My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 3 CHAPTER 3
แม้ว่าเขาจะเพิ่งได้รับข้อมูลสำคัญมาก็เถอะ แต่ทว่า. . เขายังคงห่างไกลกับการหาวิธีแก้ไขปัญหาสถานการณ์นี้ได้ นั้นเพราะเขายังต้องการวิธีที่เป็นรูปธรรมที่จะช่วยชีวิตของคลาล่าและคลอเล็ต
สำหรับเวลานี้ คาซูกิคิดว่าเธอทั้ง 2 คงจำเป็นต้องออกจากดินแดนของตระกูลสโตร์กและส่งเธอไปอยู่อาศัยที่หมู่บ้านบร๊อช ที่ๆตระกูลลินเนอร์ปกครองอยู่ตามเนื้อเรื่องในเกมส์
มันยังมีความน่าจะเป็นไปได้อย่างมากที่คลอเล็ตและลินเนอร์จะมีชะตาได้พบกันแม้ว่าคลาร่าจะยังมีชีวิตอยู่ เพราะใครก็ตามที่เคยได้เล่นเกมนี้จบแล้วซักครั้ง พวกเค้าจะรู้ว่าหมู่บ้านบร๊อชนั้นมันไม่ได้ใหญ่อะไรมากมาย และสำหรับหมายเหตุของตระกูลลินเนอร์ภายในเกม เหล่าเด็กๆในหมู่บ้านนั้นต่างสนิทสนมกันเป็นอย่างดี ดังนั้น มันคงไม่เป็นปัญหา เพราะทั้งคลอเล็ตและลินเนอร์คงมีสัมพันธ์กันใกล้ชิดได้ดั่งในเกมได้อย่างแน่นอน
แต่ทว่า ตราบเท่าที่คลาร่ายังมีชีวิตอยู่ มันยังคงยากที่จะสร้างสถานการณ์ที่จะทำให้คลอเล็ตเข้าไปอาศัยอยู่กับครอบครัวของตระกูลลินเนอร์ได้ ในกรณีนี้ เขาได้แต่ครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรหรือพอจะมีวิธีอื่นรึปล่าวที่จะทำให้คลอเล็ตนั้นมาอยู่ในตำแหน่งเพื่อนสมัยเด็กของลินเนอร์
แม้ว่าเค้าจะครุ่นคิด งึมๆงัมๆ อยู่เพียงใด มันก็ไม่มีเสียง “ปิ้ง” หรือไอเดียใหม่ๆเข้ามาในหัวของเขาเลยสักนิด แต่ในขณะนั้นเอง ในตอนที่เขาถึงขีดจำกัดทางความคิด ก็มีผู้ๆหนึ่งปรากฎตัวเข้ามาได้อย่างถูกจังหวะ เขาคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น นอร์แมนนั้นเอง
[ ขอประทานโทษขอรับ ]
คาซูกิ ผู้ที่เคยเห็นนอร์แมนก้มโค้งด้วยท่าทางที่เหมือนกับที่เขาโค้งเมื่อ2-3ชมก่อนเด๊ะๆ คงจะพูดได้ว่า ‘สมกับเป็นนอร์แมนซัง’ สามารถทำได้ดีสมกับการเป็นพ่อบ้านจริงๆ แม้กระทั้งการเคลื่อนไหวยังไร้ที่ติ ถ้าจะให้หาความแตกต่างจากเมื่อซักครู่แล้วละก็ คงมีเพียงมัดเอกสารที่อยู่ในสองมือของเขานี้แหละ
[ ท่านฮาโรลด์ขอรับ เกี่ยวกับอาการป่วยของท่าน . . . ]
[ แกจะทำให้ข้าคนนี้ต้องพูดซักกี่ครั้งกันห๊ะ ว่า มันไม่ได้ปัญหาอะไร !! แล้ว นั้นอะไร ? ]
[ สิ่งเหล่านี้คือแผนที่ของตระกูลสโตร์กและแผนที่โดยรอบขอรับ มันเป็นข้อมูลที่เกี่ยวกับหมู่บ้านต่างๆและสถานที่ที่ตั้งอยู่โดยรอบดินแดนขอรับ ]
