My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 42 ฮาโรลด์ vs โคดี้
( มุมมองของฮาโรลด์ )
ขณะที่กำลังถือดาบ ผมก็ได้ถามกับตัวเอง
Q:ทำไมโคดี้ถึงไล่ตามผมมาล่ะ ?
A:มันเพราะผมเป็น 1 ในหน่วยของเขาและผมหนีออกมาน่ะสิ
Q:แล้วทำไมผมจึงจะต้องสู้กับโคดี้ด้วยล่ะ ?
A:เพราะเขาต้องการที่จะลากผมกลับด้วยกำลังน่ะสิ
หรือก็คือ ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้เป็นผลมาจากการกระทำของผมทั้งนั้น
หรือก็คือ มันเป็นความผิดพลาดของผมเอง
ถึงแม้ ผมจะคาดการณ์เอาไว้ว่าคงจะมีใครสักคนที่พยายามจะมาขัดขวางแผนการณ์ช่วยเหลือของผมอยู่แล้ว แต่ในกรณีนี้มันถือว่าเลวร้ายมากหากเป็นโคดี้เองที่ไล่ตามผมมา
ที่สำคัญ ตอนนี้โคดี้ไม่ได้อยู่ใกล้กับโรบินสัน ถ้าหากกลุ่มของโรบินสันบังเอิญเกิดการปะทะขึ้น ผมคิดว่าถ้าหากโคดี้อยู่แถวนั้นก็คงจะช่วยอะไรพวกเขาได้บ้าง
ถึงนั้นจะไม่ใช่ความคิดจริงๆของผม แต่อย่างน้อย มันก็เพิ่มความเป็นไปได้ที่ธงตายของกลุ่มโรบินสันจะถูกทำลาย
เอาล่ะ ในเมื่อสถานการณ์มันเป็นเช่นนี้ ผมคงไม่อาจจะเสียเวลาได้อีกแล้ว
ผมคงต้องผ่านเรื่องนี้อย่างเร็วไว เพื่อที่ผมจะสามารถไปพบกับยูโนะและเริ่มแผนการณ์ต่อ แต่ว่า … ดูๆแล้ว โคดี้คงจะไม่ยอมโดยง่าย
แม้ว่าผมจะสร้างความได้เปรียบโดยใช้ความเร็วของผมและโจมตีอย่างไม่ขาดสาย แต่การโจมตีทั้งหมดของผมที่ผมคิดว่าผมโจมตีไปยังจุดบอดนั้นกับถูกป้องกันได้หมดราวกับว่าเขามีตาอยู่หลังหัว
ที่จะกล่าวคือ ถึงผมจะเป็นฝ่ายบุกโจมตีอยู่ตลอด แต่ว่าบางครั้งก็จะมีการโจมตีที่คาดไม่ถึงสวนกลับมาบ้าง ถึงแม้ผมเองก็จดจ่อกับการป้องกันตัวเหมือนกัน และการโจมตีที่สวนกลับมานั้นมันอยู่ในระดับที่ผมยังสามารถหลบได้ แต่ว่า หากเสียสมาธิเพียงนิดเดียว นั้นก็ถือว่าเป็นจุดที่ทำให้พ่ายแพ้ได้เลยเช่นกัน
อย่างที่คาด สมแล้วที่เป็นตัวละครที่แวะเวียนมาจอยกับปาร์ตี้ผู้กล้าอยู่บ่อยๆ แต่ว่ามันก็ยังคงมีลิมิตอยู่
และปัญหาใหญ่อีกอย่างคืออาวุธที่โคดี้ใช้นั้นแตกต่างจากในเนื้อเรื่องเดิม เพราะตอนนี้มันเป็นดาบยาวของอัศวิน ซึ่งแตกต่างจากวิธีการต่อสู้ที่ผมรู้มาเป็นอย่างมาก
ในเนื้อเรื่องเดิมนั้น โคดี้จะใช้อาวุธที่แตกต่างกัน 2 ชนิด มันคือ วิโล คาตาน่า และธนู,ลูกธนู
