My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 34
เมื่อตื่นในตอนเช้า เหล่าทหารใหม่จะฝึกช่วงเช้าราวๆ 2 ชม. หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเขาจะทำงานเบ็ดเตล็ดตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจากกองอัศวิน หรือบางสถานการณ์ พวกเขาจะได้ออกลาดตระเวนไปรอบๆเมืองกับผู้บังคับบัญชาโดยพวกเขาจะเดินตามหลังเรียงแถวราวกับลูกเป็ด และหลังจากอาหารเที่ยง พวกเขาก็ไม่มีภารกิจอะไรอีกนอกจากการฝึก เป็นอันจบ 1 วัน ฟังดูเป็นกำหนดการที่โหดเอาเรื่องทีเดียว
เป็นเวลากว่า 2 สัปดาห์แล้วที่ฮาโรลด์ได้ใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ แต่สำหรับเขามันก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนัก มันเป็นเรื่องจริงที่เขาและผู้คนรอบข้างต่างรู้กันดี ตั้งแต่เริ่มฝึกวันแรก เขาก็ได้แสดงงพลังกายและความสามารถของเขาในการฝึกเป็นประจักษ์ต่อทุกๆคนแล้ว ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันหนักหนาอะไร ยิ่งกว่านั้น ยิ่งเขาฝึกมากขึ้นเท่าใด เขาก็ยังไม่เคยถึงขีดจำกัดของตัวเองเลยซักครั้ง และมักจะจบการฝึกโดยแทบจะไม่เหนื่อยอะไรเท่าไหร่เลย
ในทางกลับกัน เนื่องจากปากของเขายังคงขยันหาเรื่องหยาบคายใส่ครูฝึกอยู่ทุกวันราวกับว่าเขาเป็นคนไม่รู้จักกาลเทศะ ดังนั้นครูฝึกเลยตอบแทนด้วยการเพิ่มตารางการฝึกของเขาให้มากขึ้นเรื่อยๆในทุกวัน ถึงจะเป็นงั้นแต่ร่างกายของเขาก็ผ่านมันมาได้อย่างง่ายๆ ขณะนึกว่าภาพครูฝึกคงจะดีใจแย่ถ้าหากเห็นเขาถูกฝึกจนเหนื่อยคลานอยู่ที่พื้น และความกลัวที่จะถูกไล่ออกวันไหนก็ไม่รู้เริ่มก่อขึ้นภายในใจ
มันเป็นเรื่องปกติสำหรับเขา ที่จะถูกหลีกเลี่ยงโดยอัศวินรุ่นเดียวกันและถูกกองกำลังผู้เกลียดฮาโรลด์เข้ามาหาเรื่องอยู่เสมอ อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ค่อยรู้เรื่องของเพื่อนร่วมห้องเท่าไหร่นัก นั้นเพราะตอนที่ว่างฮาโรลด์มักออกไปฝึกอยู่คนเดียวเสมอเพราะไม่อาจทนอยู่ในห้องที่บรรยากาศชวนอึดอัดและตกอยู่ในความเงียบได้ ห้องนี้สำหรับเขามีไว้เพียงแค่นอนเท่านั้น เพราะงั้น ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมห้องถือว่าเข้าขั้นวิกฤติ แต่ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเช่นกัน
และในวันนี้เอง ขณะที่เขาคิดว่าจะไปหาอาหารเที่ยงกินก่อนไปเตรียมฝึกช่วงบ่าย จู่ๆเขาก็ถูกเรียกให้ไปที่ห้องของครูฝึก ขณะเดินทางไปห้องของครูฝึก ในใจของฮาโรลด์เต็มไปด้วยความกังวล “บ้าน่า ผมจะถูกไล่ออกแล้วหรอ ?” และเมื่อไปถึง ครูฝึกก็กล่าวออกมาโดยไม่เกริ่นอะไรก่อนเลย
[ ฮาโรลด์ ถึงเวลาที่นายจะต้องสอบจบหลักสูตรพื้นฐานแล้ว ]
[ สอบจบหลักสูตร? ]
[ ใช่ หากนายผ่าน จะถือว่านายจบจากการเป็นอัศวินฝึกหัดและจะได้เกณเข้าหน่วยอย่างถูกต้อง ]
