My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 26
ขณะแทรกตัวไปท่ามกลางฝูงชน โคดี้บังคับร่างตัวเองให้แหวกผ่านไปให้ได้ เขาขอโทษให้กับคนรอบๆและเริ่มเคลื่อนไหวต่ออย่างเบาๆ จนในที่สุดก้มาถึงที่นั่งชมการประลองแถวหน้าสุดจนได้
[ โอ้ว ดูเหมือนจะมาทันเวลาแฮะ แต่มันก็คุ้มค่าแล้วล่ะที่ทิ้งงานไว้ให้เหล่าลูกน้องทำแทน ]
ขณะกำลังลูบหนวดที่หลงเหลือเป็นตออยู่บนคางของตน โคดี้พึมพัมออกมาหลังจากที่สายตาของเขาพบกับเด็กชายผมดำที่กำลังยืนอยู่บนเวที หน่วยของโคดี้นั้นได้รับคำสั่งให้ลาดตระเวนพื้นที่โดยรอบเมือง แต่ทว่า เขากับผลักไสงานของตนไปให้กับลูกน้องทั้ง 3 คนของเขาแทน รวมถึงโรบินสันที่กำลังมาลาดตระเวนแถวๆงานประลองเช่นกัน ใช่แล้ว ตอนนี้ ลูกน้องของเขากำลังทำงานหลังคดหลังแข็งกันอยู่ และคงบ่นหัวหน้าของพวกตนเป็นแน่ เอาเถอะ เขาคงจะโดนบ่นสักหน่อยหลังจากที่กลับไปรวมตัวกับลูกน้องอีกครั้ง แต่ว่าสำหรับตอนนี้ เขาเลือกที่จะลืมมันไปก่อนและขอสำราญกับความอยากรู้อยากเห็นครั้งนี้
ขณะนั่งลงบนในจุดที่มุมดีๆ ในที่สุดแข่งขัน 2-3 แมทที่ไม่ได้น่าสนใจสำหรับเขาก็จบลง และเด็กชายผู้ซึ่งเขากำลังรออยู่ได้ขึ้นมายังบนเวที ชุดของเด็กนั้นดูเหมือนกับว่ามันสั่งตัดทำมาเพื่อตัวเขาโดยเฉพาะด้วยวัสดุชั้นดีและแม้กระทั้งถุงมือที่ถูกสวมอยู่ในมือซ้ายของเขา ดูจากสีของมัน มันดูเหมือนว่ามันถูกทำมาจากวัสดุที่แตกต่างไปจากแร่สัมฤทธิ์ทั่วไป
( ของพวกนั้นยอดเยี่ยมกว่าที่ทหาร(เช่นพวกเรา)ใช้อยู่อีกแหะ ไม่ใช่ว่าเด็กคนนี้เป็นขุนนางจากที่ไหนหรอกรึ? )
แม้ว่าชื่อที่ถูกเรียกนั้นจะเป็น คุณลอร์ด แต่มันก็ดูชัดเจนว่านั้นคือนามแฝง จากเครื่องแต่งกายของเขา ความเป็นไปได้ที่เขาจะเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดานั้นเป็นไปได้ต่ำมาก ในกรณีนี้ มันยังคงยากที่เชื้อเชิญเด็กคนนี้ให้เข้ามาสู่หน่วยอัศวิน เพราะการที่เขาจะรับคนใหม่เข้าในหน่วยอัศวินได้นั้นจำเป็นต้องขึ้นอยู่กับความแข็งแกร่งของตัวเด็กใหม่เองด้วย และที่โคดี้มาที่นี่ก็เพื่อมายืนยันสิ่งนี้
หรือในอีกความหมาย มันคือข้ออ้างที่ยอดเยี่ยมสำหรับเขาเอาไว้โดดงาน โดยเขาออกสืบเสาะตามหาผู้ที่มีพรสวรรค์ที่ควรจะเข้ามาอยู่ในหน่วยอัศวินในอนาคต ไม่ได้หมายความว่าเขาจะขี้เกียจทำงานซักหน่อยนะ ! เขาได้เตรียมข้ออ้างเหล่านี้เอาไว้เพื่อสำหรับกรณีเช่นนี้ ด้วยเหตุผลนี้ เขาจึงสามารถตั้งสมาธิเพื่อจดจ่อกับการประลองของเด็กชายคนนี้โดยไม่ถูกรบกวน
[ เอาล่ะๆ ไหนดูซิ เธอมีอะไรบ– . . . จบแล้ว ? ]