ถึงแม้มันจะแปลกอยู่สำหรับการรวมตัวของสองอาวุธนี้ มันจะสามารถใช้ได้จริงๆหรือในสนามรบ? แต่ว่าในเกมส์นั้น คุณสามารถเปลี่ยนอาวุธต่างๆได้ทันทีทั้งการโจมตีระยะประชิดและระยะใกล
โคดี้ในตอนนี้นั้นเขาใช้ดาบยาวและเวทย์มนตร์ มันฟังดูง่ายดายในการที่จะสามารถเอาชนะกับอาวุธลักษณะนี้ในเกมส์ แต่ว่า การโจมตีทั้งหมดของผมกับถูกป้องกันอย่างสมบูรณ์ และตอนนี้ ผมยังคิดวิธีไม่ออกว่าจะใช้กลยุทธ์อะไรเอาชนะดี
ดูเหมือนว่าเหตุผลจริงๆที่โคดี้ยังไม่โจมตีเข้ามาใส่ผมและจดจ่อแต่การป้องกันคงเพื่อซื้อเวลาจนกำลังเสริมที่เหลือมาถึง
ถ้าหากเป็นเช่นนั้น ผมคงรุกฆาตแน่
ถึงแม้ว่าผมจะพยายามหนีด้วยความเร็วของผม แต่เขาคงยังตามผมได้ทันอยู่ดีด้วยม้าของเขา
ถ้าแบบนี้ คงมีทางเดียวคือ ผมคงต้องอัดเขาจนหมอบให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ผมที่รีบปลดปล่อยเวทย์มนตร์ออกมาราวกับะร้อนรน
[<< Trident Blitz! >> ]
มันคือการโจมตี ด้วย 3 สายฟ้า ที่ผ่าตรงไปยังโคดี้
เพียงแค่สายฟ้าเดียวก็สามารถทำให้คนธรรมดาทั่วไปหมดสภาพอย่างง่ายๆ อย่างไรก็ตาม โคดี้เองก็ไม่โง่พอที่จะรับสายฟ้านั้นตรงๆอยู่แล้ว
[ << Flame Column! >> ]
แต่ว่า ผมยังคงร่ายไฟต่อไปอีก
เวลานี้ มันมีเสาเพลิงขนาดใหญ่ที่โผล่ขึ้นมาที่เท้าของเขา แต่ว่าด้วยการกระโดถอยหลังอย่างรวดเร็ว ร่างของเขาก็หายไปที่ด้านหลังของเสาเพลิงนั้น
ทันใดนั้น จู่ๆเสาเพลิงก็หายไปเฉยๆ
[ โอ้ว น่ากลัวแฮะ >> Wind Fang << ]
เขาร่ายเวทย์มนตร์ออกมาบทหนึ่ง
Wind Fang ตามปกตินั้นมันจะเป็นเวทย์มนตร์ที่ไม่สามารถมองเห็นได้ แต่ว่าตอนนี้มันดูดเสาเพลิงที่ผมร่ายออกไปเมื่อครู่ และพุ่งตรงมาที่ผม ด้วยความเร็วมากกว่าที่ผมเคยพบ
ผมตัดสินใจว่าคงจะรับการโจมตีนั้นตรงๆด้วยเวทย์มนตร์ป้องกัน ดีกว่าที่จะหลบมัน
มันคือท่าทั่วๆไปที่รู้จักในชื่อ [ R guard ]
วิธีใช้มันคือกดปุ่มลูกศรซ้ายขวาและปุ่มสี่เหลี่ยมพร้อมกับเพื่อรับการโจมตีทางกายภาพ ถ้าหากกดปุ่ม R ด้วยจะเป็นการป้องกันการโจมตีด้วยเวทย์มนตร์โดยดาเมทที่ได้รับนั้นจะไปหักออกที่MP(พลังเวทย์ในร่างกาย)
แน่นอน ตอนนี้ผมไม่ได้ถือจอยอยู่ ดังนั้นเทคนิคนี้มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะใช้ได้เฉกเช่นการกดปุ่มหลายๆปุ่มนั้นพร้อมกัน
