My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 49 ประเภทของคนโง่
( มุมมองของลีฟา )
ในวันต่อมาหลังจากที่ฉันได้พบกับฮาโรลด์ ฉันก็มายืนอยู่ที่หน้าทางเข้าภูเขาที่ซึ่งมีเหล่าอัศวินคุ้มกันอยู่ เอาจริงๆ ฮาโรลด์เองก็อยู่ที่นี่ด้วย และด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง หนุ่มหน้าสวยที่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าเพศอะไรนามว่าเอลล์ก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
ฮาโรลด์ตอนนี้เดินอยู่ด้านหน้าของฉัน 3 ก้าวตลอดเห็นจะได้ และเมื่อพวกเรามาหยุดอยู่ที่ต่อหน้าอัศวิน เขาได้หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอกและยื่นไปให้อัศวินที่ขวางทางพวกเราอยู่ ตอนแรกอัศวินแสดงความไม่เป็นมิตรออกมาอย่างชัดเจนทันทีที่รู้ว่าคนๆนี้คือฮาโรลด์ แต่พอได้เห็นกระดาษแผ่นนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
ฉันเองก็ไม่รู้ว่าอะไรถูกเขียนอยู่ในกระดาษแผ่นนั้น แต่เหล่าอัศวินก็ยังแสดงความเกลียดชังที่มีต่อฮาโรลด์โดยไม่พยายามซ่อนมันไว้แต่อย่างใด และมองดูฮาโรลด์ด้วยสายตาโกรธแค้นขณะที่เขากำลังก้าวขึ้นไปบนภูเขา
อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์เองก็ไม่สนใจอัศวินเหล่านั้นแม้พวกเขาจะแสดงความเกลียดชังออกมาอย่างชัดเจน และเดินขึ้นเขาต่อไปราวกับรู้เส้นทางไปที่ยอดเขาดี ขณะที่ฉันมองแผ่นหลังของเขา ก็เกิดคำถามขึ้นภายในหัวของฉัน “ทำไมพวกอัศวินถึงเกลียดเขาขนาดนี้กันนะ ?” ดูจากปฎิกิริยาของคนที่ร้านอาหารเมื่อวานนี้และสิ่งที่เอลล์บอกมา ดูเหมือนว่าเขาค่อนข้างจะมีชื่อเสียง (ด้านแย่ๆ) และเมื่อฉันพยายามคิดอย่างใจเย็น ไอ้ฉายาอย่าง “นักฆ่าอัศวิน” มันช่างกวนใจฉันจริง
จุดประสงค์จริงๆของฉันคือการขึ้นไปบนภูเขาเพื่อรวบรวมข้อมูลของมังกรชนิดหนึ่งที่ชื่อ ไฮดร้า แต่สำหรับตอนนี้ฉันสนใจในชายที่ชื่อฮาโรลด์คนนี้ด้วยเช่นกัน และฉันไม่ใข่คนประเภทจะเก็บความอยากรู้อยากเห็นไว้ได้ ฉันจึงถามกับเขาตรงๆขณะที่พวกเราเดินตามไปบนเส้นทางเพื่อไปยังยอดเขา
[ นี่ ฮาโรลด์ ทำไมพวกเขาถึงเรียกนายว่า “นักฆ่าอัศวิน” กันล่ะ ? ] – ลีฟา
[ ก็แค่มีพวกปัญญาอ่อนเอะอะตั้งกันเอง ] – ฮาโรลด์
[ ไม่ใช่เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อนหรอ ? ] – เอลล์
