My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 31
ภายในเมืองหลวงที่ชื่อว่า อมาจิล ที่นั้นมีปราสาทที่ถูกเรียกว่า ปราสาท รีกาเรีย มันคือปราสาทหลวงที่ซึ่งเหล่าราชวงค์ของประเทศแห่งนี้อาศัยอยู่ และยังเป็นสถานที่สำหรับเหล่าผู้นำระดับสูงของประเทศนี้ไว้ใช้บริหารประเทศและหารือในเรื่องต่างๆ ปราสาทรีกาเรียแห่งนี้ตั้งอยู่แทบจะใจกลางของเมืองหลวง และเนื่องจากมันถูกสร้างบนแท่นหิน 4เหลี่ยมขนาดใหญ่ ปราสาทแห่งนี้จึงเป็นสิ่งปลูกสร้างที่สามารถมองเห็นได้อย่างเด่นชัดจากทุกมุมของเมือง
และที่เชิงปราสาทรีกาเรีย กำแพงหินถูกสร้างขึ้นราวกับปิดล้อมตัวปราสาทไว้ มีแค่ทางทิศเหนือและใต้ของกำแพงนั้นที่มีประตูอยู่ และระยะห่างจากตัวกำแพงหินถึงปราสาทยาวราวๆ 150 เมตร พื้นที่ว่างระหว่างกำแพงและตัวปราสาทนั้นเป็นทางเดินล้อมรอบ และมันไม่ได้มีไว้เพียงทำหน้าที่ราวกับเป็นป้อมปราการในยามฉุกเฉินเท่านั้น แต่มันยังเป็นที่งตั้งของหน่วยทหาร ที่ขึ้นตรงกับราชา หรือก็คือ กองอัศวิน
ตั้งแต่สำนักงานใหญ่ที่กำกับดูแลเหล่าอัศวินทั้งหมด รวมถึงที่พักสำหรับเหล่าอัศวิน และยังมีพื้นที่ฝึกซ้อมอีกด้วย นอกจากเหล่าอัศวินที่ไปประจำการ ณ ที่ห่างไกล อัศวินทั้งหมดจะรวมตัวกันอยู่ที่นี่ทั้งหมด พวกเขาจะใช้ชีวิตกินนอนอยู่ภายในบริเวณนี้ ขณะที่ได้รับฟังคำอธิบายจากโรบินสันและคนอื่นๆ ซึ่งฮาโรลด์แทบจะไม่ได้ฟังต่อมาสักพักแล้วนอกเสียจากรอให้เวลาที่รอบคอยมาถึงเสียที อย่างไรก็ตาม ภายในใจของเขาตอนนี้รู้สึกราวเยี่ยวจะเล็ดเพราะความกลัวที่เกิดจากการมองหน้าของโรบินสัน
แม้ในระหว่างทางที่เดินทางมายังเมืองหลวง ในตอนนั้นที่เขาถูกกดดันจากโรบินสันว่าเขาสามารถใช้เวทมนตร์นั้นได้จริงๆหรอ เขาก็เลยเผลอยิงเวทมนตร์ออกไปทันทีเนื่องจากความกลัว แม้ว่าเขาจะเคยเอาชนะความกลัวที่คล้ายๆแบบนี้มาได้จากตอนที่เขาได้สู้กับสัตว์ประหลาดในครั้งแรก แต่ใบหน้าของโรบินสันนั้นมากเกินกว่าที่เขาจะระงับจิตใจให้ไม่สั่นคลอนได้
[…… แล้ว ไอ้หมอนั้นไปไหน ? ]
[ ผมคิดว่าเดี่ยวหัวหน้าก็คงกลับมาแหละมั้ง ปกติก็แบบนี้แหละไม่ต้องใส่ใจหรอก ]
[ “ช่วยรอตรงนี้ และเป็นจุดสนใจซักพัก” งั้นเรอะ? อย่ามาพูดบ้าๆนะ ]
ฮาโรลด์บ่นออกมาราวกับต้องการระบายความในใจของเขา แต่รอบนี้คำพูดของเขากับตรงกับความรู้สึกจริงๆ นั้นเพราะสิ่งที่อยู่รอบๆตัวของฮาโรลด์ตอนนี้ มันคือสนามฝึกที่ใช้สำหรับฝึกการต่อสู้ระหว่างบุคคล ฮาโรลด์ได้แต่ยืนนิ่งอยู่ในกลางสนามที่ถูกล้อมรอบไปด้วยเหล่าอัศวินจำนวนมาก ใบหน้าของเขาแสดงความหงุดหงิดออกมาอย่างชัดเจน ก็นะ หลังจากที่เขามาถึงเมืองหลวง ขณะที่กำลังเดินผ่านไอ้สนามฝึกนี้ คนต้นเรื่องที่พาเขามากลับหายหัวไปไหนไม่รู้ และยิ่งไปกว่านั้น จุดที่เขาถูกทิ้งไว้ดันเป็นที่ๆเป็นจุดสนใจ ซึ่งเขานึกเหตุผลไม่ออกว่าโคดี้จะทำแบบนี้ทำไม
[ งาย งาย ขอโทษที่ให้รอนะ ]
โคดี้กลับมาด้วยท่าทางชิลๆเหมือนตามปกติโดยไม่แม้จะสังเกตเห็นความหงุดหงิดของฮาโรลด์ ขณะที่ฮาโรลด์กำลังระงับความอยากกระโดดขาคู่ใส่โคดี้ และพยายามคาดคั้นคำอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้
[ แกทำกันได้นะ ไปไหนมาฟระ แล้ว พวกนี้เป็นใคร ? ]
[ โทษที โทษที ชั้นมีธุระนิดหน่อยน่ะ ก็ อ้อใช่ ชั้นอยากให้ฮาโรลด์คุงสู้กับพวกนี้ซักหน่อย คิดซะว่ามันคือการสอบเข้าละมั้ง ? ]
[ห๊ะ ? ]
