My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 27
ด้วยอารมณ์เหล่าที่บอกเป็นนัยๆเกี่ยวกับความรู้สึกที่แท้จริงของเขา นั้นก็เพราะการจะสื่อสารมันออกมาด้วยคำพูดเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับฮาโรลด์ ถ้าจะให้บอกอารมณ์จริงๆของฮาโรลด์ ณ ตอนนี้คงจะเป็น สะเทือนใจ
ในที่สุด เขาก็มาถึงจุดที่ได้พบกับพระเอกของเกมส์ [[Brave Hearts]] หรือก็คือไรเนอร์ หากตามเนื้อเรื่องของเกมส์จริงๆมันควรจะเป็น 5 ปีต่อจากนี้ ซึ่งในที่สุดเขาก็ได้พบ ถือว่าเป็นความสำเร็จมั้งนะ แม้ว่ามันจะอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาก็เถอะ
การที่เขาสามารถสร้างความสัมพันธ์ฉันมิตรกับไรเนอร์ได้นั้นแสดงได้ว่าการกระทำที่ผ่านมาของเขานั้นไม่ผิดพลาดแต่อย่างใด
มันทำให้มุมปากของเขายกขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจและเผยรอยยิ้มที่ดูชั่วร้ายมากออกมา ซึ่งทันทีที่ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆที่ได้เห็นพวกเขาก็เสี่ยวสันหลังว๊าบกันและเริ่มถอยห่างกันออกมา และตัวของฮาโรลด์เองที่มัวแต่คิดถึงเรื่องของไลเนอร์ จึงไม่ทันได้สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นรอบตัวของเขา
ผมจะเพิ่มความเชื่อใจจากเขาได้อย่างไร ? ตอนนี้เขาเก่งแค่ไหนแล้ว ? เขาสนิทกับคลอเล็ตเหมือนดั่งในเกมส์ไหมนะ ? เรื่องพวกนี้วิ่งกันวุ่นอยู่ในหัวของฮาโรลด์
ตามความจริง ทันทีที่ฮาโรลด์รู้ว่าที่นี่คือโลกของเกมส์ [[Brave Hearts]] เขาก็ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะหลบเลี่ยงธงมรณะไปเรื่อยๆ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตัดสินใจว่าจะปล่อยให้เหตุการณ์เลยตามเลย
ถ้าจะให้พูดตามตรง เขามั่นใจว่าโลกนี้เป็นสิ่งที่ถูกสร้างขึ้น มันคือการผสมกันระหว่างเหล่าตัวละครภายในเกมส์และชะตากรรมที่ผู้สร้างเป็นผู้กำหนด และเรื่องราวของมันมีบทสรุปอยู่ในตัวแล้ว
และมันต้องมีสิ่งที่เรียกว่า “พระเอกมักเลือกเส้นทางที่ถูกต้องเสมอ” สิ่งนี้คือชะตากรรมอันแข็งแกร่งที่พระเอกทุกคนต้องมีในทุกๆเรื่องราว
สิ่งนี้อาจจะเรียกได้ว่า เจตจำนงของผู้เขียน มันคือพลังอันยิ่งใหญ่ที่สามารถเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่อง หรือการดำเนินเรื่องราวต่างๆให้สอดคล้องกับฉากจบ จนดูราวกลับว่าตัวเอกของเรื่องเป็นที่รักใคร่ของโลกใบนี้ แน่นอนว่าไรเนอร์ภายในเกมส์ก็ถูกช่วยด้วยพลังที่ว่าเช่นกัน เพราะถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้น แม้ว่าพวกเขาจะโดดเด่นซักแค่นั้น แต่ว่ามันไม่มีทางเลยที่โลกนี้จะถูกช่วยไว้ด้วยพวกบ้าๆเพียง 10 คน
ที่จะสื่อก็คือ ตราบใดที่ไรเนอร์ยังเป็นตัวเอกของโลกใบนี้ ผู้คนจะรักเขา โลกใบนี้จะเป็นพันธมิตรกับเขา เพราะโลกใบนี้ควรจะถูกสร้างมาเพื่อเป็นเช่นนั้น
