในครั้งนี้ ซึ่งฮาโรลด์ก็ทราบดีว่าสิ่งที่กำลังรอคอยพวกเขาทั้งคู่ในภารกิจครั้งนี้นั้นคือมอนเตอร์ฝูงใหญ่ ไม่ว่าจะมองมุมไหนๆ อนาคตที่เขามองเห็นก็มีเพียงแค่เรื่องเลวร้ายที่กำลังรออยู่ทั้งนั้น แม้ว่าเรื่องในครั้งนี้จะไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวของเขาเลยซักนิด แต่ฮาโรลด์ก็ไม่ใช่คนที่จะนิ่งเฉยเพียงเพราะนั้นไม่ใช่เรื่องเดือดร้อนของตนเองได้
( บางที ผมอาจจะทำแบบนั้นก็ล่ะมั้ง หากผมไร้ซึ่งพลังใดๆ … แต่ ) – ฮาโรลด์
ไม่รู้ว่าดีหรือแย่กันแน่ นั้นเพราะฮาโรลด์ดันมีพลังที่มากพอที่จะสามารถรับมือการสถานการณ์ที่กำลังจะเผชิญได้
ตั้งแต่แรกเริ่ม แรงจูงใจที่ทำให้ฮาโรลด์ต้องมาที่เมืองบาร์สตั้นแห่งนี้คือเขาอดเป็นกังวลไม่ได้ที่จะเห็นผู้คนมากมายภายในเมืองอาจต้องล้มตายกันเป็นจำนวนมากจากเหตุการณ์มอนเตอร์บุกถล่ม ส่วนเรื่องพอร์ทัลพลังงานนั้นเป็นเพียงเรื่องรอง และหากเขาคิดถึงเพียงแค่ชีวิตของตัวของเอาจริงๆ เขาก็คงไม่เอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงอยู่แบบนี้หรอก
[ มันจะต้องไม่เป็นไร … ] – ฮาโรลด์
หากเขาวางแผนรับมือสิ่งต่างๆได้ดีพอ เขาก็จะสามารถช่วยทั้งซิด ไอรีน และชาวเมืองบาร์สตันได้ทั้งหมด หากมองในมุมบวก เหตุการณ์มันก็ใช่ว่าจะเลวร้ายไปทั้งหมด
ถึงแม้ว่านั้นจะเป็นเพียงคำขอเล็กๆของคนที่ชีวิตเต็มไปด้วยโชคร้ายมาทั้งชีวิตก็ตาม
[ บอส ตัวแทนของฝั่งชาวเมืองมาขอพบ ] – คีธ
เสียงของคีธดังเข้ามาพร้อมกับเสียงเคาะประตูเบาๆเพื่อแจ้งให้ฮาโรลด์ทราบว่าคนๆนั้นมาที่นี่ แม้ว่าจะไม่ได้คาดหวังอะไร แต่ดูเหมือนว่าเธอจะมากันเร็วกว่าที่ฮาโรลด์คิดไว้
[ ให้เธอเข้ามา ] – ฮาโรลด์
[ ก็ ..ตามที่ได้ยินนั้นแหละ ] – คีธ
หลังจากเงียบไปซักพัก ประตูก็ถูกเปิดออก
[ อรุณสวัสดิ์ค่ะ … ] – ฟิออน่า
[ หึ หน้าตาดูไม่จืดเลยนะ ] – ฮาโรลด์
[ ต้องขออภัยด้วยค่ะ ดิฉันนอนไม่ค่อยหลับ …. ] – ฟิออน่า
“ก็ใช่ล่ะนะ” ฮาโรลด์เองก็เห็นด้วย แต่ก็ไม่พูดออกไป ยิ่งไปกว่านั้น ฮาโรลด์กลับประหลาดใจตัวของเขาเองที่ดันหลับสนิทแม้ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่หน้าสิ่วหน้าวขวานก็ตาม
ซึ่งเขาอดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่าประสาทสัมผัสที่รับรู้ถึงอันตรายต่างๆนั้นมันโดนจนด้านชาไปหมดแล้วหรือไง
[ แล้ว ? เธอต้องการอะไร ? ] – ฮาโรลด์
[ ดิฉันมาแจ้งในคุณทราบว่าพวกเราได้จัดการประชุมระหว่างตัวแทนของเมืองและตัวแทนจากฝั่งอัศวินขึ้นที่หอประชุมในอีก 2 ชั่วโมงค่ะ ] – ฟิออน่า
ฮาโรลด์เองก็เดาเอาไว้แล้วว่าอัศวินคงเข้ามาเอี่ยวด้วยหลังจากที่ได้พบกับซิดและไอรีนเมื่อวาน เพราะจากที่ได้พูดคุยกัน ฮาโรลด์พอเดาได้ว่าพวกซิดเองก็น่าจะรู้ว่าที่เมืองแห่งนี้นั้นกำลังเผชิญสถานการณ์อะไรบางอย่าง