ฮาโรลด์ไม่ใช่คนเดียวที่ตอบสนองต่อคำพูดของโคดี้ เหล่าผู้คนที่รวมตัวกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้ต่างส่งเสียงพึมพัมกันออกมาเช่นกัน ดูเหมือนว่าพวกเขาเองก็ไม่ได้รับคำอธิบายอะไรเลย ไม่นานนักชายที่มีหนวดก็ได้ถามโคดี้ขึ้น
[ นี่มันอะไรกันหัวหน้าโคดี้ พวกรู้มาเพียงแค่พวกเขาจะได้สอบเลื่อนระดับจาก”ลูกเจี๊ยบ”แค่นั้นเอง ]
[ ใช่แล้ว การดวลนี้เป็นทั้งการทดสอบและการสอบเข้าสำหรับเขา ]
ด้วยคำพูดเหล่านี้ ทุกๆสายตาต่างจับจ้องมาที่ฮาโรลด์ และสิ่งที่พวกเขาทุกคนกำลังคิดก็ถูกกล่าวออกมาโดยชายที่มีหนวด
[ การสอบเข้า ? หัวหน้าหมายถึงเด็กนี่หรอ ? ไม่ว่าจะมองยังไง เจ้านี่ไม่น่าจะอายุถึงเกณนะ ? ]
(ไอ้บทพูดนี้อีกแล้ว …….. เห้อกะไว้แล้ว ไอ้หมอนี่คงไม่ให้ผมผ่านแบบวิธีธรรมดาทั่วไปสินะ )
เนื่องจากบุคคลิคของโคดี้ ฮาโรลด์ก็คิดไว้แล้วว่ามันจะต้องมีอะไรซักอย่าง แต่ว่าเหตุการณ์นี้มันเกินกว่าที่เขาคาดไปเยอะ ในเมื่อมันเลยตามเลยมาถึงขั้นนี้แล้ว จริงๆก็ไม่ได้ไม่ชอบอะไรหรอก แค่เขาหวังว่าโคดี้จะบอกอะไรกับเขาก่อนบ้างสักหน่อย บางที ที่เขาเก็บเงียบเอาไว้คงด้วยเหตุผลโง่ๆอย่างเช่น “ชั้นอยากจะเซอไพร์นาย”
[ อย่างแรก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีชื่อเล่นกันว่า”เหล่าลูกเจี๊ยบ” แต่พวกเขาก็เป็นอัศวินฝึกหัดที่ได้รับการฝึกมามากกว่า 2 ปีแล้ว ถึงแม้มันจะฟังดูไม่มาก แต่พวกเขาก็มีประสบการณ์การต่อสู้จริงมาพอสมควร หากเทียบกับเด็ก พวกเขาถือว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่เกินระดับไปหน่อย ]
สิ่งที่โคดี้พูดออกมามันก็ฟังดูสมเหตุสมผล แม้ว่าจำนวนผู้คนที่อยากจะเข้าร่วมกองอัศวินจะมีจำนวนมาก แต่ผู้คนที่ได้รับการยอมรับให้เข้าหน่วยอัศวินของราชานั้นมีค่อนข้างต่ำ นอกจากนี้ ผู้คนจำนวนมากที่ได้เป็นอัศวินฝึกหัดแล้วจะถยอยลาออกกันไปเองหลังจากทำรับการฝึกฝนอย่างหนักหน่วง และถ้าหากพวกเขาล้มเหลวในการสอบวัดระดับ พวกเขาก็จะถูกคัดออก หลังจากเข้าเป็นอัศวินฝึกหัดและรอดชีวิตจากการฝึกอย่างหนักหน่วยและการต่อสู้จริงตลอด 3 ปี ในตอนนั้นจะถือว่าพวกเขาสอบจบหลักสูตรและจะไม่ถูกปฎิบัติในฐานะมือใหม่อีกต่อไป
หลังจากนั้นอีก 2-3 ปี พวกเขาก็จะถือว่าเป็นอัศวินจริงๆ และถูกปฎิบัติให้ดีขึ้นอีกระดับหนึ่ง ก็รวมระยะเวลา 5 ปีได้ ถ้าจิตใจและร่างกายของพวกเขาไม่เข้มแข็งพอ ไม่มีทางเลยที่จะผ่านมันมาได้
[ แต่อย่าไปสนเรื่องหยุมหยิมพวกนั้นเลย เด็กคนนี้ไม่ธรรมดาน่ะ ]
แต่ว่าโคดี้กับไม่สนใจเหตุผลในข้างต้นเลย ตรงกันข้าม เขากับหันไปพูดกลับเหล่าอัศวินที่จะต้องต่อสู้กับฮาโรลด์
[ ในทางกลับกัน ถ้าหากพวกนายดูถูกเด็กนี่แล้วไม่เอาจริง พวกนายจะได้เจ็บตัวเองนะจะบอกให้ อ้ออีกอย่าง ถ้าหากพวกนายสามารถเอาชนะฮาโรลด์คุงได้ ชั้นจะอนุมัติให้ผ่านในการสอบครั้งต่อไปให้ด้วย ]
วิธีการที่เขาพูดนั้นมันฟังดูราวกับว่าฝีมือเด็กใหม่อย่างพวกเขาไม่สามารถเอาชนะฮาโรลด์ได้
หากพูดไปมากกว่านี้ คงไม่ดีแน่ ถึงแม้พวกเขาจะยังคงเป็นแค่อัศวินมือใหม่ แต่พวกเขาก็ได้พิสูจน์ตนแล้วจากทั้งการฝึกฝนและด้านจิตใจ ความพยายามที่สะสมมาก่อเกิดเป็นความมั่นใจและความภาคภูมิใจในการเป็นอัศวิน
ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่การถูกเรียกให้มาเป็นคู่ต่อสู้ในการสอบเข้าคัดเลือกของเด็กนี่มันก็จะหยามกันเกินไปหน่อย ไม่มีใครจะรู้สึกดีไปด้วยได้กลับการกระทำนี้ แต่ด้วยแรงจูงใจและการกระตุ้นของโคดี้ ดูเหมือนว่าเหล่าอัศวินจะเริ่มไฟติดแล้วคิดจะจริงจังกับการทดสอบนี่กันบ้างแล้ว
