My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 56 กลุ่มทหารรับจ้าง ฟรีรี่
ณ สวนหย่อมแห่งหนึ่งภายในบริเวณของศูนย์วิจัย ที่นี่มีน้ำพุหินตั้งอยูใจกลางสวนหย่อม น้ำที่ใสสะอาดพวยพุ่งออกมาจากน้ำพุและไหลลงอยู่สระน้ำให้บรรยากาศอันร่มรื่น
และฮาโรลด์ ผู้ซึ่งกำลังนั่งอยู่บนม้านั่งภายในสวนหย่อมแห่งนี้ เขาไม่สนใจสายน้ำที่กำลังไหลรินหรือดอกไม้ที่กำลังเบ่งบานในสวนเลยแม้แต่น้อย สายตาของเขากลับจ้องมองไปยังท้องฟ้าไกลโดยมือทั้งคู่วางประสานกันที่ตัก แม้ภาพของท้องฟ้าสีครามจะสะท้อนอยู่ในดวงตาของเขา แต่ดวงตาของเขากับดูว่างเปล่า เพราะสิ่งเดียวที่เขาเห็นมีเพียง “ความเสียใจ” พร้อมกับความรู้สึกหนักหน่วงที่มาพร้อมกับมัน
( ผมได้ใจเกินไป… ) – ฮาโรลด์
เขาปฎิเสธไม่ได้ว่าเขาได้ใจเกินไปหน่อยหลังจากที่ได้เอลล์มาเป็นเพื่อน ผู้ซึ่งเป็น 1 ในตัวละครจากเนื้อเรื่องของเกมส์ แต่ทว่า เขากลับลืมไปว่าคู่ต่อสู้ของเขาคือยูสทัส หรือก็คือบอสตัวสุดท้ายของเรื่องนี้ เขาลืมคิดไปว่าเขาควรจะรอบคอบมากกว่านี้ แต่ทันทีที่สถานการณ์รอบๆเริ่มเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น เขากลับประมาทเกินไป ได้ใจเกินไป สิ่งเหล่านี้ทำให้เขารู้สึกข่มขื่น
เรื่องที่เลวร้ายที่สุดนั้นคือเอลล์ที่เป็นเหมือนไพ่เด็ดของเขากลับถูกยูสทัสหมายหัวเอาไว้ และในเมื่อเธอโดนหมายหัว แน่นอนว่าการกระทำที่เธอสามารถทำได้ด้วยตัวคนเดียวย่อมมีข้อจำกัด
หากเป็นเช่นนี้ การเดินหมากเพื่อช่วยเหลือผู้คนและเสริมกำลังรบให้กับกลุ่มของไลเนอร์ที่ควรจะเพิ่มขึ้นตอนนี้กลับต้องมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง และหากการเฝ้าระวังของยูสทัสเข้มงวดมากขึ้นเหตุเพราะเรื่องที่เขาสงสัย มันก็อาจเลวร้ายลงกว่ายิ่งกว่าที่ฮาโรลด์วางแผนไว้ตั้งแต่ทีแรก เขาไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้วนอกเสียจากจมอยู่กับความเสียใจ
ในขณะที่ฮาโรลด์กำลังดูเหมือนสิ้นหวัง ก็มีร่างๆหนึ่งเข้ามาใกล้เขา แม้ว่าสายตาของเขายังคงจับจ้องไปบนท้องฟ้า แต่เขาก็พอเดาได้ว่าคนๆนั้นเป็นใคร
[ ฉันขอนั่งด้วยได้มั้ย ? ] – เอลล์
[ … อย่านั่งลงก่อนแล้วค่อยถามสิฟร่ะ ] – ฮาโรลด์
[ นี่ที่นั่งสำรองของนายหรอ ? ] – เอลล์
แม้จะโดนปากของฮาโรลด์เล่นงาน แต่เอลล์ก็นั่งลงข้างๆเขา อย่างไรก็ตาม ยังคงมีระยะห่างระหว่าง 2 คน มันมากพอที่จะให้อีกคนนั่งลงระหว่างกลางของพวกเขาได้
พวกเขาทั้งคู่ต่างเงียบสนิท มีเพียงเวลาที่ค่อยๆไหลผ่านไปเรื่อยๆ