โดยอ้างชื่อของฮาโรลด์ เอลล์ได้แจ้งไปยังกองบัญชาการของเหล่าอัศวินแล้วเกี่ยวกับฝูงมอนเตอร์ แต่ดูเหมือนว่าจะมีเพียงอัศวินจำนวนเพียงขั้นต่ำเท่านั้นที่ถูกส่งมา อาจเพราะคนที่เหลือต้องคอยรับมือเกี่ยวกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นที่เมืองทราวิส ซึ่งฮาโรลด์ยังคงสงสัยว่าเหล่าอัศวินที่ถูกส่งมาพร้อมกับซิดและไอรีนนั้นรู้รึปล่าวว่าพวกเขากำลังจะต้องเผชิญสถานการณ์ที่มันอันตรายขนาดไหน
[ แค่นั้น? ] – ฮาโรลด์
อันที่จริง ฮาโรลด์ก็คิดว่าการประชุมในครั้งนี้คงไม่อาจผ่านไปได้ด้วยดีแน่เพราะเหล่าอัศวินส่วนใหญ่ต่างเกลียดขี้หน้าเขา อย่างไรก็ตาม สิ่งเดียวที่ฮาโรลด์ต้องการเหนือสิ่งอื่นใดคือการอพยพชาวเมืองออกจากเมืองให้เร็วที่สุด มันจึงเลี่ยงไม่ได้ที่เขาจะต้องปรากฎตัวและต้องโน้มน้าวผู้คนที่อยู่ในที่ประชุมให้ร่วมมือกับเขา และหากจำเป็นจริงๆ ต่อให้ต้องใช้กำลังลากเหล่าตัวแทนของชาวเมืองและเหล่าอัศวินลงไปใต้ดินเพื่อให้เห็นเหล่ามอนเตอร์ด้วยตาของพวกเขาเอง ฮาโรลด์ก็พร้อมที่จะทำ
[ …. ] – ฟิออน่า
[ มีอะไรก็พูดมา ] – ฮาโรลด์
ฮาโรลด์เองก็บอกไม่ได้ว่าทำไมฟิออน่าถึงเอาแต่นิ่งเงียบหลังจากแจ้งเรื่องให้กับเขาได้รับทราบเสร็จแล้ว แต่หลังจากเงียบอยู่ซักพัก เธอก็เงยหน้าขึ้นและจ้องมองเข้าไปยังดวงตาของเขา
[ มันยังมีหลายๆจุดที่ดิฉันยังไม่เข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ที่พวกเรากำลังเผชิญในตอนนี้ ทั้งฝูงมอนเตอร์ สถานที่วิจัยใต้ดิน แผนการณ์ การแก้ปัญหา และ …. พวกคุณ ] – ฟิออน่า
เห็นได้ชัดว่าเธอมีอะไรอยากจะพูดต่ออีก ดังนั้นฮาโรลด์จึงปิดปากของเขาและนั่งฟังต่อ
[ แต่มันก็เป็นที่แน่ชัดว่ากำลังจะมีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น ซึ่งมันใหญ่มากๆเสียจนแม้กระทั้งดิฉันหรือคนอื่นๆภายในเมืองก็ไม่อาจทำอะไรได้ ] – ฟิออน่า
“ดิฉันไม่เข้าใจ” มันคือความรู้สึกที่ตรงไปตรงมาที่ถูกสื่อออกมาจากเธอ ซึ่งมันก็ฟังดูเมคเซนต์ เธอนั้นได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขโดยไม่รับรู้อะไรเลยจนกระทั้งมีคนมาบอกกับเธอว่าเมืองของเธอกำลังจะถูกทำลายลงโดยฝูงมอนเตอร์ ซึ่งคนๆนั้นก็พาเธอไปเห็นหลักฐานด้วยตาของเธอเอง
มันจึงไม่แปลกอะไรที่เธอจะตะลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นและสิ่งที่เธอควรจะทำ
แต่ความจริงที่ว่าเธอนั้งยังคงรักษาสติสัมปชัญญะเอาไว้ได้แสดงให้เห็นว่าเธอนั้นเข้มแข็งถึงเพียงไหน
[ ด้วยสถานการณ์ที่พวกเรากำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ แม้ว่าตัวของดิฉันจะยังคงมีข้อสงสัย แต่ดิฉันก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากเชื่อว่าคุณจะมีทางออกของปัญหานี้ เชื่อในตัวของคุณ….. มันถูกแล้วใช่รึปล่าวคะ? ที่ดิฉันจะเชื่อในตัวของคุณ บอกดิฉันทีว่าดิฉันไม่ได้เลือกทางผิด ] – ฟิออน่า