จู่ๆเอลล์ก็พูดขึ้นขัดการสนทนาของพวกเรา และดูเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับอดีตของฮาโรลด์ ฮาโรลด์เองก็จ้องมองไปยังเอลล์ราวกับบอกให้เขาหุบปาก สายตานั้นมันรุนแรงมาก ทั้งๆที่ฉันภาคภูมิใจในความหน้าด้านหน้าทนเป็นอย่างมากยังรู้สึกสั่นสะท้านเมื่อเห็นสายตานั้น บางที ที่อาจจะเรียกว่า “จิตสังหาร” ล่ะมั้ง
แต่ฮาโรลด์ก็ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาซักคำ
ฝูงหมาป่าสีขาวปรากฎตัวขึ้นพร้อมกับเสียงหอนที่ดังมาจากภายในป่า ราวกับพวกเราได้รุกล้ำเข้ามาในอาณาเขตของพวกมันและพร้อมที่จะจู่โจมพวกเราแล้ว
หมาป่าสีขาวชนิดนี้เป็น 1 ในพันธุ์หมาป่าที่สวยงามชนิดหนึ่ง นั้นเพราะขนของพวกมันสีขาวบริสุทธิ์ราวกับสีของหิมะอย่างไงอย่างนั้น แต่พวกมันกลับมีลักษณะนิสัยที่ดุร้ายตรงกันข้ามกับรูปลักษณ์ของพวกมัน หากเจอเพียงแค่ตัวเดียวคงไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่นัก แต่ถ้าเป็นฝูงล่ะก็ไม่แน่-
แต่ฉันได้เตรียมแผนการณ์รับมือต่างๆไว้ในหัวอยู่ก่อนแล้ว
พวกเรามีข้อมูลของมอนเตอร์ที่อยู่ในภูเขาหิมะกิแรนแห่งนี้พร้อมวิธีรับมือทั้งหมดแล้ว ฉันสอดมือเข้าไปภายในเสื้อคลุมของฉันพร้อมกับหยิบหลอดทดลอง 3 หลอดออกมาโดยถือมันไว้ที่ระหว่างนิ้ว และโยนมันออกไปใส่ฝูงหมาป่าแบบสุ่มๆ
แน่นอนเพราะไม่ได้เล็งให้โดนโดยตรง หลอดทดลองเหล่านั้นจึงตกลงที่พื้นและแตกออก ในวินาทีต่อมาก็เกิดเสียงระเบิดดังขึ้น เหล่าหมาป่าสีขาวถูกเปลวไฟที่เกิดจากการระเบิดกลืนกินจากระจายกลายเป็นเศษเนื้อ
การต่อสู้นี้สิ้นสุดลงโดยการขว้างเพียงครั้งเดียว
[ พลังทำลายอะไรขนาดนี้ … ] – เอลล์
ฉันค่อนข้างพอใจกับผลการระเบิดครั้งนี้ จริงๆการโจมตีนี้ฉันกะเอาไว้ใช้สร้างความเสียหายให้กับมังกรน้ำแข็งที่มีตัวขนาดใหญ่ แต่สำหรับพวกหมาป่าพวกมันโดนครั้งเดียวก็เป็นจุลแล้วล่ะ
[ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ฉันเคยเห็นเวทมนตร์ชนิดนี้ ] – เอลล์
[ อืม จริงๆนี่ไม่ใช่เวทมนตร์หรอก ถ้าจะให้พูด มันเป็นอะไรคล้ายๆกับความลับทางการค้าน่ะ ! ] – ลีฟา
ฉันเอามือท้าวสะเอวและยืดตัวด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจ ไม่ว่าสิ่งนี้จะเรียกเวทมนตร์หรือพลังของวิทยาศาสตร์ก็ช่าง แต่นี่คือผลงานที่ฉันภาคภูมิใจ และฉันก็รู้สึกดีที่เห็นเอลล์ตกตะลึง แต่กลับกัน ฮาโรลด์กับไม่แยแสซักนิด ตรงกันข้าม เขากลับบ่นฉันซะงั้น
[ อย่าเหลิงกับของเล่นโง่ๆของเธอให้มากนัก ] – ฮาโรล์ด
