My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 39 ขอความช่วยเหลือกับพ่อตา
มุมมองของทาสุคุ(พ่อตา?)
กว่าข้าจะกลับมาถึงที่คฤหาสน์พระอาทิตย์ก็ตกดินไปแล้ว เนื่องจากได้รับแจ้งว่าฮาโรลด์นั้นมาเยี่ยม ข้าจึงเข้าไปพบเขาในทันที อาจเพราะฮาโรลด์นั้นไม่ค่อยที่จะมาเยี่ยมโดยไม่แจ้งล่วงหน้ามาก่อน บางที นี่อาจจะมีเรื่องด่วนอะไรบางอย่าง
ฮาโรลด์ตอนนี้กำลังอยู่ในชุดยูกาตะ บางทีอาจเพราะต้องใช้เวลาอยู่ที่นี่อีกนานสำหรับแก้ปัญหาเรื่องนี้
[ ไม่พบกันนานเลยนะ ฮาโรลด์คุง มีเรื่องอะไรรึ ? ]
[ มีเรื่องด่วนที่ข้าจะต้องให้นายช่วย ]
สมกับเป็นฮาโรลด์ที่ไม่ชอบพูดเรื่องไร้สาระ เขาเข้าใจความหลักโดยไม่กล่าวคำนำใดๆ ในเมื่อมันเป็นเรื่องของงาน ข้าเองก็คงต้องตั้งใจรับฟังซักหน่อย
[ ฮืม ไหนลองว่ามาซิ ]
[ 1 สัปดาห์หลังจากนี้ ข้าจะต้องออกเดินทางสำรวจโดยร่วมเป็นส่วนหนึ่งของภารกิจสำหรับอัศวิน จุดหมายคือที่ป่าบลิส ]
[ มันค่อนข้างไกลทีเดียวนะ ]
ป่าบลิส มันตั้งอยู่บริเวณชายแดน มันคงใช้เวลาซักเดือนนึงในการเดินทางไปที่นั้น
อย่างน้อยถ้าหากมีพื้นที่สำหรับลงจอดสำหรับเรือเหาะ อาจจะใช้เวลาน้อยลงกว่านั้น
[ แต่นั้นเป็นภารกิจแรกของฮาโรลด์คุงไม่ใช่หรอ มันจะไม่ดูอันตรายไปหน่อยรึปล่าว ? ]
[ หากดูผ่านๆแล้ว มันเป็นเพียงภารกิจลาดตระเวณเท่านั้นแหละ แต่ว่ามันมีโอกาสสูงที่เหตุการณ์จะพัฒนาไปสู่การปะทะกันระหว่างอัศวินและชนเผ่าสเตลล่า ]
[ อะไรนะ- ! ]
ข้าเผลอร้องออกมาเสียงดังจนได้
ฮาโรลด์พึ่งจะบอกว่ามันอาจนำไปสู่การต่อสู้ระหว่างกองอัศวินและเผ่าเสตล่า กรณีที่เลวร้ายที่สุด สิ่งนี่อาจนำไปสู่การกวาดล้างระหว่างชาติพันธุ์ก็เป็นได้
มันอาจจะฟังดูเป็นเรื่องตลกดี ถ้าหากคนที่พูดเป็นคนอื่น ..