ขณะคิดว่า “เดี่ยวนะ นี่เผลอกดสูตร action replayยกเลิกกฎหยุมหยิมของกองอัศวินหรอ ?” เขาได้แต่ขุดคุ้ยความทรงจำของเขา ถ้าหากจำไม่ผิด จะต้องผ่านการฝึกอย่างน้อย 1 ปีถึงจะมีสิทธ์สอบจบหลักสูตรพื้นฐาน
[ ข้าจำได้ว่าข้ายังเข้าค่ายฝึกที่นี่ไม่ถึงเดือนเลยด้วยซ้ำ ? ดูเหมือนการไหลของเวลาของที่นี่จะไม่เท่ากับที่อื่นสินะ ]
[ ครั้งนี้ถือเป็นกรณีพิเศษ มันได้รับการยืนยันแล้วว่าความแข็งแกร่งของนายมันเกินคำว่าเหล่าอัศวินฝึกหัดไปไกลแล้ว ]
[ จริงๆควรรู้ถึงความแข็งแกร่งของข้าตั้งแต่ตอนข้าสอบเข้าแล้ว แต่ก็เอาเหอะ ข้าขอชมเชยนายสำหรับการตัดสินให้ข้าคนนี้ได้เข้ารับการสอบเป็นกรณีพิเศษ ]
แม้จะอยู่ต่อหน้าผู้บังคับบัญชาของเขา เขาก็ยังพูดจาวางกล้ามราวกับว่ามันเป็นเรื่องธรรมขาติ สำหรับฮาโรลด์ เขาได้แต่อดคิดไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องลึกลับนี้ว่าทำไมเขาถึงอยู่รอดไม่โดนไล่ออกทั้งๆที่นิสัยอวดเบ่งของเขาเข้าขั้นรุนแรง แถมยังโดนเซอไพร์ให้ได้รับการสอบจบหลักสูตรอีก แต่ว่าเขาก็ไม่ลังเลที่จะรับมันหรอกนะ
ในเนื้อเรื่องของเกมส์ ผลงานของฮาโรลด์ในฐานะอัศวินนั้นไม่ทราบ แต่หากมาคิดๆดูแล้วคงเดาได้ว่าน่าจะมีตำแหน่งสูงพอควร และมักจะพาลูกน้องออกไปทำภารกิจด้วยอยู่บ่อยๆ ซึ่งฮาโรลด์ในตอนนี้ก็ไม่ได้สนตำแหน่งอะไร แต่ว่ามันก็ไม่เสียหายอะไรอย่างน้อยมันก็ทำให้เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระในระดับหนึ่ง
[ การสอบจบหลักสูตรจะเริ่มขึ้นในอีก 2-3 วัน เนื้อหาการสอบจะบอกอีกทีตอนวันสอบ ใบ้ให้นิดหน่อยว่านายควรจะไปเตรียมตัวสำหรับการออกเดินทางสำรวจ ]
[ มีแค่นั้น? ]
[ ใช่ แค่นี้แหละ โชคดี ]
[ ไม่จำเป็นต้องอวยพร เพราะผลการสอบมันแน่ชัดอยู่แล้ว ]
จากที่ครูฝึกอวยพร เขาแค่อยากจะตอบกลับด้วยคำพูดว่า [ ผมจะทำให้ดีที่สุดครับ ] เพราะงี้ หากเขาสอบตก เขาคงถูกหัวเราะเยาะหนักแน่ๆ แต่ว่าเขาก็ได้ปลอบใจตัวเองด้วยการจะเรียกความเชื่อมั่นจากครูฝึกโดยเน้นไปที่ผลของการกระทำดีกว่า
4 วันหลังจากนั้น วันสอบก็มาถึง
ขณะที่กำลังก้าวเดินไปอย่างมั่นคง พร้อมกับเสียงของชุดเกราะที่เกิดเสียงดังเวลาเดิน มันดูราวกับว่ามันเป็นซิกเนเจอร์ของกองอัศวิน ขณะอาบแสงอันร้อนแรงของดวงอาทิตย์ที่แทบจะอยู่ตั้งฉากกับหัว มันมีเงาที่เกิดจาก คน 9 คน ฮาโรลด์ , 4 คนจากหน่วยของโคดี้, หัวหน้าหมวด 2 คน, หัวหน้ากองร้อย และ ผู้ช่วยของเขาอีก 2
ถ้าจะให้สรุปเนื้อหาการสอบในครั้งนี้ มันคือการฝึกภาคสนาม เอาจริงๆ ตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ระหว่างการเดินทางไปจุดหมายปลายทาง นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของการฝึกเช่นกัน และพวกเขายังต้องเดินแบบนี้อีกราวๆ 3 ชม.