สำหรับวิธีใช้นั้น มันเหมือนกับตอนร่ายเวทย์ทั่วๆไปคือสร้างโล่ในจินตนาการขึ้นในหัวและทำให้มันปรากฎออกมาด้วยพลังเวทย์มนตร์
และผลของมันก็แสดงออกมาที่ตรงหน้าของผม
ทันทีที่ปะทะเข้ากับโล่ คมเขี้ยวนั้นทำให้เกิดเสียงของบางสิ่งกำลังแตกดังลั่น และโล่นั้นก็พังลงและหายไปพร้อมกับคมเขี้ยวนั้น
แน่นอนว่า ผมไม่โดนดาเมทใดๆทั้งสิ้น
แต่ว่าเวทย์มนตร์นั้นมันเป็นเพียงแค่อุบายที่ทำให้ผมหยุดเคลื่อนไหว โคดี้ที่ตอนนี้โยนการป้องกันของตนทิ้งไปและเริ่มที่จะเป็นฝ่ายบุกบ้าง
ผมเผลอคำรามออกมาและป้องกันดาบที่เขาฟาดฟันลงมา มันหนักมาก มันรุนแรงกว่าที่ผมสามารถจะทำได้เสียอีก
โคดี้ไล่ผมจนต้องถอยร่นไป และในที่สุดก็ผลักผมจนล้มลง แต่ว่าอย่างไม่คาดฝัน เขากลับทำเพียงกระโดดถอยหลังกลับ และเปลี่ยนท่าทางกลับไปอยู่ในโหมดป้องกันเช่นเดิม
ผมเคยคิดว่าเขาจะพาผมกลับไปด้วยกำลัง แต่ผมเข้าใจผิดไป โคดี้ไม่ได้ต้องการที่จะถ่วงเวลาจนกำลังเสริมมาถึง เขาตั้งใจที่เอาชนะผมด้วยตัวของเขาเอง และทำให้ผมยอมรับความพ่ายแพ้
เขามั่นใจว่าจะไม่แพ้งั้นรึ ? หากว่ากันตามความจริง ผมก็ไม่เห็นหนทางที่ผมจะเอาชนะเช่นกัน
โคดี้นั้นไม่อ่อนแอขนาดที่จะจัดการเขาได้เพียงใช้แค่ความเร็ว ผมต้องการอย่างอื่นด้วย
( หากเป็นแบบนี้ผมจะต้องเป็นคนที่พ่ายแพ้แน่ … ! )
ผมจึงตัดสินใจทำบางสิ่ง
ผมทิ้งระยะห่างออกมาเพื่อมุ่งความสนใจไปยังการโจมตีระยะใกล และแล้วผมก็กระโดดขึ้นไปในอากาศ
[ กึก … ! ]
กระดูกของผมส่งเสียงร้องออกมาจากการที่ผมใส่พลังลงไป แม้ว่าสิ่งที่ผมกำลังทำมันจะดูเหมือนกับว่าผมต้องการที่จะสร้างระยะเพื่อเพิ่มพลังในการฟันดาบ
แต่จริงๆ ผมได้ปลดปล่อยการโจมตีขนาดใหญ่ลงไปพร้อมกับการฟันที่ทุ่มสุดตัวครั้งนี้ด้วย
[ << Grand Punisher! >> ]
เกิดคลื่นดินพุ่งไปยังโคดี้
มันคือเวทย์มนตร์ที่มุ่งไปที่พลังมากกว่าความเร็ว แต่ว่ามันเป็นการโจมตีที่เห็นได้ชัด
ผมร่าย grand punisher อีกครั้ง เวทย์มนตร์ที่2ที่ผมร่ายออกไปมันดูราวกับกะเอาให้ถึงตาย คลื่นดินที่พุ่งมาจากทั้ง 2 ฝั่งราวกับพุ่งเข้าขย้ำเหยื่อของตน แต่ทว่า โคดี้กลับปัดป้องมันและหลบออกไปอย่างง่ายๆ
[ นายเกลียดข้ามากขนาดเลยรึเนี้ย? ทำเอาข้าช๊อคไปเลยนะ ]