แม้ว่าฮาโรลด์จะคิดว่า “มันไม่ดูน่าสงสัยเกินไปหน่อยหรอ?ที่พวกเรา2คนมาแอบนั่งอยู่ด้วยกันเงียบๆแบบนี้” แต่อีกความคิดของเขาก็ผุดขึ้นทันทีว่า “มันสายเกินไปที่จะระวังตัวตอนนี้แล้วล่ะ” เพราะมันเห็นได้ชัดจากคำพูดของยูสทัสว่า “ชั้นสงสัยพวกแกไปแล้ว”
ดังนั้น หากฮาโรลด์ยืนกรานว่าแค่พูดคุยเรื่อยเปื่อยทั่วๆไปกับเอลล์ ยูสทัสคงไม่ซักถามอะไรมากหรอก และเนื่องจากสถานที่ที่พวกเขาทั้ง 2 นั่งอยู่เป็นสถานที่เปิดโล่ง จึงทำให้เห็นได้ชัดว่ามีใครกำลังเดินเข้ามาหรือไม่ และไม่ต้องกังวลว่าจะถูกแอบฟังอีกด้วย
ในขณะที่ฮาโรลด์กำลังคิดถึงเรื่องนี้ ในที่สุดเอลล์ก็เปิดปากของเธอ คำแรกที่เธอกล่าวคือ “ขอโทษ”
[ ฉันขอโทษจริงๆ ฉันไม่เพียงแค่ล้มเหลวในการได้ผลลัพธ์อย่างที่นายคาดหวัง แต่กลับปล่อยให้หมอนั้นได้โอกาสใช้ประโยชน์จากพวกเราอีกด้วย ] – เอลล์
ฮาโรลด์ไม่สามารถตอบสนองต่อคำขอโทษเหล่านั้นได้
เอลล์ไม่จำเป็นต้องขอโทษเลยด้วยซ้ำ ยิ่งกว่านั้น เหตุการณ์อาจจะบานปลายกว่านี้หากเอลล์ไม่ได้ตามเขามาด้วย ซึ่งตั้งแต่แรก ภารกิจของเอลล์คือการล้วงข้อมูล แต่เพราะฮาโรลด์ไม่ได้เตรียมการให้ดีจึงทำให้บทบาทที่เธอได้รับในครั้งนี้มันไม่เหมาะสมกับภารกิจที่เธอได้รับ
ปัญหาก็คือเอลล์เข้าใจผิดและเริ่มโทษตัวเอง ทั้งๆที่คนผิดเป็นตัวของฮาโรลด์เอง เขาไม่สามารถเอาความรู้สึกนี้ออกจากหัวได้นอกเสียจากจมอยู่กับความเกลียดชังตัวเอง
[ หึ อย่าอวดดีให้มากนัก ชั้นบอกไปแล้วไงว่าชั้นไม่ได้คาดหวังอะไรขนาดนั้นจากเธอ ] – ฮาโรลด์
[ … ก็จริง ที่นายเคยพูดเอาไว้แบบนั้น ] – เอลล์
[ ฟังนะ ปัญหาของเธอคือเธอรู้สึกผิดต่อความผิดพลาดของชั้น อย่ามัวเก็บเอาไปคิดจนสุดท้ายมันจะกลายมาทำร้ายพวกเราทั้งคู่ในภายหลัง อย่าปล่อยให้มีโอกาสผิดพลาดแบบนั้นเกิดขึ้นได้ ดังนั้นมันจะดีกว่าหากเธอหยุดรู้สึกผิดซะตอนนี้เดี่ยวนี้ ] – ฮาโรลด์
[ นายกำลังพยายามปลอบฉันหรอ ? ] – เอลล์
[ เธอคิดว่ามันเป็นไปได้ด้วยงั้นเรอะ ? ] – ฮาโรลด์
[ ก็คิดว่าไม่ละนะ เห้อ ถ้านายปลอบฉันจริงๆ ฉันคงอารมณ์ดีขึ้นแล้วล่ะ ] – เอลล์
เอล์ชูแขนทั้ง 2 ขึ้นสู่ท้องฟ้าและเหยียดตัวออก บางทีฮาโรลด์อาจคิดไปเอง แต่ดูเหมือนว่าน้ำเสียงและสีหน้าของเอลล์ดูผ่อนคลายลง
เธอค่อยๆสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเริ่มพูดต่อด้วยใบหน้าอันเป็นกังวล
[ ปัญหาคือ แม้ฉันจะรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้ว แต่ลีฟาไม่ ] – เอลล์
[ อะไร ? ] – ฮาโรลด์
[ ดูเหมือนว่าเธอจะรู้สึกเสียใจที่ลืมตัวไปตอบรับ”คำเชิญ” ของยูสทัส ] – ลีฟา