นั้นคือเหตุผลที่ทำให้เขาเกิดข้อสงสัยเล็กๆที่ว่า ตัวตนของ ฮาโรลด์ สโตร์ก นั้นควรจะให้การช่วยเหลือแก่ไลเนอร์จริงๆหรอ ? ทำไมไม่ทำอะไรโดยไม่จำเป็น หลีกหนีเหตุการณ์สำคัญๆที่จะเกิดขึ้น ห่างไกลจากอันตรายให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และกลายเป็นตัวประกอบชาวบ้าน A
นั้นสิ จะไม่ดีกว่าหรอถ้าหากเขาไปแอบหลบอยู่โง่ๆซักมุมๆหนึ่งในโลกใบนี้ แสดงบทบาทจืดจางอย่างที่เขาเคยเป็น และเฝ้ารอจนกระทั้งเรื่องราวจบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้ง
นั้นสิ ถ้าหากเขาย้อนเวลากลับไปได้ บางทีเขาอาจจะอยากโยนทุกๆอย่างทิ้งและหนีไป แต่ทว่า มันก็ไม่ง่ายที่เขาจะทำเช่นนั้นได้ นั้นเพราะความจริงที่ว่าเขานั้นปล่อยให้คลาล่าตายไม่ได้ค้ำคออยู่
แม้ว่าเธอจะได้รับความช่วยเหลือจากฮาโรลด์ แต่ว่าบางทีเธออาจจะสามารถรอดจากความตายได้ถ้าหากโชคชะตากำหนดให้เธอรอดเอาไว้
หรือกล่าวสั้นๆก็คือ แม้ว่าโลกนี้จะเป็นโลกที่เหมือนกับเกมส์ [[Brave Hearts]] แต่มันก็ไม่มีหลักฐานอะไรที่ว่าเนื้อเรื่องมันจะต้องเป็นไปดั่งภายในเกมส์
ถ้าหากสมุติฐานนี้ถูกต้อง แม้ว่าฮาโรลด์จะทิ้งทุกอย่างไป บางทีอาจจะไม่มีวายร้ายคนไหนปรากฎตัวขึ้นมาแทนเขาก็เป็นได้ และนั้นอาจจะทำให้เนื้อเรื่องหลักพังทลายลง เพราะมันจะส่งผลเสียต่อการพัฒนาตัวละครของเหล่าตัวเอก หากตัวเอกไม่สามารถเติบโตได้เท่ากับภายในเกมส์ พวกเขาก็จะไม่สามารถช่วยโลกใบนี้ไว้ได้ ดังนั้นฮาโรลด์จึงพยายามทำให้เนื้อเรื่องดำเนินไปในทิศทางเดิมเช่นเดียวกับภายในเกมส์
(….. ถ้าหากมองในมุมตรงข้าม วิธีนี้อาจทำให้ไรเนอร์สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้เช่นกัน )
แม้ว่าตัวของฮาโรลด์เองจะคิดถึงแต่ด้านลบของการพัฒนาเหตุการณ์และไม่เคยคิดถึงเรื่องเหล่านี้เลยจนกระทั้งเขาได้มาพบกับไรเเนอร์ การที่เขาเก็บประสบการณ์การต่อสู้จริงมามากมายภายในเกมส์และสามารถชี้แนะไรเนอร์ในวิธีทีการต่อสู้กับศัตรูได้อย่างมีประสิทธิภาพ บางทีไรเนอร์อาจจะสามารถแข็งแกร่งกว่าในเกมส์ก็เป็นได้
ขณะที่ฮาโรลด์กำลังรอคอยการเผชิญหน้ากับไรเนอร์โดยเก็บซ่อนจุดมุ่งหมายที่แท้จริงของเขาไว้ จนกว่าจะได้ต่อสู้กับไรเนอร์ ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นที่จะต้องเผชิญหน้ากับเขาจะต้องพ่ายแพ้ในกระบวนท่าเดียวโดยไม่มีข้อยกเว้น
และในที่สุดการต่อสู้กับไรเนอร์ก็ได้เริ่มขึ้น ราวกับถูกใครบางคนวางแผนเอาไว้ พวกเขาได้มาพบกันในรอบชิง ทั้งคู่เอาชนะคู่ต่อสู้ได้อย่างท่วมท้น ไม่มีใครเลยที่สามารถต่อกรกับพวกเขาทั้งคู่ได้ และเมื่อทั้ง 2 ได้มายืนประจันหน้ากันบนเวที ความตื่นเต้นของผู้ชมก็พุ่งทะลุถึงขีดสุด
[ อย่างที่ผมเคยสัญญาเอาไว้ ผมมาถึงรอบชิงแล้ว ]
[ เอาเถอะ ขอแค่ไม่ให้มีเพียงแค่คำคุย แสดงความแข็งแกร่งออกมาให้ข้าเห็นซะ ]
[ ได้เลย ! ]
ไรเนอร์ประกาศกร้าวออกมาด้วยใบหน้าที่จริงจังและเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นอย่างไม่เขิลอาย ในหัวของไรเนอร์คิดเพียงแค่ว่าจะต้องชนะอย่างแน่นอน อาจเพราะไม่สามารถทนเก็บความรู้สึกเหล่านี้ได้อีกต่อไป ไรเนอร์ได้พุ่งเข้าไปโจมตีทันที