[ หุบปากเหม็นโฉของแกซะ ]
ผลของเวทย์มนตร์ที่ผมปลดปล่อยออกไปนั้นมันยังคงหลงเหลืออยู่ จึงมีฝุ่นควันเต็มไปหมดทุกที่ และบดบังทัศวิสัยของผม ที่พื้นดินเองก็ถูกเจาะเป็นกลวงราวกับถูกควักออกไปอย่างไรอย่างงั้น ดูรอบๆแล้ว คุณคงไม่คิดว่าใครจะสามารถเดินผ่านมันไปได้หรอก และที่สำคัญ แบบนี้ผมเองก็ไม่สามารถใช้ความเร็วของผมได้เช่นกัน ซึ่งมันคือหนทางเดียวที่ผมจะเอาชนะได้
มันเป็นแผนการณ์ที่บ้าบอราวกับว่าผมยอมรับในความพ่ายแพ้แล้ว และมันคือการเดิมพันที่เสียเปรียบ
ถ้าหากผมพยายามที่จะลดระยะห่างลง มันก็คงเป็นการต่อสู้ในระยะประชิดที่เข้าทางโคดี้
นั้นคือเหตุผลว่าทำไมผมจึงพยายามสร้างระยะห่างเอาไว้ แต่ว่ากว่าจะสร้างระยะห่างได้แบบนี้ มันก็ดูดพลังงานในร่างกายของผมไปเยอะมาก
ผมไม่มีทางเลือกนอกจากหยุดโคดี้ไว้ด้วยแผนนี้ ตราบเท่าที่จะเป็นไปได้
แต่ว่าหลังจากดวลดาบกันอีก 2 -3 เพลง ผมก็ทิ้งดาบของผมลง สำหรับผมในตอนนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะเอาชนะโคดี้ได้
[ …. นายพอแค่นี้ ? ]
[ …. เออ ]
อย่างไรก็ตาม นั้นมันในกรณีที่ผมสู้กับเขา 1-1
[ มันเป็นชัยชนะของข้า ]
ผมประกาศชัยชนะออกมาทั้งๆที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนผมจะชนะได้ และเมื่อได้ยินคำพูดของผม โคดี้ก็ทิ้งดาบของตนลงและยกทั้ง 2 มือขึ้นราวกับยอมแพ้แล้ว
ที่ด้านหลังของเขา มีคนอยู่ 3 คนที่อยู่ในชุดสีดำทั้งตัว และ 1 ในนั้น คือยูโนะที่กำลังจี้มีดของเธอไปที่หลังคอของโคดี้
[ มันต้องเป็นชัยชนะ”ของพวกเรา”ไม่ใช่หรือคะ~ ]
[ เธอบ่นอะไรของเธอ เธอก็แค่มาในตอนจบเท่านั้น ]
[ ดิชั้นคิดว่าท่านฮาโรลด์ควรจะชมคนอื่นอย่างตรงไปตรงมากกว่านี้บ้างนะคะ~ ]
ยูโนะก็ยังคงเป็นเหมือนดั่งทุกๆที เธอขอให้ผมชมเธอเธอในครั้งหน้าที่เธอช่วยผม
และในตอนนี้ โคดี้ ผู้ที่กำลังดูการแลกเปลี่ยนบทสนทนาของพวกเรา จู่ๆก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
[ เป็นบ้าอะไร ข้าตีหัวแกแรงไปรึไง ? ]
[ ไม่ๆ มันก็แค่ นายบอกประมาณว่า “ข้าไม่ต้องการเพื่อน!!” มันเลยทำให้ข้าไม่เคยคิดเลยว่านายจะมีพักพวกคอยช่วยเหลือนายอยู่แบบนี้เหมือนกัน ]
มาคิดๆดูแล้ว ผมเคยพูดแบบนั้น ด้วยรึ ?
