My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 23
[ เห้ย ! อย่าเข้าปะทะตรงๆ แยกออกไปด้านข้างแล้วหาจังหวะโจมตีสวนกลับไปซะ! ]
ที่มุมๆหนึ่งในทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ที่เงียบสงบ ได้เกิดเสียงตะโกนดังกึกก้องราวกับว่าจะทำลายบรรยากาศนั้น
เจ้าของเสียงนั้นเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ดูแข็มแข็ง เขากำลังสวมอยู่ในชุดเกราะสีขาว ผู้ที่กำลังออกคำสั่งโดยไม่มีการหยุดพักใดๆต่อทหารภายใต้การบังคับบัญชาของเขากว่า 40 นาย แต่ทว่า เจ้าสัตว์ประหลาดที่มีเขาอยู่บนหัวนั้นกลับคำรามออกมาเสียงดังจนกลบเสียงของเขาไปได้อย่างง่ายๆ
“กรรรรรรรร” เสียงคำรามนั้นดังกึกก้องจนพื้นดินสั่นไหว มันเป็นเสียงร้องทุ่มต่ำและหนักแน่นซะจนร่างกายของพวกเขาสั่นสะท้าน ลำตัวของมันยาวกว่า 5 เมตรและความสูงของมันเกิน 2 เมตรได้ ยิ่งกว่านั้น ด้วยขนที่ยาวและเขาแหลมที่งอกออกมากลางหน้าผากซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “ฮอร์นเฮด” มันคือมอนเตอร์บ้าคลั่งที่พุ่งเข้ามาจู่โจมด้วยเขาของมันและหัวของมันที่แข็งดั่งหินผา ร่างของมันเป็นดั่งแรดยักติดเกราะเหล็ก
แม้ว่ามันจะเป็นพวกกินไม่เลือก แต่มันก็ไม่ได้ชอบที่จะล่าสัตว์หรือมนุษย์เท่าไหร่นักรวมถึงมอนเตอร์อื่นๆด้วย อย่างไรก็ตาม มันหวงอาณาเขตเป็นอย่างมากและเนื่องจากรอบๆนี้ไม่มีมอนเตอร์อื่นๆที่สามารถเทียบเคียงความแข็งแกร่งของฮอร์นเฮดได้เลย ทำให้มันขยายอาณาเขตของมันไปเรื่อยๆจนเข้าใกล้ถิ่นที่อยู่ของมนุษย์
ดังนั่น นี่คือเหตุผลหลักที่พวกเขาต้องประชันหน้ากับฮอร์นเฮด เพื่อหวังที่จะปราบมัน
ปัญหาใหญ่ที่สุดของเจ้านี่คือท่าพุ่งของมัน พลังของมันมากพอที่จะทำลายบ้านหลังหนึ่งได้อย่างง่ายๆ ถ้าหากพวกมนุษย์รับแรงปะทะนั้นตรงๆ พวกเขาไม่มีทางที่จะรอดชีวิตอยู่ได้อย่างแน่นอน
ด้วยเหตุนี้ แม้ว่าพวกเขาจะพยายามปิดฉากมันด้วยการโจมตีที่ด้านข้างของฮอร์นเฮด แต่มันก็ปกป้องตัวเองด้วยการเหวี่ยงเขาของมันและหางไปรอบๆเพื่อโจมตีเหล่าทหารเช่นกัน
ถึงแม้มันจะได้รับบาดเจ็บมาบ้าง แต่เหล่าทหารก็ยังไม่มาสามารถทำให้มันหยุดเคลื่อนไหวลงได้ และถ้าหากการต่อสู้นี้ยังยืดเยื้อต่อไปเรื่อยๆ มันจะต้องเกิดการบาดเจ็บล้มตายกับเหล่าทหารเป็นแน่
ถือว่ายังโชคดี ที่พวกเขายังไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหนักจนไม่สามารถต่อสู้ต่อไปได้ แต่ถ้ายังฝืนต่อสู้ต่อไปในสถานการณ์เช่นนี้ ท้ายที่สุดต้องมีการล้มตายเกิดขึ้น หัวหน้าของหน่วยทหารเหล่านี้ได้แต่ขบคิดอย่างหนักว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี แต่ว่าทันใดนั้น ก็มีร่างเงาเล็กๆพุ่งผ่านด้านข้างของเขาไปอย่างเงียบเฉี่ยบ