มันเป็นการฟันในแนวนอน ราวกับว่าต้องการให้คู่ต่อสู้ปัดป้องมัน แต่ทว่า ฮาโรลด์กลับหลบมันในทันทีเพียงแค่ถอยหลังออกไปเล็กๆ แต่ว่า ไรเนอร์ก็ยังพุ่งเข้าไปเพื่อปิดระยะห่าง เขาโจมตีอย่างต่อเนื่องทั้งทางด้านขวา ด้านซ้าย ด้านบน ด้านล่าง หรือบางทีก็แทงเข้าไปตรงๆ เขาปลดปล่อยการฟันอย่างต่อเนื่องแบบไม่มีทีท่าว่าหยุดพัก แต่ทว่า ทุกๆการโจมตีนั้นกลับถูกฮาโรลด์ปัดป้องกลับไปอย่างง่ายๆ
ความเร็ว พลัง และเทคนิค เมื่อเทียบกับคู่ต่อสู้คนอื่นๆที่ฮาโรลด์ใด้สู้ด้วยในการแข่งขันนี้ ไรเนอร์เหนือกว่าคนอื่นๆอย่างไม่เห็นฝุ่น ฮาโรลด์เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมไรเนอร์จึงมาถึงรอบชิงได้โดยง่าย
แต่ว่ามันก็แค่นั้น เขาไม่รู้สึกว่าไรเนอร์นั้นแข็งแกร่งอะไรเลยซักนิด
(เห้ยๆ…. เอาจริงดิ ทำได้แค่นี้เองหรอ ? )
เป็นอย่างที่ฮาโรลด์กังวล หากพูดตรงๆ ถึงจะเก่งกว่าผู้เข้าแข่งขันคนอื่นๆ แต่ก็ไม่ได้แตกต่างกันมากขนาดนั้น หากให้เทียบความแข็งแกร่งของไรเนอร์ในตอนนี้กับภายในเกมส์ หมอนี่คงอยู่แค่เลเวล 1 เท่านั้น และหากเอาอายุของไรเนอร์มาเป็นเกณฑ์ด้วย เขายิ่งต่ำกว่าเลเวล 1 เสียอีก และถ้าหากยึดเรื่องนี้เป็นพื้นฐาน คงปฎิเสธไม่ได้ว่าฮาโรลด์คาดหวังไว้มากเกินไป แต่ว่าถ้าหากเป็นเช่นนี้ ฮาโรลด์ก็อดสงสัยไม่ได้เช่นกันว่าไรเนอร์จะกลายเป็นผู้กล้าช่วยโลกใบนี้ได้จริงๆหรอ
โดยส่วนตัว หลังจากที่ฮาโรลด์ได้เห็นความแข็งแกร่งของไรเนอร์ เขาไม่ได้โกรธหรือผิดหวังอะไร มีแค่ความรู้สึกกังวลที่กำลังเล่นงานเขาอยู่
◇
นั้นคือเรื่องที่น่าตกใจสำหรับไรเนอร์ในตอนที่ได้ชมการแข่งขัน เด็กผู้ชายที่เข้าแข่งขันรอบก่อนหน้านี้ เขารวดเร็วและสามารถจบการต่อสู้นี้ในชั่วพริบตา
ฮาโรลด์ คือเด็กชายคนนั้น เขาเร็วมากขนาดที่สายตายังจับความเคลื่อนไหวแทบจะไม่ทัน ยิ่งกว่านั้น ฮาโรลด์เขาแข็งแกร่ง และรู้ดีว่าตัวเขาขีดจำกัดดีว่าตนแข็งแกร่งถึงเพียงใด สำหรับไรเนอร์ ผู้ที่ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะแข็งแกร่งเช่นกัน ความแข็งแกร่งที่เขาใฝ่หานั้นมีไว้เพื่อปกป้องผู้คนที่สำคัญสำหรับเขา สิ่งเหล่านี้ทำให้เขามีความสุข แต่ในขณะเดียวกัน ทันทีที่เขาได้เห็นเด็กชายที่มีความสามารถขนาดนี้ทั้งๆที่อายุเท่าๆกันกับเขา มันทำให้เขารู้สึกผิดหวังกับตัวเองเช่นกัน
นั้นคือเหตุผลว่าทำไม เขาจึงต่อสู้อย่างจริงจังราวกับว่าคู่ต่อสู้ของเขาคือพ่อแม่ของเขา ผู้ที่ปัดป้องทุกการโจมตีของเขาได้เกือบตลอดในการดวลกับพวกท่าน เขาใส่มันทุกๆอย่างลงไปในความตั้งใจเหล่านี้เพื่อที่จะได้เผชิญหน้ากับฮาโรลด์
ถึงแม้ว่าเขาจะใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีเพื่อต่อสู้กับฮาโรลด์ แต่ว่า ดาบของไรเนอร์กลับไปไม่ถึงฮาโรลด์เลยซักครั้ง
(ผมโจมตีไม่โดนเขาเลยซักครั้ง ทำไมกัน !?)