แม้ว่าเธอจะกล้าหาญ แต่น้ำเสียงของเธอก็ไร้ซึ่งพลัง คงเพราะภาพที่เธอได้เห็นเมื่อวันก่อนมันหนักหนาเกินที่เธอจะแบกรับไหว แม้ว่าการทำให้เธอกลัวเป็น 1 ในแผนการณ์ที่ถือว่าประสบความสำเร็จสำหรับฮาโรลด์ แต่ตัวของเขาเองก็ไม่อาจทนดูได้เช่นกัน เขารู้สึกเสียใจต่อฟิออน่า ที่ทำให้เธอไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกเสียจากต้องเชื่อในตัวของชายที่เป็นคนทำให้เธอต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริงที่เขาจะต้องรับผิดชอบในส่วนนี้ แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าฮาโรลด์จะไม่มีสิทธิ์พูดอะไร
[ ชั้นไม่สนใจเลยซักนิดว่าเธอจะเชื่ออะไรหรือใครบอกให้เธอเชื่อ ทำตามที่หัวใจตัวเองบอกก็พอ ] – ฮาโรลด์
เขาพยายามอย่างเต็มที่ที่จะพูดให้กำลังใจกับเธอ แต่คำเหล่านั้นยังห่างไกลกับคำว่าให้กำลังใจนัก เพราะความหมายของมันแสดงถึงว่าเขาไม่สนใจคนวิงวอนร้องขอใดๆจากเธอ ซึ่งมันยิ่งทำให้สิ่งต่างๆแย่ลงไปอีก
ฮาโรลด์เองก็อยากที่จะผูกมิตรกับฟิออน่าจริงๆ เมื่อพิจารณาถึงความรวดเร็วในการดำเนินการต่างๆหลังจากที่ได้ทราบเรื่องราวแล้ว เขารู้ดีว่าหากได้เธอมาร่วมมือด้วยต้องเกิดผลดีแน่นอน
( ก็นะ ถ้าการผูกมิตรมันง่ายขนาดนั้น ผมคงไม่ต้องทนลำบากตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้หรอก ) – ฮาโรลด์
การประชุมกับเหล่าตัวแทนของเมืองที่จะเกิดขึ้นนั้นเป็นหัวข้อที่จะทำให้ทุกคนต้องตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว ความกลัวต่อสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเมืองของพวกเขา สถานการณ์ที่อยู่นอกเหนือการความคุมของพวกเขา
( มันคงจะต้องเจ็บปวดใจกันอย่างแน่นอน ) – ฮาโรลด์
ขณะที่ความคิดมืดมนเหล่านี้แล่นเข้ามาในความคิดของเขา ฮาโรลด์ก็ตัดสินใจได้ว่าถึงเวลาที่จะต้องไปแล้ว
การประชุมจะถูกจัดขึ้นที่หอประชุมกลางเมือง เมื่อฮาโรลด์มาถึง เขาก็พบว่ามีหลายๆคนได้มารออยู่ก่อนแล้ว ในหมู่ของพวกเขา ไม่เพียงแค่เหล่าชาวเมือง ยังมีอัศวินอีกหลายๆคนเหมือนดั่งที่ฟิออน่ากล่าวเอาไว้ก่อนหน้านี้ มีหลายๆคนหน้าตาคุ้นเคย ซึ่งท่ามกลางกลุ่มคนเหล่านั้น คือซิดเองที่กำลังมองมาที่ฮาโรลด์ด้วยสีหน้าวิตกกังวล ซึ่งแตกต่างจากสายตาของเหล่าอัศวินคนอื่นๆที่มองมายังเขา แน่นอนว่าอัศวินเหล่านั้นคงทราบถึงชื่อเสียงของฮาโรลด์เป็นอย่างดี
[ เอาล่ะ ฟิออน่า บอกพวกเราซักทีว่าทำไมเธอถึงนัดผู้คนจำนวนมากมายขนาดนี้เพื่อจัดงานประชุมฉุกเฉินขึ้น ? ]
[ ก่อนที่ดิฉันจะตอบคำถามนั้น ดิฉันอยากจะแนะนำใครบางคนก่อนค่ะ ] – ฟิออน่า
หลังจากพูดออกมาเช่นนั้น ฟิออน่าก็เร่งเร้าให้ฮาโรลด์และคนของกิฟเฟลต์ที่ชื่อว่าลิสท์ก้าวขึ้นมาด้านหน้า
แม้นั้นจะทำให้เขากลายเป็นจุดเด่น แต่เพราะมีฟิออน่าอยู่ที่เป็นผู้รับบทอธิบายสถานการณ์ต่างๆ และหากมีสิ่งใดจำเป็น เขาก็ได้นัดแนะให้ลิสท์เป็นผู้ที่ขึ้นมาแทรกหากจำเป็น
นั้นเพราะ สำหรับฮาโรลด์ผู้ที่ปากเจ้าปัญหามักหาเรื่องให้เขาอยู่เสมอ การที่เขาควรจะเงียบเอาไว้คงจะเป็นการดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ในตอนนี้