( นอร์แมนซัง !! ยอดเยี่ยมากครับ !! )
เขาได้แต่เก็บอาการอยากจะกู่ร้องด้วยความสุขอยู่ภายใน เพราะนั้นมันจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของตัวเขาเอง อืม แม้ว่าเขาจะพูดอะไรประมาณนั้นออกไปก็เถอะ มันดูเหมือนว่าปากของเขาจะแปลให้ความหมายของมันออกมาเลวร้ายอยู่ดีเช่น [ เฮอะ, แกนี้ช่างรีบร้อนเสียจริง ] มันคงไม่ดูเหมือนคำชมเชยเลยซักนิด
แต่ถึงกระนั้น เพียงแค่ไม่กี่ชั่วโมง ดูเหมือนนอร์แมนจะสามารถรวบรวมข้อมูลได้อย่างมากมาย
คาซูกิตัดสินใจที่จะไม่ถามเขาว่าทำไมถึงทำในสิ่งที่เขายังไม่บอกให้ทำกัน
[ ทำได้ดี เอาล่ะ ลองบอกแผนการโง่ๆของแกที่จะช่วยแม่หญิงรับใช้นั้นมาซิ ? ]
[ . . . กระผมคงไม่กล้าพูดเรื่องแบบนี้ออกไปหรอกขอรับแต่ว่า . . , กระผมคิดว่า คงต้องให้เธอออกจากดินแดนของตระกูลสโตร์ก คงจะเป็นความคิดที่ดีที่สุดสำหรับตอนนี้ขอรับ ]
นี้มันคือการเดิมพันครั้งใหญ่สำหรับนอร์แมน
การส่งผู้คนออกไปยังนอกดินแดนนั้น มันเป็นการทำให้จำนวนแรงงานในดินแดนลดลง รวมไปถึงรายได้ที่หาได้จากประชาชนพวกนั้น สำหรับฮาโรลด์ เขาคิดๆดูแล้วมันไม่จำเป็นต้องเอามาคิดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เพราะเขานั้นไม่มีความตั้งใจที่จะฆ่าเธอตั้งแต่ต้น แต่สำหรับนอร์แมนนั้น เขาไม่รู้ว่าฮาโรลด์มีความคิดเช่นไร
เขาคิดว่าฮาโรลด์คงรู้สึกไม่พอใจเป็นแน่เพราะแรงงานและรายได้นั้นกำลังจะกลายไปเป็นของขุนนางพวกอื่นๆ เพราะสิ่งนี้ คงจะเรียกว่าศักดิ์ศรีของขุนนางกระมั้ง . .
[ งั้นรึ แล้วเมืองที่จะให้เธอย้ายไปล่ะ ? ]
[ สะ,สำหรับเรื่องนั้น นี่ขอรับ . . . ]
อย่างไรก็ตาม เมื่อได้เห็นปฎิกิริยาที่ฮาโรลด์ตอบสนองมาราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอร์แมนผู้ที่ระมัดระวังตัวถึงขีดสุด จึงได้ลดการป้องกันลง ฮาโรลด์ได้แต่จ้องมองเอกสารที่นอร์แมนนำมาให้ โดยไม่แม้หันมามองนอร์แมน ท่าทางที่ฮาโรลด์แสดงออกมานั้นมันจริงจังเป็นที่สุด
ในความเป็นจริง แม้ว่าเขาจะทำทีถามถึงข้อเสนอของนอร์แมน แต่จริงๆแล้วเขาได้เตรียมเมืองที่จะใช้แก้ปัญหานี้ไว้อยู่แล้วล่ะ
[ ยังมีอีกหลายสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในการที่จะย้ายคนๆหนึ่งออกจากดินแดน เหอะ ขั้นแรก . . แกคิดว่ามันเป็นไปได้เรอะ? ที่จะมาก็มาจะไปก็ไปจากดินแดนของขุนนางโดยง่าย ? ]