มากกว่า 50 ดาบที่ฟาดฟันไป เกือบทั้งหมดถูกปัดป้องไว้โดยดาบของฮาโรลด์ และที่เหลือ เขาหลบมันได้ง่ายๆโดยทำแค่เพียงโยกตัวหลบ
แม้ว่ามันจะเป็นดาบยาวที่บางและน้ำหนักเบา แต่ฮาโรลด์ก็สามารถใช้มันได้อย่างสบายๆด้วยมือข้างเดียว และรับมือกับการโจมตีของไรเนอร์ไดอย่างง่ายดาย
ยิ่งกว่านั้นในการดวลนี้ ฮาโรลด์ยังไม่ได้ใช้ความเร็วที่สุดยอดของเขาในการโจมตีเลยซักครั้ง เขายังคงปล่อยให้ไรเนอร์โจมตีต่อไปเรื่อยๆตราบที่เขาต้องการโดยแทบจะไม่ขยับไปไหน
ราวกับว่าฮาโรลด์สามารถป้องกันได้อย่างสมบูรณ์ และมันแตกต่างจากวิธีการต่อสู้ที่เขามักจะใช้เผด็จศึกก่อนหน้านี้ จึงทำให้ผู้ชมต่างตะโกนเชียร์เสียงดังว่า “เอาจริงซักทีสิวะ”
แต่สำหรับไรเนอร์ผู้ที่กำลังประชันดาบกับเขา ทุกๆครั้งที่ดาบของพวกเขาปะทะเพื่อวัดพลังกัน ฮาโรลด์จะแสดงให้เห็นถึงความแตกต่างด้านพลัง มันทำให้ไรเนอร์รู้สึกสิ้นหวังราวกับกำลังเผชิญหน้ากับป้อมปราการที่แข็งแกร่งที่อยู่สูงจนเขาเอื้อมไม่ถึง ไม่สามารถเจาะทะลวงได้ ทั้งหมดถูกป้องกันไว้ได้โดยดาบเพียงเล่มเดียว
ในขณะที่เกิดรอยร้าวเล็กๆขึ้นภายในจิตใจของไรเนอร์ ดาบของเขาก็ทื่อลงนิดหน่อย เมื่อเห็นดังนั้น ฮาโรลด์จึงถอยหลังออกไปและโยนคำพูดเหล่านี้กลับมาราวกับบดขยี้ความตั้งใจของไรเนอร์
[ น่าผิดหวัง แกไม่มีค่าอะไรให้เอาจริงได้เลยด้วยซ้ำ ]
[ อะไรนะ !? ]
[ มันไม่จริงหรือไง ? แกโจมตีไม่ถึงตัวข้าเลยซักครั้ง ยังไม่เข้าใจอีกหรอ ไม่ว่าแกจะโจมตีมาอีกซักกี่ครั้งมันก็ไร้ประโยชน์ ]
[ นะ – นายเองก็ยังโจมตีไม่โดนเลยซักครั้งเหมือนกัน ! ]
[ เจ้าโง่ ข้าจะโจมตีตอนไหนก็ได้ต่างหาก ]
ฮาโรลด์ตอบกลับคำพูดนั้นด้วยการกระทำ ทันทีที่ไรเนอร์รู้สึกตัว ฮาโรลด์ก็หายไปจากสายตาของเขา และดาบที่ 2 มือของเขากำอยู่กับถูกฟันจนขาดครึ่ง
ดาบที่อยู่ในมือของไรเนอร์นั้นเหลือใบดาบเพียงครึ่งเดียว และอีกครึ่งหนึ่งกระเด็นไปตกอยู่ที่พื้นสนาม
อาวุธทั้งหมดที่ใช้ในการประลองนี้คือดาบปลอมที่ถูกลบความคมออกจนหมด ที่จะกล่าวคือมันถูกทำให้ทื้อเพื่อความปลอดภัย เพราะงั้น ไรเนอร์จึงจินตนาการไม่ออกเลยว่าต้องใช้ความสามารถเพียงใดถึงใช้ดาบปลอมนี้ตัดอะไรบางอย่างได้
และยิ่งกว่านั้น สิ่งที่ทำให้เขาตกใจที่สุดคือความเร็วนั้น ถึงจะเคยเห็นมาก่อนแล้วจากข้างสนามแข่ง แต่พอได้มีเผชิญหน้าตรงๆ มันกับแตกต่างกันอย่างชัดเจน ก่อนที่ไรเนอร์จะรู้สึกตัวว่าเกิดอะไรขึ้น เขาก็ถูกเข้าประชิดเรียบร้อย
[ ด้วยการโจมตีระดับนี้ยังไม่สามารถตอบสนองได้ทัน ข้าอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจกับความอ่อนของแก ]
[ อึก … ]
เขาแพ้ แพ้โดยไม่มีข้อกังขาใดๆ ฮาโรลด์ที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างของทั้งคู่ราวกับผู้ใหญ่แกล้งเด็ก นี่ถือเป็นครั้งแรกของไรเนอร์ที่เขาพ่ายแพ้ในการดวลดาบให้กับคนที่อายุเท่าๆกับเขา เขาไม่เคยคิดเลยว่ามันจะน่าหงุดหงิดขนาดนี้ ราวกับพยายามหลบสายตาของฮาโรลด์ที่ดูไม่สามารถเอื้อมถึง ไรเนอร์ได้แต่ก้มหน้าลง
“สำหรับตอนนี้ มันคงจะจบลงหลังจากผู้ตัดสินประกาศการพ่ายแพ้ของผม” ไรเนอร์คิดเช่นนั้น แต่ทว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด ผู้ตัดสินกลับไม่ส่งเสียงใดๆออกมา และทันทีที่ไรเนอร์เงยหน้าขึ้น สิ่งที่ปรากฎต่อสายตาของเขาคือภาพที่แปลกประหลาด มันคือภาพของฮาโรลด์ที่กำลังยืนเอาดาบปลอมจ่อคอผู้ตัดสิน
[……เอ๋?]