ก่อนที่โคดี้จะพูดจบประโยค การประลองก็จบลงแล้ว ทันทีที่คำว่า “เริ่ม” ถูกประกาศออกมา ลอร์ดก็ลดระยะห่างเพื่อปัดดาบของคู่ต่อสู้ออกและจบการต่อสู้ ทั้งหมดนี้เพียงแค่ก้าวเดียว
การประลองยังไม่ถึง 3 วินาที ผลสรุปออกมารวดเร็วปายสายฟ้า มันเข้าใจได้เลยว่าทำไมคู่ต่อสู้ของเด็กชายคนนี้ดวงตาถึงเหลือแต่ตาขาวเช่นนี้
สายตาที่เฉียบคมที่เต็มไปด้วยจิตสังหารนั้นมันมากพอที่จะทำให้หวาดกลัวเกินกว่าดาบปลอมที่จ่ออยู่ที่หน้าของเด็กชาย เขาถูกกลืนกินด้วยจิตสังหารของลอร์ด คู่ต่อสู้ของเขาประกาศยอมแพ้ออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา
อาจเพราะการประลองนี้จบลงแทบจะในทันที แม้กระทั้งฝูงชนที่ตื่นเต้นอยู่ยังไม่ทันรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและเริ่มจะทำเสียงรบกวน แต่ไม่แม้กระทั้งจะสนใจการกระทำของเหล่าฝูงชน ลอร์ดลงไปจากเวทีนี้อย่างรวดเร็ว
[ เอาจริงดิ? พรสวรรค์ขนาดนี้มันจะไม่เกินไปหน่อยหรอ ? ]
ความแข็งแกร็งของผู้เข้าสมัครแข่งขันในรุ่นนี้ควรจะฝีมือไม่แตกต่างกันมากนัก แม้ว่าคู่ต่อสู้ของลอร์ดนั้นจะค่อนข้างแข็งแกร่งพอสมควร แต่ความแข็งแกร่งนั้นมันก็แค่ในระดับรุ่นอายุเท่านี้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับคู่ต่อสู้ของลอร์ด เด็กคนนั้นคงเห็นแค่”อะไรบางอย่าง”เกิดขึ้นและก่อนที่เขาจะทันได้รู้สึกตัว เขาก็พ่ายแพ้แล้ว หรืออีกความหมาย ไม่ว่าชัยชนะที่เหลือของเขาจะอีกสักกี่ครั้ง มันจะจบลงเพราะความเร็ว และถ้าหากเทียบกันแค่ความเร็ว ลอร์ดนั้นเหนือกว่าลูกน้องของเขาอย่างท่วมท้น
แม้ว่าจะอยู่ท่ามกลางผู้ชมนับพัน แต่กลับไม่วอกแวกแม้สักนิด เขาล้มคู่ต่อสู่ในทันทีโดยเคลื่อนไหวอย่างน้อยที่สุด แม้ว่าเขาจะยังเป็นแค่เด็กทั้งร่างกายและจิตใจ แต่พลังที่แสดงออกมานั้นมันเกินกว่าคำว่าน่าอัศจรรย์เสียอีก
ด้วยพรสวรรค์ขนาดนี้ มันคงน่าเสียดายถ้าจะเก็บซ่อนเอาไว้ ที่คิดเช่นนั้นอาจเพราะอีโก้ของเขาที่ได้รับมาจากกองอัศวิน แต่ยิ่งนานเพียงใดยิ่งทำให้โคดี้มัวแต่กังวล เพราะพวกเขาอาจจะสูญเสียบุคคลผู้ซึ่งมีพรสวรรค์ไป แม้เขาจะพูดว่านี้คือการสังเกตการณ์ แต่ความจริงที่ว่าการตัดสินใจจะเข้าร่วมหรือไม่นั้นขึ้นอยู่ตัวตัวของผู้ถูกทาบทามเอง และโคดี้ก็ไม่ได้มีภาพลักษณ์น่าเลื่อมใสอะไรด้วยที่จะใช้จูงใจคนได้
( มันคงจะดีกว่าถ้าจะไปทาบทามเขาเอาไว้ก่อนแต่ . . )
จากการประลองเมื่อครู่ โคดี้รับรู้ได้ถึงสิ่งที่ลอร์ดแสดงออกมา เกี่ยวกับสิ่งที่เขานั้นจบการประลองนี้อย่างรวดเร็ว นั้นก็เพราะเขาไม่อยากจะทนที่จะแสดงตนกลางสาธารณะแบบนี้