“นายไม่ต้องการพักพวกบ้างรึ?” เขาเคยถามกับผมเช่นนั้น และผมก็ตอบกลับไปส่งๆว่า”ข้าไม่ต้องการของแบบนั้นหรอก” ตอนนั้นผมเองก็สงสัยอยู่ทำไมเขาถามกับผมเช่นนั้น แต่ว่ามันก็ไม่จำเป็นอะไรอีกแล้ว
[ ที่นายวางแผนมาทั้งหมดนี้ก็เพราะนายไม่มั่นใจในความสามารถในการลบตัวตนของสาวๆและพลังของพวกเธองั้นสินะ ? ]
[ มันไม่ใช่แค่นั้นหรอก ]
ที่จริงในระหว่างการต่อสู้นั้นผมก็ยิงเวทย์มนตร์ส่งๆออกไปหวังให้ยูโนะสังเกตุเห็นมันเช่นกัน
ตามแผนจริงๆ คือกลุ่มคนชุดดำบางคนที่ได้รับมอบหมายให้สะกดรอยตามเหล่าทหารยามลาดตะเวรและมันได้มีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้น พวกเขาจึงได้ติดต่อมาหาผมทันที และผมเองก็กำลังอยู่ระหว่างทางไปพบพวกเขาตามสถานที่ที่นัดแนะกันเอาไว้ล่วงหน้า
และสถานที่ที่พวกเรานัดแนะกันเอาไว้นั้นก็ไม่ได้อยู่ไกลจากจุดนี้มากนัก ดังนั้นผมใช้การร่ายเวทย์มนตร์เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือเหมือนดั่งพลุไฟ
เหมือนดั่งเกมส์วิ่งไล่จับที่จำเป็นจะต้องใช้โชคเป็นอย่างมาก แต่ดูเหมือนว่าที่ทำให้แผนการณ์นี้สำเร็จได้นั้นอาจเป็นเพราะจูโนะเองที่เป็นคนช่างสังเกต
[ มัดเขาเรียบร้อยแล้วขอรับ ]
[ กรุณาอย่าขัดขืนมากนักสิคะ ดิชั้นเองก็ไม่อยากจะใช้กระทำรุนแรง~ ]
[ จ้าจ้า จะปฎิบัติกันอย่างโหดร้ายแบบนี้จริงๆเหรอ ? ]
[ ทำไมพวกเราไม่มัดปากเขาด้วยและปล่อยเขาทิ้งไว้ที่นี่ล่ะ ? ]
[ เอ๋? นี่มันยังไม่มากพออีกหรอ ? ข้าไม่ได้มีงานอดิเรกอยากจะเป็นอาหารมอนเตอร์หรอกนะ ! ]
โคดี้ ที่ตอนนี้กลายเป็นเชลยของผมโดยที่ไม่สามารถจะต่อต้านได้
หลังจากยึดอาวุธของเขา พวกเราก็โดยมัดเขาด้วยเชือกและแขวนไว้บนกิ่งไม้ ที่บริเวณแห่งนี้ไม่มีมอนเตอร์ขนาดใหญ่อาศัยอยู่ ดังนั้นด้วย ด้วยความสูงขนาดนี้ เขาคงไม่เป็นอันตรายใดๆเร็วๆนี้ได้หรอก
และหลังจากนั้นสักพัก กองกำลังหนุนอัศวินก็จะผ่านมาทางนี้และช่วยเขาลงมา
พวกเรายังมัดม้าของเขาไว้กับต้นไม้เพื่อง่ายแก่การสังเกตอีดด้วย ยังไงพวกอัศวินก็คงไม่มองข้ามแน่
[ เป็นภาพที่หน้าขบขันเสียจริง มันก็เหมาะกับแกดี ]
[ นี่นายจะทิ้งข้าไว้ที่นี้จริงๆเหรอ ? แล้วข้าควรจะทำอะไรดีในระหว่างที่รอเนี้ย ? ]