[ เธอแน่ใจนะกับเรื่องนี้ ? ทำไมล่ะ ? ]
[ คนที่อยู่เบื้องหลังอยู่ในชนชั้นเบื้องบนของอาณาจักร พวกเขาวางแผนที่จะเป็นผู้นำและเปิดประตูสู่สงคราม ]
เนื้อหาที่กล่าวมามันยากที่จะเชื่อ
แต่ว่าคนที่กล่าวออกมานั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากฮาโรลด์ และข้าก็ไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องไร้สาระออกมาได้
[ … ทำไมล่ะ ? ]
[ วัตถุประสงค์หลักจริงๆคือการเข้ายึดครองเผ่าสเตลล่า ซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นทรัพยากรที่จำเป็นในการทดลองและนำมาผ่าชำแหละเพื่องานวิจัย เอาจริงๆ หากมีใครถูกจับ ข้าไม่คิดว่าจะมีเพียงแค่ความตายที่รอคนเหล่านั้นอยู่่ ]
[ หากสิ่งที่เธอบอกกันข้าเป็นความจริง นี่เป็นปัญหาที่ความเป็นมนุษย์ไม่สามารถมองข้ามไปได้ !! ]
แต่ว่า หากไม่มีหลักฐานอย่างแน่นอน.. ข้า ไม่สิ ตระกูลสุเมรากิเราก็ไม่สามารถเคลื่อนไหวใดๆได้ ถึงจะสามารถยื่นคำร้องให้ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่ว่ามันก็ยังเสี่ยงเกินไป แม้สิ่งเหล่านี้จะเป็นการกระทำที่น่ารังเกียจและไร้ซึ่งมนุษยธรรม แต่คุณก็ทำได้เพียงแค่แสร้งหลับตาและมองไม่เห็นมันเท่านั้น
[ ถ้านายต้องการให้ข้าแสดงหลักฐานที่ว่ามา.. มันไม่มีหรอก มันไม่เป็นไม่ได้ มันไม่มีหลักฐานเป็นรายงานหรืออะไรเป็นรูปธรรมเลยซักอย่าง ]
[ แล้วเธอรู้ความลับพวกนี้ได้ไงกันล่ะ ฮาโรลด์คุง ]
มันเป็นเรื่องปกติที่จะต้องเริ่มสงสัยใจตัวเขา ซึ่งจริงๆฮาโรลด์ไม่ควรจะรู้ข้อมูลนี้ด้วยซ้ำ
แต่ก็ ฮาโรลด์เหมือนจะมีเคลือข่ายข้อมูลข่าวสารลึกลับมาโดยตลอด หรือเรื่องในคราวนี้ก็เช่นกัน ? จริงหรือเนี้ย ?
และการคาดการณ์ของข้าก็ถูกเผง
[ [[กิฟเฟลต์]] นายเคยได้ยินชื่อนี้มาก่อนรึปล่าว ? ]
ในตอนนี้ ข้าไม่เข้าใจว่าฮาโรลด์พูดถึงมันคืออะไร ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยได้ยินชื่อ กิฟเฟลต์ มาก่อน แต่มันตรงกันข้ามเลยต่างหาก
หากพูดถึง กิฟเฟลต์ ไม่มีทางที่จะไม่มีคนที่ไม่รู้จักชื่อนี้
ไม่มีอะไรในโลกที่ กิฟเฟลต์ ผู้นี้ไม่รับรู้ เขาเป็นพ่อค้าข้อมูลที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการขายข้อมูลทุกประเภท
อย่างไรก็ตาม บุคคลนี้เป็นบุคคลในตำนาน
[ มีข่าวลือบอกว่าถ้าหากคุณจ่ายสิ่งตอบแทนที่มากพอ คุณจะได้รับข้อมูลที่คุณต้องการได้ทุกอย่างในโลกใบนี้ .. จาก นางฟ้า กิฟเฟลต์ ]
ฮาโรลด์หน้าซีดลงเมื่อได้ยินคำอธิบายของข้า เขาส่ายหัว 2 – 3 ครั้ง ก่อนที่จะกล่าวกับมาว่า
[ งี่เง่า นายสมองมีปัญหารึไง ? นายจะบอกว่านายเชื่อว่านางฟ้ามีอยู่จริง ? นายชักเพี้ยนแล้วนะ ข้าไม่เข้าใจเลยทำไมทุกๆคนต้องเรียกคนๆนั้นว่านางฟ้าด้วย ? ]
[ เดี่ยว- เดี่ยวนะ ฮาโรลด์คุง ไม่ใช่ว่าเธอ .. เธอเคยพบกับ กิฟเฟลต์ คนนั้นจริงหรอ ? ]
กิฟเฟลต์เป็นเหมือนตำนานของเมือง เป็นตัวตนที่มีแต่ปริศนา ไม่มีทางที่ข้าจะไม่เผลอถามออกไปว่า ทำไมคนธรรมดาถึงพูดอย่างมั้นใจว่ารู้จักคนๆนั้นได้
ประเด็นคือ เด็กผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าข้าตอนนี้ ไม่ใช่ เด็ก “ธรรมดา” ซะทีเดียว.
[ .. หืม ? แล้วไง ? ]
นี่ข้าเสียสติไปแล้วจริงหรอ ? ทำไมข้าถึงเชื่อเรื่องพวกนี้ไปได้ แต่นั้นมันอาจอธิบายเรื่องเคลือข่ายข้อมูลของเด็กคนนี้ ?