[ สวัสดีขอรับ กระผมลิสท์ กระผมเป็น 1 ในผู้ที่มา ณ ที่แห่งนี้เพื่ออธิบายสถานการณ์ต่างๆให้พวกคุณได้เข้าใจขอรับ ] – ลิสท์
ขณะที่กล่าวมาเช่นนั้น ลิสท์ก็โค้งคำนับออกมาอย่างนอบน้อม เมื่อฮาโรลด์เห็นภาพเช่นนั้น คำแรกที่ผุดเข้ามาภายในหัวของเขาก็คือ “หมอนี่แสดงได้เยี่ยมจริงๆ”
นั้นเพราะลิสท์ดูเหมือนนักแสดงมืออาชีพที่ได้รับบทบาทให้เล่นเป็นพนักงานของหน่วยสอบสวนหาความจริง ทั้งคำพูดและท่าทาง มันดูราวกับเขาได้ท่องจำบทและซักซ้อมมาอย่างดี
[ ที่กระผมมาที่เมืองแห่งนี้นั้นเพราะ องค์กรของพวกเราได้รับการว่าจ้างจากใครบางคนให้เข้ามาตรวบสอบอุโมงค์ภายใต้เมืองแห่งนี้ขอรับ ] – ลิสท์
สำหรับ “ใครบางคน” ที่ลิสท์กล่าวอ้างน่าจะหมายถึงเอลล์ ถึงแม้ว่าตำแหน่งของฮาโรลด์จริงๆจะเป็นบอสใหญ่แห่งกลุ่มทหารรับจ้างฟรีรี่ แต่ผู้ที่จัดการและมีบทบาทที่สำคัญที่สุดในกลุ่มนั้นก็คือเอลล์
และเหตุผลที่เธอสามารถค้นพบฝูงสัตว์ประหลาดที่ใต้เมืองแห่งนี้ได้ทั้งๆที่มันอยู่นอกเหนือคำสั่งของฮาโรลด์นั้นเพราะความสามารถในการคาดการณ์และวิเคราะห์ข้อมูลของเธอ ทำให้เธอคาดว่ามันน่าจะเป็นไปได้และเริ่มต้นการค้นหา
ในขณะที่ฮาโรลด์ที่มีความรู้ที่ได้รับมาจากเกมส์เพียงอย่างเดียวมันทำให้ถูกยึดติดกับความคิดหลักของเขา แต่สำหรับเอลล์ เธอมีมุมมองที่กว้างขวางและความคิดที่ยืดหยุ่นในการคาดการณ์ความเป็นไปได้ต่างๆที่อาจฟังดูเป็นไปไม่ได้ที่จะคาดการณ์สิ่งเหล่านี้โดยใช้ความรู้ที่ได้รับมาจากเกมส์เพียงอย่างเดียว
[ เหตุผลที่ประกาศออกไปอย่างเป็นทางการของการตรวจสอบอุโมงค์ใต้ดินนั้นก็เพื่อตรวจสอบระดับการทรุดโทรมของอุโมงค์ใต้ดิน แต่เหตุผลที่แท้จริงของพวกเรานั้นก็เพื่อที่จะตรวจสอบในเรื่องอื่น ] – ลิสท์
[ มันคือเรื่องอะไรกันแน่ ? ]
ผู้ชายร่างอ้วนที่ถามคำถามขึ้นมานั้นน่าจะเป็นนายกเทศมนตรีของเมืองแห่งนี้ และเพื่อให้คำตอบของคำถามฟังดูสมเหตุสมผล ลิสท์จึงดึงแผ่นอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนโลหะบางๆออกมาจากกระเป๋าเสื้อ
ไม่ใช่ฮาโรลด์เพียงคนเดียวที่เอียงหัวสงสัย เพราะทุกๆสายตาภายในห้องแห่งนี้ล้วนมีความคิดไปทางเดียวกันว่าสิ่งนั้นคืออะไรกันแน่
และหลังจากนั้น ความอยากรู้อยากเห็นของพวกเขาได้กลับกลายเป็นความตกใจในทันที
[ นะนะน-นั้นมัน … ]
หลายๆคนเริ่มส่งเสียงออกมาด้วยความตกใจ แม้ว่าฮาโรลด์จะไม่ได้ส่งเสียงอะไรออกมา แต่เขาเองก็ตกใจเช่นกัน
และเหตุผลที่ทำให้เขามีปฎิกิริยาเช่นนั้น ก็เพราะมีภาพอะไรบางอย่างปรากฎขึ้นที่แผ่นโลหะแผ่น ภาพที่ถูกฉายออกมานั้นมีสีสันเหมือนจริงและภาพทั้งหมดที่ถูกฉายนั้นคือภาพที่เคยเกิดขึ้นจริง เหมือนกับสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่น่าจะมีอยู่ภายในโลกแห่งนี้ได้