[ ก็ ตามนั้นแหละ สู้ๆนะ ]
ด้วยใบหน้าที่แสดงถึง “อ่า หมดหน้าที่ชั้นแล้ว” โคดี้ก็ตบไหล่ฮาโรลด์เบาๆ แต่เพียงแค่นี้ ก็ยังไม่สามารถทำให้ความเย่อหยิ่งของฮาโรลด์ลดลงไปได้ ก็นะ ตั้งแต่เขามาที่โลกนี้การสั่งสมประสบการณ์การต่อสู้นั้นสำคัญเป็นอันดับ 2 รองลงมาจากการเลี่ยงธงตายเลยนะ แม้ว่าตอนแรกเขาจะหัวเสียอยู่พอสมควรที่สถานการณ์มันออกมาเป็นเช่นนี้ แต่ว่า ด้วยแรงจูงใจที่โคดี้ตระเตรียมไว้ให้ มันก็ได้กลายเป็นสถานการณ์ดั่งที่เขาหวัง
[ โคดี้ ]
[ อะไรหรอ ? ]
[ ทำได้ดี ]
ขณะที่กล่าวออกมาด้วยท่าทางหยิ่งยะโสเช่นเคย ที่มุมปากของเขาก็เผยรอยยิ้มขึ้นราวกับเป็นเรื่องปกติ มันเป็นความรู้สึกที่เขามักจะพบได้ตลอดตั้งแต่เขาได้มาครอบครองร่างกายนี้ มันคงเรียกว่าสัญชาตญาณการต่อสู้ ความหลงใหลที่ส่องสว่างภายในจิตใจเขา ความปิติยินดีที่แผ่ไปทั่วตัวของเขา
เขาเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเขาดี มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขารู้สึกแบบนี้
มันเป็นความรู้สึกเดียวกับที่เขาได้ประชันดาบกับอิสุกิหรือตอนที่เขาสู้กับสัตว์ประหลาดครั้งแรก สิ่งเหล่านี้ทำให้ความรู้สึกภายใจจิตใจตื่นตัวถึงขีดสุดราวกับว่านี่คือตัวตนจริงๆของฮาโรลด์
มีเพียงการเอาชนะศัตรูที่แข็งแกร่งเท่านั้นที่เขาจะยอมรับและพึงพอใจในชนะของเขาได้ เขายึดติดความสุขที่ได้รับจากการกระทำเหล่านั้น ดังนั้นฮาโรลด์คนเก่าจึงปฎิเสธความพ่ายแพ้แบบหัวชนฝาราวกับปฎิเสธตัวตนของตนเอง เพราะเหตุนั้น การที่เขาพ่านแพ้ให้กับไรเนอร์ในเนื้อเรื่องของเกมส์ มันทำให้ฮาโรลด์ไขว่คว้าหาพลังมากขึ้น และในที่สุดมันก็ทำลายตัวเขาเอง
( ในแง่หนึ่ง เขาก็เป็นพวกเสพติดการต่อสู้ ถึงแม้ตัวตนจริงๆของเขาจะน่ารังเกียจเพราะเขาไขว่คว้าหาพลัง เพื่อเพียงแค่อยากจะถูกสรรเสริญและยกย่องในความแข็งแกร่งของตนเท่านั้น )
นั้นคือตัวตนจริงๆของฮาโรลด์ แต่น่าแปลก มันกลับไม่กลายเป็นปัญหาใดๆในสถาณการณ์ปัจจุบัน แม้ว่าตัวตนจริงๆจะบิดเบี้ยว แต่โดยพื้นฐานแล้วยิ่งผู้ต่อสู้แข็งแกร่งเท่าใด ความปรารถนาในชัยชนะของเขาจะยิ่งสูงขึ้น และความคิดเหล่านั้นส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของเขาในการต่อสู้
มันจะทำให้เขาว่องไวขึ้น เฉียบคมยิ่งขึ้น แม่นยำมากขึ้น หากคู่ต่อสู้แข็งแกร่ง ยิ่งสถานการณ์เสียเปรียบเท่าใด ร่างกายและเทคนิคของเขาจะยิ่งเฉียบคมมากขึ้น มันได้รับการตรวจสอบมาแล้วจากการทดลองการต่อสู้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้กับอิสุกิ เขากับไม่รู้สึกถึงความแข็งแกร่งและดุเดือดในการต่อสู้กับอิสุกิได้อีก อาจเพราะความคุ้นชินที่ได้ประลองกับอิสุกิอยู่บ่อยๆ
แต่ตอนนี้ กาทดสอบที่ถูกจัดขึ้นโดยโคดี้ มันเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีสำหรับ ฮิราซาวะ คาซูกิ และความกระหายในการต่อสู้ของ ฮาโรลด์ สโตร์กเป็นอย่างดี ขณะตั้งท่าหลังดึงดาบออกจากฝัก ฮาโรลด์ก็เปิดปากพูดไปทางเหล่าอัศวิน
จริงๆเขาแค่จะพูดว่า “ รบกวนด้วยครับ “
[ ใครอยากจะแพ้ก่อนก็เข้ามาได้เลย ]