[ สำหรับบุคคลธรรมดา มันยังไม่มีกฎข้อห้ามอะไรขอรับ อย่างไรก็ตาม ถ้าหากพวกเราส่งเธอออกไปยังดินแดนที่ไม่รู้จักโดยไม่ให้อะไรติดตัวไปด้วย ด้วยสถานภาพณ์ของเธอ ณ ตอนนี้คงจะใช้ชีวิตอยู่ในดินแดนใหม่ได้ยากแน่ กระผมคิดว่าคงต้องให้สิ่งของที่จำเป็นต้องใช้ติดตัวไปด้วยขอรับ . . . ]
ถ้าเป็นแบบนี้ สิ่งที่จำเป็นจะต้องมีละก็ คงเป็น รถม้า และแน่นอนมันคงต้องเป็นรถม้าจากตระกูลสโตร์ก และสิ่งที่ใช้สำหรับให้รถม้าของตระกูลขุนนางหรือพวกพ่อค้าผ่านเข้าออกเมืองนั้น ใบอนุญาติผ่านเมืองเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้เช่นกัน
[ สำหรับพวกสิ่งของที่จำเป็น ถ้าหากมีลูกสาวของเธอเพิ่มไปในการเดินทางด้วย รถม้าคงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ . .และอีกอย่าง คงต้องทำอะไรซักอย่างเกี่ยวกับใบอนุญาติผ่านเข้าเมือง . . เฮ้อไม่มีอะไรเป็นปัญหาเท่าไอ้ใบบ้านี้อีกแล้ว ]
แม้ปากขอเขาจะกล่าวออกมาเช่นนั้น แต่สายตาของเขากับไม่ออกจากเอกสารที่ได้รับมาเลยซักนิด และนั้น ทำให้นอร์แมนเซอร์ไพร์กับภาพที่ตนเห็นเป็นอย่างมาก เพราะภาพที่ฮาโรลด์เข้าใจทุกๆอย่างเกี่ยวกับปัญหาของคลาร่าและครอบครัวของเธออย่างแจ่มแจ้ง เขาช่างเป็นเหมือนคนปกติ แตกต่างจากพ่อแม่ของเขา
( ระ รึว่า . . ไม่สิ มันต้องแบบนี้แน่ๆ ท่านฮาโรลด์ แม้ว่าเขาจะอายุเพียงแค่นี้ แต่กลับมีความคิดเป็นห่วงความเป็นอยู่ของผู้คน )
เช่นกัน ไม่เพียงแค่โอ้อวดว่าจะใช้เธอเพื่อทดสอบเวทย์มนตร์ชนิดใหม่ของเขา แต่กลับใช้อุบายนี้เพื่อช่วยเหลือเธอให้รอดจากการถูกสังหาร และมาอยู่ในสถานที่ที่ปลอดภัยไปในตัว
ไม่แม้จะแสดงออกความรู้สึกไม่พอในที่ตนเองจะต้องเสียแรงงานและรายได้จากภาษีแม้ว่าจะเป็นเพียงคนเดียวก็เถอะ แต่เขากลับพยายามช่วยเหลือเธออย่างสุดความสามารถโดยที่ไม่เปิดเผยตนเอง
แม้กระทั้งคิดถึงอนาคตของคลาร่า เพราะเธอจำเป็นต้องหนีหัวซุกหัวซุนให้พ้นเงื้อมมือของตระกูลสโตร์ก มันจึงเป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เธอปลอดภัยที่สุด
ตั้งแต่แรกเริ่ม คาซูกิตั้งใจจะทำอะไรซักอย่างเพื่อช่วยเธออยู่แล้ว มันเป็นธรรมดาอยู่แล้วที่จะตอบรับขำร้องขอของใครซักคนในเวลานั้น