[ เป็นไงบ้างฮาโรลด์ นายเริ่มเหนื่อยรึยัง ? ]
ขณะที่ฮาโรลด์กำลังเดินอย่างเงียบๆ ก็มีเสียงๆหนึ่งดังมาจากข้างหลังเขา คำพูดอาจจะฟังดูเป็นห่วง แต่น้ำเสียงจริงๆมันกับให้ความรู้สึกว่ากำลังถูกล้อเลียน คนที่กล่าวออกมานั้นคือ ชิโด้ และเขาก็ดูไม่เหนื่อยเลยเช่นกัน
[ ถ้าข้ามีสภาพแบบนายตอนนี้ คงต้องเรียกหมอมาดูอาการแล้วล่ะ แต่ว่าบางทีมันอาจจะสายเกินไป ]
[ นายดูไม่ค่อยตื่นเต้นนะ ? ก็นะ สมแล้วที่เคยเข้าร่วมกลุ่มสำรวจและปราบปรามตอนอยู่ที่ดินแดนของนาย ]
[ ……. นายรู้ได้ไง !! เหมือนกับตอนนั้นอีกแล้ว ! ]
[ ตอนนั้น ? นายพูดถึงเรื่องอะไร ? ]
[ อย่ามาแกล้งโง่ นายรู้เรื่องของเอริกะ ! ]
[ อ้อ คู่หมั้นของฮาโรลด์คุง ]
โคดี้จงใจตอบย้ำกับคำว่าคู่หมั้น ราวกับฮาโรลด์ได้ขุดหลุมฟังตัวเองเรียบร้อย นี่มันแย่มากที่หมอนี่พูดถึงเรื่องนี้อีกแล้ว ขณะที่สงสัยว่าโคดี้เอาข้อมูลเกี่ยวกับของพวกนี้มาได้อย่างไร ฮาโรลด์ที่อยู่ในสถานการณ์เสียเปรียบเพราะถูกโคดี้และชิโด้ล้อมหลังเอาไว้ จึงทำได้เพียงแค่เงียบ หรือก็คือเป็นอีกวิธีในการล่าถอยไปตั้งหลัก อย่างไรก็ตาม เขาก็ถูกไล่ต้อนจากทิศทางที่ไม่คาดคิด
[ ฟังดูน่าสนใจ ฮาโรลด์คุงมีคุ่หมั้นด้วยหรอ ? ]
หัวหน้ากองร้อยผู้ไว้ผมแสกข้าง เขาคือ ซาคริส ซึ่งดูเหมือนว่าเขาควรไปใส่สูทมากกว่าใส่เกราะ เหตุผลที่นายทหารระดับสูงเข้าร่วมวงสนทนาด้วยเช่นนี้ บางทีเขาอาจจะชอบหัวข้อการสนทนานี้เป็นพิเศษล่ะมั้ง และในเมื่อเขาเป็นคนเปิดประเด็น ทุกๆคนจึงมุ่งความสนใจมาที่ฮาโรลด์ พูดตามตรง เขาเองก็ชินกับเหตุการณ์แบบนี้แล้ว แต่ถึงกระนั้น เขาก็รู้สึกไม่ดีถ้าจะแกล้งทำเมินแล้วปล่อยผ่านไป
[….. ใช่ แล้วไง ? ]
เพราะคิดว่าคงหาช่องทางปฎิเสธไม่ได้เลยยอมรับมันตรงๆไปซะ ทันทีที่เขาตอบกลับไป บรรยากาศก็เริ่มตึงเครียดขึ้น โดยเฉพาะผู้ช่วยของเขาใบหน้าแข็งทื่อขึ้นทันที ตามคาด ก็พูดคุยโดยไม่ใช่ภาษาที่เป็นทางการกับหัวหน้ากองรอยอาจเป็นเรื่องที่ไม่สามารถทำได้ สงสัยคงต้องไถ่โทษในความผิดด้วยการขอลาออก ขณะที่เขากำลังเตรียมตัวที่จะถูกตำหนิกลับมา แต่ทว่า เสียงที่กล่าวออกมานั้นกลับเป็นน้ำเสียงที่ฟังดูเศร้าสร้อย
