My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 44 ยูโนะผู้ที่ดมสารระเหยเยอะเกินไป
(มุมมองของฮาโรลด์)
เวทมนตร์ที่เหล่าอัศวินปลดปล่อยออกมาพุ่งเข้าใส่ผมเต็ม- เอ่อ จริงๆผมแสร้งทำเหมือนว่าโดน จริงๆแล้วหลบออกมาได้ทันแบบเฉียดฉิว
ผมได้ยินเสียงร้องตะโกนออกมาราวๆ “นายทำได้ !” เอ่อ นี่มันธงมาตรฐานที่แสดงว่า “นายทำไม่สำเร็จ” เลยนะ
ผมเกือบจะหลุดเปิดเผยตัวเองอีกครั้งแล้วพูดอะไรประมาณว่า “สนุกกับการปักธงนักรึไง ห๊ะ !?” แต่ว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่ควรจะมาทำอะไรโง่ๆเช่นนั้น
[ เฮ้อ พวกแก ยังยิงกันไม่ใจพออีกหรอ ? ]
ขณะพยายามสงบลมหายใจตัวเอง ผมได้แต่บ่นออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
ผมสามารถป้องกันการโจมตีเหล่านั้นด้วย R-guard แต่มันก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบอะไรขนาดนั้น และมันก็ป้องกันได้เพียง 4 ครั้งเท่านั้นเอง
ซึ่งตอนนี้ผมกำลังเผชิญหน้ากับอัศวินทั้งหน่วย 15 คนตามลำพัง โดยที่ให้ กลุ่มคนชุดดำ 6 คนที่ตามผมมามุ่งเป้าไปที่จับกุมตัวเหล่าทหารของจักรวรรดิ
ถึงเหล่าอัศวินจะดูน่าเกรงขามก็เถอะ แต่ถ้าหากสู้กัน 1 ต่อ 1 ผมมั่นใจว่า หากสู้กัน 100 ครั้ง ผมก็สามารถเอาชนะทั้ง 100 ครั้งได้
อย่างไรก็ตาม แต่ละคนก็มีความแข็งแกร่งราวๆโรบินสันและพักพวก และการผสมผสานการโจมตีทั้งรุกและรับของพวกเขามีนความซับซ้อนกว่ามาก หากผมไม่เคยฝึกซ้อมการต่อสู้แบบหลายคนกับทีมของโคดี้และคนอื่นๆในหน่วย ผมคงพลาดท่าไปแล้ว
หากผมสามารถโจมตีสวนกลับไปได้ ผลการต่อสู้นี้อาจจะแตกต่างจากที่เป็นอยู่ แต่มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับผมอยู่ดีที่จะรอดจากการต่อสู้นี้ออกไปโดยทำเพียงแค่หลบหลีกและป้องกันตัว
[ ท่านฮาโรลด์ขอรับ พวกเราจับกุมเป้าหมายได้เรียบร้อยแล้ว ]
ในที่สุด ข่าวที่ผมรอฟังอยู่ก็มาถึง
กลุ่มคนชุดดำดูเหมือนว่าจะได้รับบาดเจ็บกันมาบ้างจากการต่อสู้ เมื่อผมได้เห็นภาพเหล่านั้น ผมได้แต่กลืนคำพูดของตัวเองลงไป
พวกเขาทำเต็มที่แล้ว มันคงไม่ดีเท่าไหร่ที่จะตำหนิพวกเขาในตอนนี้
[ .. ถอนกำลังทันที ]
หลังจากนี้ ถึงเวลาสอบปากคำเหล่าทหารที่ถูกจับตัวมา
ผมเองก็ไม่ได้มีเทคนิคพิเศษในการใช้สอบปากคำแต่อย่างใด แต่ว่าผมก็ไม่จำเป็นจะต้องแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยความรุนแรงเช่นกัน
โดยใช้ความรู้จากเกมส์ ผมใช้ข้อมูลเหล่านี้แสร้งทำเป็นล้วงข้อมูลจากเพื่อนๆของพวกเขาได้แล้ว และข่มขู่คนอื่นๆเพื่อนล้วงข้อมูลเพิ่มเติม
เพราะไม่มีเวลาพอที่จะสอบปากคำพวกเขาทั้งหมด ผมจึงสุ่มๆเลือกมา ถึงกระนั้น 5 ใน 9 ก็ยอมพูดโดยง่าย คงเพราะคิดว่าเพื่อนๆของเขาทรยศล่ะมั้ง เลยคิดว่าหากตัวเองทรยศด้วยจะเป็นไรไป ถ้าหากมันช่วยให้มีชีวิตรอดไปได้ ดีกว่าตายไปพร้อมกับความลับ
เอาจริงๆ ข้อมูลส่วนใหญ่ที่พวกเขาสารภาพออกมานั้นผมรู้ๆอยู่แล้ว ดังนั้นผมเลยไม่ได้สนใจอะไรมากนัก สิ่งสำคัญคือการทำให้ทหารเหล่านี้ยอมพูด เพื่อใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการหลีกเลี่ยงการกวาดล้างชนเผ่าสเตลล่า