[ นายหมายความว่าไง ? ] – ลีฟา
ฉันไม่สามารถนิ่งเฉยได้ ผลงานอันภาคภูมิใจของฉันกลับถูกเรียกว่าของเล่นโง่ๆ แต่ก่อนที่ฉันจะพูดอะไรต่อ วิสัยทัศน์ของฉันก็เต็มไปด้วยแสงสีฟ้า มันสว่างซะจนทำให้ตาของฉันมองไม่เห็น และฉันก็ไม่สามารถลืมตาขึ้นได้ซักพัก แม้จะมองไม่เห็นแต่บอกได้ว่ามีบางอย่างพุ่งผ่านตัวของฉันไป ทันใดนั้นก็มีเสียงอะไรบางอย่างร้องออกมาจากทางด้านหลังของฉัน
ทันทีที่แสงสว่างเริ่มจางลง ฉันก็หันกลับหลังไปและพบกับหมาป่าสีขาวตัวหนึ่ง … มันถูกเผาจนตาย
ดูเหมือนมันมีแผนที่จะซุ่มโจมตีและหวังที่จะฆ่าฉันเป็นเป้าหมายแรก
ฉันไม่รู้สึกถึงสัญญาณใดๆจากหมาป่าตัวนี้ได้เลย หากฮาโรลด์ไม่ช่วยฉันไว้ ฉันคงตายไปแล้ว
[ หึ ถึงแม้เธอจะมีการโจมตีที่ยอดเยี่ยม หากเธอลดการป้องกันลงเพียงเสี้ยววิ หัวนั้นคงขาดไปแล้ว ชั้นไม่สนหรอกว่าเธอจะอยู่หรือตาย แต่หากต้องการที่จะตายอย่างไร้ค่า ก็ไปตายที่อื่นให้พ้นๆหน้าชั้น ] – ฮาโรลด์
[ อึก .. ] – ลีฟา
หลังจากพูดจบ ฮาโรลด์ก็หันส้นเท้ากลับและเริ่มเดิมต่ออีกครั้ง
ฉันรู้ดีฉันไม่ระวังตัว ดังนั้นสิ่งที่เขาพูดมานั้นถูกต้อง คำพูดของฮาโรลด์มีน้ำหนักเกินกว่าจะอธิบายได้ ฉันรู้ดีว่าความหมายของคำพูดของเขาก็เพื่อเตือนสติฉัน ฉันจึงสงสัยว่าทำไมคนที่มีคำพูดราวกับจริงจังในชีวิตอยู่เสมอเช่นเขา ถ้าหากเขาอยากจะมีชีวิตที่สงบสุขจริงๆ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมีฉายาอย่าง “นักฆ่าอัศวิน” ได้
และอีกอย่าง ตอนที่เขาบอกว่าการโจมตีของฉันยอดเยี่ยม ฉันมีความสุขมาก><
[ เธอสนใจมั้ย? เกี่ยวกับอดีตของเขา ] – เอลล์
เอลล์กระซิบมาที่หูของฉันเพื่อไม่ให้ฮาโรลด์ได้ยินบทสนทนาของพวกเรา ถ้าจะพูดว่าฉันไม่สนใจหรอก มันคงจะเป็นการโกหก
[ อ่า.. อืมมม .. ] – ลีฟา
การตอบรับข้อเสนอนี้ มันไม่สมกับเป็นตัวฉันเลย
จริงอยู่ที่ฉันสนใจอดีตของฮาโรลด์ แต่ฉันก็รู้สึกว่ามันล่วงเกินไปหน่อย น่าจะต้องขออนุญาตเจ้าตัวก่อน นี่เป็นปัญหาทางศีลธรรมของฉัน ดังนั้นฉันจึงอยากได้ยินความลับของเขาโดยเขาเป็นคนบอกมันด้วยตัวเขาเอง
[ ที่ฉันกำลังจะบอกกับเธอในสิ่งที่ฉันรู้เกี่ยวกับเขานั้น จริงๆมันไม่ใช่ความลับพิเศษอะไรหรอกนะ ] – เอลล์
ดูเหมือนจะมีเรื่องเล่าและข่าวลือมากมายเกี่ยวกับฮาโรลด์จากที่เอลล์จะเล่าให้ฉันฟัง แต่จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่นั้นก็ไม่ทราบได้ ซึ่งเรื่องเหล่านี้แพร่กระจายไปทั่วอยู่แล้วแต่ตัวของลีฟาเองนั้นไม่ทราบ