ความรู้สึกเถิดถูนได้เกิดขึ้นภายในใจของนอร์แมน และโดยพร้อมกัน เขาก็รู้สึกละลายใจกับตัวเองที่คิดระแวงเกี่ยวกับฮาโรลด์ เขานั้นไม่ควรที่จะสงสัยในตัวของเด็กชายคนนี้ ผู้ที่กำลังหาวิธีการต่างๆเพื่อที่จะช่วยชีวิตหญิงรับใช้คนนี้อย่างจริงจัง
ถ้าหากเด็กผู้ชายคนนี้พยายามอย่างจริงจังขนาดนี้ ดังนั้นเขาเองก็ต้องจริงจังเสียที เมื่อนอร์แมนคิดได้เช่นนั้น น้ำเสียงที่เขาใช้อยู่จึงเปลี่ยนไป มันกลายเป็นน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเถิดถูน
[ หากเป็นเมืองนี้ ในฤดูกาลถัดไป มันคงเป็นฤดูเก็บเกี่ยว เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาคงต้องการความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง. . . ]
[ เมื่อเทียบกับดินแดนของตระกูลสโตร์ก เมืองนี้ยังมีค่าครองชีพที่สูงกว่าอีก หากไม่ใช่เพราะทรัพยากรที่มีอยู่โดยรอบ เมืองนี้คงไม่สามารถอยู่รอดได้แน่ . . .]
เกี่ยวกับความคิดเห็นของเขา ด้วยเอกสารที่ได้รับมา ฮาโรลด์ชี้ให้เห็นถึงปัญหาได้อย่างตรงจุด และพลังในการคิดวิเคราะห์ของเขากับภาพลักษณ์และความรู้ของเขานั้นมันดูไม่เหมือนสิ่งที่เด็ก 10 ขวบควรจะมีเลยซักนิด นั้นก็เพราะภายในตัวของเด็กผู้ชายคนนี้คือเด็กมหาลัยคนหนึ่ง ดังนั้นยังไม่ใช้เรื่องลึกลับอะไรที่เขาจะทำแบบนั้นได้ แต่ทว่าสำหรับนอร์แมน ผู้ซึ่งไม่รู้ถึงเรื่องนี้ มันคงช่วยไม่ได้ถ้าหากนอร์แมนจะคิดว่าคาซูกินั้นเป็นอัจฉริยะ
ถ้าจะให้พูดความรู้สึกจริงๆของเขาล่ะก็ นอร์แมนนั้นไม่แม้สักนิดที่จะรู้สึกยอมรับในตระกูลสโตร์ก ยิ่งท่านผู้นำตระกูลและภรรยาของเขาต่างเป็นพวกนิยมสายเลือดบริสุทธิ์ พวกเขาต่างยกตนเหนือผู้อื่น และมองคนอื่นๆนอกจากขุนนางเลือดบริสุทธิ์อย่างดูถูก ไม่สิ ไม่แม้จะคิดว่าประชาชนในดินแดนของตนเองเป็นมนุษย์ด้วยซ้ำ
แต่ทว่า กับเด็กคนนี้ ผู้ซึ่งเป็นบุตรชายของบุคคลทั้ง 2 นั้น เขานั้นช่างแตกต่าง ไม่แม้จะถูกความอคติเหล่านั้นครอบงำ แต่กับยึดหลักคุณธรรมมองคนอื่นอย่างเท่าเทียม ความคิดของเด็กชายคนนี้เทียบเท่ากับผู้ใหญ่เลยทีเดียว
ระ. . รึว่า เด็กชายคนนี้ เขาคือแสงแห่งความหวังที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงตระกูลสโตร์ก ฮาร์โรลด์ในตอนนี้ช่างเปล่งประกายแห่งความฉลาดจนถูกมอบความหวังทั้งๆที่เขาเองในตอนนี้จะยังไม่รู้ตัวก็ตาม
[ – นั้นคือทั้งหมด ]