ถ้าเป็นเช่นนั้น ลอร์ดผู้ซึ่งสามารถรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของโคดี้ได้เพียงแค่สบตากันแว็บเดียวเมื่อตอนเช้า มันเป็นไม่ได้เลยที่ลอร์ดจะไม่รู้ถึงความแตกต่างของพลังระหว่างเขากับคู่ต่อสู้ ถึงนั้นจะไม่ใช้เหตุผลจริงๆที่เขาจบการประลองอย่างรวดเร็ว แต่มันก็เป็นความจริงที่โคดี้ได้เข้าใจผิดไปแล้ว
แต่ถ้าไม่ใช่เพราะเช่นนั้น แล้วทำไมเขาถึงไม่ยื้อสักหน่อยล่ะ? นี่ยังเป็นอีก 1 คำถามที่อยู่ตงติดอยู่ในหัวของโคดี้ขณะที่การประลองยังดำเนินต่อไป
—————————-
ทันทีที่เขาสังเกตเห็นถึงคลอเล็ต การกระทำของฮาโรลด์ก็กลับกลายเป็นรวดเร็ว เรียกได้ว่าทันทีที่เริ่มการประลอง เขาก็ใช้การจู่โจมความเร็วสูงที่ทำให้คู่ต่อสู้ของเขายอมแพ้ลงในทันทีและออกจากเวทีไป
เขาเร่งรีบกลับเข้าไปยังห้องพักของผู้ประลองและขณะสอดส่องสายตาของเขาไปโดยรอบ เขาก็พบกับเด็กชายที่กำลังค้นหา
ในเมื่อคลอเล็ตอยู่ที่นี่ มันก็มีความเป็นได้สูงที่”เขา” จะอยู่ที่นี่เช่นกัน ตัวละครหลักของเกมส์ “Brave Hearts” ไลเนอร์
ปัญหาก็คือ ฮาโรลด์ไม่รู้ว่าเขานั้นจะเป็นผู้ชมเหมือนกับคลอเล็ตหรือผู้เข้าร่วมการประลอง แต่ในสถานการณ์ที่แย่ที่สุดสำหรับเขาคือการที่ต้องประชันหน้ากับไลเนอร์ในการประลอง
น่าเสียดาย ที่คำอธิฐานของฮาโรลด์ที่ว่า “ได้โปรดนั่งลงที่ที่นั่งผู้ชมด้วยเถิด” จะจางหายไปในอากาศ เด็กหนุ่มผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยความใจสู้และความร่าเริง ทรงผมที่ชี้ๆของเขาเข้ามาในการมองเห็นของฮาโรลด์ และสีของมันเหมือนดั่งที่เขาจำได้ มันคือ สีแดงเพลิง
เมื่อชื่อของ “ไลเนอร์ กริฟฟริท” ถูกเรียกขึ้น เขาก็พุ่งขึ้นไปที่เวที ด้วยจิตใจนักสู้ที่กำลังลุกโชน ฮาโรลด์ถึงกับคอตกหลังจากยืนยันตัวตนของเจ้าของร่างนั้นได้ ด้วยเหตุนี้ มันชัดเจนแล้วว่าไลเนอร์นั้นมาเข้าร่วมงานประลองในฐานะผู้แข่งขันเช่นกัน
( เอาจริงดิ. . ? ไม่ใช่ว่าผมควรที่จะยอมแพ้ก่อนที่จะประจันหน้ากับเขาเรอะ? )
การพัฒนาเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยปรากฎอยู่ภายในเกมส์ ในเกมส์นั้น เมื่อตอนที่ไลเนอร์มายังเมืองเดลฟิต มันมีฉากแค่ไลเนอร์กำลังตกใจขณะมองดูเรือขนาดยัก “มันเป็นฉากในตอนที่เขามายังเมืองเดลฟิตในครั้งแรก” ก็อย่างที่กล่าวมา ฮาโรลด์นั้นไม่รู้จริงๆว่ามันกลายมาเป็นไลเนอร์เข้าร่วมการประลองนี้ได้อย่างไรเหมือนกัน