ลีฟากำลังเข้าใจผิด เพราะความผิดนี้เป็นของฮาโรลด์เองที่ยอมให้เธอตามเขามา และหลังจากนั้นก็เป็นเขาเองที่พยายามโน้มน้าวให้ลีฟามาที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้ด้วย จริงๆแล้วลีฟาเป็นเพียงเหยื่อที่ถูกเขาหลอกใช้เท่านั้น
ก็ หากมองในมุมของลีฟา พูดตามตรง การที่เธอได้มารู้จักกับยูสทัสมันเป็นประโยชน์กับเธอมากว่าที่เธอได้มารู้จักกับฮาโรลด์เสียอีก และถ้าหากลีฟากลายไปอยู่ฝั่งเดียวกับยูสทัส นั้นคือเรื่องชิบหายครั้งใหญ่สำหรับฮาโรลด์ เขาจำเป็นต้องป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้น
เอลล์ได้แต่เอียงหัวด้วยความสงสัย เพราะไม่เข้าใจถึงสีหน้าของฮาโรลด์ที่แสดงออกมา
[ แปลกใจหรอ ? หากฉันกลายเป็นตัวถ่วงของเพื่อน ฉันก็คงเสียใจเหมือนกันนั้นแหละ ] – เอลล์
[ … ชั้นจำไม่เห็นได้ว่าเคยไปเป็นเพื่อนกับยัยนั้น ] – ฮาโรลด์
[ บางที นายคงไม่ได้มีเพื่อนมากนักสินะ ] – เอลล์
เอลล์กล่าวออกมาขณะมองไปยังฮาโรลด์ด้วยสีหน้าประหลาดใจ ซึ่งฮาโรลด์ก็ปฎิเสธมันไม่ได้เช่นกัน หากพูดถึงเพื่อน คนแรกที่เขานึกถึงคืออิซุกิ แม้ว่าช่วงนี้เขาจะไม่ได้เจอกัน แต่มิตรภาพระหว่างพวกเขายังคงดำเนินต่อไป พูดได้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกันมายาวนานเกือบ 8 ปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์ก็นึกคนอื่นไม่ออกอีก พูดตรงๆ ไลเนอร์ก็นับเป็นเพื่อนไม่ได้เพราะมีเพียงเคยประลองกันเมื่อ 5 ปีก่อนแค่นั้น เช่นกันกับ โรบินสัน ซิด ไอรีน เรียกได้ว่าเกือบๆ แต่พวกเขาก็เป็นเพียงแค่เพื่อนร่วมหน่วยของกองอัศวินแค่นั้น และเขาเองก็ไม่เจอพวกโรบินสันอีกเลยตั้งแต่เขาถูกปลดออกจากกองอัศวิน
และเซน แม้ว่าฮาโรลด์จะมีอายุรวมกับชาติก่อนมากกว่าเซน แต่หมอนั้นก็เป็นเพียง 1 ในคนรับใช้ของตระกูลสโตร์ก และอายุทางร่างกายพวกเขาของฝั่งโลกนี้แตกต่างกันเกินไป ดังนั้นจึงไม่เคยมีโอกาสสร้างมิตรภาพที่ดีนัก ส่วนสำหรับเอริกะ ถ้าให้เปรียบเธอกับฮาโรลด์เหมือนกับ หมากับแมว
สรุปก็คือ อิซุกิคือเพื่อนคนเดียวของฮาโรลด์ เมื่อพิจารณาถึงสถานการณ์ของเขาอีกครั้ง ความสัมพันธ์กับบุคคลรอบๆตัวของเขาค่อนข้างชิบหายและมีเพื่อนอยู่น้อยนิด แต่นั้นก็เข้าใจได้เพราะปากของเขาจะถ่มถุ้ยทุกครั้งที่เขาเริ่มติดต่อกับใครบางคนหรือใครก็ตามที่เข้ามาหาเขา
ขณะที่ฮาโรลด์กำลังคิดหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง
[ มันไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์เช่นเพื่อนเพียงเพราะคุ้นเคยกันซักหน่อย ] – ฮาโรลด์