และจุดประสงค์หลักในการทำเช่นนี้ก็เพื่อชะลอ”แผนการของยูสทัส” ออกไปซักเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ผมกำลังคิดเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ ก็มีข่าวร้ายเกิดขึ้น
คนชุดดำที่ทำหน้าที่ส่งสารวิ่งเข้ามาจากทางป่า
[ เกิดเหตุฉุกเฉิน ! พวกเราได้รับการยืนยันแล้วว่ามีกำลังเสริมของศัตรูกว่า 200 นาย และพวกเขาได้ทำการเข้าโจมตีหมู่บ้านของเผ่าสเตล่าแล้วขอรับ ! ]
[ บ้าชิบ ! สถานการณ์ที่นั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?! ]
ฮาโรลด์ได้แต่พยายามอดกลั้นและสอบถามสถานการณ์ทางฝั่งนั้นอย่างใจเย็น แม้ภายในใจจะกำลังสาปแข่งพวกทหารจากจักรวรรดิซาเรี่ยนสำหรับการกระทำที่น่าขยะแขยง
มีคนชุดดำอีก 11 คนรวมถึงจูโนะที่กำลังมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านของเผ่าสเตล่า พวกเขาทั้งหมดได้รับคำสั่งจากฮาโรลด์ให้เข้าสนับสนุนเผ่าสเตล่าหากเกิดการสู้รบกับจักรวรรดิซาเรี่ยน
[ พวกเราพยายามต้ามเอาไว้อยู่ขอรับ แต่คาดว่าคงอีกไม่นาน! ในกลุ่มของกำลังเสริมที่บุกเข้ามากมีระดับผู้บัญชาการรวมอยู่ด้วยขอรับ ! ]
ผมรุ้ดี มันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสามารถเอาชนะกองทหารซาเรี่ยนได้ ขอแค่พวกเขาต้านเอาไว้จนกว่าผมจะไปถึงที่นั้น …
แผนที่วางเอาไว้คือแค่ต้องการซื้อเวลาให้นานที่สุด แต่ว่า มันคงไม่อาจต้านเอาไว้ต่อไปได้ หากศัตรูมีกำลังเสริมขนาดนี้ ..
ยิ่งไปกว่านั้น การที่พวกทหารซาเรี่ยนเก็บซ่อนกองกำลังขนาดนี้เอาไว้จนถึงตอนนี้ มีโอกาสสูงว่านี่คือเป้าหมายที่แท้จริงของพวกเขา และกองกำลังนี้ถูกบังคับบัญชาโดยทหารระดับผู้บัญชาการนั้นยิ่งเป็นสิ่งยืนยัน น่าจะเป็นระดับพลโทหรือพลตรี ที่บังคับบัญชากองกำลังนี้บุกเข้ามา
นี่อาจจะเป็นฝีมือของยูสทัสรึปล่าว ? ลางสังหรอันมืดมิดได้คลืบคลานไปตามกระดูกสันหลังของผม
มันอาจจะเป็นไปได้ แต่ผมก็ไม่มีเวลาคิดหรอกนะในตอนนี้
[ บ้าเอ้ย แก! นำทางไปซะ ที่เหลือล่อพวกอัศวินไปทางอื่น พอได้จังหวะก็ใช้ความเร็วหนีออกมาไม่ให้พวกเขาตามได้ทัน พวกเราต้องรีบไปที่แนวหน้าของการต่อสู้ ]
ถึงกระนั้น ก็คงมีอัศวินอยู่อีก 100 กว่าคน แม้จะมีบางส่วนได้รับบาดเจ็บอยู่ก็เถอะ
จริงๆผมอยากจะจัดการพวกทหารซาเรี่ยนอย่างลับๆ แต่ว่าหากผมลงมือช้าเกินไป ยูโนะและคนอื่นๆอาจถูกฆ่าไปแล้ว
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุด คงต้องขอยืมพลังจากทีมของโรบินสันและอัศวินคนอื่นๆด้วย
ความขมขื่นแล่นเข้ามาในหัวของผมเพราะสถานการณ์ที่ไม่ค่อยดีนักและไม่เป็นดั่งที่คาดการณ์เอาไว้
ผมระบายมันออกมาด้วยการเตะพื้นเพื่อพุ่งออกไปราวกับเปลี่ยนสิ่งเหล่านี้ให้กลายเป็นพลัง
◇ ◇ ◇
(มุมมองของยูโนะ)
มีบางสิ่งที่ฉันยังคงสงสัยอยู่เสมอ
เมื่อ 3 ปีก่อน ในตอนที่เอริกะทราบถึงความตั้งใจจริงๆของฮาโรลด์ … ฮาโรลด์ไม่ทราบถึงตัวตนของเอริกะที่กำลังหลบซ่อนอยู่ในตู้เสื้อผ้าจริงๆหรือ ?