[ ดะ , รอเดี่ยวขอรับ มันอันตราย !!!!!! ]
ในตอนที่หัวหน้าหน่วยรู้สึกตัว เขาก็พยายามจะหยุดร่างเล็กๆคนหนึ่ง แต่ว่า ขาของเด็กชายนั้นกลับไม่หยุดเดิน
ไม่แม้จะหันกลับมามอง เด็กชายคนนั้นกล่าวบางอย่างออกมาแก่หัวหน้าหน่วย
[ อย่าทำให้ข้าเสียเวลาไปมากกว่านี้ เรียกพวกแกถอยกลับไปซะ พวกแกไม่มีค่าอะไรนอกจากเกะกะ ]
ขณะที่ได้ฟังเสียงที่ดูราวกับไม่แยแส ชายคนนั้นถึงกับพูดไม่ออก เพราะมันเป็นเสียงจากเจ้านายของกลุ่มทหารเหล่านี้ กองทหารของตระกูลสโตร์ก ลูกชายคนเดียวของตระกูล ท่านฮาโรลด์ ทันทีที่เขาชักดาบออกมาจากฝักที่เหน็บไว้ข้างเอว ด้วยชุดแต่งกายที่แตกจากเหล่าทหารเหล่านี้ที่สวมเครื่องป้องกันที่ทำจากเหล็กเกือบทั้งตัว ท่านฮาโรลด์กลับยืนประจันหน้าฮอร์ดเฮดโดยสวมใส่เพียงแค่แจ็กเก็ตธรรมดา เกางเกงหนังลัดรูป และรองเท้าบูทยาวที่เกือบถึงบริเวณน่องของเขา
ทันทีที่เจ้าฮอร์นเฮดไม่ได้รับการโจมตีใดๆอีกจากเหล่าทหารที่ตอนนี้ถอนกำลังออกมา ดวงตาของมันได้จับจ้องไปยังร่างของฮาโรลด์
ฮาโรลด์เองก็ค่อยๆลดระยะห่างจากมันด้วยก้าวย่างที่มั่นคงไร้ความกังวลใดๆ ทันใดนั้นเจ้าฮอร์นเฮนคำรามออกมาเสียงดัง และเตรียมจะพุ่งเข้าใส่ร่างของฮาโรลด์ในทันที
[ ดังคำกล่าวที่ว่าหมาที่เอาแต่เห่ามันไม่กล้ากัด ]
มันไม่ใช่ความกลัวหรือวความกังวลใดๆนอกเสียงจากคำถากถาง ตาคู่นั้นที่จับจ้องไปยังฮอร์นเฮดราวกับว่ากำลังดูถูก
ราวกับรับรู้คำกระตุ้นนั้น มันคำรามออกมาเสียงดังอีกครั้ง และพุ่งใส่ร่างๆนั้นที่เล็กกว่าขนาดตัวของมันเป็นอย่างมาก
ร่างขนาดใหญ่ที่กำลังพุ่งเข้ามาใกล้นั้นกลับไม่ทำให้ฮาโรลด์แสดงท่าทีร้อนรนหรือพยายามจะหลบเลยซักนิด
และในทันทีที่ร่างของทั้งสองอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่เมตร ฮาโรลด์กลับพุ่งไปข้างหน้า
ทันใดนั้นก็เกิดเสียงโหยหวนดังก้อง มันดังขึ้นทันทีที่ดาบของฮาโรลด์และเขาของเจ้าสัตว์ร้ายนั้นปะทะกันและถูกตัดออก ไม่รู้เพราะความเจ็บปวดที่เขานั้นหายไป หรือ เพราะสัญลักษณ์ของตัวตนของมันถูกตัดออกไป มันทำได้เพียงส่งเสียงกู่ร้องออกมา
[ ถ้าข้าจำไม่ผิด พวกช่างตีดาบคงกรูกับเข้ามาเพราะอยากได้เขาของแกแน่ๆ ดี ข้าจะเอามันไปขาย ดีกว่าไม่ได้อะไร ]
ฮาโรลด์ไม่แม้จะชำเลืองมองเจ้าฮอร์นเฮดที่ซึ่งกำลังทรมานเพราะความเจ็บปวดเลยซักนิด จริงๆแล้วตั้งแต่เริ่ม เจ้าสัตว์ร้ายนี่ก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลยด้วยซ้ำ
ถึงแม้มันจะเจ็บปวด แต่แผลนั้นก็ไม่ได้ร้ายแรงถึงตายอะไร เจ้าฮอร์นเฮดส่งกำลังไปที่ขาของมันและเริ่มลุกขึ้น