ในที่สุด การสนทนาอย่างเข้มข้นก็ล่วงเลยมากว่า 2 ชมแล้ว ท้องฟ้า ณ ตอนนี้ ที่สามารถมองเห็นได้ที่นอกหน้าต่างนั้นถูกย้อมไปด้วยสีแดงยามเย็น
จากที่ได้แลกเปลี่ยนความคิดกับนอร์แมน คาซูกินั้นได้สังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ตอนแรกเขานั้นไม่ได้นึกถึง ด้วยเหตุนี้ ทำให้เรื่องที่จะส่ง 2 แม่ลูกนี้ไปยังหมู่บ้าน บร๊อช ถูกตัดสินใจที่จะต้องทำโดยทันที
พวกเขายังลังเลที่จะกำหนดวันที่จะใช้เริ่มแผนการ ถ้าหากเป็นไปตามเนื้อเรื่องภายในเกมแล้วล่ะก็ เขารู้สึกว่ามันคงผ่านไปไม่กี่วันนักก่อนที่ฮาโรลด์จะสังหารคลาร่า
คืนวันที่ 2 หลังจากนี้ มันคงเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะเริ่มดำเนินแผนการ
ถึงแม้มันจะไม่มีผลกระทบอะไรตามเนื้อเรื่องเดิมแล้ว แต่เพื่อรับประกันความผิดพลาด แผนการนี้ควรดำเนินให้เสร็จสิ้นใน 3 วัน รวมถึงวันนี้ด้วย นั้นเพราะเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่พ่อแม่ของเขาจะสงสัยในตัวเขาหากเขารีบร้อนจนเกินไป นั้นเพราะมันคงไม่เนียนเป็นแน่ถ้าหากเขาจะเริ่มดำเนินแผนการในวันนี้เลย
[ นอร์แมน ]
[ ขอรับ ]
[ พวกเราจะต้องดำเนินแผนการอย่างระมัดระวังในคืนวันพรุ่งนี้เลย เดี่ยวข้าจะทำอะไรซักอย่างเองเกี่ยวกับบัตรผ่าน จนกว่าจะถึงเวลานั้น แกเตรียมสิ่งต่างๆให้พร้อมซะ ! ]
[ เข้าใจแล้วขอรับ ]
แม้ว่าเขายังจะกังวลอยู่บ้าง แต่คาซูกิก็เลือกที่จะดำเนินแผนการในวันถัดไป จากการคาดเดาของบุลคลิกของฮาโรลด์ เขาคงต้องการที่จะสังหารคลาร่าในวันนี้แน่ๆ หรืออีกความหมาย คือค่ำคืนพรุ่งนี้ เขาจึงคิดว่ามันคงดีที่สุดถ้าหากเขาดำเนินแผนของเขาในวันที่เหมือนกับตามเนื้อเรื่องเดิม มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
หลังจากนอร์แมนออกไปแล้ว ภายในห้องก็เหลือบุคคลอยู่เพียง 1 ขณะที่อาบน้ำภายใต้แสงอาทิตย์ตก เขาเริ่มที่จะจำลองท่าทางและคำพูดของเขาสำหรับที่จะใช้ค่ำคืนนี้ เขาซ้อมอยู่นานพอสมควร เพราะมันจะพลาดไม่ได้จนกว่าเขาจะได้ใบอนุญาติผ่านเข้าเมือง เพราะชีวิตของคนๆหนึ่งอยู่ภายในมือของเขา มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะไม่ประสาทแดก
เพื่อที่จะให้คลายความกังวลใจ คาซูกิยังคงซ้อมบทอยู่ในหัวของเขาซ้ำไปซ้ำมา เขาทำอยู่แบบนั้นตลอดเวลา จนกระทั้งถึงเวลาอาหารเย็น นั้นคือเวลาที่ดึงสติของเขากลับมาสู่ความเป็นจริง