[ งั้นรึ เป็นงั้นเอง …… ขนาดเด็กผู้ชายที่อายุน้อยกว่าข้าตั้ง 20 ปียังมีคู่หมั้น แต่ข้ากลับ…… ]
ซาคริสเริ่มที่จะจิตตกและพึมพัมอะไรบางอย่าง ขณะที่โคดี้และอีก 2 คนในหน่วยของเขาได้แต่แอบดูสถานการณ์อย่างเงียบๆ ผู้ช่วยของหัวหน้ากองร้อยก็ได้แต่ให้กำลังใจเขาด้วยการบอกว่า [ไม่เป็นไรนะ!] ขณะที่กลั้นหัวเราะไปด้วย เฮ้อ ดูเหมือนที่เขาใช้คำพูดหยาบคายเมื่อซักครู่จะไม่มีความผิดอะไร แต่ว่ากลับกลายเป็นซาคริสหย่อนระเบิดใส่ตัวเองแทน ขณะที่สมาชิกคนอื่นๆที่ยังไม่มีคู่เริ่มออกอาการเช่นเดียวกัน ฮาโรลด์จึงได้เหลือบไปมองไอรีน
[ อภัยให้ไม่ได้!! ]
ทันทีที่ตาของทั้ง 2 สบกัน เขาก็ได้รับคำขู่มาจากไอรีน เขาไม่เข้าใจยัยนี่จะมาโมโหกันทำไมฟร่ะ ไม่สมเหตุสมผลเลย มันไม่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาแต่เป็นเพราะนิสัยของเธอเป็นแบบนี้เลยเข้าใจได้ว่าทำไมยัยนี่ถึงยังไม่มีแฟน แต่ว่าเขาเองก็ยังไม่อยากตาย เขาเลยหันหน้าหนีกลับไปด้านหน้าและจดจ่อกับการเดินต่อไป แต่ไม่ทันไรก็ถูกขัดจังหวะ
[ 2 แฮมเมอร์เทรนท์ ! พวกมันกำลังมุ่งมาทางนี้ ! ]
ทันที่เขาเห็นพวกมัน โรบินสันก็ร้องตะโกนขึ้น มันคือต้นไม้เดินได้ที่สูงเกือบ 5 เมตรที่มีกิ่งก้าน 2 กิ่งขนาดเกือบเท่าลำต้นของมันเพื่อใช้ค้ำยันสำหรับการเดิน ปกติแล้ว พวกมันไม่ถือว่าเป็นมอนเตอร์ประเภทพืชหรอกนะ
แฮมเมอร์เทรนท์เป็นมอนเตอร์รูปร่างคล้ายต้นไม้ กิ่งก้านขนาดใหญ่ของมันมีไว้สำหรับการเคลื่อนไหวและโจมตีไปรอบๆดั่งกระบองที่มีไว้ทำลายศัตรูและป้องกันตัว นั้นคือเหตุผลที่ถูกเรียกว่าแฮมเมอร์ ด้วยดวงตาและปากอยู่ที่ลำต้นของมัน บางทีพวกมันก็ถูกเรียกว่า ต้นไม้หน้าคน ไม่ต้องสงสัยเลย ดูยังไงก็ต้นไม้แน่ๆ แต่ว่าพวกมันก็สามารถใช้ปากนั้นกินสิ่งมีชีวิตได้เช่นกัน ต่อให้เป็นมนุษย์ ถ้าเป็นศัตรูมันก็กินหมด
[ หืมม ดูเหมือนว่าพวกเราจะกลายเป็นเป้านะ ]