ความโกรธที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาของมัน มันได้คำรามออกมาเป็นรอบที่ 3
[ นะ . . นั้นมัน !? ]
ด้วยท่าทีที่เปลี่ยนไปของฮอร์นเฮด ทหารคนหนึ่งได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความตกใจ แสงสีเหลืองทองได้ล้อมรอบร่างยักของเข้าสัตว์ร้ายนั้น มันกำลังใช้เวทมนตร์
มันมีมอนเตอร์อยู่ 2 ประเภทที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ 1 คือพวกที่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ตั้งแต่กำเนิด 2 คือพวกพิเศษที่แข็งแกร่งที่สุดในสายพันธุ์ของมันและพวกมันได้รับความสามารถเวทมนตร์พวกนี้มาระหว่างการเจริญเติบโตของมันที่ไวผิดปกติ
เจ้าฮอร์นเฮดตัวนี้เป็นอย่างหลัง มันคือหลักฐานความแข็งแกร่งของมัน
มันยกขาหน้าของมันขึ้นราวกับว่าต้องการจะเหยียบย้ำและทำลายปฐพี ทันใดนั้นมันก็กระแทกขาคู่หน้าของมันลงมา
『Grand Punisher』
แม้มันจะเป็นชื่อที่ฟังดูโอเวอร์ไปหน่อย มันคือเวทมนตร์ระดับกลางที่เกิดจากเวทมนตร์ธาตุดิน ที่พลิกพื้นพิภพขึ้นมาราวกับจะดักจับและบดขยี้เป้าหมายให้ถึงแก่ความตาย พลังโจมตีของมันค่อนข้างสูง แต่ว่า การโจมตีนั้นมันเป็นเส้นตรงและง่ายแก่การสังเกตุเห็นถ้าหากมันถูกใช้จากระยะไกล มันจึงไม่ยากอะไรที่จะหลบมัน
แต่ทว่า แม้ศัตรูจะใช้ 『Grand Punisher』ฮาโรลด์กลับพุ่งเข้าไปตรงๆ
เขากระโดดขึ้นทันทีที่เปลือกโลกนั้นกำลังจะกลืนกินร่างของเขา ขณะกำลังวิ่งอยู่บนกำแพงดินที่ถูกสร้างขึ้นทั้ง 2 ข้างเป็นแนวยาวสลับไปมา มันดูราวกับว่าเขากำลังวิ่งเข้าหาเจ้าสัตว์ร้ายนั้นราวกับวิ่งอยู่ในอากาศ
และทันทีที่อยู่ห่างกันราวๆ 10 เมตร ฮาโรลด์ได้กระโดดสูงขึ้นไปในอากาศ มันสูงอยู่ในระดับที่เขายังสามารถมองลงมาที่หัวของเจ้าฮอร์นเฮด
ด้วยเสียงอะไรบางอย่างแตกออก สายฟ้าได้ห่อหุ้มที่ดาบในมือของฮาโรลด์
[ นี่สำหรับการดิ้นรนอย่างไร้ค่าของแก ]
ดาบนั้นถูกห่อหุ้มไปด้วยสายฟ้าจนถ้าใครมาเห็นคงคิดว่าดาบนี้มันส่องแสงออกมาด้วยตัวของมันเองได้เป็นแน่ ฮาโรลด์ได้เหวี่ยงมันลงโดยไร้ความลังเลใดๆ
「『Thunderbird』」
แทบจะในทันทีที่เสียงร่ายเวทมนตร์นั้นดังออกมา ปักษาสายฟ้ายักได้พุ่งออกมาจากดาบและเข้าโจมตีเจ้าฮอร์นเฮดแล้วกับว่าอยากจะกลืนกินมัน
ปักษาสายฟ้า มันสว่างจ้ามากพอที่จะเผาสายตาของใครก็ตามที่จับจ้องมัน ที่ตอนนี้กำลังทำลายร่างขนาดยักของเจ้าสัตว์ร้ายนั้น
หลังจากที่ฮาโรลด์ลงถึงพื้นได้เพียงอึดใจ เจ้าฮอร์นเฮดก็ได้ล้มลง หลายๆจุดของร่างขนาดยักนั้นถูกเผาจนไหม้เกรียม และควันที่พวยพุ่งออกมาจากร่างขนาดยัก
ไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆอีกหลังจากร่างนั้นล่วงลงไป ชีวิตของเจ้าฮอร์นเฮดมอดดับลงไปอย่างสมบูรณ์