เพื่อไม่ให้เกิดความยุ่งยาก ขณะที่เขากำลังคิดว่าจะถอนตัวจากการประลองนี้โดยใช้เหตุผลสักอย่าง เขาก็เกิดนึกขึ้นได้ว่า เขากำลังจะทำในสิ่งที่เหมือนกับที่เข้าพึ่งทำไปเมื่อเช้า(TL:เมื่อเช้าหนีจากโคดี้ ตอนนี้เลยจะหนีจากไลเนอร์) ไม่ต้องคิดเลย เพราะพวกเขาเป็นตัวละครที่ปรากฎอยู่ภายในเกมส์ ทำให้เขามีปฎิกริยาตอบสนองไปเองที่จะพยายามหลบเลี่ยงพวกเขา
และเมื่อเขาลองคิดย้อนเกี่ยวกับมัน เหตุผลที่ไลเนอร์แสดงความไม่เป็นมิตรต่อฮาโรลด์หลักๆแล้วนั้นเพราะความตายของคลาร่าและพฤติกรรมของฮาโรลด์ที่แสดงออกในเกมส์เอง แต่ตอนนี้ฮาโรลด์ได้เคลียปัญหาเรื่องสถานะขอคลาร่าเรียบร้อยแล้ว
ถึงเขาจะพูดมาเช่นนั้น เขาก็วางแผนไว้แล้วที่จะพิสูจน์ตัวเองด้วยการกระทำแทนคำพูดของเขาในอนาคต หรือก็คือ มันไม่มีเหตุผลที่ไลเนอร์จะเกลียดเขา กลับกัน มันกลับเป็นแผนที่ดีที่จะติดต่อกับไลเนอร์ตอนนี้ ถึงแม้เขาจะไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าร่วมกลุ่มปาร์ตี้ผู้กล้าที่มักจะต่อสู้อยู่แนวหน้าเสมอ แต่มันเป็นไปได้ที่จะให้คำแนะนำพวกเขาเพื่อเพิ่มพลังการต่อสู้ในสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้นจากความรู้ภายในเกมส์ เพราะถ้าหากพวกเขากลายเป็นศัตรูกัน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่าปาร์ตี้ผู้กล้าจะยอมฟังฮาโรลด์
เมื่อเขาคิดได้ถึงตอนนี้ เขาก็เริ่มใจเย็นลงเป็นอย่างมาก อันดับแรก ถ้าหากเอริกะและคลอเล็ตพบกัน มันคงจะเป็นครั้งแรกที่พบกันของทั้ง 2 ฝ่าย ตราบเท่าฮาโรลด์ไม่ปรากฎตัวขณะที่พวกเธอพบกัน มันก็จะไม่มีทางที่สิ่งที่เขาทำไว้ในอดีต(เรื่องคลาร่า)จะถูกเปิดโปง
ในเมื่อเอริกะไม่พยายามใกล้ชิดฮาโรลด์นักด้วยตัวของเธอเอง มันจึงเป็นเรื่องที่ดีที่จะแอบถามอ้อมๆเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของคลอเล็ตและไลเนอร์ในการประลองนี้
ขณะกำลังยืนยันความแข็งแกร่ง ณ ปัจจุบันของไลเนอร์ ฮาโรลด์คิดว่าจะไปสร้างความคุ้นเคยกับเขา เพื่อสร้างความสัมพันธ์แบบเพื่อนที่เขาจะสามารถได้ใช้ในอนาคต มันไม่จำเป็นที่จะต้องทำเพียงยืนดูอยู่เฉยๆและปล่อยให้โอกาสที่ถึงใต้จมูกแล้วลอยหายไป ขณะที่เขาคิดแผนการณ์เสร็จสิ้นแล้ว เขาก็หันความสนใจไปยังการประลอง และเมื่อเขาหันความสนใจไปที่เวทีนั้น มันก็เป็นเวลาที่ไลเนอร์ชนะการประลองและกำลังดีใจด้วยท่าทางกำมือเย้ๆ
ไม่ต้องสงสัยเลย เขาก็ยังคงเป็นผู้กล้าผู้ซึ่งในอนาคตจะเป็นคนช่วยโลกใบนี้ “ถ้าหากใช้เรื่องในเกมส์อ้างอิง แม้ว่าไลเนอร์จะเลเวล 1 เขาก็คงไม่มาแพ้ในสถานที่เช่นนี้” หรือกล่าวคือ เขาต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อแสดงความยินดีแก่ไลเนอร์ที่ชนะการประลอง มันคงเป็นเรื่องที่ดีในการที่จะเริ่มบทสนทนา