[ พวกมันยังอยู่อีกไกล พวกเราน่าจะยังพอหนีไปได้อยู่ แต่ว่าถ้าพวกมันเดินลงไปทางเนินเขาที่ด้านหลังพวกเรา พวกมันจะไปถึงถนนหลักได้ ! ]
[ แสดงว่าพวกเราควรที่จะโค่นพวกมันลงที่นี่สินะ สโตร์กคุง นาย- ]
[ อย่ามาสั่งให้ข้าถอย เข้าใจ? ]
ขณะที่กำลังจะโดนขัดจังหวะ ฮาโรลด์ประกาศออกมาว่าจะเข้าไปต่อสู้
[ การที่มาเจอแฮมเมอร์เทรนท์ที่นี่เป็นเรื่องไม่คาดฝัน และมันจะไม่มีผลต่อการสอบใดๆนะ ! ]
(ไม่เรอะ ?!)
เมื่อคิดว่านี่มันคือการฝึกภาคสนาม การรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเช่นนี้ก็ถือว่าเป็นอีก 1 การฝึกเช่นเดียวกัน แต่ทว่าการตัดสินใจออกไปเช่นนั้น จะบอกว่ามันไม่มีผลกับการสอบงั้นรึ ? แต่ว่ามันคงดูไม่ดีเท่าไหร่นักถ้าหากจะให้เขายอมแพ้และถอยตอนนี้ เพราะฮาโรลด์เองก็ยังมีความแค้นส่วนตัวกับเจ้าพวกแฮมเมอร์เทรนท์ เพราะพวกมันเคยทำให้เขาต้องซี่โครงหัก มันจึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะได้แก้แค้น
[ ข้าไม่สนคะแนนพวกนั้นหรอก มัน 1 ตัวป็นเหยื่อของข้า! ]
[ …….. เข้าใจแล้ว ในกรณีนี้ ข้าจะส่ง ลูคัสกับเซริมไปช่วยด้วย อย่าฝืนตัวเองมากล่ะ ]
ด้วยคำสั่งของซาคริส พวกเขาทั้ง 2 แยกออกเป็น 2 ฝั่งโดยที่มีฮาโรลด์อยู่ตรงกลาง ส่วนคนที่เหลือรวมตัวกันอยู่อีกด้านหนึ่ง แฮมเมอร์เทรนท์ตัว 1 ตามกลุ่มของฮาโรลด์ที่เคลื่อนไหวแยกตัวออกมาทันที มันพุ่งเข้ามาหมายจะบดขยี้ทุกๆคน
[ พวกเราอยู่ด้านหลังนาย สู้ได้เลยเต็มที่ไม่ต้องกังวัล ]
[ ชั้นเองก็จะรอดูว่าข่าวลือในความแข็งแกร่งของนายเป็นจริงแค่ไหน แต่ถ้าคิดว่ามันอันตราย ก็ถอยทันทีนะ เข้าใจรึปล่าว ? เดิมทีเจ้านั้นมันก็โหดเกินไปอยู่นะสำหรับมือใหม่ ]
ลูคัสและเซริมให้กำลังใจฮาโรลด์ด้วยการตบหลังเบาๆ สมแล้วที่พวกเขาเป็นรุ่นพี่ที่ไว้วางใจได้
( มาคิดๆดูแล้ว คนเหล่านี้กลับไม่มีความเกลียดชังต่อตัวผมเลย นั้นถือว่าช่วยได้มาก )