[ เท่านี้ ก็ไม่มีอะไรให้ต้องทำที่นี่อีก เร็ว! เก็บกวาดซะ ]
ไร้รอยแผลใดๆ ไม่มีแม้กระทั่งเหงื่อซักหยด ฮาโรลด์จัดการเจ้าสัตว์ประหลาดยักราวกับว่ามันเป็นเพียงเรื่องกล้วยๆและเดินกลับไปที่รถม้า เขาทิ้งศพและเขาของมันไว้อย่างนั้นและเริ่มเดินจากไป
หลังจากร่างของฮาโรลด์หายเข้าไปในรถม้า บรรยากาศโดยรอบก็เริ่มดูสงบลง
เหมือนดั่งนัดกันมา พวกเขาทุกคนถึงกับกลืนน้ำลายเอือกใหญ่และถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
[ หน่วยแรก ! ไปเก็บกู้ซากของเขานั้น หน่วยที่เหลือ! จัดการศพนั้นซะ ทำงานเร็วเข้า ! มันคืองานที่เหมาะสมกับพวกแกที่ทำให้เรื่องพวกนี้ต้องถึงมือท่านฮาโรลด์ ! ]
ทันทีบรรยากาศที่เริ่มผ่อนคลายลง หัวหน้าหน่วยก็เริ่มสั่งการทันที ท่ามกลางเหล่าทหารที่เคลื่อนที่ตามคำสั่งเหล่านั้น เด็กใหม่ของหน่วยที่1 ที่ได้รับงานง่ายๆอย่างการเก็บกู้เขาของฮอร์นเฮด ยังคงไม่เชื่อสายตาตัวเองและเริ่มถามคำถามกับรุ่นพี่ในหน่วย
[ ทะ ท่านฮาโรลด์แข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรอ ? ]
[ อ่า มาคิดๆดูแล้ว นี่เป็นภารกิจแรกของนายสินะ ]
ถ้าเช่นนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมนายถึงทำหน้าตาประหลาดใจขนาดนั้น ขณะที่ตอบกลับเช่นนั้น ทหารรุ่นพี่ อีเรียส ก็ยิ้มออกมาแห้งๆ
[ ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อนที่ท่านฮาโรลด์ได้เข้าร่วมกลุ่มคณะสำรวจและปราบปรามเหล่ามอนเตอร์ จริงๆตั้งแต่ตอนนั้นท่านก็ค่อนข้างแข็งแกร่งอยู่แล้ว จนผ่านมา 3 ปี ก็ … อย่างที่เห็นนั้นแหละ ]
[ ตะ แต่ว่า บะ..แบบนี้มันจะดีหรือ ? ถึงแม้ว่าท่านจะแข็งแกร่งก็จริง แต่ท่านเป็นถึงคนในตระกูลสโตร์ก ดังนั้น . . บางทีท่านอาจ.. มีโอกาสได้รับบาดเจ็บ …. ]
[ ใช่ หัวของหัวหน้าหน่วยและหัวของหลายๆคนในที่นี้ก็คงถูกตัดกระเด็นนะ โดยปกติ ]
อีเรียสกล่าวออกมาขณะกำลังทำท่าทางปาดคอ ด้วยเนื้อหาที่ฟังดูท้องไส้ปั่นป่วนตรงกันข้ามกับท่าทีของทหารรุ่นพี่ที่ดูเหมือนสบายๆ กระดูกสันหลังของเด็กใหม่ถึงกับแข็งค้าง
[ มะ. .มันไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยไม่ใช่หรอครับ . . . ]
[ ข้าล้อเล่นน่ะ เดี่ยวนายก็เข้าใจเอง ]
อีเรียสกล่าวออกมาโดยปราศจากความกลัวหรือความกังวลใดๆ พลางตบไหล่เด็กใหม่เบาๆ
เด็กใหม่ยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมอีเรียสยังคงใจเย็นอยู่ได้ทั้งๆที่สถานการณ์มันออกมาเป็นเช่นนี้ นั้นเพราะยิ่งประสบการณ์การต่อสู้ร่วมกันของทหารและท่านฮาโรลด์มีมาขึ้นเท่าใด ความไว้วางใจของพวกเขาก็มีมากขึ้นเท่านั้น