เขารู้ว่ามันจะได้ผล ถ้าหากว่าพวกเขาเริ่มที่จะทานอาหารเย็นกันก่อน และนั้นจะทำให้คำโกหกพวกนี้สามารถหลอกลวงท่านพ่อได้อย่างราบลื่น
[ ใช่แล้ว ท่านพ่อ , คือว่า . . .ผมมีเรื่องอยากจะขอร้องครับ ]
[ เรื่องอะไรรึ ฮาโรลด์ ]
[ ดูเหมือนเมื่อเร็วๆนี้ จะมีช่างตีดาบมาเปิดร้านในเมืองลีชอ่าครับ และดาบที่ร้านนั้นมันช่างสุดยอดมากเลยครับ ผมอยากที่จะลองเหวี่ยงมันจังเลย~ ]
[ โอ้วว งั้นหรอกรึ ถ้างั้นเดี่ยวให้พวกคนรับใช้ออกไปซื้อดาบพวกนั้นมาให้ดีมั้ยนะ ? ]
[ แต่ว่ากว่าจะได้มันคงอีกนานแน่เลย ผมอยากมันเดี่ยวนี้อะ เดี่ยวนี้ เดี่ยวนี้ ]
[ ฮาโรลด์ของเราช่างกล้าหาญจริงๆนะคะ แบบนี้ในอนาคต เขาคงกลายเป็นขุนนางที่ยอดเยี่ยมเฉกเช่นคุณแน่ๆเลยค่ะ ที่รัก ]
แม่ของเขาที่กำลังหัวเราะออกมา “โฮะๆ โฮะๆ” คาซูกินั้นไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงช่างกล้าหาญเหลือเกินเพียงแค่เขาอยากได้ดาบ แต่มันก็ไม่ต่างอะไรจากการสุมไฟโกรธให้หนักขึ้น
แต่ก็นะ เขาก็ไม่พลาดที่จะคว้าโอกาสนี้
[ ผมก็อยากที่จะเป็นอย่างที่ท่านแม่กล่าวมาครับ เอ๊ะ ถ้าหากพวกเราส่งใครสักคนออกไปซื้อมันมาให้ผม. . . มันต้องใช้ใบอนุญาติผ่านเข้าเมืองนี้ มันจะไม่เป็นอะไรหรอครับ ? ]
[ ดูเหมือนว่าฮาโรลด์จะอยากได้จริงๆนะคะที่รัก คงไม่เป็นอะไรหรอกใช่รึปล่าวคะแค่เขียนขึ้นบรรทัด 2 บรรทัดเอง ]
[ ก็ได้ๆ ถ้างั้น พรุ่งนี้เช้า ข้าจะเขียนใบอนุญาติผ่านทางให้ก็แล้วกัน ]
[ ขอบคุณครับ ท่านพ่อ ! ]
ถ้ามีใครสักคนได้มาเห็นภาพการรับประทานอาหารเย็นที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะ พวกเขาคงคิดว่านี้มันครอบครัวแสนสุขชัดๆ แต่ทว่าสำหรับเหล่าคนรับใช้ที่เฝ้ามองอยู่โดยรอบ . . มีเพียงความร้อนรุ่มที่อยู่ภายในใจ
ทุกๆคนรู้ดี ว่าพวกเขานั้นถูกมองเป็นเพียงก้อนหินริมทางเท่านั้น มันไม่มีปัญหาอะไรถ้าหากพวกเราจะอยู่ที่นี่หรือไม่ก็ตาม เพราะยังไงซะ พวกเขาก็ไม่สนใจพวกเราอยู่แล้ว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นครอบครัวที่พวกเธอรับใช้ แต่กลับไม่มีใครสักคนที่เป็นที่รักแก่เหล่าเมดเลยสักนิด
เหล่าเมดได้แต่มองด้วยสายตาที่เยือกเย็นอย่างพร้อมเพรียง ให้กับคำพูดของผู้นำตระกูลและภรรยาของเขาในค่ำคืนนี้
แต่ทว่า ไม่มีใครที่อยู่ตรงนี้รู้ว่าภาพที่ตนเองกำลังเห็นนั้นคือฉากที่ถูกจัดขึ้น
นอกซะจากคาซูกิและนอร์แมน