แน่นอน ปากของเขายังทำงานขยันขันแข็งเป็นปกติ แต่ก็มันก็เป็นดั่งที่ฮาโรลด์หวัง อาจเพราะคำพูดเหล่านั้นเป็นแรงกระตุ้น ชายหนุ่มคนนึงได้ก้าวเท้าออกมาจากกลุ่ม จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ที่ไม่ธรรมดาไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น ฮาโรลด์ได้แต่ยิ้มแหยงๆในความอัจฉริยะของปากของเขาที่สามารถยุยงคนอื่นได้ถึงขนาดนี้ เพราะสำหรับคนอื่น คำพูดเหล่านั้นมันคงเหมือนกับการเยาะเย้ย
[ ท่านหัวหน้าโคดี้ ที่คุณพูดมาเป็นความจริงหรือ ? ]
อัศวินหนุ่มเดินไปทำความเคารพโคดี้และถามขึ้น
[ แน่นอน ! ถ้าหากนายเอาชนะเด็กนี่ได้ล่ะนะ ]
[ ตกลง ขอบพระคุณมากครับ ! ]
หลังจากทำความเคารพด้วยท่าทางเช่นเคย เขาก็หันมาทางฮาโรลด์
[ เจ้าหนู ข้าขอโทษด้วยแต่คงต้องเอาจริงเสียหน่อย แต่ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่นายจะได้รับรู้ว่าโลกของแกมันกระจ้อยร่อยถึงเพียงไหน ]
[ ขอบคุณสำหรับความชี้แนะ เพื่อแสดงความขอบคุณ ข้าจะทำให้แกลงไปกองที่พื้น ]
ฮาโรลด์ก้าวออกไปเผชิญหน้ากับอัศวินหนุ่มกระทืบคำพูดเหล่านั้นคืนไป ทันทีที่ ทั้ง 2 เป็นจุดศูนย์กลาง ความตรึงเครียดก็เริ่มสูงขึ้น
[ เอ่อ-ก็ …จะสู้กันยังไงก็ได้ตราบที่ไม่มีใครตายหรือพยายามจะฆ่ากันอย่างจริงจัง เอาล่ะจะเริ่มตอนไหนก็ได้เอาที่สบายใจ ~ ]
ทันทีที่โคดี้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆซึ่งแตกต่างจากบรรยากาศในปัจจุบัน ทั้ง 2 ขยับตัวแทบจะพร้อมกัน ตามคาด การเคลื่อนที่ของเขารวดเร็วขึ้น แต่ว่าดาบที่ฟาดลงมาของทหารหนุ่มมันจะดูอันตรายอยู่บ้างก็ตาม แต่ว่ามันก็แค่นั้น
ฮาโรลด์หลบดาบที่ฟันมาจากทางด้านบนได้อย่างสบายๆและพุ่งไปเล่นงานที่บริเวณหน้าอกของศัตรูด้าบการแทงดาบของเขาไปยังชุดเกราะของทหารหนุ่ม
“เคล้ง” ด้วยเสียงที่เกิดจากเหล็กทั้ง 2 กระทบกัน ทหารหนุ่มคนนั้นถูกซัดถอยไป หลังจากเซอยู่ 2-3 ก้าว เขาก็ล้มลง ดูเหมือนว่าการแทงนั้นจะส่งแรงกระแทกไปถึงอวัยวะภายในจนทำให้เขาหมดสติ โคดี้ได้สังเกตอาการของชายที่ล้มลง
[ …… ตาของหมอนี้หมุนติ้วไปแล้ว เห้ยๆ ใครก็ได้ไปเอาเปลหามมาหน่อย ]
[ ครับผม ! ]
หลังจากทหารหนุ่มคนนั้นถูกหามออกไป ฮาโรลด์ก็ได้จ้องมองไปยังเหล่าอัศวินอีกครั้ง ด้วยสายตาที่เฉียบคมนั้น มันทำให้หลายๆคนถึงกับไหล่ตก แต่ฮาโรลด์ก็ไม่ได้สนใจเรื่องนั้น และพูดเชื้อเชิญให้คนใหม่ออกมา
[ คนต่อไป ]
ฮาโรลด์มีบางอย่างที่เขาต้องการจะยืนยันให้ได้และต้องการทดสอบมันในการประลองนี้ นั้นคือเหตุผลว่าทำไม เขาจึงละทิ้งความคิดที่ไม่จำเป็นและตั้งสมาธิแก่การต่อสู้อย่างเดียว
คนที่ก้าวออกมาคือชายร่างกายกำยำ รูปร่างของเขาสูงใหญ่กว่าคนก่อนหน้านี้ เขาโค้งคำนับโดยไม่พูดอะไร และเมื่อทั้ง 2 ประจำที่ เป็นฮาโรลด์ที่เริ่มเคลื่อนที่ก่อน
ประการแรก นี่คือการทดลองอะไรบางอย่าง เขาประชันดาบกันเบาๆ ค่อยๆแลกเปลี่ยนการโจมตีกันไปเรื่อยๆ ค่อยๆเพิ่มความเร็วของเขาขึ้น แต่ชายคนนั้นก็สามารถตามความเร็วของเขาได้ทันโดยง่าย และเมื่อถึงระดับความเร็ว ณ จุดๆหนึ่ง มันเป็นความเร็วปกติที่เขามักจะใช้ในการต่อสู้กับอิสุกิ ชายคนนี้ก็ยังรับมือได้ ดูเหมือนชายคนนี้จะแข็งแกร่งพอสมควร เมื่อเห็นเช่นนั้นฮาโรลด์จึงทิ้งระยะออกมา
หลังจากนั้นเขาก็คลายท่าทีด้วยกลายจับดาบอย่างหลวมๆ และเผยช่องว่างออกมาราวกับไม่ต้องการที่จะป้องกัน รอยยิ้มที่บิดเบี้ยวค่อยๆผุดขึ้นราวกับกำลังดูถูกคู่ต่อสู้ ใบหน้าที่ดูราวกับเชื้อเชิญให้ “เข้ามาให้ดูฝีมือหน่อย”
บางทีชายคนนี้อาจไม่สามารถทนต่อการยั่วยุด้วยการกระทำที่เหนือกว่าคำพูดของฮาโรลด์ได้ เขารวดเร็วกว่าตอนที่ดวลกันเมื่อซักครู่อย่างน่าทึ่ง และการโจมตีนั้นรุนแรงกว่าเดิมมาก