ในตอนแรกที่ฮาโรลด์ต้องการจะเข้าร่วมกับกลุ่มปราบปรามและสำรวจ ท่านพ่อท่านแม่ของเขานั้นไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด สำหรับพ่อแม่ที่คลั่งไคล้ลูกชายของตนเหนือสิ่งอื่นใด มันแน่ชัดอยู่แล้วที่พวกท่านจะหยุดเขา
แต่ทันทีที่ท่านฮาโรลด์เหวี่ยงดาบและใช้เวทมนตร์นิดๆหน่อยต่อหน้าพวกท่าน พวกเขาก็อนุญาต เป็นเพราะพวกเขาหลงใหลในความสามารถที่ยอดเยี่ยมของบุตรชาย และในขณะเดียวกัน พวกเขาก็หวังให้ตัวของลูกชายสร้างชื่อเสียงในฐานะตระกูลสโตร์ก
ด้วยเหตุนี้ ฮาโรลด์จึงได้เข้าร่วมหน่วยสำรวจและปราบปรามมอนเตอร์ แต่ทว่า เขากลับได้รับประสบการณ์การต่อสู้ที่ยากลำบากตั้งแต่ครั้งแรกของการเดินทาง และมันทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ ซึ่งบาดแผลพวกนั้นไม่ใช่น้อยเลย
แต่ว่า แม้ท่านฮาโรลด์จะได้รับบาดเจ็บแต่เขากลับซ่อนความจริงเหล่านี้ต่อพ่อแม่ของเขา บาดแผลนั้นมันเลวร้ายถึงขั้นกระดูกของเขาหัก แต่เขากลับแสดงท่าทีว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาไปรักษาตัวที่ตระกูลสุเมรากิและเดินทางกลับทันทีหลังจากบาดแผลของเขาหายได้เพียง 2-3 วัน
ถึงแม้ว่านอกจากตัวของฮาโรลด์เอง คนอื่นๆจะไม่รู้ว่าสิ่งที่ฮาโรลด์กระทำจะหมายถึงอะไร แต่เพราะเช่นนั้น มันทำให้มีอีกหลายๆชีวิตที่ถูกช่วยเหลือเอาไว้
โดยปกติแล้ว หน่วยสำรวจและปราบปรามมอนเตอร์จะต้องพบกันอันตรายอยู่บ่อยๆ แม้ว่าจะต้องพบเจอกับมอนเตอร์ที่แข็งแกร่งเหมือนดั่ง ฮอร์นเฮด ที่พวกเขาพบในตอนนี้ การบาดเจ็บร้ายแรงและความตายที่อาจจะเกิดขึ้นถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
นี่เพราะตัวของฮาโรลด์เองสามารถเอาชนะมอนเตอร์เกือบทั้งหมดได้ด้วยตัวคนเดียว ถึงเขาจะปฎิเสธ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขากำลังทำนั้นเพราะเขาต้องการที่จะปกป้องเหล่าทหาร และในตอนนั้นที่ฮาโรลด์ได้รับบาดแผลจนกระดูกหักเกิดจากที่เขาเข้าไปช่วยทหารที่กำลังจะโดนสัตว์ประหลาดทำร้ายถึงตาย
และเป็นที่แน่นอนว่าในครั้งนี้ก็เช่นกัน เขามองว่าต้องเกิดการบาดเจ็บล้มตายขึ้นแน่หากการต่อสู้นี้ยืดเยื้อต่อไป จึงทำให้เขาต้องลงมือ
เหล่าทหารต่างรู้สึกขอบคุณจากใจในการตัดสินใจของฮาโรลด์ แต่ยิ่งกว่านั้น พวกเขาต่างรู้สึกสมเพศตัวเอง ที่พวกเขาทั้งหมดถูกปกป้องโดยคนที่พวกเขาควรจะต้องเป็นคนปกป้องแท้ๆ และคนๆนั้นยังเป็นเพียงแค่เด็ก
และนั้นเป้นเหตุผลว่าทำไมเหล่าทหารสาบานกับตัวเองว่าพวกเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งให้มากพอที่จะปกป้องท่านฮาโรลด์ได้ มันเป็นแรงจูงใจชั้นดีที่ทำให้เหล่าทหารพยายามฝึกฝนอย่างเอาเป็นเอาตาย