ฉันจินตนาการไม่ออกเลยว่าฮาโรลด์ผู้นั้น ผู้ที่รับรู้ตัวตนของฉันในตอนที่ฉันกำลังแอบฟังช่วงที่เขากำลังฝึกฝนจะมองข้ามเอริกะที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้ๆขนาดนั้น
และอีกครั้งหนึ่งในเย็นวันนั้นที่เมืองใกล้ป่าบลิส ฮาโรลด์ก็รับรู้ถึงตัวตนของพวกเราโดยง่ายๆทั้งๆที่พวกเราพยายามลบตัวตนถึงชีดสุด
ไม่มีทางเลยที่เขาจะไม่สังเกตเห็น ยิ่งกว่านั้น หากเป็นสิ่งที่เขาต้องการจะเก็บเป็นความลับจากเอริกะ เขาควรจะระมัดระวังมากกว่าปกติ นั้นเป็นสาเหตุที่ฉันคิดมาโดยตลอดว่าฮาโรลด์นั้นจงใจปล่อยข้อมูลเหล่านั้นออกมาเอง
ฉันไม่สามารถคาดเดาความตั้งใจของฮาโรลด์ได้ สิ่งเหล่านี่ยิ่งทำให้ฉันสงสัยในตัวของเขาเพิ่มมากขึ้น
หรือเพราะ “จุดปรสงค์ของฮาโรลด์คือต้องการให้ฉันสงสัยเขาตั้งแรกอยู่แล้ว ?”
ด้วยเหตุนี้ มันจึงทำให้ฉันสงสัยในตัวของฮาโรลด์มากยิ่งขึ้น จึงเป็นเหตุให้ฉันไปแอบดักฟังการสนทนาระหว่างเขากับทาสุคุในตอนนั้น
บางที ฮาโรลด์คงรู้อยู่แล้วด้วยซ้ำว่าฉันกำลังแอบฟังอยู่
และในทันทีที่คำว่า “เผ่าสเตลล่า” ออกมาจากปากของเขา โลกทั้งใบของฉันก็สั่นสะเทือน
ในเวลานั้น การกระทำของฮาโรลด์ทั้งหมดที่ฉันเคยสงสัยมาตลอด เชื่อมโยงกันเป็นเส้นเดียว
เขาจะต้องทราบถึงบ้านเกิดและอดีตของฉันแน่ๆ ลูกครึ่งเลือดผสมที่ถูกทิ้งหลังจากคลอดได้ไม่นาน ผู้ที่ไม่สามารถมีชีวิตในฐานะ “มนุษย์” ได้อีกต่อไป …
ตัวตนของฮาโรลด์นั้นไม่สามารถวัดได้ด้วยสามัญสำนึก ถ้าหากเขาสามารถที่จะทำมันได้ ฉันก็ไม่แปลกใจ
แล้วถ้าหากเขารู้ทุกๆสิ่งอยู่แล้ว และ ชักนำฉันมาที่นี่โดยตั้งใจล่ะ ?