แม้ว่าจะถูกแขวนห้อยต่องแต่งอยู่ โคดี้ก็เรียกผม
เห็นได้ชัดว่าเขายังไม่สูญเสียความตั้งใจของเขาเลยสักนิด
[ ไอ้โง่แบบแกยังมีบทบาทที่จะต้องไปเล่นอยู่ แต่ว่าตอนนี้สิ่งที่แกทำได้คงจะมีเด้งไปเด้งมาตามลมแค่นั้นแหละ ]
[ บทบาท ? ]
[ แกเป็นหัวหน้าหน่วย นั้นคือตำแหน่งที่แกควรจะให้ความสำคัญตอนนี้ ไปทำซะ ]
ผมเสียเวลามามากแล้ว หลังจากทิ้งคำพูดที่มีความหมายแอบแฝงบางอย่างไว้กับโคดี้ ผมก็รีบมุ่งตรงไปยังสถานที่นัดพบที่หน้าทางเข้าของป่าบลิส
หลังจากขี่ม้ามาเกือบ 2 ชม. ในที่สุดผมก็มาถึงหน้าทางเข้าของป่า
สถานการณ์ต่างๆถูกอธิบายแก่ผมอย่างรวดเร็วโดยกลุ่มชุดดำที่ออกการลาดตระเวนหาข่าว
[ สถานการณ์ตอนนี้เป็นไง? ]
[ ดั่งที่ท่านฮาโรลด์คาดการณ์ กองทหารซาเรี่ยนได้ปลอมตัวเป็นเผ่าสเตลล่า หน่วยอัศวินและกลุ่มปริศนาที่ยังไม่ได้รับการยืนยันได้เริ่มต้นการปะทะกัน ตอนนี้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจำนวนหลายราย ]
ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต เมื่อชายชุดดำกล่าวออกมา ดูเหมือนคำๆนั้นจะหนักอยู่ในอกของผม
ถ้าหากพวกเขาต่อสู้กันได้ดีกว่านี้ พวกเขาคงจะไม่ตาย แต่ว่า มันสายเกินที่จะเสียใจแล้ว
ผมได้แต่กลืนคำเหล่านี้ลงไป
“อย่างไรก็ตาม มันเป็นสิ่งที่เกินกว่าคนๆเดียวจะทำได้”
ในตอนนี้ ผมได้นึกถึงคำพูดๆหนึ่งที่เอริกะกล่าวกับผมในวันนั้น ตั้งแต่ผมได้รับรู้ว่าผมจำเรื่องราวของในเกมส์ได้ มันก็กลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับผมที่ทำให้ผมโยนความคาดหวังในเรื่องที่ว่าอนาคตทั้งหมดสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทิ้งไป
เพราะ มันไม่มีทางที่ผมจะแข็งแกร่งพอที่จะแบกชีวิตของทุกๆคนไว้บนบ่าของผมได้
[ พวกเราได้รับการยืนยันแล้วว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นระหว่างกองทหารของซาเรี่ยนที่ปลอมตัวเป็นอัศวินกับเผ่าสเตลล่า ]
[ แล้วสถาการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเป็นไปได้ล่ะ ? โอกาสที่จะเกิดการต่อสู้ระหว่างกลุ่มอัศวินและเผ่าสเตลล่าเองบ้างรึปล่าว ? ]
[ ดูเหมือนว่ากองอัศวินจะติดกับเข้าเต็มเปา ตอนนี้พวกเขากำลังเตรียมพร้อมที่บุกเข้าสู่ดินแดนที่อยู่อาศัยของเผ่าสเตลล่าแล้ว ]