[ แต่นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคนไม่ใช่หรอ ? ในกรณีของลีฟา มิตรภาพระหว่างเพื่อนดูเหมือนจะสำคัญสำหรับเธอมากนะ ] – เอลล์
มันเป็นเรื่องลึกลับที่ว่าทำไมลีฟ่าถึงคิดว่าเขาเป็นเพื่อนได้หลังจากที่โดนปากหมาของเขาเล่นงานไปตลอดการเดินทางนี้ แต่ใช่ว่าฮาโรลด์จะไม่เห็นใจลีฟาหรอกนะ อย่างไรก็ตาม หากเขาไปปลอบลีฟา ด้วยพลังปากของเขา สุดท้ายมันอาจจะกลายเป็นเติมเชื้อไฟให้โหมกระหน่ำยิ่งขึ้นน่ะสิ แต่จากคำพูดของเอลล์ ดูเหมือนลีฟาจะรู้สึกแย่มาก ดังนั้นเขาก็อยากจะบอกกับเธออ้อมๆว่าไม่เป็นไรเช่นกันเอาเถอะ ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา
[ หืม ? แล้วใครสน ] – ฮาโรลด์
เอาตามความจริงคือเขาสน แต่ว่าเพราะมีธุระเรื่องอื่นจำเป็นต้องคุยกับเอลล์ก่อน เขาเลยพยายามเปลี่ยนหัวข้อเรื่อง ซึ่งสถานที่ในตอนนี้ค่อนข้างเหมาะที่จะคุยเรื่องนี้กับเอลล์เพราะมันไม่สามารถถูกดักฟังได้
[ ช่างเรื่องนั้นไว้ก่อน ชั้นมีงานให้ไอ้งั้งแบบเธอทำ ] – เอลล์
[ ฉันกำลังฟัง ] – เอลล์
เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่จริงจังของฮาโรลด์ เอลล์จึงปรับเปลี่ยนอารมณ์ของเธอ มีสองสิ่งที่เขาต้องการให้เอลล์ทำ แต่ก่อนหน้านั้น เขาต้องอธิบายให้เอลล์ฟังถึงกลุ่มที่เขาสร้างขึ้นอย่างลับๆโดยการสรรหาคนเข้าร่วมระหว่างที่เขาออกทำภารกิจให้ยูสทัส
[ ชั้นอยากใช้พลังของเธอในการบริหารองค์กรที่ชั้นเป็นคนสร้างเอาไว้ ] – ฮาโรลด์
[ องค์กร? ] – เอลล์
[ มันคือกลุ่มทหารรับจ้างที่ชื่อว่า {ฟรีรี่} ] – ฮาโรลด์
ในเนื้อเรื่องของเกมส์ กลุ่มทหารรับจ้างฟรีรี่ถูกสร้างขึ้นโดยโคดี้หลังจากที่เขาออกจากกองอัศวิน มันเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่รับทำงานทุกๆอย่าง ทั้งบอดี้การ์ด ทำสงคราม ปราบมอนเตอร์ หาของ
อย่างไรก็ตาม จากการแทรกแซงของฮาโรลด์ ตอนนี้โคดี้ยังเป็นอัศวินอยู่ แถมที่รับการเลื่อนยศอีกต่างหาก เนื้อเรื่องตรงข้ามกับในเกมส์แบบ 180 องศา
ตามเนื้อเรื่องภายในเกมส์ มันจะมีเหตุการณ์หนึ่งที่กลุ่มผู้กล้าจะต้องผ่านด่านโดยพึ่งความช่วยเหลือของกลุ่มทหารรับจ้างฟรีรี่ แต่เพราะโคดี้ไม่ได้ออกจากอัศวิน หากปล่อยเอาไว้ กลุ่มนี้ก็จะไม่ถูกตั้งขึ้น แล้วกลายเป็นกลุ่มผู้กล้าจะไม่สามารถเคลียร์เหตุการณ์นั้นไปได้
ถือว่าโชคยังดี ที่ทาสุคุปันกำไรส่วนหนึ่งจากการทำฟาร์มแบบ LP มาให้กับเขา ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายใดๆ
[ จะให้ฉันสั่งการพวกเขางั้นหรอ ? ฉันไม่เคยออกคำสั่งสู้รบมาก่อนเลยนะ ] – เอลล์
[ ชั้นจะแต่งตั้งทหารรับจ้างในกลุ่มนั้นคนหนึ่งเป็นหัวหน้าไว้สั่งการตอนอยู่ในสถานการณ์จริง สิ่งที่ชั้นจะมอบอำนาจให้เธอนั้นคือเป็นคนตัดสินใจว่าจะดำเนินแผนงานนี้หรือไม่และยังไง ] – ฮาโรลด์
[ ….. นี่นายจะมอบอำนาจขนาดนี้ให้กับฉันที่เป็นมือใหม่เนี้ยนะ ? ] – เอลล์
ฮาโรลด์เข้าใจในสิ่งที่เอลล์พยายามจะสื่อว่าตำแหน่งนี้มันไม่เหมาะกับเธอเลยซักนิด
อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์มองว่าเอลล์มีความสามารถมากพอที่จะทำมันได้ เธอเป็นผู้ที่ถือครองข้อมูลจำนวนมากสามารถใช้มันในการทำความเข้าใจสถานการณ์ได้อย่างถูกต้อง สามารถมองเห็นภาพมุมกว้างและลึกซึ้ง แม้ว่าเรื่องยุทธวิธีและการสั่งการรบอาจจะยากเกินไปสำหรับเธอ แต่สิ่งที่ฮาโรลด์ต้องการจากเธอนั้นคือความสามารถในการบริหารจัดการองค์กรเท่านั้น
ยิ่งกว่านั้น ฝ่ายของฮาโรลด์ยังขาดแคลนกำลังพลและไม่มีใครตอนนี้ที่เหมาะไปกว่าเอลล์อีกแล้วที่จะเป็นคนดูแลกลุ่มฟรีรี่ และหากฮาโรลด์ไม่สามารถทำให้เอลล์กลายเป็นพรรคพวกได้ เขาคงต้องมอบหน้าที่นี้ให้กับทหารรับจ้างซักคนในกลุ่มแทน และเดาๆได้ว่าผลมันคงออกมาเละ
[ ชั้นจะกำหนดแนวทางหลักของกลุ่มและให้คำแนะนำที่จำเป็น บทบาทของเธอคือการบริหารจัดการและดูแลรายละเอียดยิบย่อย และเป็นตัวแทนของชั้นหากจำเป็นต้องเรียกระดมพลในตอนที่ชั้นไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ] – ฮาโรลด์
[ พูดน่ะมันง่ายนะ แต่นั้นมันความรับผิดชอบใหญ่ยักเลยไม่ใช่รึไง ? ] – เอลล์
เอลล์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
นั้นเป็นปฎิกิริยาเดียวที่เธอแสดงออกมาหลังจากพูดว่า “ความรับผิดชอบใหญ่ยัก” แต่ในทางกลับกัน เธอก็พูดเบาๆออกมาว่า “บางทีนี่อาจแสดงถึงความไว้วางใจในตัวฉันล่ะมั้ง ?” บางทีเธอคงจงใจกระซิบคำพูดเหล่านี้เพื่อให้ฮาโรลด์ได้ยินก็เป็นได้
แต่ฮาโรลด์ดูเหมือนจะไม่สนใจกับเสียงกระซิบนี้ เขาเมินเอลล์แบบหน้าตาเฉย
[ ไงก็เถอะ แล้วในกลุ่มฟรีรี่มีอยู่กี่คนกันล่ะ ? ] – เอลล์
[ ตอนนี้มีทั้งหมด 14 คน แต่จำนวนเท่านี้ยังไม่พอ เธอต้องใช้เคลือข่ายข้อมูลของตระกูลเธอเพื่อตามหาคนที่พอจะใช้งานได้มาเข้าร่วมกลุ่มเพิ่ม ] – ฮาโรลด์
[ อืมก็โอเค แต่ว่าเรื่องเงินล่ะ ? หาไม่มีทุนทรัพย์จำนวนมากพอ มันก็ยากที่จะเชิญชวนทหารรับจ้างมาเพิ่มได้ ] – เอลล์
[ แค่บอกค่าใช้จ่ายทั้งหมดให้กับชั้นก็พอ เดี่ยวจัดการให้ ] – ฮาโรลด์