[ นี่คืออุปกรณ์เวทมนตร์ขอรับ ถ้าจะให้พูดให้เข้าใจง่ายๆ สิ่งนี้มีหน้าที่จับภาพที่พวกเราสามารถมองเห็นและบันทึกเอาไว้ได้ขอรับ ] – ลิสท์
นั้นเพราะภาพเคลื่อนไหวที่ถูกฉายอยู่บนแผ่นโลหะนั้นดูราวกับวีดีโอที่ถูกถ่ายมาจากกล้องอย่างไงอย่างงั้น
แม้ไอ้จานโลหะนั้นจะถูกเรียกว่าเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ แต่ความสามารถของมันเป็นอะไรที่ไม่เข้ากับโลกใบนี้เลยซักนิด
แต่ว่า สิ่งที่น่าประหลาดใจจริงๆคือภาพที่กำลังฉายอยู่ แม้ว่าจานโลหะใบนั้นจะไม่ได้ใหญ่อะไรมาก แต่ภาพของเหล่ามอนเตอร์ที่ถูกฉายอยู่นั้นก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
[ และนี่คือภาพเหตุการณ์ส่วนหนึ่งที่ถูกบันทึกได้จากใต้เมืองบาร์สตัน ที่ส่วนลึกของภายในเหมืองขอรับ ] – ลิสท์
ราวกับจะบอกว่าไม่จำเป็นที่จะอ้อมค้อมใดๆ ลิสท์เข้าตรงประเด็นในทันที เพื่อให้เหล่าผู้นำของเมืองได้ทราบถึงปัญหาที่พวกเขาทั้งหมดกำลังเผชิญอยู่
นี่มันกะทันหันไปสำหรับบางสิ่งที่ฟังดูหลุดจากสิ่งที่พวกเขาคาดการณ์เอาไว้จนเกินไป ไม่มีทางที่คนเหล่านี้จะสามารถยอมรับข้อมูลพวกนี้ได้ในทันที
หลังจากเงียบไปซักพัก เสียงแห่งการโต้เถียงก็ดังก้องไปทั่วห้องประชุม
[ แกพูดบ้าอะไร ? ภาพนั้นมันอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ …. ฮ่าๆๆ เรื่องตลกสินะ เรื่องตลกสินะ มุขฝืดไปหน่อยนะบางที ]
[ ใช่ๆ ทำไมมอนเตอร์พวกนั้นจะต้องมาซุ่มซ่อนอยู่ภายใต้เมืองด้วย นี่มันเรื่องไร้สาระชัดๆ ]
[ ใช่! นอกจากนี้ ไม่มีอะไรพิสูจน์ได้ว่า ไอ้อุปกรณ์เวทมนตร์นั้นมีคุณสมบัติอย่างที่กล่าวอ้างสักหน่อย ]
ไม่แปลกใจเลย ที่คำพูดที่ออกมาจากปากของพวกเขาจะเป็นการปฎิเสธและการดูถูกเหยียดความ
จากจุดนี้เป็นต้นไป มันก็ขึ้นอยู่กับฝั่งของฮาโรลด์ว่าจะสามารถทำให้เหล่าผู้นำของเมืองแห่งนี้เข้าใจถึงสถานการณ์ที่แท้จริง และภัยคุกคามที่กำลังจะเกิดขึนกับเมืองบาร์สตันแห่งนี้ได้หรือไม่
[ กระผมทราบดีว่าเรื่องเหล่านี้ฟังดูไม่น่าจะเป็นไปได้ อย่างไรก็ตาม ทางฝั่งอัศวินล่ะขอรับ ? พวกท่านมีความคิดเห็นเช่นไร ? ] – ลิสท์
ลิสท์หันเหความสนใจไปยังเหล่าอัศวิน ที่ตอนนี้พวกเขาต่างส่งสายตาเสียดแทงมายังฮาโรลด์กันทั้งหมดจนกระทั้งภาพเหล่านั้นปรากฎขึ้นที่แผ่นจานโลหะ
ซึ่งพวกเขาทั้งหมดต่างตกตะลึงตากค้างกับภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้า และ 2 ใน 3 ใบหน้าของพวกเขาซีดจนไร้รอยเลือดกันไปแล้ว
นั้นเพราะข้อมูลที่ลิสท์แสดงออกมาจนทำให้พวกเขาหน้าซีดนั้น มันคล้ายกับสถานการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับเมืองทราวิส
แม้แต่ฮาโรลด์ยังรู้ว่านี่แหละคือโอกาส ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่ลิสท์จะมองไม่เห็นโอกาสนี้
[ เหล่าอัศวินทั้งหลาย กระผมขออภัยที่ต้องสอบถามว่า พวกท่านมาประจำการที่เมืองบาร์สตันแห่งนี้เพราะว่าเหตุใดกันแน่ขอรับ ? ] – ลิทส์
ณ ตอนนี้ เหล่าตัวแทนของเมืองต่างหันเหความสนใจไปทางเหล่าอัศวินกันทั้งหมด