ฮาโรลด์คงปัดป้องการโจมตีเหล่านั้นด้วยดาบของเขา ……. แต่เรื่องแบบนั้นกลับไม่เกิดขึ้น ในเมื่อเขาแทบจะไม่ได้ออกแรงจับด้วยเลยแม้แต่น้อย ดังนั้นสิ่งที่เขาทำมีเพียงหลบการโจมตีพวกนั้นไปเรื่อยๆ และดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีความตั้งใจที่จะโจมตีสวนกลับแต่อย่างใด ฮาโรลด์ทำแค่เพียงปล่อยให้ชายคนนี้โจมตีเข้ามาอย่างจริงจังและสังเกตพฤติกรรมของคู่ต่อสู้ไปเรื่อยๆ หลังจากดวลดาบกันได้ไม่กี่นาที เขาก็ยืนยันสิ่งที่เขาคิดได้
( บางที มันมีอยู่จริงๆด้วยสินะ “ลักษณะการเคลื่อนไหวแบบในเกมส์” )
ลักษณะการเคลื่อนไหวของตัวละคร เป็นดั่งชื่อ มันคือการเคลื่อนไหวตายตัว ภายในเกมส์ การเคลื่อนไหวของตัวละครจะถูกกำหนดไว้ คนที่ได้รับการพิสูจน์จากฮาโรลด์คือคนที่เขากำลังสู้อยู่ หรือก็คือ 1 ในสมาชิกกองอัศวิน ถ้าหากให้กล่าวในแบบของเกมส์ คนๆนี้จะถูกเรียกว่า “อัศวิน A “
ในเกมส์ [[Brave Hearts]] การที่ได้เผชิญหน้ากับอัศวินถือเป็นเรื่องปกติภายในเกมส์ พวกเขาไม่ได้เซ็ตติ่งตัวละครพวกนี้ไว้ดีอะไรนัก หรือก็คือ อัศวินพวกนี้ถือเป็นลูกกระจ๊อกภายในเกมส์ นั้นคือเหตุผลว่าทำไม การเคลื่อนไหวของตัวละครเหล่านี้ถูกจำกัดไว้ และสิ่งเหล่านี้แสดงถึงความเป็น อัศวิน A
จริงๆเขาสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ตั้งแต่เขาได้ต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ในตอนแรก เขาต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการต่อกรกับพวกมัน แต่เมื่อเขาเริ่มคุ้นเคยกับการต่อสู้และลองสังเกตดูดีๆ เขาก็ตระหนักได้ว่าการเคลื่อนไหวของพวกมันมีลักษณะเฉพาะเหมือนดั่งในเกมส์อยู่
ทั้งการโจมตีที่ปล่อยออกมา ดีเลย์ หรือเวทมนตร์ มันกลายเป็นภาพซ้อนทับราวกับกำลังมองจอเกมส์เหมือนดั่งภายในความทรงจำ
จริงแล้วๆ มันก็มีอยู่หลายครั้งที่พวกเขาเคลื่อนไหวไม่เป็นดั่งภายในเกมส์อยู่บ่อยครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็พอจะเดาก้าวต่อไปได้ ซึ่งมันได้เปรียบเป็นอย่างมาก ด้วยเหตุนี้ ทำให้ความรู้สึกมั่นใจในการต่อสู้ของเขานั้นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ฮาโรลด์ได้แต่สงสัยว่า “มันจะไม่มีการเคลื่อนไหวลักษณะที่แตกต่างบ้างเลยหรอ”
แม้ว่าสิ่งที่เขาสงสัยล่าสุดมันยังไม่สามารถยืนยันความถูกต้องได้ในตอนนี้ เพราะปัญหาจริงๆของเขาก็คือเขาไม่สามารถหาคู่ต่อสู้ที่เป็นตัวละครเช่นเดียวกับในเกมส์ได้ เพราะมันไม่มีคู่ต่อสู้ไว้ให้เขาตรวจสอบ ขนาดการต่อสู้ในงานประลองเดลฟิต ตอนนั้นเขาคิดว่าบางทีอาจจะมีโอกาสได้ต่อสู้กับตัวละครเหมือนพวกอัศวินแบบในเกมส์ได้บ้าง จึงทำให้เขาตัดสินใจเข้าร่วมการแข่งขัน
แต่ว่าพอเอาเข้าจริง คู่ต่อสู้ของเขากลับมีแค่เด็ก ถึงแม้จะเว้นไรเนอร์ไว้คนหนึ่ง ถึงแม้ว่าตัวละครนี้เขารู้ถึงลักษณะการเคลื่อนไหวต่างๆจนทะลุปุโปร่ง แต่ด้วยอายุของไรเนอร์ตอนนี้ก็ยังไม่เท่ากับตอนที่เกมส์เริ่มต้น ดังนั้นลักษณะการเคลื่อนไหวจึงไม่เหมือนภายในเกมส์เลยซักนิด