( บางที ฉันควรจะขอบคุณเขา …)
ฉันบอกได้เลยตอนนี้ตัวของยูโนะมีความสุขแล้ว ถ้าหากฉันไม่ถูกช่วยไว้โดยตระกูลสุเมรากิเมื่อหลายปีก่อน มันคงเป็นไปไม่ได้ที่ฉันจะมีชีวิตอยู่แบบนี้
แต่ว่า ยังมีสิ่งหนึ่งที่ฉันยังคงเสียใจในชีวิตของฉันเมื่อในอดีต
ถึงแม้คนพวกนั้นจะไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับฉันอีกแล้ว เพราะมันเป็นเพียงแค่งานๆนึง ฉันมีข้อมูลที่อยู่อาศัยของชนเผ่าสเตลล่าและขายข้อมูลเหล่านั้นให้กับใครก็ตามที่แสวงหาผลประโยชน์จากสิ่งเหล่านั้นโดยไม่ลังเลยแม้แต่น้อย จนถึงตอนนี้ฉันยังคงฝันร้ายเกี่ยวกับเรื่องนี้
ผลก็คือ หมู่บ้านของชนเผ่าที่หลบซ่อนอยู่ถูกทำลาย
จากการขายบ้านเกิดของตัวเอง ฉันได้รับเงินตอบแทนเพียงเล็กน้อยซึ่งแทบไม่มีค่าอะไรเลย และเมื่อฉันดูสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในเหตุการณ์นั้น ฉันก็ได้รับรู้ว่ามีคนจำนวนมากต้องตาย และหลายๆคนเป็นเพียงแค่เด็ก
แม้ฉันจะถูกเยาะเย้ยว่าเป็นหนึ่งในมนุษย์ที่เลวร้ายที่สุด ฉันไม่ปฎิเสธมันหรอกนะ ฉันรู้ดีว่าฉันเป็นคนที่ทำสิ่งเหล่านั้นลงไป
หลังจากได้เข้าร่วมกับตระกูลสุเมรากิ ในตอนที่ฉันมีเวลาว่าง ฉันมักจะไปเยี่ยมที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า เริ่มให้การช่วยเหลือต่างๆ เพื่อปกป้องชีวิตเหล่าเด็กๆที่ใช้ชีวิตกันอยู่ที่นี่ แม้มันจะฟังดูเป็นการเห็นแก่ตัว แต่สำหรับฉันมันคงจะเป็นหนึ่งในวิธีที่ฉันได้ไถ่บาป
ถึงกระนั้น ความรู้สึกผิดบาปของฉันก็ไม่เคยจางหายไปไหน ฉันจะต้องใช้ชีวิตกับสิ่งเหล่านี้ต่อไปตลอดชีวิต มีชีวิตในฐานนะของปีศาจร้ายที่ขายผู้อื่น
อย่างไรก็ตาม ฉันได้ยินที่ว่าจะเกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ระหว่างกองอัศวินและเผ่าสเตลล่า และฮาโรลด์มีแผนที่จะหยุดมัน
ฉันจะไม่มีทางรู้ถ้าหากฉันไม่สงสัยในตัวเขา และฉันไม่มีทางที่จะเมินเฉยเรื่องเหล่านี้ได้
ฉันรีบไปหาทาสุคุเพื่อที่จะขอร้องเขา เพื่อให้เขาอนุญาตให้ฉันเข้าร่วมหน่วยที่จะถูกส่งไปเป็นกำลังเสริมให้กับฮาโรลด์ และเอริกะ ที่ทราบถึงอดีตของฉันดี ดูเหมือนเธอจะเข้าใจความรู้สึกของฉันและส่งฉันมาเข้าร่วมแม้จะรู้ดีว่ามันอันตรายถึงเพียงไหน
[ จะต้องกลับมาให้ได้นะคะ ตกลงนะ ? ]
คำพูดของเอริกะทำให้ฉันตื่นตันมากจนไม่สามารถหาอะไรมาทดแทนได้
นี่คือสถานที่ที่ฉันสามารถอาศัยอยู่ได้อย่างแท้จริง นี่คือความรู้สึกจริงๆของฉันในเวลานั้น
(พวกเธอทั้ง 2 คนดูคล้ายกันอย่างน่าประหลาดใจ ?)
ฉันคิดถึงสิ่งเหล่านี้ด้วยจิตใจที่มัวหมองและสับสน
เอริกะ ผู้ที่สนับสนุนฉันและขอให้กลับมาอย่างมีชีวิต
ฮาโรลด์ ผู้ที่ออกคำสั่งกับฉันว่าห้ามตายเด็ดขาดจนกว่าเขาจะอนุญาต
ฉันได้แต่เสียใจที่ฉันไม่สามารถทำตามคำพูดของทั้ง 2 คนได้
เอริกะคงจะต้องร้องไห้เป็นแน่
ฉันไม่รู้ว่าฮาโรลด์จะแสดงปฎิกิริยาอะไรแบบนั้นมั้ย บางทีเขาอาจจะทำแค่หัวเราะไม่ก็เหน็บแหนมอย่างที่ทำเป็นประจำล่ะมั้ง ?