หรืออีกความหมายคือ ทุกๆสิ่งที่เอลล์เล่าไม่ใช่ข้อเท็จจริงใหม่อะไรนอกเสียจากเรื่องที่หลายๆคนรู้กันอยู่แล้ว
[ ถึงจะเป็นเพียงการคาดเดาของฉันเอง แต่ว่าเอลล์ไม่ใช่คนรู้จักของฮาโรลด์ใช่มั้ย ? ] – ลีฟา
[ ใช่ จริงๆแล้วฉันก็เหมือนกับเธอ ฉันเพิ่งจะพบกับเขาครั้งแรกเมื่อวานนี้เอง ] – เอลล์
เอลล์ยอมรับออกมาตรงๆ แต่หากเป็นเช่นนั้น ฉันก็ยังมีเรื่องสงสัยอยู่
[ งั้น ทำไมเธอถึงมากับพวกเราล่ะ ? ] – ลีฟา
[ จริงๆฉันสนใจในตัวของฮาโรลด์มาซักพักแล้ว และครั้งนี้ฉันพึ่งจะมีโอกาสได้เข้าใกล้เขา ฉันเลยไม่อยากพลาดโอกาส ] – เอลล์
[ ฉันก็สนใจฮาโรลด์เหมือนกัน นั้นเลยทำให้ฉันต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายแบบนี้… ] – ลีฟา
[ จริงๆแล้ว ฉันก็ไม่คาดคิดเหมือนกันว่าทั้งเธอและฮาโรลด์จะอนุญาตให้ฉันตามมาด้วยง่ายๆแบบนี้เหมือนกัน ] – เอลล์
อะฮ่าๆ เอลล์หัวเราะออกมาแห้งๆ
เอลล์บอกกับฉันว่าเขาเป็นเพียงนักเดินทาง ดังนั้นเอลล์จึงไม่มีทักษะต่อสู้ใดๆเลย แต่ด้วยคำพูดและรูปร่างของเอลล์ทำให้เขาดูเหมือนกับสัตว์กินพืชตัวเล็กๆที่เดินเล่นสบายๆในดินแดนของสัตว์ดุร้าย และพร้อมจะกับจุดเซพทุกเมื่อหากเสียสมาธิเพียงแว้บเดียว
[ เอาเถอะ แล้วเธอจะทำยังไงกับฮาโรลด์ ถามเขาตรงๆหรอ ? ] – เอลล์
( อืม .. ฉันต้องอยู่กับฮาโรลด์ไปอีกหลายวัน ดังนั้นถามเขาไปตรงๆคงไม่เสียหายอะไรหรอกมั้งนะ ? ) – ลีฟา
ฉันบอกกับตัวถึงเหตุผลที่ทำให้ฉันมีความกล้าพอที่จะถามเขา
********
( สถานการณ์ของฮาโรลด์ ในมุมมองของ เอลล์ )
เมื่อพูดถึง ฮาโรลด์ สโตร์ก วลีที่มักจะนึกถึงคือ “บุคคลที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ที่ได้เข้าร่วมกองอัศวิน” ในเวลานั้นเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะเด็ก แต่ช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์นั้นกับมีอายุขัยอันแสนสั้น
ในภารกิจแรกที่เขาได้รับหลังจากเข้าร่วมกับกองอัศวินได้ไม่กี่เดือน เขาได้ฝ่าฝืนคำสั่งของหัวหน้าและหนีทัพไป นอกจากนี้ ในตอนที่พบตัวเขา เขากับสวมอยู่ในชุดของทหารจักรวรรดิซาเรี่ยนจึงทำให้ถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นสายลับของจักรวรรดิ