ขณะที่มองดูฉากที่เหนือความคาดหมาย ความรู้สึกผิดหวังและพ่ายแพ้ได้กระจัดกระจายหายไป เขาตกตะลึงโดยสมบูรณ์
ไม่รู้ว่าทำไม ฮาโรลด์ถึงกำลังข่มขู่ผู้ตัดสิน
[ เห้ย แก ไอ้หมอนี่มันยังไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แล้วแกกล้าดียังไงที่จะประกาศจบการดวลครั้งนี้ ? ]
[ เอ่อคือ ดาบของเขาพังไปแล้วและเขาเองก็ไม่สามารถสู้ต่อ– ]
[ ก็ไม่เห็นเป็นไร หาดาบใหม่ให้เขาก็เท่านั้น ]
[ เอ๊ะ ? ]
จากคำพูดนั้น ตอนนี้ทั้งไรเนอร์และผู้ตัดสินต่างยืนงงเป็นไก่ตาแตก ราวกับไม่สนใจทั้ง 2 คน ฮาโรลด์เดินไปหยิบดาบจากหนึ่งในผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ด้านล่างของเวที
ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ชมการประลองนี้ ต่างเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่าฮาโรลด์นั้นชนะไปแล้ว แม้ว่าไรเนอร์จะไม่ได้พูดออกมาว่ายอมแพ้ก็เถอะ แต่ความคิดของเขาได้ยอมรับความพ่ายแพ้ไปแล้ว
[ ไรเนอร์ ]
[ อ-อะไร ? ]
ขณะถือดาบปลอมที่ไปแย่งมา ฮาโรลด์เดินกลับมาที่ตรงหน้าของไรเนอร์ และทันใดนั้น เขาก็ขว้างดาบไปตรงเท้าของไรเนอร์อย่างไม่แยแส
[ หยิบมันขึ้นมาถ้าหากแกยังมีใจที่จะสู้ ]
[………..]
ไรเนอร์ได้แต่มองไปที่ดาบที่ถูกโยนมาอย่างเงียบๆ หากเป็นตัวเขาในตอนปกติ เขาคงหยิบมันขึ้นมาอย่างไม่ลังเลและคงของประลองใหม่อีกครั้ง แต่เหตุผลที่ทำให้เขาลังเลนั้นเพราะว่าฮาโรลด์นั้นแข็งแกร่งเกินไป หากมีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ในรุ่นเดียวกับเขา เขาไม่มีทางเลยที่จะเทียบชั้นได้ เขากลัวที่จะจมอยู่กับความคิดเช่นนั้น
ในเมื่อนอกจากพ่อแม่ของตนแล้วไรเนอร์ไม่เคยแพ้ใครมาก่อน แต่สำหรับตอนนี้ เขาได้พ่ายแพ้ให้กับฮาโรลด์โดยสมบูรณ์ ถ้าหากเขายังฝืนสู้ต่อไปอีก คงมีแต่ความอับอายที่จะถาโถมเข้ามาหาเขา จิตใจของเขาคงต้องแตกสลาย มันคล้ายๆกับสัญชาตญานการป้องกันจิตใจตัวเองในสิ่งที่ตนเชื่อมั่น นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงคิดว่า “หยุดแค่นี้เถอะ”
[ อะไรคือเหตุผลที่ทำให้แกแสวงหาความแข็งแกร่งนัก ? ]
การตัดสินใจที่จะยอมแพ้นั้นถูกหยุดด้วยคำพูดของฮาโรลด์
[ เ- เหตุผล……. ]
ทำไมเขาถึงอยากที่จะแข็งแกร่งขึ้น
หรือเพราะเขามีความฝันที่จะเป็นกัปตันของอัศวิน ? หรือเพราะเขาอยากจะเอาชนะในการดวลกับพ่อและแม่ของเขาในซักวันหนึ่ง ? ซึ่งจริงๆแล้ว ทั้งสองอย่างก็ถูก สิ่งเหล่านั้นเคยเป็นความฝันของเขา แต่ว่าตอนนี้ เขากับรู้สึกว่านั้นไม่ใช่ความรู้สึกที่แท้จริงของเขา
เขาจะสามารถเติมเต็มความฝันของเขาได้อย่างไร ? อะไรคือเป้าหมายที่แท้จริง ? ทำไมเขาถึงใฝ่ฝันที่จะเป็นหัวหน้าหน่วยอัศวิน ?