( แล้วผมควรจะพูดอะไรดี ? ยินดีด้วยนะ? ไม่สิ มันอาจจะกลายเป็น “ไอ้ท่าทางหยิ่งผยองนั้นมันอะไร คำพูดนั้น เยาะเย้ยกันเรอะ? “ อุก . . ผมจะพูดอย่างไรดีให้มันดูเป็นมิตรและไม่น่ารังเกียจ )
ขณะที่เขากำลังคิดคำพูดอยู่นั้น ไลเนอร์ก็ได้เดินผ่านเขาไปแล้ว และด้วยความที่ต้องการจะหยุดไลเนอร์ ฮาโรลด์ก็ได้เผลอกล่าวออกไปเอง
[ เฮ้ยแก ไอ้หัวแดง ]
และผลที่ได้จากคำพูด “ไอ้หัวแดง” นั้นคือเท้าของไลเนอร์ถึงกับหยุดเดิน ดูเหมือนเขาก็ได้เลือกคำพูดที่ผิดพลาดเข้าให้แล้ว พร้อมกับท่าทางของเขา ที่กำลังยืนกอดอกหลังพิงกำแพงอยู่ และคำพูดที่กล่าวออกไปนั้นมันยิ่งฟังดูหยิ่งผยองเป็นพิเศษ แต่ทันทีที่คำพูดนั้นออกไปจากปากของเขา มันก็หมายความว่าเขาหมดหนทางที่เขาจะถอยหลังกลับแล้ว
[ อ่า นายนั้นเอง ]
ทันทีที่ไลเนอร์รู้สึกถึงฮาโรลด์ เขาก็เข้ามาหาโดยทันที ฮาโรลด์นั้นคิดว่าไลเนอร์คงจะต้องโกรธเป็นแน่ แต่กลับว่าไม่มีความโกรธใดๆเลยในดวงตาคู่นั้น มันมีเพียงแต่ความเร้าร้อนที่ลุกโชนอยู่ในดวงตาคู่นั้น
[ ว้าว นายคือคนที่มีความเร็วสุดยอดนั้นใช่รึปล่าว? ผมเองก็ชมการประลองนั้นเช่นกัน แต่ผมก็ไม่เข้าใจเลยว่านายทำแบบนั้นได้ยังไงอะ? แล้วผมจะทำแบบนั้นได้ด้วยรึปล่าว?! ]
ท่าทางที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของเขาก็ยังแสดงมันออกมาแม้ต่อหน้าของฮาโรลด์ ผู้ซึ่งเป็นคนเรียกเขาให้กลับมา แม้ว่าในเกมส์ ไลเนอร์จะเป็นตัวละครเก็บซ่อนความไร้เดียงสาเอาไว้ แต่ว่าตอนนี้เขายังคงเป็นแค่เด็ก มันจึงให้ความไร้เดียงสาของเขาถูกแสดงออกมาอย่างเห็นได้ชัด
[ ถ้าหากมันเป็นเทคนิค ได้โปรดสอนผมด้วย! แต่ถ้าไม่ได้ ผมขอรู้แค่วิธีการที่นายฝึกฝนร่างกายเป็นประจำก็พอ ! ผมน่ะแบกน้ำหนักไปด้วยในตอนที่ผมวิ่ง แต่ว่ามันไม่มีทางเลยที่ผมจะสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วเช่นนายทำ ! ]
[ อย่างแรก หยุดการทำงานของไอ้ปากไร้ค่านั้นซะ ]
[ อ่า ขอโทษที มาคิดๆดูแล้ว ผมยังไม่ได้แนะนำตัวเองเลย ผม ไลเนอร์ ! ]
ไลเนอร์ยิ้มออกมาอย่างร่าเริงพลางยื่นมือขวาของเขาออกมา
หลังจากที่ลังเลอยู่ซักพัก ฮาโรลด์ก็จับมือนั้น
[ . . ฮาโรลด์ เรียกข้าแบบนั้นถ้าหากแกต้องการ ]
[ ตกลง! ยินดีที่ได้รู้จักนะ ฮาโรลด์ ! ]