ผลก็คือ ฮาโรลด์ สโตร์ก ถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยการตัดศีรษะ ซึ่งควรจะจบแค่นั้น แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ตระกูลสโตร์กของฮาโรลด์ , ตระกูลสุเมรากิซึ่งลูกสาวคนโตเป็นคู่หมั้นของเขา, โคดี้และอัศวินส่วนหนึ่งของกองอัศวิน 3หัวเรือใหญ่ได้รวมตัวกันคัดค้านผลคำตัดสิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตระกูลสุเมรากิที่ชื่อเสียงในฐานะขุนนางอันทรงเกียรติ การยื่นขออุทรณ์ของทาสุคุที่เป็นหัวหน้าตระกูลนั้น นำไปสู่การลดโทษของฮาโรลด์ในที่สุด
หลังจากมีการพิจารณาคำตัดสินใหม่ ฮาโรลด์ถูกลงโทษโดยถูกย้ายไปอยู่ในการดูแลของสถาบันวิจัยแห่งหนึ่งในฐานะตัวทดลอง เขาต้องอยู่ที่สภาบันวิจัยที่นั้นจนกว่าจะหมดข้อสงสัยในฐานะสายลับ การให้ความร่วมมือของเขาจะทำให้เขาได้รับการละเว้นโทษประหารชีวิต แต่ถ้าหากมีการฝ่าฝืนคำสั่งหรือฝ่าฝืนเงื่อนไขใดๆ เขาจะถูกนำตัวกลับมารับโทษประหารชีวิตในทันที
[ … ก็อย่างที่เล่ามา นี่คือเรื่องทั่วๆไปที่คนอื่นๆรู้เกี่ยวกับชายที่ชื่อ ฮาโรลด์ สโตร์ก ] – เอลล์
[ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ? ไม่ใช่ว่าหมอนี่คือ no.1 เรื่องความเลวหรอกหรอ? ] – ลีฟา
หลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าพวกเราตัดสินใจตั้งแค้มป์กันเพราะคิดว่ามันอันตรายเกินไปหากฝืนเดินทางต่อ พวกเราตั้งเต๊นท์โดยมีฮาโรลด์ตั้งเต๊นท์ไกลออกไปหน่อยและคอยดูแลกองไฟอยู่ ดังนั้นพวกเราจึงมาคุยกันภายในเต๊นท์ 2 คนอย่างเงียบๆ อย่างไรก็ตามดูเหมือนลีฟาจะไม่ได้สนใจที่ต้องได้มาอยู่ร่วมเต๊นท์เดียวกับฉัน และฉันก็ยังไม่ได้บอกเเรื่องเพศจริงๆของฉันให้เธอรู้เลย ดูเหมือนเธอจะขาดการระมัดระวังตัวไปซักหน่อยนะ
[ แม้ว่าทางตระกูลสุเมรากิจะช่วยเหลือเขาไว้อย่างมากในครั้งนี้ แต่ทันทีที่เขารอดตัวจากโทษประหาร เขาก็บอกว่าเขามีแผนที่จะยกเลิกการหมั้นหมายและตัดความสัมพันธ์กับทางตระกูลสุเมรากิในทันที ] – เอลล์
[ โอเค เขาเป็นคนเลวที่สุดที่ไม่มีมนุษย์คนไหนจะไปถึงระดับความเลวนี้ได้อีก หมอนี่มันขยะชัดๆ ] – ลีฟา
ราวกับตอบสนองเรื่องของฮาโรลด์ที่ฉันเล่าให้ฟัง ลีฟาพ่นคำพูดเหล่านี้ออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยคำดูถูก มันก็ไม่แปลกเท่าไหร่ที่ใครก็ตามที่ได้ฟังเรื่องราวเหล่านี้จะแสดงปฎิกิริยาเช่นนี้ออกมา
[ อืม ทีนี้เธอก็เข้าใจแล้วใช่ไหมว่า ทำไม ฮาโรลด์ สโตร์กถึงถูกเกลียดขนาดนี้ ? ] – เอลล์
[ แน่นอน เข้าใจอย่างสุดซึ้งเลยล่ะ ] – ลีฟา