มันไม่ใช่การอวดร่ำอวดรวยแต่อย่างใด ฮาโรลด์มีทุนทรัพย์มากมายขนาดนั้นจริงๆ หากเขาไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องธงตายหรือการล่มสลายของโลกนี้ในอนาคต เขาสามารถเกษียณได้ทันทีและใช้ชีวิตอยู่อย่างสุขสบาย
และหากเขาไม่ได้มาอยู่ในร่างของฮาโรลด์ มันคงไม่จำเป็นสำหรับเขาที่จะพัฒนาการทำฟาร์มแบบ LP และฟื้นฟูตระกูลสุเมรากิ
[ ว้าว นี่มันเสี่ยฮาโรลด์ ว่าแต่ นายหาเงินจำนวนมากขนาดนี้มาจากไหน ? ] – เอลล์
[ เธอไม่จำเป็นต้องรู้ ] – ฮาโรลด์
[ บู่วว เห้อเอาเถอะ ฉันพอจะเข้าใจสถานการณ์ต่างๆแล้ว จริงๆตอนนี้ฉันอยากเห็นกลุ่มฟรีรี่ด้วยตาของตัวเองเพื่อเข้าใจภาพรวมให้มากขึ้นแต่ว่า … ] – เอลล์
เอลล์พูดตัดบทออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล พร้อมกับหันเหสายตาไปทางอาคารของศูนย์วิจัย หากพูดให้ชัด เธอกำลังมองไปยังห้องรับแขกที่พวกเขาทั้งหมดได้พูดคุยกับยูสทัส ซึ่งฮาโรลด์ก็เข้าใจได้ทันทีว่าเอลล์ยังรู้สึกแย่กับเรื่องก่อนหน้านี้
ไม่ต้องสงสัยเลย จากการที่พูดคุยกันกับยูสทัส หมอนั้นต้องสงสัยในตัวของเอลล์เป็นแน่ แล้วคนที่ระแวงอย่างหมอนั้นจะปล่อยให้เอลล์เที่ยวเล่นไปรอบๆอย่างอิสระงั้นเหรอ ?
สถานการณ์ตอนนี้ไม่เหมาะแก่การมองโลกในแง่ดี หากเธอถูกจับได้อาจจบลงอย่างเลวร้ายเท่านั้น จากมุมนี้ เธอคงอนุมาณไว้ว่ายูสทัสกำลังเฝ้าดูทุกการกระทำของเธออยู่เสมอ
[ หากเธอมีวิธีดีๆที่ใช้หลบเลี่ยงสายตาหมอนั้น พวกเราก็ไปพบกลุ่มฟรีรี่ได้ตอนนี้ทันที ] – ฮาโรลด์
[ เดี่ยวพักเรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เห้อ ฉันหมายถึง–- จริงๆฉันคิดวิธีเอาไว้แล้ว แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบัน ฉันเลยมีเรื่องต้องขอร้องนายก่อน ] – เอลล์
[ … พูด ] – ฮาโรลด์
[ ก่อนอื่น เกี่ยวกับกลุ่มฟีรี่ ฉันอยากจะไปที่นั้นด้วยตัวคนเดียว ดังนั้นฉันจึงอยากให้นายมอบอะไรบางอย่างเพื่อใช้พิสูจน์ว่านายเป็นคนส่งฉันมา ] – เอลล์
[ เหตุผล? ] – ฮาโรลด์
[ มันเป็นวิธีหลบเลี่ยงสายตาของยูสทัส ] – เอลล์
ฮาโรลด์เองก็คิดว่าหากให้เอลล์เคลื่อนไหวคนเดียวจะดูเป็นจุดสนใจน้อยกว่า
ก็จริงตามนั้น จากมุมมองของคนอื่น หากเห็นเอลล์ตัวติดกันกับฮาโรลด์ ใครๆ ก็ต้องติดว่า 2 คนนี้กำลังวางแผนอะไรบางอย่างแน่ๆ โดยเฉพาะสถานการณ์ในตอนนี้
[ ดังนั้นได้โปรดแจ้งกับทางกลุ่มฟรีรี่ล่วงหน้าว่าฉันกำลังไป แต่ว่าฉันจะปลอมแปลงรูปร่าง หน้าตา อายุ และเพศเอาไว้ เนื่องจากฉันไม่ต้องการเผยข้อมูลมากเกินไปเช่นกัน ฉันไม่ต้องการให้เกิดความเชื่อมโยงที่ว่า “ฉันคือกิฟเฟลต์” ] – เอลล์