( คิดว่าตัวเราน่าจะได้รับประสบการณ์การต่อสู้กับมอนเตอร์มามากพอแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ผมจะออกสำรวจไปให้ไกลกว่านี้ แต่ว่าก็อยากจะให้แน่ใจว่าเหล่าทหารจะไม่มีใครบาดเจ็บหนัก ข้อมูลที่รวบรวมมายังไม่พอซะด้วย ไหนอีกทั้งสัตว์ประหลาดที่เรายังไม่รู้จักน่าจะมีอีกเยอะ )
แม้จะรู้กันดีว่าความตั้งใจจริงๆของฮาโรลด์นั้นคือการหาประสบการณ์การต่อสู้ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้เพื่อความอยู่รอดของตัวเองในอนาคต แต่ก็ไม่อาจเปลี่ยนข้อเท็จจริงที่ว่าเหล่าทหารเหล่านี้ที่ยังไม่มีใครล้มตายเพราะเป็นตัวเขาเองที่ช่วยไว้ อย่างไรก็ตามเหตุผลที่เขาพยายามซ่อนอาการบาดเจ็บที่จากท่านพ่อท่านแม่ของเขานั้นเพราะคิดว่าถ้าหากพวกท่านทราบแล้วจะทำการสั่งห้ามไม่ให้เขาออกเดินทางกับคณะสำรวจได้อีก
เช่นเดียวกัน ตลอด 3 ปีมานี้ตัวของเขาได้พบปะผู้คนจำนวนมากมายและหลายๆสิ่งเกิดขึ้นทำให้หลายๆอย่างของฮาโรลด์นั้นเปลี่ยนไปมาก ความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือความสามารถในการต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นและการเติบโตทางจิตใจของเขา ต้องขอบคุณความพยายามของเขาที่เอาตัวเองเข้าร่วมการต่อสู้อยู่ตลอด ทำให้เขาสามารถเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดพร้อมๆกันหลายๆตัวได้ และยังสามารถเอาชนะพวกมันได้อย่างปลอดภัย
แต่ทว่า เนื่องจากเขาพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายในการที่หาโอกาสไปต่อสู้จนมากเกินไป เขาจึงกลายเป็นที่รู้จักในฐานะ “นักรบคลั่ง” (เบอเซิกเกอร์) ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความกลัวในหมู่ประชาชน
และอีกหนึ่งสิ่ง นี่ไม่ใช่เพราะตัวของฮาโรลด์เองแต่เป็นเพราะว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงกับสภาพแวดล้อมรอบๆตัวของเขา สิ่งที่ใหญ่ที่สุดนั้นคือ ทาสุคุ สุเมรากิ เพราะความพยายามของเขา ทำให้วันที่การปลูกพืชแบบ LP ใกล้เป็นความจริงขึ้นมาเรื่อยๆ
ตอนนี้ ฮาโรลด์ผู้ซึ่งกลับมายังคฤหาสน์สโตร์กหลังจากการเดินทางกับคณะสำรวจยาวนานเกือบ 2 สัปดาห์ แทบจะไม่ทำให้เสียเวลาใดๆ ไม่แม้จะฟื้นฟูความเหนื่อยล้าของร่างกายตน เขากระโดดขึ้นรถม้าและเดินทางกลับไปพบทาสุคุที่ดินแดนสุเมรากิทันที เกี่ยวกับเรื่องนี้ พ่อแม่ของเขาคิดไปกันเองว่าตัวของฮาโรลด์หลงรักเอริกะจนหัวปักหัวปำ จนท้องของเขาเริ่มรู้สึกปั่นป่วนเมื่อลองคิดว่าทั้ง 2 จะมีปฎิกิริยาอย่างไรถ้าหากการหมั้นหมายนี้ถูกยกเลิก แต่ว่า อะไรจะเกิด “มันก็ต้องเกิด” ดังนั้นเขาจึงปล่อยผ่านเรื่องนี้ไป
[ การเจรจาเป็นไงบ้าง ? ]