( ถ้าหากผมแข็งแกร่ง ผมก็จะสามารถเป็นอัศวินได้ และถ้าผมเป็นอัศวิน ผมก็จะสามารถปกป้องหลายๆคนเอาไว้ได้ ….. )
ปกป้อง มันเป็นสิ่งที่คลุมเครือมาก และเป็นความปรารถนาที่เรียบง่าย ถูกแล้ว ความกระหายในพลังของไรเนอร์นั้น ต้นกำเนิดมันมาจากความคิดที่เรียบง่ายนี้
ในตอนที่เขายังเป็นเด็กกว่านี้ เพื่อนคนหนึ่งของเขาถูกกลั่นแกล้งโดยกลุ่มเด็กในหมู่บ้านที่โตกว่า ความแตกต่างของอายุ 1 หรือ 2 ปีในช่วงนั้นถือว่าใหญ่มาก เพื่อเอาชนะช่องว่างที่ว่านั้น ไรเนอร์จึงไขว่คว้าความแข็งแกร่ง เพื่อที่จะปกป้องเพื่อนของเขา เอาชนะศัตรูที่ตัวใหญ่กว่าและแข็งแรงกว่าตน ความถูกต้องถูกก่อตัวขึ้นภายใจจิตใจของเขาและเปลี่ยนมันเป็นความตั้งใจในการฝึก หากเขาไม่มีพลัง เขาก็ปกป้องใครไม่ได้ เขาจึงต้องการพลังที่จะสามารถปกป้องในสิ่งที่สำคัญสำหรับเขา
[…… ผ- ผมมีหลายๆสิ่งที่ผมต้องการจะปกป้อง ผมจะปกป้องเอาไว้ให้ได้ ถ้าผมไม่แข็งแกร่งที่สุดมันก็ไร้ค่า ! ]
นอกจากนี้มันยังมีคำสัญญาที่เขาให้ไว้กับเพื่อนสมัยเด็กของเขาผู้ซึ่งคอยบ่นเขาอยู่ตลอด เขาจะไม่ยอมให้คนๆนั้นต้องร้องไห้ออกมาอีก และเพื่อจะทำสิ่งนั้นให้สำเร็จ เขาจะต้องแข็งแกร่งกว่าใครๆ นั้นคือเหตุผลที่ว่าทำไม แม้ว่าศัตรูจะเก่งซักแค่ไหน ไรเนอร์จะเอาชนะให้ได้ เขาจะไม่มีทางยอมแพ้จนกว่าเขาจะเอาชนะจนได้
[ แกจะปกป้องทุกๆสิ่ง ? หึ แกเล่นเป็นฮีโร่รึไง ? ]
[ ก็นะ นั้นคือสิ่งที่ผมตัดสินใจไปแล้ว ]
[ ฮืม ? ข้าไม่สนหรอกว่าแกจะตัดสินใจอะไรไป หากแกไม่มีพลังทำได้อย่างที่พูด มันก็แค่เรื่องไร้สาระ ]
[ ถ้าหากเป็นพลัง! ผมก็แค่เพิ่มมัน ! ที่นี่ ตอนนี้ ! ]
และอีกครั้ง เปลวไฟได้ถูกจุดในดวงตาของไรเนอร์ มือที่กุมดาบนั้นเริ่มร้อนขึ้น ความร้อนประหนึ่งพวยพุ่งออกมาจากร่างกาย เริ่มจากมือขวา กระจายไปทั่วร่าง ราวกับว่าโลหิตในร่างกำลังเดือด
ร่างกายและจิตใจของเขาก็พลันเบาขึ้น
[ ผมพร้อมแล้ว ฮาโรลด์ !]
เขาเตะพื้นอย่างแรง ร่างกายที่ยอมแพ้ไปแล้วของเขานั้นตอนนี้เบาจนรู้สึกราวกับล่องลอยพลันพุ่งเข้าโจมตีฮาโรลด์ด้วยการฟัน เมื่อจบการบุกนั้น เขาถึงเข้าใจ
ตัวเขาในตอนนี้ การเหวี่ยงดาบเฉียบคมขึ้นและรวดเร็วขึ้นกว่าก่อนหน้านี้อย่างมาก และเขายังรู้สึกได้ว่าพลังมหาศาลได้พวยพุ่งออกมาจากร่างกายของเขา
ไรเนอร์ไม่สามารถระงับอารมณ์ที่ตื่นเต้นนี้ได้ ไม่สิ เขาไม่มีความต้องการที่จะระงับมันเลยด้วยซ้ำ เขาเข้าโจมตีฮาโรลด์อย่างดุเดือด
ทันทีที่เขาแอบดูสภาพของฮาโรลด์ แม้ว่าฮาโรลด์จะยังปัดป้องการโจมตีเหล่านั้นได้อย่างแต่ก่อน แต่ก็ไม่อาจปิดบังใบหน้าที่บูดเบี้ยวไปด้วยความโกรธนั้นได้
เสียงที่ฮาโรลด์เดาะลิ้นอย่างไม่พอใจเป็นสิ่งย้ำเตือนว่าไรเนอร์นั้นไล่ต้อนฮาโรลด์จนต้องถอยหลังไปตั้งหลัก เนื่องจากชัยชนะตอนนี้อยู่แค่เอื้อม พลังของเขายิ่งพวยพุ่งออกมามากกว่าเดิม
[ ย๊ากกกกกก ! ]
เขาฟันใส่ฮาโรลด์ด้วยแรงทั้งหมดที่มี ฮาโรลด์เกือบจะหลบมันไม่ทัน ทันทีที่ดาบนั้นผ่านอากาศตัดลงที่พื้นสนาม มันก็เกิดลอยฟันเป็นทางยาวที่แสดงถึงพลังในการโจมตีนั้นของไรเนอร์ ขณะที่มองดูรอยนั้น ฮาโรลด์ก็ได้พึมพัมอะไรบางอย่าง
[ แกเปิดใช้ [[ สถานะผู้กล้า ]] รึ ? สมแล้วที่แกเป็น–… ]
[ แฮก แฮก-… สถานะ-ผู้กล้า…. ? ]