ไลเนอร์ที่กำลังยิ้มอย่างไร้กังวลให้กับฮาโรลด์ สำหรับไลเนอร์แล้ว พวกเขาถือว่าได้กลายเป็นเพื่อนกันแล้ว แต่สำหรับฮาโรลด์ ที่ได้แต่เก็บซ่อนความเจ็บปวดต่อมโนธรรมของเขา แต่ผลักเรื่องนี้ทิ้งไปก่อน เพราะว่านี่ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับเขา ที่สามารถได้สร้างสัมพันธ์กับเด็กหนุ่มใสซื่อคนนี้
[ ข้าดูๆสไตลด์การต่อสู้ของแกแล้ว จริงๆที่จะบอกก็คือมันหุ่นหันพลันแล่นไปหน่อย แต่มันก็ดีกว่าพวกสวะที่เหลือนี่ ]
[ ฮี่ๆ ขอบใจนะ! ]
ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ใครที่ได้ยินคงคิดว่าฮาโรลด์กำลังพยายามข่มหัวผู้แข่งขันคนอื่นๆ เพราะสายตาของเขาที่จ้องมองไปยังคนอื่นๆนั้นมันน่ากลัวมาก แต่ว่าไลเนอร์กับไม่สังเกตเห็น แถมเขินอายเพราะถูกชมออกมาอีก มันยิ่งทำให้ความจริงที่ว่าไลเนอร์นั้นเป็นคนบ้าที่ไม่ค่อยเข้าใจคำเสียดสีเท่าไรนักนั้นไม่เปลี่ยนแปลง สำหรับฮาโรลด์ ที่รำคาญมากเพราะต้องถูกบังคับให้ใช้ภาษาปากหมาไม่ว่าที่ไหนตอนไหน แต่เขาขอบคุณมากที่ไรเนอร์มีปฎิกิริยาตอบกลับมาเช่นนั้น
[ แต่ ถึงข้าจะไม่มีหน้าอะไรที่จะต้องมาสั่งสอนแก แต่ถ้าแกอยากจะรู้ ตอนที่สู้กับข้าก็หัดเอาไปจำเอาเองล่ะกัน แต่ว่าแกจะต้องชนะการประลองรอบอื่นๆจนกว่าจะเจอข้าได้ล่ะนะ ]
[ ผมจะชนะแน่! ฮาโรลด์ก็เหมือนกันนะ ห้ามแพ้ก่อนที่นายจะได้มาสู้กับผมนะ ตกลงมั้ย? ]
[ แกคิดว่ากำลังพูดอยู่กับใครกัน ? สิ่งเดียวที่แกควรจะเรียนรู้ ณ ตอนนี้คือความห่างชั้นของพลังระหว่างข้ากับแกน่ะมันเท่ากับสวรรค์กับพื้นดิน ]
[ โอ๊ะ ผมเผลอมองข้ามมันไป ! เอาเถอะ แล้วพบกันใหม่ในการประลองนะ ! ]
รอยยิ้มอันเป็นมิตรของไลเนอร์ตอนนี้ได้หายไป มันเหลือเพียงบรรยากาศที่เริ่มจะคุกกรุ่นขึ้น ณ ที่นี่ และฮาโรลด์ที่ยิ้มตอบกลับอย่างหยิ่งผยอง พวกเขาทั้งคู่นั้นต่างไม่มีใครกลัวใคร สำหรับตอนนี้ มันเป็นเพียงแค่การเผชิญหน้ากันก่อนเริ่มประลองเท่านั้น
จากมุมมองของผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆที่กำลังมอง 2 คนนี้ด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ก็เพราะทั้ง 2 คนนี้นั้นพูดคุยกันราวกับว่าไม่มีคนอื่นๆในที่แห่งนี้เก่งเกินไปกว่าพวกเขาทั้ง 2 อีกแล้ว มันจึงช่วยไม่ได้ที่ผู้เข้าแข่งขันที่เหลือนั้นจะเข้าใจว่า 2 คนนี้ตั้งใจที่จะยั่วยุพวกเขา
เอาจริงๆ สิ่งที่ฮาโรลด์ทำนั้นมันเป็นการเพิ่มภาระให้แก่ไลเนอร์ แต่ถ้าหากเขาเป็นผู้กล้า แค่นี้คงไม่มีปัญหาอะไร
[ แบบนี้ค่อยคุ้มค่าที่จะสู้ขึ้นมาหน่อย ]
ฮาโรลด์ เขาพึมพัมออกมาพลางมองไปยังมือขวาของเขาที่มันเคยถูกบีบจนแน่น
———————
TL : แอบแว๊บมาได้ เลยแวะมาลงตอนที่แปลดองไว้ 🙂