[ อืม ไม่มีปัญหาอะไร ด้วยเหตุนี้ พวกเราสามารถดำเนินแผนการแผยแพร่มันอย่างจริงจังได้เลย ]
ทาสุคุตอบขณะส่งยิ้มไปหาฮาโรลด์ที่ตอนนี้ยังคงทำหน้าบูดบึ้งอยู่เสมอ ซึ่งความสำเร็จในเรื่องนี้ถือว่ามันเป็นไปดังแผนที่พวกเขาวางกันเอาไว้ เพราะตระกูลสโตร์กสนใจแต่เรื่องของกำไรที่อยู่ต่อหน้าของพวกเขาเท่านั้น
กำไรในที่นี้หมายถึง เมื่อมีการใช้ฟาร์มสำหรับปลูกพืช LP ในดินแดนของสโตร์ก พวกเขาจะได้รับการยกเลิกค่าธรรมเนียมของสัญญาและได้ส่วนลดค่าธรรมเนียมในการดำเนินแผนงาน และเงินภาษีส่วนนึงที่ถูกจัดเก็บตามผลผลิตที่ผลิตได้จะถูกส่งคืนให้กับตระกูลกูลสโตร์ก
ด้วยเหตุนี้ ชาวสวนที่อยู่ในดินแดนสโตร์กจะสามารถปลูกพืชแบบ LP ด้วยต้นทุนที่น้อยลง หากวงจรการเก็บเกี่ยวผลผลิตจากการปลูกพืชแบบ LP ที่รวดเร็วจนมันได้รับความนิยม พวกเขาจะอยู่ในตำแหน่งได้เปรียบในเรื่องการส่งออกไปยังดินแดนอื่นๆ และเมื่อรายได้ของพวกเขาเพิ่มขึ้น เหล่าชาวสวนพวกนี้ก็จะสามารถมีรายได้มากพอที่จะสามารถจ่ายภาษีให้กับตระกูลสโตร์กโดยที่ไม่มีปัญหาใดๆ
จากมุมมองของเฮย์เดน เขาจะได้รายรับเพิ่มขึ้นถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม เพราะงั้นเขาจึงไม่มีเหตุจำเป็นใดๆที่จะต้องรีบเข้าร่วมการพัฒนาการปลูกพืชแบบ LP มันไม่สายเกินหรอกเพราะถ้าหากฮาโรลด์กับเอริกะแต่งงานกันอย่างเป็นทางการ ถึงตอนนั้นเขาค่อยขอเข้าร่วมด้วยก็ยังได้
[ มาคิดๆดูแล้วการเจรจาครั้งนี้มันค่อนข้างง่ายเลยทีเดียว ]
มาคิดๆดูแล้วมันไม่ใช่เรื่องที่คนวางแผนการทั้งหมดของเขาควรจะมารู้สึกผิดใดๆต่อการตัดสินใจของพ่อของเขาเอง เขาได้แต่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ทาสุคุเองก็กล่าวออกมาอย่างเห็นด้วย และเริ่มที่จะพูดคุยหัวข้อเรื่องใหม่ๆ
[ อ่าใช่ มีข้อความจากอิสุกิถึงเธอนะฮาโรลด์ ]
[ เกี่ยวกับอะไร ? ]
[ อะฮ่า ก็ถ้าพูดถึงตอนนี้ “งานประลองที่เมืองเดลฟิต” นี่คือข้อความจากอิสุกิ เฮ้อ ก็สมกับเป็นเจ้านั้นดีนะ ]
เขาพอจำเกี่ยวกับเดลฟิตได้ว่ามันคงเกี่ยวกับงานประลองการต่อสู้ นั้นเพราะ ในเกมส์ [[ Brave Hreats ]] มันก็มีเรื่องเล่าของเหตุการณ์การชนะการประลองการต่อสู้ในเมืองเดลฟิตอยู่เช่นกัน
( อืม นั้นก็เป็นอีกวิธีนึงแหะ ที่จะสามารถต่อสู้กับคนเป็นๆด้วยกันได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องสู้กันให้ถึงตายไปข้าง . . . . )
นั้นก็หมายความว่า มันคือโอกาสครั้งใหญ่ที่เขาจะสามารถหาประสบการณ์การต่อสู้แบบใหม่ๆได้ มันคือเหยื่อล่อที่ดีที่สุดที่ฮาโรลด์ในตอนนี้จะยอมฮุบมัน
[ ………. น่าสนใจดีนี่ ก็ได้ ข้าจะเข้าร่วมการแข่งขัน ]
ดังนั้น การเข้าร่วมการแข่งขันการต่อสู้ของฮาโรลด์จึงได้ถูกกำหนดขึ้น .