[ แต่จริงๆ เรื่องพวกนี้มีหลายๆจุดที่น่าสงสัย ] – เอลล์
[ น่าสงสัย ? ] – ลีฟา
[ ใช่ นั้นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันสนใจในตัวของเขา ] – เอลล์
สิ่งแรกที่ฉันคิดทันทีที่ได้เรื่องคำตัดสินฮาโรลด์จากสภาอัศวิน “พวกเขาสามารถสั่งประหารบุตรชายของตระกูลขุนนางได้อย่างง่ายๆแบบนี้เลยหรอ? ”
[ ข้อหาเดียวที่ฮาโรลด์กระทำผิดอย่างชัดเจนนั้นคือการละทิ้งหน้าที่ในสนามรบ แต่นี่มันเป็นภารกิจแรกของเขานะ มันไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยๆหรอกหรอหากใครก็ตามได้ลงสนามจริงครั้งแรกจะมีหวาดกลัวบ้างหรือตื่นสนามจนหนีทัพบ้าง ] – เอลล์
[ เดี่ยวสิ มีอีกเรื่องที่ฮาโรลด์เป็นสายลับจากจักรวรรดิไม่ใช่หรอ ? ] – ลีฟา
[ ไม่ เขาแค่ตกเป็น”ผู้ต้องสงสัย”ในฐานะของสายลับจากจักรวรรดิเท่านั้น และเรื่องนี้ยังไม่ถูกยืนยันข้อเท็จจริง ] – เอลล์
[ … เธอหมายความว่ายังไง ? ] – ลีฟา
[ ฮาโรลด์เพียงแค่ถูกจับขณะสวมอยู่ในชุดของทหารจักรวรรดิเพียงแค่นั้น ส่วนเรื่องที่ว่าทำไมเขาอยู่ในชุดของทหารจักรวรรดิยังไม่เป็นที่แน่ชัด ] – เอลล์
[ นั้นไม่ใช่ช่วยยืนยันเรื่องที่เขาเป็นสายลับหรอกหรอ? ] – ลีฟา
[ อืม ถ้าหากผลการตรวจสอบยืนยันออกมาเป็นเช่นนั้นจริง ถ้างั้นพวกสภาควรประกาศคำตัดสินว่าเขาเป็นสายลับจากจักรวรรดิ ไม่ใช่ “ผู้ต้องสงสัย” สิ ] – เอลล์
นี่มันแปลกอย่างเห็นได้ชัด การลงโทษครั้งนี้มันรุนแรงเกินไป หากเขาเป็นสายลับจริง ในเอกสารคำตัดสินควรเขียนไว้อย่างชัดเจน และหากเขาจะเป็นสายลับจริงๆ ระยะเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงและลงโทษมันสั้นจนเกินไป
[ ตระกูลสโตร์กไม่ใช่ตระกูลที่มีอิทธิพลเท่าไหร่นัก แต่ก็เป็นตระกูลเก่าแก่ที่สืบเชื้อสายขุนนางมาอย่างยาวนาน แถมเขายังเป็นบุตรชายคนโต หรือก็คือ เขาจะได้เป็นผู้นำตระกูลรุ่นถัดไป เธอว่ามันไม่แปลกไปหน่อยหรอ ที่จะตัดสินบุตรชายคนโตของขุนนางให้ได้รับโทษประหารชีวิตในระยะเวลาเพียงแค่ 2 สัปดาห์ ? ] – เอลล์
[ มันก็-… ] – ลีฟา
[ หากเขาถูกยืนยันว่าเป็นสายลับจริง การล้วงความลับจากเขาก่อนควรจะได้ประโยชน์มากกว่าแทนที่จะประหารทิ้งไปเฉยๆโดยไม่ล้วงข้อมูลใดๆ ] – เอลล์
เหตุการณ์เช่นนี้ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ราวกับว่าเหตุผลข้อเท็จจริงอื่นๆช่างมัน ตัดสินโทษตายเอาไว้ก่อนเลย ไม่สิ บางทีแม้แต่คำตัดสินอาจเป็นเพียงข้ออ้างเพื่ออะไรบางอย่างเท่านั้น