ดูจากวิธีการพูดของเขาแล้ว ข้าบอกได้ว่าเด็กคนนี้มีแหล่งข้อมูลที่ใหญ่มหาศาลแค่ไหน
[ เอาล่ะ เรื่องนั้นไม่สำคัญ มากลับเข้าเรื่องหลัก ]
ฮาโรลด์กล่าวออกมาอีกครั้ง
ข้ารู้สึกหนักที่หัวขึ้นเรื่อยๆ จากข้อมูลที่น่าทึ่งใหม่ๆที่ทยอยรับเข้ามา จนข้ารู้สึกสงสัยว่านี่ยังไม่ถึงหัวข้อหลักอีกหรอ ?
◇ ◇ ◇
มุมมองของฮาโรลด์ (ลูกเขย?)
การที่ใช้ชื่อ กิฟเฟลต์ ทำให้ทาสุคุมีปฎิกิริยากับชื่อนั้นเกินกว่าที่ผมคาดไว้นัก จริงๆแล้ว กิฟเฟลต์เป็นเพียงตัวละครจากเทพนิยายเท่านั้น
ผมได้แต่พยายามกลั้นไม่ให้ตัวเองหลุดหัวเราะ
หลากหลายข่าวลือจะถูกเล่าและส่งต่อไปเรื่อยๆ และผมจะใช้ทาสุคุเป็นคนที่แพร่กระจายข่าวลือนี้ว่า “กิฟเฟลต์” มีอยู่จริง
“นักค้าข้อมุล กิฟเฟลต์” เป็นเพียงตัวละครที่มีบทบาทเพียงเล็กน้อยภายในเกมส์ เหมือนเป็นผู้ช่วยในการอธิบายเนื้อเรื่องของเกมส์ ให้คำใบ้ในการได้รับไอเทมต่างๆ และ เกร็ตความรู้เพียงเล็กๆน้อยๆเท่านั้น
แม้จะไม่ได้ให้ข้อมูลที่สำคัญมากนักในการเคลียร์เกมส์ แต่ก็เป็นตัวละครที่สามารถช่วยให้คุณสามารถหาตำแหน่งของมอนเตอร์ระดับสูงที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าแห่งวงกตได้ หาเกาะลับที่ซ่อนอยู่กลางทะเล หรือการก้าวเข้าสู่พื้นที่ดันเจี้ยน “บอสตัวสุดท้าย” ได้ง่ายกว่าการเล่นแบบปกติ
ไงก็ตาม ชื่อจริงๆ อายุ เพศ ทุกอย่างล้วนไม่ทราบ เขามีลักษณะเหมือนเด็กหน้าสวยที่สวมหมวกใบใหญ่เทอะทะ
ผมก็ไม่เคยพบเขาจริงๆหรอก แต่ดูเหมือนว่า กิฟเฟลต์จะมีตัวตนอยู่จริงๆในโลกแห่งนี้ และผมก็เคยเห็นเขาแค่ในเกมส์เท่านั้น ผมเลยทราบลักษณะนิสัยต่างๆของเขามาบ้าง เพราะงั้นคงไม่เป็นไรที่จะโกหกนิดหน่อยเนอะ ?
และหากดูปฎิกิริยาของทาสุคุ ผมคงใช้ข้ออ้างกิฟเฟลต์นี้ในการซ่อนข้อมูลที่ผมรู้เรื่องราวในเกมส์ได้อย่างแนบเนียน
[ งี่เง่า, ข้าไม่สนหรอกนะว่านายจะเชื่อหรือไม่ แต่นายติดหนี้ ดังนั้น ข้าจะให้โอกาสให้นายได้ชดใช้ ]
ถึงเวลาเริ่มเจรจา หากมองจากมุมคนภายนอก เรื่องเหล่านี้อาจดูน่าเกลียด แต่ว่าพวกเราก็คุยกันแบบนี้มาเป็นเวลานานแล้วล่ะ
แม้ว่าสิ่งนี้อาจทำให้เป็นปัญหาในภายหลัง แต่ว่าตอนนี้ ผมจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการดำเนินเรื่องราวนี้ต่อไป
[ ขณะที่ข้าอยู่ที่นี่ … ใน 3 วัน เตรียมเครื่องแบบทหารของจักรวรรดิซาเรี่ยนเอาไว้ให้ข้า ]
[ จักรวรรดิ ? เธอมีแผนจะทำอะไร ? ]
[ ข้าจะสวมมันไว้ภายใต้ชุดเกราะของอัศวินตอนที่ปฎิบัติภารกิจออกสำรวจ ถ้าหากการต่อสู้เริ่มต้นขึ้น ข้าจะเปิดเผยชุดให้ทหารทั้ง 2 ฝ่ายได้เห็น เพื่อเบียงเบนความสนใจและทำให้สถานการณ์การต่อสู้ช้าลงเล็กน้อย ]