ไรเนอร์พูดซ้ำกับสิ่งที่เขาได้ยินเมื่อสักครู่ และในที่สุดเขาก็รู้สึกตัวว่าเขากำลังหายใจหอบอย่างหนักหนวง ดูเหมือนว่าเขาจะอยู่ในสภาวะนี้ได้อีกไม่นานนัก แต่เขาพยายามที่จะลืมมันไปก่อน
ขณะเปลี่ยนท่าจับดาบใหม่ เขาได้ส่งเสียงกู่ร้องที่เต็มไปด้วยจิตวิญญาณนักสู้ออกมา และเริ่มการโจมตีนับไม่ถ้วนเพื่อหวังที่จะปิดเกมส์
[ ย๊ากกกกกกกก !! ]
[ อย่าเหลิงให้มากนัก ! ]
ในตอนนี้ ฮาโรลด์ได้ตอบสนองกลับไป ดาบของทั้ง 2 เข้าปะทะกันด้วยความเร็วที่ดูแล้วแทบจะเวียนหัว แทบไม่เชื่อสายตาว่าการต่อสู้นี้จะเป็นการดวลที่เกิดจากเด็กๆ ผู้ชมต่างกลืนน้ำลายอึกใหญ่ เสียงของดาบทั้ง 2 ปะทะกันดังก้องไปทั่วสนาม ทุกๆคนที่ชมการประลองต่างไม่มีใครกระพริบตา แม้ว่าพวกเขาจะอยากรู้ผลการดวลนี้ แต่พวกเขาก็อยากให้การต่อสู้ที่น่าตื่นเต้นนี้ดำเนินต่อไปนานสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ มันเป็นความรู้สึกขัดแย้งที่เกิดขึ้นในใจพวกเขา
ดั่งคำว่าตลอดกาลนั้นไม่มีอยู่จริง ในที่สุด เวลายุติการต่อสู้ของทั้ง 2 ก็มาถึง
[ อึก…. ! ]
หลังจากหลบการโจมตีเหล่านั้น เท้าของไรเนอร์เกิดพันกัน ในขณะที่เขากำลังจะล้มลง เขาจึงพยายามใส่แรงไปที่ขาพื้นที่จะดันตัวเอาไว้ แต่ทว่าร่างกายของเขาที่ควรจะเบากลับหนักขึ้นกะทันหัน มันหนักซะจนนึกว่ากล้ามเนื้อทั่วร่างของเขากลายเป็นตะกั่ว และมันเจ็บปวดซะจนแม้แต่หายใจยังทำไม่ได้
(แย่ล่ะ …. ผมกลับสู้สภาวะปกติแล้ว … )
ไรเนอร์พยายามที่จะกลับไปเคลื่อนไหวให้ได้ดั่งเดิมราวกับตอนที่อยู่ในสถานะผู้กล้า แต่ว่ามันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เขารู้ได้ทันทีว่าเขาถึงขีดจำกัดแล้ว แรงที่จะจับดาบยังแทบไม่ไหว เพียงแค่ยืนเฉยๆขายังสั่น ร่างของเขาพร้อมที่จะล่วงลงทันทีหากเขาเสียสมาธิเพียงเสี้ยววิ
เขาสู้ได้ดีแล้ว แม้ในตอนสุดท้าย เขาจะไม่สามารถโจมตีฮาโรลด์ได้เลยซักดาบเดียว แต่ก็ถ้าว่าสู้ได้ดี
หากเป็นตัวเขาจนถึงเมื่อวาน เขาไม่มีทางที่จะต่อสู้ได้เฉกเช่นวันนี้ นั้นเป็นเหตุผลที่จะที่ควรจะพอแค่นี้แล้วพักได้แล้วสินะ ?
ฮาโรลด์เป็นคู่ต่อสู้ที่ไม่มีทางเอาชนะได้
[……. ใช่ผมควรจะยอมแพ้ แต่ว่า !!!!!! ]
ความอ่อนแอที่พยายามคืบคลานเข้ามาปกคลุมหัวใจของเขา ไรเนอร์ลบมันออกไปด้วยการตะโกนออกมาอย่างเสียงดัง แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเอาชนะได้ แม้ว่าคนๆนั้นจะไม่มีทางต่อกรด้วยได้ เขาก็จะไม่มีทางยอมแพ้ นี่ถือเป็นการรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับคลอเล็ต
จิตวิญญาณนักสู้ที่สูงส่งนั้นยังไม่จางหายไป ตรงกันข้าม มันกลับทวีคูณราวกับแผดเผาร้อนแรงขึ้น ราวกับสอดคล้องกับการกระทำของไรเนอร์ สายลมรอบๆเริ่มโหมกระหน่ำ เส้นผมเริ่มปลิวไสวราวกับเปลวไฟที่กำลังลุกไหม้
นี่คือการโจมตีสุดท้าย และเพราะมันจะจบเพียงแค่นี้ เขาใส่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขามีลงไป มันเป็นการฟันเพียงครั้งเดียวที่เขาจะใส่ทั้งหมดลงไป พลังทั้งหมด ความคิดทั้งหมด ความตั้งใจทั้งหมด ที่สามารถจะใส่ลงไป–
[ ลองหยุดมันดู !!!!! ]
จากคมดาบที่ฟาดลงมาหมายที่จะฟันฮาโรลด์ เปลวไฟสีแดงเข้มก็ปะทะออกมาจากตัวดาบอย่างบ้าคลั่ง มันคือเปลวไฟที่เต็มเปี่ยมไปด้วยเจตจำนงของไรเนอร์ มันคืเจตจำนงอันแรงกล้าที่ก่อตัวขึ้นเพื่อกระหายในชัยชนะ