แต่ว่าวันนี้ หลังจากผ่านมาเกือบๆ 2 ปี หลังจากที่เขาผ่านการต่อสู้ครั้งแรก ในที่สุดก็สามารถยืนยันสมุติฐานของฮาโรลด์ได้ แน่นอนว่ามันอาจจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้เพิ่มอีกมาก แต่มันมีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้ประโยชน์จากการรู้ถึงวิธีเคลื่อนไหวของศัตรูล่วงหน้า และนั้น มันทำให้ฮาโรลด์รู้สึกอารมณ์ดี รอยยิ้มอันชั่วร้ายค่อยๆเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และสามารถหลบการโจมตีของอัศวินคนนี้ได้อย่างง่ายๆเพราะสามารถเดาทางการเคลื่อนไหวได้หมด เขายังจงใจหลบแบบชิวเฉียด มีช่องว่างระหว่างเขากับดาบเพียบแค่เท่าแผ่นกระดาษเท่านั้น มันยิ่งทำให้เขาดูเหมือนกับว่าหยอกล้อเล่นกับคู่ต่อสู้ด้วยความสามารถที่เหนือชั้นกว่ามาก
อาจเพราะเริ่มรู้สึกร้อนรน กลายเป็นอัศวินAที่เป็นฝ่ายทิ้งระยะห่างออก หลังจากนั้นเขาลดจุดศูนย์ถ่วงของตนเองลงเล็กน้อยราวกับต้องการให้ร่างของตนมั่นคง มันคือรูปแบบการเปิดใช้งานเวทมนตร์ของอัศวินA รูปแบบเวทมนตร์สีฟ้าอ่อนๆปรากฎขึ้นใต้เท้าของเขา สำหรับฮาโรลด์แล้ว ข้อมูลที่ได้รับมานี้ มันเพียงพอที่จะทำให้เขาคาดเดาเวทมนตร์นั้นได้
( ไม่เกี่ยงว่าจะเป็นเวทมนตร์อะไร ยังไงอัศวินAก็มีท่าทางร่ายเวทมนตร์แบบตายตัว และไอ้รูปแบบเวทมนตร์สีฟ้า… พวกอัศวินมีเวทมนตร์สายน้ำเพียงแค่ชนิดเดียว นั้นหมายความว่า เวทมนตร์ที่เขาใช้นั้นคือ- )
ฮาโรลด์ยื่นมือซ้ายของเขาไปข้างหน้าและกล่าวคำร่ายเวทมนตร์ออกมา
[[Aqua Slash!]]
ทันทีที่ทั้ง 2 ตะโกนออกมาพร้อมกัน ใบมีดน้ำจำนวนไม่ถ้วนก็ปรากฎขึ้นกลางอากาศ ดาบวารีนั้นมีความยาวราวๆ 30 ซม. แต่ละเล่มพุ่งเข้าหาคู่ต่อสู้ของตน แต่ทว่ามันกลับปะทะกันระหว่างทางของทั้ง 2 และเพราะแรงปะทะนั้น มันทำให้เวทมนตร์ทั้ง 2 ถูกหักล้างและหายไป
และนี่ก็เป็นสิ่งที่ฮาโรลด์เล็งเอาไว้เช่นกัน
ในเนื้อเรื่องของเกมส์ ทันทีที่เวทมนตร์ถูกเปิดใช้งาน สิ่งที่ทำได้มีเพียงหลบหลีกหรือป้องกันเท่านั้น แม้ว่าจะโจมตีด้วยการโจมตีกายภาพหรือใช้เวทมนตร์ มันจะไม่ถูกหักล้าง แต่เพราะมันเป็นแบบนี้แค่ในเกมส์เท่านั้น หากเป็นที่โลกแห่งนี้ เวทมนตร์สามารถลบล้างด้วยเวทมนตร์ สิ่งนี้ได้ถูกพิสูจน์แล้วเมื่อสักครู่
เมื่อฮาโรลด์หันไปมองอัศวินA ใบหน้าของเขาถูกย้อมไปด้วยความตกใจ โดยธรรมดาแล้ว ถึงแม้ อัศวินA จะรู้ดีว่าเวทมนตร์นั้นสามารถถูกลบล้างได้ด้วยเวทมนตร์ แต่นั้นเป็นสิ่งที่เกิดได้ยากในการต่อสู้จริง จะเรียกว่าบังเอิญเลยก็ได้ ถึงแม้จะบังเอิญ แต่มันก็แทบเป็นไปไม่ได้ “ตั้งใจให้เกิด” ได้ นั้นเพราะการโจมตีได้เวทมนตร์นั้นมีความเร็วโจมตีที่สูงพอสมควร แถมการที่จะหักล้างเวทมนตร์ให้หายไปได้นั้น จำเป็นต้องใช้เวทมนตร์ชนิดเดียวกันและขนาดเท่าๆกันอีกด้วย ถึงจะเกิดผลหักล้างกันได้อย่างสมบูรณ์ คุณอาจจะแย้งเพราะฮาโรลด์เคยใช้สายฟ้าหยุดการโจมตีด้วยลูกไฟนั้นไว้เมื่อตอนงานประลอง แต่ว่า ด้วยพลังโจมตีที่ท่วมท้นของสายฟ้ามันรุนแรงมากเกินพอที่จะทำให้ลูกไฟนั้นถูกทำลายลงอย่างง่ายดาย ซึ่งมันไม่ใช่กันหักล้าง
และยิ่งไปกว่านั้น ปกติแล้ว จนกว่าเวทมนตร์จะถูกเปิดใช้งาน ไม่มีทางเลยที่จะรู้ได้ว่ากำลังใช้เวทมนตร์แบบไหน หากมีใครพยายามหยุดเวทมนตร์ด้วยวิธีนี้ มันก็แน่นอนอยู่แล้วที่จะต้องยิงเวทมนตร์ลบล้างกลับไปด้วยพลังโจมตีสูงสุด
สรุปคือ มันไม่ใช่วิธีที่ดีเลยและเอามาใช้จริงได้ยาก นั้นคือสามัญสำนึกสำหรับโลกแห่งนี้
อย่างไรก็ตาม สามัญสำนึกของโลกนี้ใช้ไม่ได้กับฮาโรลด์ และเมื่ออัศวินA ฟื้นจากการช็อค เขาก็เริ่มกลับมาบุกอีกครั้ง แต่ว่าตอนนี้ทั้งความเร็วและความเฉียบคมกับมลายหายไปหมด ทั้งเชิงดาบและเวทมนตร์ของเขาเริ่มกลายเป็นสะเปะสะปะ คนอื่นๆที่กำลังชมการประลองคงมองว่า ฮาโรลด์แค่ต้องการจะโชว์ความสามารถของเขา มันคงไม่แปลกหากจิตใจพวกเขาจะถูกรบกวน และนั้น มันยิ่งทำให้หลบหลีกและป้องกันการโจมตีได้ง่ายขึ้น