ซึ่งฮาโรลด์ก็ไม่รู้ว่าเหล่าอัศวินให้คำอธิบายอะไรกับเหล่าชาวเมืองในตอนที่พวกเขามาประจำการที่เมืองแห่งนี้ แต่เมื่อผนวกกับข้อมูลที่ลิสท์เปิดเผย มันเป็นดั่งเปิดแผลให้เหล่าตัวแทนของเมืองเริ่มเกิดความสงสัย
ฮาโรลด์ที่จับตาดูสถาการณ์ต่างๆอย่างใกล้ชิด เขาได้แต่ชื่นชมอย่างเงียบๆในความฉลาดของลิสท์ที่สามารถทำให้ผู้ฟังค่อยๆคล้อยตามได้
และรอยแตกเพียงเล็กๆที่เกิดจากความสงสัยของเหล่าตัวแทนเมืองที่มีต่ออัศวินนี่แหละ ฝั่งของฮาโรลด์จะใช้ประโยชน์จากมัน
[ ที่พวกเรามาที่เมืองแห่งนี้ก็เพราะ พวกเราได้รับการแจ้งถึงเบาะแสของบุคคลหนึ่งซึ่งเป็นเป้าหมายในการจับกุมที่พวกเราไล่ตามจับมาเป็นเวลานาน ] – หัวหน้าอัศวิน
หลังจากตกอยู่ภายใต้ความเงียบอยู่ซักพัก ชายคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าจะเป็นหัวหน้าของเหล่าอัศวินก็ได้ลุกขึ้นตอบ
บางที นี่อาจเป็นอำอธิบายที่พวกเขาได้เตรียมมาอยู่ก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตาม จังหวะที่เหล่าอัศวินปรากฎตัวขึ้นที่เมืองบาร์สตันมันเหมาะเจาะจนเกินไป ฮาโรลด์คิดว่าพวกเขามาถึงที่เมืองแห่งนี้เร็วเกินไปตั้งแต่ได้รับข่าวจากเอลล์ที่เธอใช้ชื่อของฮาโรลด์ในการส่งข้อมูล
ที่ฮาโรลด์คิดเช่นนั้นก็เพราะ เขารู้ถึงสถานการณ์ของทุกๆฝ่ายๆเป็นอย่างดี
[ พวกกระผมต้องขออภัยที่พวกเราไม่ทราบถึงคนที่พวกท่านกล่าวอ้างเลยซักนิดขอรับ ] – ลิสท์
[ หึ ก็คงงั้น ] – หัวหน้าอัศวิน
เมื่อเห็นสายตาที่เสียดแทงมาจากคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าของเหล่าอัศวินตรงมาที่เขานั้น ฮาโรลด์เริ่มเกิดความสงสัย เขาคิดว่าไอ้หมอนี่คงได้รับแจ้งเกี่ยวกับเรื่องฝูงมอนเตอร์มาอยู่ก่อนแล้วอย่างแน่นอน
นั้นเพราะ เหตุผลที่เขาไม่ได้อธิบายอะไรกับชาวเมืองคงเพราะเขาเห็นว่ามันมีแต่จะเกิดความสับสนวุ่นวาย วิตกกังวล และความกลัวเสียมากกว่า อีกทั้งพวกเขายังไม่มีมาตรการไว้ใช้รับมือ
ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้อมูลที่ลิสท์กำลังโชว์ให้พวกเขาดูนั้นถือเป็นข้อมูลที่สำคัญต่อพวกเขาเป็นอย่างมากแน่นอน
แม้ว่ามันอาจจะฟังดูขอมากเกินไปที่จะหวังให้พวกอัศวินให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ แต่ถ้าตามปกติพวกอัศวินควรที่จะขอข้อมูลเพิ่มเติมสิถึงจะถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เหล่าอัศวินตอบกลับมานั้นมันห่างไกลจากการขอข้อมูลเพิ่มเติมมากนัก ดูราวกับต้องการที่จะปฎิเสธตัวเลือกเหล่านั้น ราวกับพวกเขาไม่ต้องการที่จะเจรจาด้วยเลยด้วยซ้ำ
( … หรือเป็นเพราะ ผม ? หรอ ? ) – ฮาโรลด์
สมมติฐานบางอย่างผุดขึ้นภายในความคิดของฮาโรลด์ บางที เหตุผลที่เหล่าอัศวินยังไม่แสดงท่าที่อะไรแม้ว่าจะทราบข้อมูลและรับรู้ถึงภัยอันตรายแล้วจะเป็นเพราะตัวของฮาโรลด์