[ โอเค ฉันเข้าใจเรื่องน่าสงสัยหลายๆจุดแล้ว แต่ว่าทำไมเธอถึงมีข้อมูลเรื่องพวกนี้เยอะจัง ? นี่เธอพึ่งจะเคยพบกับฮาโรลด์เป็นครั้งแรกจริงๆหรอ ? ] – ลีฟา
[ เรื่องจริงที่ฉันพึ่งจะเคยพบกับฮาโรลด์เพียงครั้งแรก เพราะฉันเป็นนักเดินทาง ฉันจึงได้พบกับคนมากหน้าหลายตา เรื่องเล่าของพวกเขาค่อยๆเชื่อมโยงกัน และฉันก็มีทักษะในการรวบรวมข้อมูลดีกว่าคนส่วนใหญ่ ] – เอลล์
พูดให้ถูกคือ ฉันปลอมเป็นทั้งนักเดินทาง พ่อค้า ขุนนาง คนส่งหนังสือพิมพ์ ๆลๆ ฉันใช้หลากหลายตัวตน หลากหลายการปลอมตัว และทีมเคลือข่ายแหล่งข่าวของฉันอีกมากมายกว่าจะรวบรวมข้อมูลของฮาโรลด์ได้ขนาดนี้ และเพื่อที่จะหาตำแหน่งที่อยู่ปัจจุบันของเขา
[ งั้น เธอไม่เคยได้ฟังเรื่องราวจากคนใกล้ชิดฮาโรลด์บ้างเลยหรอ ? ฉันคิดว่ามุมมองเหล่านั้นอาจทำให้พวกเราเข้าใกล้ความจริงมากขึ้น ] – ลีฟา
[ จริงๆก็.. ฉันเคยเจอกับคนที่เป็นหัวหน้าหน่วยของฮาโรลด์ ] – เอลล์
เมื่อ 3 ปีก่อน ฉันได้พบกับเขา ชายผู้เป็นผู้บังคับบัญชาของฮาโรลด์ เขาเป็นชายที่ยืนยัดประท้วงต่อคำตัดสินของฮาโรลด์ในสภาอัศวิน โคดี้ ลูเซียล ฉันยังจำใบหน้าที่อ่อนล้าของเขาในคืนนั้นได้
ฉันพบกับโคดี้ที่บาร์แห่งหนึ่ง เขาค่อนข้างเมาแล้วตอนนั้น และเมื่อฉันลองถามเรื่องราวของฮาโรลด์ ทันทีที่ได้ยินชื่อนั้น เขาจึงเปิดปากเล่าออกด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความรู้สึก
[ ทั้งชีวิตข้าน่ะพบเจอพวกโง่มามากมาย … ทั้งพวกโง่แล้วเสือกหัวแข็ง … ทั้งพวกโง่แล้วเสือกเห็นแก่ตัว … และไอ้พวกโง่ของโง่แล้วเสือกยึดมั่นในความยุติธรรม…. ส่วนพวกที่เหลือเป็นเพียงพวกโง่ทั่วๆไป .. ] – โคดี้
ตอนนั้นฉันถามกับเขาว่าฮาโรลด์เป็นคนแบบไหน โคดี้ก็เริ่มร่ายยาวเกี่ยวกับพวกโง่ที่เขาเคยรู้จักมา และหลังจากที่เขาเทสิ่งที่อยู่ในแก้วใบใหญ่นั้นลงคอ เขาก็ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
[ ไอ้เด็กนั้นเป็นพวกโง่ประเภทใหม่ที่ข้าไม่เคยพบมาก่อน … มันโง่เหมือนกับข้า เอ่อ.. ข้าหมายถึง – ] – โคดึ้
“พวกโง่ที่ไม่สนใจแม้ชีวิตของตัวเอง” – โคดี้
ด้วยคำพูดเหล่านั้น เรื่องราวก็ได้เริ่มต้นขึ้น
นี่คือจุดเริ่มต้นของชีวิตอันแสนโหดร้ายของชายที่ชื่อ ฮาโรลด์ สโตร์ก
————————
สนับสนุนขนมแมวเลียผู้แปลได้ที่
ธนาคาร กสิกร
เลขบัญชี 0708329649
ชื่อ กิตติพิชญ์ นิธิพิพัฒพงค์