โดยส่วนตัวแล้วเขาค่อนข้างรู้สึกดีเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่าเป็นการแก้แค้นก็เถอะ แต่เขาก็ไม่ได้แค้นเคืองเป็นพิเศษอะไรนัก ในตอนนั้นเขาได้รับบาดเจ็บก็จริง แต่นั้นเพราะเขาพยายามปกป้องทหาร ซึ่งเอาจริงๆเขาสามารถเอาชนะมันได้โดยง่าย เพื่อไม่ต้องการให้เกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นอีกในระหว่างการสอบ เขาจึงอยากจะจัดการพวกมันโดยเร็วเพื่อไม่ให้เสียเวลาใดๆอีก
โดยที่ไม่แม้จะชักดาบออกมา ฮาโรลด์ก้าวอย่างมั่นคงไปด้านหน้าราวกับกำลังเดินเล่นเฉยๆ ตรงกันข้ามกับแฮมเมอร์เทรนท์ที่เปลี่ยนมาโจมตี พวกมันยกกิ่ง หรือก็คือค้อนของพวกมันขึ้นและฟาดลงมาที่ฮาโรลด์
“ตูมมมม-” มันคือเสียงที่เกิดจากการทำลายอย่างรุนแรง ฝุ่นลอยคละคลุ้งไปทั่ว ผืนดินสั่นสะเทือน แต่ทว่าฮาโรลด์กลับหลบมันได้เพียงแค่กระโดดขึ้นเท่านั้น
แต่ในขณะที่เขากำลังลอยอยู่ในอากาศ มันกลับกลายทำให้เขาเป็นเป้านิ่ง ทันใดนั้น ค้อนก็พุ่งขึ้นมาโจมตีฮาโรลด์จากทางด้านซ้าย ในจังหวะที่ฮาโรลด์ไม่สามารถที่จะหลบการโจมตีนั้นได้นั้น แต่ทว่า ฮาโรลด์กลับหมุนตัวอย่างรวดเร็วในอากาศ และที่ขาขวาของเขาดูเหมือนถูกหุ้มด้วยออร่าอะไรบางอย่างสีม่วงๆ และเตะไปยังค้อนที่กำลังโจมตีมา
『Artillery kick》』
มันคล้ายๆกับท่าโจมตี Heavy Palm Knock(TL:ท่าที่เคยใช้ตอนสู้กับอิสุกิครั้งแรก) ถือได้ว่าเป็นอีก 1 ท่าโจมตีที่ค่อนข้างรุนแรงในหมวดหมู่การโจมตีด้วยมือเปล่า มันคือทักษะการเตะที่ถูกเรียกในหมู่ผู้เล่นว่า [[ ลูกเตะขวาน ]] เดิมที [[artillery kick ]] เป็นท่าโจมตีที่ใช้สอดแทรกระหว่างทำคอมโบภายในเกมส์ แต่ว่ามันแตกต่างจาก [[ heavy palm knock ]] เพราะพลังโจมตีของมันสูงกว่ามากนัก ถึงกระนั้น ระยะโจมตีของท่านี้ถือว่าสั้น และหวังผลอะไรไม่ค่อยได้มากนัก ไงก็เถอะ ตัวของฮาโรลด์เองก็ไม่รู้ว่าไอ้ออร่าม่วงเหมือนในเกมส์นั้นมันทำงานอย่างไร แต่ว่าตอนที่เขาพยายามใช้มัน มันก็มีออร่าม่วงๆออกมาปกคลุมราวกลับเป็นเรื่องธรรมชาติ ช่างเถอะปล่อยเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