[ เธอไม่อยากจะเปิดเผยชื่อของกิฟเฟลต์งั้นเหรอ ? ] – ฮาโรลด์
[ นั้นเป็นเพียงประโยชน์ในการรวบรวมข้อมูลและชื่อเสียงเฉยๆ การยอมรับออกมาโต้งๆว่า “ฉันคือกิฟเฟลต์” มันเสี่ยงเกินไป ] – เอลล์
[ อืม สำหรับชั้นยังไงก็ได้ หากเรื่องพวกนี้ผ่านไปได้อย่างราบลื่น ] – ฮาโรลด์
ฮาโรลด์เองก็เข้าใจความกังวลของเอลล์และไม่มีเหตุผลที่จะคัดค้านเช่นกัน ตราบใดที่คำขอของเอลล์ไม่ไร้เหตุผลมากจนเกินไป ฮาโรลด์ตั้งใจว่าจะยอมทำตามเธอให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เนื่องจากมันจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยากหากข้อตกลงของพวกเราไม่ลงตัว และเอลล์ก็ดูเหมือนคิดว่าตัวเองเป็นลูกน้องไปแล้ว ซึ่งจริงๆฮาโรลด์คิดกับเธอในฐานะเพื่อน
อย่างไรก็ตาม ในเนื้อเรื่องของเกมส์ เอลล์ได้แนะนำตัวเองกับกลุ่มของไลเนอร์ว่าเธอคือกิฟเฟลต์ บางที ที่เธอทำเช่นนั้นอาจเพราะเหตุผลอะไรบางอย่างที่ทำให้ตระกูลของเธอจะได้ประโยชน์ ไม่ก็เธอรู้ว่าเธอจะสามารถเข้าถึงบันทึกของดวงดาวได้หากได้รับความช่วยเหลือจากไลเนอร์
ซึ่งฮาโรลด์เชื่อว่านั้นเป็นเพียงแนวคิดที่บังคับให้มีตรรกะให้สอดคล้องกับเกมส์ก็เท่านั้น
[ ขอบคุณ แล้วก็ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ] – เอลล์
คำพูดของเอลล์ช่วยปลุกฮาโรลด์ที่เริ่มจะจมกับความคิดในหัวของตัวเองอีกครั้ง
นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาควรจะมัวมาคิดในตอนนี้
[ ยังไม่หมดอีก? นี่เธอหน้าไม่อายไปหน่อยเหรอ ? ] – ฮาโรลด์
[ ฉันไม่ได้จะขอร้องเรื่องใหญ่โตอะไรซักหน่อย ฉันแค่อยากให้นายหาเวลาว่างให้ฉันซัก 2-3 ชม พน. ] – เอลล์
อืม มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรจริงๆ
ฮาโรลด์เองก็ไม่ได้มีภารกิจอะไรในวันพรุ่งนี้หรือวันถัดๆไปเสียด้วย เอาจริงๆ ตัวของฮาโรลด์มีเวลาว่างเยอะมากแต่เขาก็ไม่ปล่อยให้ตัวเองว่างนักหรอก เพราะเขาเชื่อว่าหากปล่อยให้ตัวเองพักผ่อนสบายๆมากเกินไปมันจะทำให้โอกาสที่เขาจะเสียชีวิตเพิ่มขึ้น
[ ขอแค่ไม่ใช่เรื่องไร้สาระก็พอ ] – ฮาโรลด์
[ แน่นอนว่านี่คือเรื่องสำคัญมาก เพื่ออนาคตของพวกเรา ] – เอลล์
เอลล์ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ซึ่งตัวของฮาโรลด์เองไม่ได้สังเกตถึงความหมายของรอยยิ้มนั้นเลยแม้แต่น้อย
————————–
ลืมว่าวันนี้วันหยุด = ว่าง
ว่าง = มีเวลาแปลตอนใหม่เพราะงั้นเลย ลงไวหน่อย
————————-
สนับสนุนแมวเลียผู้แปลได้ที่
กสิกร / 0708329649 / กิตติพิชญ์