นั้นเพราะจากมุมมองของฝั่งอัศวิน ฮาโรลด์คืออาชญกรตัวเป้งที่ทรยศต่ออัศวินและอาณาจักร ยกเว้นซิดและไอรีนที่ทั้ง 2 เป็นเพื่อนของเขา เหล่าอัศวินคนอื่นๆต่างรู้สึกโกรธแค้นกับฮาโรลด์กันทั้งนั้น
มันคงไม่แปลกที่พวกเขาจะมองว่า นี่อาจเป็นกับดักของฮาโรลด์ที่วางเอาไว้
“แบบนี้จะทำยังไงดี ?” ฮาโรลด์ได้แต่สงสัย
ไม่รู้จะดีหรือร้าย แต่คำพูดและการกระทำของเขาหลังจากนี้จะส่งผลใหญ่ต่อการประชุมในครั้งนี้อย่างแน่นอน ถ้าเขาเดินหมากพลาด มันอาจทำให้เขาเสียโอกาสที่จะฝั่งอัศวินมาร่วมมือด้วย สถานการณ์ในตอนนี้เข้าขั้นวิกฤติอีกครั้ง แม้ว่าฮาโรลด์ต้องการที่จะหลีกเลี่ยงทุกๆความขัดแย้งใดๆก็ตาม
( ไม่มีเวลาให้เสียกับการมาปรับความเข้าใจคืนดีกันอีกแล้ว อีกทั้งปากเจ้ากรรมของผม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะคืนดีตั้งแต่แรกอยู่แล้วด้วย … ) – ฮาโรลด์
แม้ว่าฮาโรลด์จะหวังพึ่งลิสท์ในการเจรจาครั้งนี้และภาวนาให้วิกฤติผ่านพ้นไปด้วยดี
อย่างไรก็ตาม ….
[ ที่สำคัญกว่านั้น พวกเราอัศวินไม่มีทางที่จะเชื่อใจหากชายผู้นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องตั้งแต่แรกเริ่มอยู่แล้ว! ] – หัวหน้าอัศวิน
ดั่งที่ชายคนนั้นพูด เหล่าอัศวินทั้งหมด นอกจากซิดและไอรีน ต่างหันเหสายตาทั้งหมดไปยังฮาโรลด์ เป็นดั่งคาด นี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดสำหรับฮาโรลด์
ตอนนี้ ผู้คนจากฝั่งของเมืองต่างพากันสับสน
[ พวกท่านทั้งหลายอาจจะยังไม่ทราบ แต่ว่าชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือ ฮาโรลด์ สโตร์ก หมอนั้นเคยแทรกซึมเข้ามายังหน่วยอัศวินในฐานะของสายลับ และนำอันตรายมากมายจนก่อให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตเหล่าพี่น้องอัศวินเป็นจำนวนมาก เขาเป็นอาชญากรตัวฉกาจที่ไม่มีใครในเมืองหลวงจะไม่ทราบถึงวีรกรรมของชายผู้นี้ ] – หัวหน้าอัศวิน
หัวหน้าของเหล่าอัศวินกล่าวกับเหล่าตัวแทนจากฝั่งเมืองราวกับกำลังพูดสุนทรพจน์ มันคือสุนทรพจน์ที่เปิดเผยเรื่องราวเลวร้ายของฮาโรลด์
ฮาโรลด์หมดทางหนี แม้ว่าเขาจะยืนกรานปฎิเสธเรื่องนี้ แต่ไม่มีทางที่คนอื่นๆจะเชื่อเขา เพราะเรื่องเหล่านี้มันฝั่งรากแน่นราวกับเป็นความจริงของโลกใบนี้
[ ถึงสิ่งเหล่านั้นจะเป็นเรื่องจริง แต่ตอนนี้ ชายคนที่พวกท่านกล่าวอ้างก็กำลังทุ่มเทอย่างหนักเพื่อชดเชยความผิดที่ตัวของเขาได้ก่อ ] – ลิสท์
แม้คำพูดเหล่านั้นจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้ แต่อย่างที่คาด คุณจะเชื่อคำพูดของใคร ระหว่าง ชาย 2 คนที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้ากับเหล่าอัศวินที่เป็นดั่งสัญลักษณ์แห่งอำนาจของอาณาจักร
แม้สิ่งที่อยู่ในมือของลิสท์จะเป็นอุปกรณ์เวทมนตร์ที่น่าทึ่งและไม่เคยเห็นที่ไหนมากก่อน แต่นั้นก็บอกไม่ได้ว่าข้อมูลที่เขามีนั้นเชื่อถือได้แค่ไหน