และเมื่อเขาอ่านการเคลื่อนไหวทุกๆอย่างของอัศวินA ได้อย่างสมบูรณ์ มันก็ถึงเวลาที่จะปิดฉากได้ ในตอนที่อัศวินAเผยช่วงว่าง ฮาโรลด์ก็ไม่พลาดโอกาสที่จะหลบการโจมตีและสวนกับไปที่จุดนั้น และสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ลงได้อย่างง่ายดาย
ฮาโรลด์แทบจะไม่ได้พึ่งพาความเร็วของเขาที่อาจจะเรียกว่าเป็นไพ่ตายของเขาเลยด้วยซ้ำ นั้นก็เพราะเขาคิดว่าหากเขาเอาแต่พึ่งพาความเร็วอย่างเดียว สักวันหนึ่งเขาอาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่ความเร็วของเขาไม่สามารถหาทางออกให้ได้
ด้วยเหตุนี้มันจึงจำเป็นที่เขาจะปรับปรุงเทคนิคการต่อสู้ และในขณะเดียวกัน เพื่อยืนยันเทคนิคที่เขาใช้อยู่นั้นมีประสิทธิภาพมากเพียงใดดังนั้นการทดสอบครั้งนี้ เหมือนดั่งยิงปืนนัดเดียว ได้นก 2.. ไม่สิ 3 ตัวเลย
[ มันน่ารำคาญที่จะต้องจัดการพวกแกทีละคน เพราะงั้น เข้ามาพร้อมกันได้เลย ข้าไม่ว่าอะไร ]
แม้จะรู้สึกผิดที่ใช้ประโยชน์เหล่าอัศวินเพื่อประโยชน์ของตัวเขาเอง แต่ว่าฮาโรลด์ก็ยังยั่วยุพวกเขาต่อไปอยู่ดี นั้นเพราะยังอยากให้พวกเขาเอาจริงกับการต่อสู้นี้ต่อไป และปากของเขาก็ยังทำหน้าที่ได้ดีอย่างเช่นเคย
◇
[ น่าทึ่งมาก เด็กคนนั้น … ]
แชนน่อน ผู้ที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ วินเซนต์ เธอกล่่าวออกมาหลังจากได้เห็นภาพอันน่ามหัศจรรย์ตรงหน้าของเธอ คำๆนึงอย่างคำว่า “น่าทึ่ง” บ่งบอกถึงตัวตนของเด็กชายชุดดำ ที่กำลังต่อสู้กับเหล่าอัศวินที่เรียกได้ว่ากลายเป็นการตะลุมบอนไปแล้วที่สนามฝึก
วินเซนต์ ตอบกลับมาเพียงสั้นๆว่า [ ใช่ ]
แน่นอนว่ามันน่าทึ่งมาก เรียกได้ว่าซุบาราชี่เลยก็ได้ เด็กชายคนนั้นสามารถหยุดการโจมตีได้ทั้งหมดไม่ว่าจะมาไม้ไหน และเมื่อไหร่ก็ตามที่เขาโจมตี เขาจะจัดการคู่ต่อสู้ลงได้ด้วยเพียงดาบเดียวอยู่เสมอ ทั้งการรุกและรับทำออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ เด็กชายคนนั้น ผู้ที่ทำการทดสอบเข้าด้วยอายุไม่ถึง 15 ปีด้วยซ้ำ
แน่นอนที่แชนน่อนจะต้องประทับใจเป็นธรรมดา ไม่มีเหตุผลใดๆให้โต้แย้ง แต่เพราะความ”สมบูรณ์แบบ” ที่เกินไปนั้น มันทำให้วินเซนต์รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
( นี่มันอะไรกัน ? ไอ้ความสมบูรณ์แบบนี้ )
วิธีการต่อสู้ของเด็กชายนั้นไม่ใช่ว่าใครๆก็จะสามารถทำได้ถ้าหากไม่รู้ถึงการเคลื่อนไหวล่วงหน้าของคู่ต่อสู้ มันดูออกได้ง่ายเพราะวิธีต่อสู้นี้มันแตกต่างจากวิธีการต่อสู้ที่เน้นความปลอดภัยและมั่นคง
เพราะมันลื่นไหลจนเกินไป จนมันดูราวกับการต่อสู้นี้มันถูกเตี้ยมกันมาล่วงหน้ารึป่าว ?
สิ่งนี้ไม่เพียงแสดงถึงการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของศัตรูได้อย่างแม่นยำ เขาไม่ได้หลบการโจมตีเหล่านั้นอย่างไร้จุดหมาย แต่ยังเลือกจุดที่”เหมาะสมที่สุด” ในการหลบหลีกหรือป้องกันเพื่อเตรียมรับมือกับการโจมตีครั้งต่อๆไป ถ้าหากไม่ได้รู้การเคลื่อนไหวล่วงหน้าจริงๆ ก็ไม่มีทางที่จะกำจัดการเคลื่อนไหวที่ไม่จำเป็นทั้งหมดออกไปได้ สิ่งเหล่านี้คือข้อพิสูจน์ที่ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า”ไม่ใช่ว่าเด็กนี่รู้การเคลื่อนไหวล่วงหน้า 2 ถึง 3 ก้าวเลยหรอ ?”