ตลอด 12 ปีของไรเนอร์ที่แต่เขาเกิดมา นี่คือการโจมตีที่รุนแรงที่สุด เขาเชื่อมั่นเป็นอย่างมากว่าเขาจะสามารถโจมตีมันออกมาได้ในลักษณะนี้
เปลวไฟอันบ้าคลั่งพุ่งตรงไปโจมตีฮาโรลด์ที่เป็นจุดหมายราวกับต้องการกลืนกินร่างนั้น
ทันใดนั้นก็เกิดแสงสีขาวสว่างวาบขึ้นมาบดบงร่างๆนั้น เกือบทุกๆคนในที่แห่งนี้ต่างหลับตาของตนลงแทบจะพร้อมกันเพราะไม่สามารถมองแสงนั้นตรงๆได้ เสียงของฟ้าร้องที่ดังกึกก้องราวกับจะฉีกท้องฟ้าไปทั่วสนาม
บางคนถึงกับตัวสั่น บางคงถึงกรี๊ดร้องออกมาด้วยความกลัว มันคือสิ่งที่ทำให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดรู้สึกถึงความกลัวและอันตราย
ผู้คนที่สามารถรับรู้ได้สิ่งนั้นคืออะไร พวกเขาคือคนที่มองเห็นมันจากที่ห่างไกลภายนอกสนาม
สายฟ้าขนาดใหญ่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนได้เข้าโจมตีที่กลางสนาม ทันใดนั้นฝนก็ตกลงมาทั้งๆที่ท้องฟ้าปลอดโปร่ง สายฟ้านั้นเข้าทำลายเปลวเพลิงที่หวังจะเผาฮาโรลด์จนหมดสิ้นโดยไม่เหลือร่องรอยใดๆไว้
เอาจริงๆ ไม่ต้องคิดให้ยากเลยว่าใครเป็นคนทำสิ่งนี้ คนๆเดียวที่ยืนอยู่ในสนาม คนๆเดียวที่ยังสงบนิ่งคือฮาโรลด์ เด็กชายผู้ที่อายุเพียง 13 ปี เขาเป็นคนใช้สายฟ้านั้น
[ แฮกแฮก…. เอาจริง-ดิ …. ? ]
แม้ว่ามันจะเป็นการโจมตีที่เขาทุ่มทั้งหมดแม้กระทั่งวิญญาณลงไปจนเขาหมดเรี่ยวแรง มันก็ไม่สามารถถึงตัวของฮาโรลด์ได้ ไม่เพียงแค่นั้น มันยังเหนือชั้นกว่าไรเนอร์ไปหลายขุม ไรเนอร์ที่ได้เห็นภาพเหล่านั้น เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกนอกเสียจากหัวเราะ แต่ว่าเขาก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะทำอะไรได้อีกแล้วนอกเสียจากยิ้มออกมา
ด้วยสายตาที่พร่ามัวและขาที่ไร้เรี่ยวแรง ร่างกายไม่สามารถขยับได้แม้แต่ปลายนิ้ว ไรเนอร์ได้ล้มลง
คนๆเดียวที่ประคองร่างนั้นไว้คือฮาโรลด์ เขาประคองไรเนอร์ด้วยแขนขวาที่ดันไปยังบริเวณหน้าอก และกล่าวออกมาอย่างเดือดดาล
[ ไอ้โง่ ถ้าแกทำแบบนี้ได้ แกก็ควรใช้มันตั้งแต่เริ่มซิวะ ]
[ นายจะไม่รุนแรงไปหน่อยหร— ]
“สิ่งนั้น” การโจมตีสุดท้ายนั้น ถูกต้อนจนถึงขีดสุด ขาทั้ง 2 ไร้เรี่ยวแรง ด้วยจิตใจนักสู้ และความต้องการที่จะชนะ เขาถึงสามารถใช้มันได้สำเร็จ มันไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถทำได้อย่างง่ายๆ
ไรเนอร์ ได้แต่ตกใจในความจริงที่ว่ามีคนที่โหดราวกับชาวสปาตั้นยิ่งกว่าแม่ของตนอีก เขาแทบจะตอบกลับด้วยเสียงที่แผ่วเบาไม่ได้ อาจเพราะเขาใช้พลังไปทั้งหมด แบบหมดจนหยดสุดท้ายจริงๆ ไรเนอร์จึงหมดสติในอ้อมแขนของฮาโรลด์ และฮาโรลด์ก็ส่งร่างนั้นให้แพทย์สนามไปดูแลต่อ ขณะที่มองร่างนั้นถูกหามในเปลออกไป เขาก็ได้พึมพัมอะไรบางอย่างราวกับไม่ต้องการให้ใครได้ยิน
[ แต่ก็ ข้าขอถอนคำพูดที่บอกว่าแกมันช่างน่าผิดหวัง อย่างน้อยพลังของแกก็ถึงราวๆปลายนิ้วเท้าข้าอยู่ ]
แม้คำพูดเหล่านั้นมันจะฟังดูหยิ่งทะนง แต่นั้นมันก็คือคำชมสำหรับฮาโรลด์ไม่ผิดเพี้ยน ไม่มีทางที่คำพูดเหล่านั้นของฮาโรลด์จะไปถึงไรเนอร์ได้ที่หมดสติไปนานแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะมีรอยยิ้มค่อนข้างหน้าพอใจปรากฎขึ้นบนใบหน้าของไรเนอร์