สถานการณ์อาจแตกต่างไปจากเดิมถ้าหากฝั่งของฮาโรลด์มีเวลาเตรียมตัวมามากกว่านี้ เพราะว่าในตอนนี้เหล่าตัวแทนของฝั่งชาวเมืองต่างคล้อยตามฝั่งอัศวินกันหมดแล้ว ซึ่งฮาโรลด์ก็ไม่ได้สงสัยใดๆในความสามารถของลิสท์ นั้นเพราะ ลิสท์คือผู้ที่ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่เหล่านี้ผ่านการตัดสินใจของเอลล์ แต่มันอาจจะหวังสูงเกินไปหน่อยที่จะคิดว่าลิสท์คงหาทางพลิกสถานการณ์กลับมาได้แม้ไม่ได้เตรียมการมาก่อนล่วงหน้าก็ตาม
[ แล้วมันมีอะไรเปลี่ยนตรงไหน ? ความจริงที่ว่าไอ้หมอนั้นเชื่อใจไม่ได้ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ] – หัวหน้าอัศวิน
[ ทำไมท่านกล่าวออกมาเช่นนั้นล่ะขอรับ ? หากไม่ใช่เพราะเขา คงไม่มีใครได้รับรู้เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เมืองแห่งนี้กำลังเผชิญนะขอรับ ] – ลิสท์
[ แล้วไหนล่ะหลักฐานว่าเรื่องพวกนี้ไม่ได้เป็นฝีมือของมัน ? ] – หัวหน้าอัศวิน
ความคิดเห็นของพวกเขาเป็นดั่งเส้นขนานที่ไม่มีวันบรรจบ … ยิ่งไปกว่านั้น หัวข้อการเจรจาเริ่มออกห่างจากหัวข้อหลักไปเรื่อยๆ และที่เลวร้ายที่สุด ขณะที่ชายคนนั้นพูดเขามองมาที่ฮาโรลด์ นั้นทำให้ฮาโรลด์กลายเป็นจุดสนใจไปโดยปริยาย
และก่อนที่ฮาโรลด์จะรู้สึกตัว สถาการณ์ต่างๆก็มาถึงจุดที่ทำให้เขาต้องเปิดปากพูดอะไรบ้าง
[ ไม่มีอะไรจะพูดรึไง ? ไอ้สโตร์ก ? ] – หัวหน้าอัศวิน
“อย่าเอาผมไปเกี่ยวข้องด้วยทีเถอะ” แต่ชายคนนั้นก็พูดกับเขาราวกับไม่สนสิ่งที่ฮาโรลด์กำลังหวังเอาไว้อยู่ในใจ
การเอาแต่เงียบคงไม่ใช่ทางออกอีกต่อไปแล้ว
หลังจากถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ฮาโรลด์ก็ใช้ความพยายามทั้งหมดเพื่อที่จะให้คำพูดถูกกล่าวออกมาอย่างเหมาะสม
[ แล้วไง ? ถ้าชั้นทำอย่างที่แกว่ามาจริง แล้วพวกแกจะทำอะไร ? ] – ฮาโรลด์
คำพูดที่ฟังดูราวกับเป็นการยืนยันคำพูดของชายคนนั้นทำให้บรรยากาศภายในห้องประชุมเย็นเฉียบลงทันที แม้แต่ลิสท์เองก็เลือบมองฮาโรลด์ด้วยความสงสัยราวกับกำลังคิดว่า “ไอ้หมอนี่พูดบ้าอะไรของมัน ?” ซึ่งฮาโรลด์เองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่าปากมันพูดอะไรออกไปฟร่ะ แต่ด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีจากปากเวรนี่ทำให้เขาทำใจมองข้ามมันไปได้
สำหรับตอนนี้ ฮาโรลด์คิดว่าถ้าเขาหยุดพูด สถานการณ์ต่างๆมันจะยิ่งสับซ้อนขึ้นไปใหญ่ ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะลองเชื่อปากเวรนี่ดู เขาจะปล่อยให้มันพูดไปเรื่อยโดยไม่ยั้งสิ่งใดไว้ เพื่อบังคับสถานการณ์ให้กลับมาดั่งที่มันควรจะเป็นให้ได้
ด้วยความมุ่งมั่นที่จะทำเช่นนั้น ฮาโรลด์จึดเปิดปากเวรของเขาขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าครั้งนี้จะเป็นเพราะความตั้งใจของเขาเองก็เถอะ
[ อยากให้ชั้นพูดงั้นเรอะ ได้ งั้นหุบปากเวรของพวกแกแล้วทำตามที่ชั้นสั่งซะ พวกแกไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ] – ฮาโรลด์