แม้ว่าความเป็นจริงจะเป็นเพียงแค่ทราบถึงวิธีเคลื่อนไหวของเหล่าอัศวิน โดยเฉพาะพวกเหล่าอัศวินเด็กใหม่ที่เด็กชายกำลังต่อสู้ด้วย สไตล์การต่อสู้พวกนั้นถือเป็นเรื่องพื้นฐาน หลังจากเรียนรู้มันและผ่านการต่อสู้จริงมากพอ พวกเขาจะผสมผสานมันเข้ากับสไตล์การต่อสู้ของตัวเองเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ วินเซนต์เองก็ทราบดีถึงสไตล์การต่อสู้ของเขาที่เปลี่ยนแปลงไป แต่มันก็ไม่ผิดที่สไตล์การต่อสู้นี้เป็นพื้นฐานของเหล่าอัศวินทั้งหมด
มีเพียงหยิบมือเดียวที่มีความสามารถที่หลากหลายขนาดนี้ในกองอัศวินเช่นเดียวกับเด็กชายคนนี้ แต่ว่า มันไม่ควรจะเป็นคำว่า “น่าทึ่ง” แต่มันควรจะเป็น “แปลกประหลาด” มากกว่า นั้นเพราะ สิ่งที่เด็กชายแสดงออกมา ทั้งๆที่เขาเป็นเพียงแค่คนนอกกลับคุ้นชินกับสไตล์การต่อสู้ของเหล่าอัศวินเกินไป
( ใช่ นี่มันประหลาด มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมีรูปแบบการต่อสู้ที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้โดยใช้เพียงแค่ความแข็งแกร่งและประสบการณ์ )
แล้วทำไมเด็กคนนี้ถึงทำในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ หากคิดถึงความเป็นไปได้ บางทีเด็กคนนี้อาจจะเคยประดาบกับอัศวินซักคนในสนามรบ แต่ไม่มีทางที่จะครั้ง หรือ 2 ครั้ง มันต้องใช้เวลามากพอที่จะสามารถคุ้นชินกับและจดจำสไตล์และทักษะดาบ การผสมผสาน จังหวะในการใช้เวทมนตร์ และอื่นๆ
ถ้าหากมันเป็นจริงดังที่คาด มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่เด็กคนนี้จะเป็นศัตรู และหากบุคคลดังกล่าวมาสอบเข้ากองอัศวิน เป้าหมายของเด็กคนนี้คงเป็นการแทรกซึมและดำเนินแผนอะไรบางอย่างลับหลังเป็นแน่
[ ……. แชนน่อน มีบางอย่างที่ข้าอยากจะให้เธอตรวจสอบ ]
[ ได้โปรดสั่งมาได้เลยค่ะ ]
[ ข้าต้องการให้เธอรวบรวมบันทึกการต่อสู้ทั้งหมดของกองอัศวินตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ทุกๆสนามรบ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ หรือแม้กระทั้ง คนๆเดียว รวบรวมทั้งหมดทุกระดับ ]
[ ต้องการเมื่อไหร่คะ ? ด้วยสเกลที่ใหญ่ขนาดนี้ ดิฉันอาจจะต้องขอเวลารวบรวมพอสมควร ]
[ ไม่เป็นไร ข้าจะตรวจสอบในการต่อสู้ใหญ่ๆเอง เธอรวบรวมส่วนที่เหลือไป ]
[ เข้าใจแล้วค่ะ ]
แชนน่อนโค้งศีรษะทำความเคารพ ปกติแล้ววินเซนต์จะยิ้มเจื่อนๆให้กับความสุภาพของเธอ แต่ว่าตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์ทำเช่นนั้น
คาดการณ์เวทมนตร์ล่วงหน้าและหักล้างมัน พวกเขาได้เห็นกับตาแล้วว่าเรื่องไร้สาระนี้มันเป็นไปได้ อาจจะมีอีกหลายๆเรื่องที่พวกเขายังไม่รู้ แม้ว่าเขาจะสามารถทำให้เด็กนี่สอบตกและไล่กลับบ้านไปอย่างง่ายๆ แต่ว่ามันอันตรายเกินไป เรื่องนี้ไม่สามารถปล่อยผ่านไปได้
ในกรณีนี้ คงต้องให้เด็กคนนี้อยู่ที่นี่ และเฝ้าสังเกตพฤษติกรรมไปด้วย เราจะตรวจสอบเด็กคนนี้อย่างละเอียด เขาไปอยู่ที่ไหน ทำอะไรมาบ้าง มีโอกาสที่สายลับคนอื่นๆนอกจากเขาจะแฝงตัวเข้ามาในกองอัศวินหรือในอาณาจักรแล้ว หรือก็คือ พวกเราจะใช้เด็กนี่ในการเปิดโปงตัวสายลับคนอื่นๆ
[ ยังไม่เป็นไร หวังว่านี่เป็นเพียงความกังวลที่ไม่จำเป็น …. ]
[ ท่านพูดอะไรรึปล่าวคะ ? ]
[ ปล่าว ไม่มีอะไร พวกเรากลับไปทำงานกันเถอะ ]
[ ค่ะ ]
ขณะมองดูเด็กชายชุดดำอัดคนกว่า 20 คนที่นอกหน้าต่าง พวกเขาก็กลับมาทำงานเอกสารของพวกเขาต่อ
———————-
TL: บทพูดน้อยนิด บทบรรยายอย่างยาว แบบนี้ฉันจะเอาเวลาไหนไปเล่นเกมส์ T T
TL2 : แอบไปส่องมังงะใกล้ทันแล้ว