กิ่งค้อนของแฮมเมอร์เทรนท์และขาขวาของฮาโรลด์ปะทะกัน ผู้ซึ่งมีน้ำหนักราวๆ 50 kg. เท่านั้น และแฮมเมอร์เทรนท์ ที่ดูๆแล้วน่าจะ 200+ kg. น้ำหนักของทั้งคู่แตกต่างกันเกินไป ซึ่งตามปกติแล้ววัตถุที่มีน้ำหนักน้อยกว่าจะเป็นสิ่งที่ถูกซัดปลิวออกไป แต่คงต้องยอมรับความจริง ตัวละครที่มีอยู่ภายในเกมส์นั้นโกงจริง คู่ต่อสู้ของพวกเขาคงรู้สึกว่าเรื่องบ้าๆพวกนี้มันไร้เหตุผลสิ้นดี
ในจังหวะที่ทั้ง 2 ปะทะกัน เกิดเสียงดังกึกก้อง และผู้ที่พ่ายแพ้นั้นคือแฮมเมอร์เทรนท์ ค้อนของมันถูกขยี้ ส่วนที่ถูกเตะปลิวไปฝังจมอยู่ที่พื้นดิน เปลือกไม้บางส่วนที่ถูกลูกเตะนั้นฉีกขาดเป็นแนวยาว
ลูคัสและเซริมที่กำลังดูถึงกับตกตะลึง และคนอื่นๆที่กำลังต่อสู้กับแฮมเมอร์เทรนท์อีกตัวเมื่อได้เห็นฉากการต่อสู้นี้พวกเขาได้แต่อ้าปากค้าง แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังไม่เสียสมาธิและจดจ่อกับการจัดการศัตรูที่อยู่ตรงหน้า
ฮาโรลด์ที่ใช้กิ่งค้อนที่จมอยู่ในดินเป็นแท่นเหยียบ และพุ่งเข้าประชิดตัว ทันทีที่เขาดึงดาบออกจากฝัก มันก็ถูกแทงเข้าไปในปากของแฮมเมอร์เทรนท์ โดยที่มันยังไม่ทันได้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ฮาโรลด์จบการต่อสู้นี้ทันที
[[ Flame Sword ]]
เปลวไฟปะทุออกมาจากดาบที่ฮาโรลด์จับอยู่ ก่อให้เกิดความเสียหายโดยตรงจากภายในตัวของแฮมเมอร์เทรนท์ด้วยการเผา ซึ่งในวินาทีนั้น ฮาโรลด์ดึงดาบของตนออกมาและฟันซ้ำแนวทะแยงบริเวณปากที่เขาเพิ่งแทงดาบลงไป ซึ่งทำให้ลำต้นของแฮมเมอร์เทรนท์ถูกตัดขาดด้วยดาบเพลิง และถูกเผาจนตายในที่สุด
ร่างของแฮมเมอร์เทรนท์ที่สูงเกือบ 5 เมตรถูกแยกเป็น 2 ส่วน ลุกท่วมไปด้วยเปลวไฟ แฮมเมอร์เทรนท์ได้จบชีวิตลง การต่อสู้นี้ไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ มันถูกสังหารในพริบตาเดียว
——————
ปล. พวกชื่อท่าให้ใช้ทับศัพท์ไปเลย หรือให้คิดชื่อไทยแบบเบียวๆดีกว่ากันนะ
ปล2. คนที่ดูดนิยายเรื่องนี้ไปลงเว็บอื่นก็ช่วยลบ พวกปล. อะไรนี้หน่อยเถอะ ก็อบหมดไม่สนอะไรเลย = =’