หากลองคิดดูดีๆ ถ้าจู่ๆมีทหารจากจักรวรรดิโผล่เข้ามากลางสนามรบระหว่างกองอัศวินและเผ่าสเตลล่า ทั้ง 2 ฝั่งต้องเกิดคำถามและเริ่มสงสัยว่าใครกันแน่คือศัตรูที่แท้จริง
เครื่องแบบทหารของจักรวรรดินั้นดูสะดุดตาเป็นอย่างมาก ดังนั้นมันจึงง่ายแก่การถูกสังเกตเห็นในสนามรบ
[ นี่มันอันตรายเกินไป ! ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด ทั้งสองฝ่ายจะมุ่งการโจมตีมาที่เธอนะ ! ]
ผมเข้าใจดีว่าทาสุคุจะสื่ออะไร ถ้าหากเป็นไปได้ ไม่ใช่แค่การต่อสู้ที่จะเกิดขึ้น ถ้าสามารถหยุดยั้งการออกสำรวจนี้ได้ ผมก็จะทำ
ไงก็ตาม ผมก็ไม่มีเวลาหรือหนทางใดๆแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวได้แล้วตอนนี้
[ หึ อย่าพูดให้ขำ หากการโจมตีของพวกมันถึงตัวข้าจริง มันก็คงเป็นเพียงแค่รอยขีดข่วนเท่านั้น ]
สมแล้ว ที่ปากของฮาโรลด์ตอบออกไปเองอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่ใจจริงผมเองก็รู้สึกหวั่นๆพอสมควร
แต่ว่าผมถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว และผมคิดว่าถ้าหากผมไม่แสดงออกถึงความมุ่งมั่นที่แรงกล้าที่จะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จด้วยตัวคนเดียวได้ ผมคงไม่ได้รับความร่วมมือจากทาสุคุเป็นแน่
ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ แม้มันจะฟังดูเหมือนเป็นแผน แต่จริงๆมันเหมือนผมกำลังแบล็คเมลทาสุคุให้ยอมรับแผนการนี้เลยแหะ ?
หากทาสุคุไม่ช่วยเหลือใดๆในสถานการณ์นี้เลย ผมเองก็ไม่อยากติดหนี้บุญคุณกับตระกูลสุเมรากิมากนัก เพราะมันอาจทำให้ผมแยกทางจากพวกเขาได้ยากยิ่งขึ้นในอนาคต
[ … พวกเรายังมีเวลาให้คิดถึงแผนการอื่นๆอยู่ ]
ด้วยสีหน้าที่เคร่งคลึมและคำตอบที่ยังดูคลุมเคลือของทาสุคุ บางที ที่เขาตอบกลับมาแบบนี้คงเป็นเพราะต้องการเวลาขบคิดกับแผนที่ผมเสนอไปก่อนหน้า
ผมเข้าใจได้นะ ว่ามันยากที่จะให้ยอมรับเรื่องนี้ได้ในทันที แต่อย่างน้อยก็ยังถือว่าโชคดีที่ทาสุคุไม่ปฎิเสธมันในทันทีเช่นกัน
ผมไม่รู้ว่าเขานั้นเหมาะกับคำว่าขุนนางรึปล่าว ? แต่ผมคิดว่าเขาเป็นบุคคลที่น่าชื่นชมในฐานะมนุษย์คนหนึ่งเป็นอย่างมาก เอริกะเองคงได้รับการถ่ายทอดความอ่อนโยนนี้มาจากเขา
[ ไม่เป็นไรถ้าหากนายยังไม่สามารถให้คำตอบได้ในตอนนี้ นายจะทำเป็นไม่สนใจหรือขบคิดหาแผนอื่นได้ก็แล้วแต่ แต่นายต้องเตรียมชุดทหารนั้นให้กับข้าในตอนนี้ หลังจากนั้นจะปรับเปลี่ยนหรือยังไงค่อยว่ากันอีกทีก็ได้ ]
[ ข้าจะจัดการเรื่องนั้นให้ในทันที แต่ว่า- พูดตามตรง ข้ารู้สึกราวกับว่ากำลังส่งเธอไปตายเลย ]