[ ท่านจะทำอย่างไรดีคะ~ ? ]
[ นี่คือแผน ข้าจะเปิดเผยตัวเองต่อหน้ากองอัศวินและเผ่าสเตลล่าในฐานะทหารของซาเรี่ยน เพื่อดึงดูดความสนใจของทั้ง 2 ฝ่าย ]
[ เข้าใจแล้วค่ะ~ ]
[ ทุกๆคนให้มุ่งหน้าไปยังเผ่าสเตลล่า , เธอยังจำที่ข้าบอกได้รึปล่าว ? ]
[ แน่นอนค่า~ ]
ตอนนี้ ผมจะต้องจบงานนี้โดยเร็ว อนาคตของผมขึ้นอยู่กับว่าผมจะฟันฝ่าวิกฤติครั้งนี้อย่างไร
ไม่สิ มันไม่แค่อนาคตของผม แต่มันยังรวมไปถึงของโคดี้ ไรเนอร์ และกลุ่มคนชุดดำนี้ด้วย
[ …. ฟัง ]
ผมเปิดปากของผมขึ้นอย่างเงียบๆ
ทุกๆสายตาหันมาสนใจในตัวผม และผมเองก็จ้องพวกเขากลับด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเช่นกัน
[ ไอ้โง่อย่างพวกแกที่ได้มาอยู่ที่นี่ก็เพราะเป็นคำสั่งของทาซูคุ และเขาบอกว่าให้พวกแกฟังคำสั่งข้า ถูกต้องรึปล่าว ? ]
[ ขอรับ ]
ทุกคนตอบกลับมา
นี่มันไม่ดีเลยเวลาที่คุณไม่สามารถแยกเรื่องส่วนตัวกับเรื่องงานออกจากกันได้ ถ้าหากผมกลับไปอย่างมีชีวิตได้ ผมคิดไว้ในหัวแล้วว่าผมจะต่อยเขาสักป๊าบที่”หาภาระมาให้ผมแบกเพิ่มเนี้ย”
[ นั้นก็หมายความว่า ชีวิตของพวกโง่อย่างแกตอนนี้อยู่ในมือของข้า พวกแกเข้าใจรึปล่าว ? ]
[ ท่านต้องการให้พวกเราตายเพื่อท่านรึขอรับ ท่านฮาโรลด์ ]
[ พวกโง่นี่มันโง่จริงๆ ]
ผมหักคำตอบที่พวกเขาตอบกลับมาอย่างไม่ใยดี
เอาจริงๆมันดูตลกนะที่เห็นแก้งชุดดำเหล่านี้ทุกคนต่างมองมาที่ผมด้วยความงงงวยแบบนี้ในตอนที่ผมกล่าวออกมา
พวกเขาควรจะจำเรื่องนี้เอาไว้ หัวใจที่อ่อนแอนั้นง่ายแก่การชักจูง
ดังนั้น ผมจึงกล่าวคำพูดถากถางออกมาพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความมั่นใจ
[ ชีวิตโง่ๆของพวกแกตอนนี้ขึ้นอยู่กับข้า ดังนั้น พวกแกไม่ได้รับอนุญาตให้ตายจนกว่าข้าจะอนุญาต เข้าใจแล้วนะ ? ]
และแล้ว ม่านแห่งการต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดตั้งแต่ผมได้มาที่โลกแห่งนี้ มันก็ได้ถูกเปิดขึ้น
—————————-
TL: ใกล้จบเล่ม2 แล้ว เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้น ผิดคาดไปหน่อยนึกว่าฮาโรลด์จะเก่งหลุดโลกไปแล้ว ยังแค่สูสีกับโคดี้อยู่เลยแฮะ
TL : แปล 2 ตอนรวดหมดแรง พักไปกินชาบูก่อน 🙂