บางที ฮาโรลด์อาจจะจับสัญญาณอะไรบางอย่างที่นำพาให้เกิดเหตุการณ์โจมตีเหล่านี้ตั้งแต่เมื่อ 3 ปีก่อน พร้อมๆกับที่สงสัยในตัวของฉัน ฉันรู้สึกว่ามันคงจะเป็นแบบนั้น
ฉันทำได้เพียงวิ่งเต้นไปบนฝ่ามือของฮาโรลด์ เพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่างของเขา
อย่างน้อย ฉันก็จะทำหน้าที่ของตนเองให้ลุล่วง นี่เป็นวิธีเดียวที่ฉันจะชดให้ให้แก่อดีตของฉัน
ฉันพยายามประคองร่างของตัวเองไว้ พยายามอย่างเต็มที่ที่จะใส่พลังทั้งหมดไปยังแขนขาของฉันขณะที่จ้องมองไปยังศัตรู แต่ไม่ว่าฉันจะพยายามสักเพียงไหน ดูเหมือนแขนซ้ายของฉันจะขยับไม่ได้ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง
[ ฮึ ดวงตาท้าทายนั้นมันอะไรกัน ? ดูเหมือนแกจะยังไม่เข้าใจสถานการณ์สินะ ]
ผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าฉันคือชายร่างยัก ด้วยชุดเกราะที่ประดับประดาด้วยทองอย่างงดงาม ซึ่งเครื่องประดับเหล่านั้นมันดูไม่เข้ากับฉากในสนามรบนี้เท่าไหร่นัก
แล้วกลุ่มคนที่ยืนอยู่รอบๆตัวเขาคงเป็นทหารภายใต้การบังคับบัญชาของเขาสินะ
ตรงข้ามกับชายร่างยักผู้นั้นคือฉันและสมาชิคคนอื่นๆที่สวมอยู่ในชุดสีดำ ทุกๆคนต่างพ่ายแพ้กันไปหมดแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ช่างดูสิ้นหวัง
ชายร่างยักผู้นั้นเอียงคอของตนจนส่งเสียงดับ กร็อบ และดึงดาบขนาดยักออกมาจากฝัก
[ ข้าไม่รู้หรอกนะว่าแกยังมีลูกเล่นอะไรซ่อนไว้อีกรึปล่าวถึงยังแสดงท่าทางอวดดีนั้นได้ แต่ด้วยสภาพแขนแบบนั้น คงจะดีกว่าถ้าแกเลิกขัดขืนแล้วรีบๆตายไปซะ ]
ชายร่างยักคนนั้น ผู้ที่เอาถล่มพวกเราจนย่อยยับด้วยเวทมนตร์จนถึงเมื่อซักครู่ ตัดสินใจปิดฉากสุดท้ายด้วยการใช้ดาบธรรมดาๆ
ไม่มีทางเลยที่ฉันจะรอดไปได้ ถ้าหากฉันโดนดาบนั้นฟันล่ะก็ อย่าว่าแต่เป็นแผลเลย ตัวของฉันน่าจะขาดครึ่งเลยด้วยซ้ำ
[ … ดิฉันยอมแพ้ไม่ได้ค่ะ~ … นั้นเพราะภารกิจของฉันคือการยื้อเวลาให้นานที่สุด ~ ]
[ ช่างน่าชื่นชม เอาล่ะตายซะ ]
และแล้วดาบยักเล่มนั้นก็ถูกฟาดลงมา มันเป็นการโจมตีที่ทรงพลัง
แต่ทว่าการโจมตีนั้นกลับไม่มาถึงตัวฉัน มีใครบางคนปรากฎตัวขึ้นมาระหว่างฉันและดาบนั้นด้วยความเร็วที่ดูราวกับว่าเป็นการเทเลพ็อตมา
ในตอนนี้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ที่แน่ๆคือฉันถูกปกป้องเอาไว้ ฉันตกตะลึง และเมื่อเห็นร่างของคนๆนั้นลิมฝีปากของฉันก็กล่าวชื่อของคนผู้นั้นออกมาโดยไม่รู้ตัว
[ ท่าน- . ฮาโรลด์ .. ]
มาได้ทันเวลาพอดิบพอดี , ราวกับเป็นโล่แห่งการปกป้องผู้อ่อนแอ นี่คือวิถีของฮีโร่ที่ควรจะเป็นอย่างแท้จริง
———————
TL : จูโนะ = ยูโนะ จำไม่ได้ว่าตอนก่อนๆแปลชื่อ จูโนะไปกี่ตอนบ้าง แต่เหมือนตอนนี้ทาง eng จะเปลี่ยนเป็น ยูโนะ นะ