[งี่เง่า ถ้าหากนายคิดอย่างนั้นจริง ก็ทำตามใจชอบได้เลย ตราบใดที่ไม่เข้ามาขวางข้าก็พอ ]
[ เห้อ .. ข้ารู้ดี ข้าหยุดเธอไม่ได้หรอกฮาโรลด์คุง ด้วยอายุเพียงแค่นี้แต่เธอช่างเจิดจ้ายิ่งนัก แต่ว่าข้าก็อดห่วงไม่ได้ในฐานะที่เธอจะกลายมาเป็นลูกชายของข้าในอนาคต ]
ไอ้เรื่องน่าอายที่ตาลุงนี่พูดออกมามันหมายความว่าไงกันห๊ะ ? ความรู้สึกอันขมขื่นที่ผมทิ้งไว้ให้เขาจัดการพลันหายไปทันทีที่เขาเรียกผมว่า “ลูก”
[ …. นายพูดบ้าอะไรเนี้ย ? จำไม่ได้หรอที่ข้ามีแผนจะยกเลิกการหมั้นกับเอริกะ? ]
[ เรื่องแบบนั้นจะเป็นไปได้ก็ต่อเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายเห็นพ้องต้องกันก่อนไม่ใช่หรอ ? แม้ว่าสุดท้ายทั้งเธอและเอริกะจะตัดสินใจออกมาเช่นนั้นจริงๆ ข้าเองก็จะยอมรับการตัดสินใจนั้นเช่นกัน ]
นั้นเป็นคำตอบที่น่าประหลาดใจ ผมหลงคิดไปว่าเขาจะกระตือรือร้นยกเลิกการหมั้นเพื่อเอริกะเสียอีก แต่ดูเหมือนมันจะไม่เป็นเช่นนั้น
แต่ถ้าหากเขาเคารพความต้องการของเอริกะ ตอนนั้นการหมั้นก็คงยกเลิกไปเอง เอาเถอะ ผมว่าคงไม่น่ากังวลอะไรหรอก
[ ไงก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอเรียกเอริกะด้วยชื่อจริงๆ ? ข้าจำได้ตลอดเวลาตั้งแต่ที่พวกเราพบกันครั้งแรก เธอมักจะใช้คำอื่นเรียกไม่ก็มี – ซังต่อท้ายอยู่เสมอ ]
( มะ- ไม่สิ ผมทำเช่นนั้น- จริงๆหรอ ?)
อย่างไรก็ตาม หากคุณถามผม ผมเองก็จำไม่ได้ว่าเคยเรียกเอริกะด้วยชื่อบ้างรึปล่าว โดยส่วนใหญ่ หากไม่ได้อยู่ต่อหน้าผมมักเรียกเอริกะว่า “แม่นั้น” “ยัยนั้น” และถ้าหากอยู่ต่อหน้าก็มักจะเรียกแค่ “เธอ” เท่านั้น แม้ว่าผมเองก็นึกไม่ออกว่าจะเคยเรียกชื่อคนอื่นบ่อยนัก แต่ผมก็นึกไม่ออกเลยว่าเคยเอ่ยชื่อของเอริกะออกมา
บางที ที่ผมทำแบบนี้อาจเพราะลึกๆต้องการพยายามหลบเลี่ยงเธอ
3 ปีผ่านไป ตั้งแต่พวกเราได้พบกัน และผมไม่เคยเรียกชื่อของเธอเลยซักครั้ง มันอึดอัดเกินที่จะพึ่งมาเริ่มเรียกตอนนี้
[ … มันแค่ ..งี่เง่า ]
แม้ว่าปากของผมจะพูดไปเช่นนั้น บางที นี่อาจจะดีกว่าถ้าหากเริ่มเรียกเธอด้วยชื่อจริงๆ
ก็นะ ความคิดนี้จะถูกนำไปใช้จริงหรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องนึง
———————————
TL: ให้นึกภาพกิฟเฟลต์เป็น npc แฟรี่ที่โผล่มาช่วยสอนเล่นตอนเริ่มต้นเกมส์อะไรงี้
TL1 : ฮาโรลด์ยังคงใจเย็นคิดว่าเอริกะอยากจะยกเลิกการหมั้นกับตัวเองอยู่ หารู้ไหมว่าปักธงเอริกะจนมิดด้ามไปแล้ว แต่ก็เริ่มเปิดใจให้เอริกะบ้างแล้วเช่นกัน อิอิ
TL2 : ผู้แปลอ่านถึงเท่าที่แปลตอนนี้เหมือนกันนะครับ หากมีใครสปอย ความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ตอนหลังๆ ใส่สปอยด้วยเน้อ