My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 58 งานอดิเรกของนักประดิษฐ์อัจฉริยะ
สำหรับลีฟา ชีวิตในเมืองหลวงนั้นเต็มไปด้วยความสดชื่นและความตื่นเต้น มีหลายสิ่งที่เธอไม่สามารถมองเห็นหรือเคยสัมผัสตลอดชีวิตที่อาศัยในหมู่บ้านของเธอ
อาจเพราะบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาของเมืองหลวง เลยดูเหมือนว่าเธอจะลืมความรู้สึกผิดก่อนหน้านี้ไปบ้างแล้ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถสนุกกับมันได้อย่างเต็มที่ก็เพราะลึกๆภายในจิตใจเธอยังโทษตัวเองจากความประมาทของเธอที่ทำให้ฮาโรลด์ต้องพบเจอกับความลำบาก
และเพื่อกำจัดความรู้สึกผิดเหล่านี้ สิ่งเดียวที่เธอต้องการจะทำนั้นคือการขอโทษเขา แต่ว่าทุกครั้งที่เธอพบหน้ากับฮาโรลด์ ก่อนที่เธอจะรู้สึกตัว เธอก็ถูกคำยั่วยุเหล่านั้นล่อลวงไปและจบลงด้วยการทะเลาะกันจนไม่ได้ขอโทษเขาอย่างที่หวังเลยซักครั้ง
และแล้วก็ผ่านไป 3 วันหลังจากที่เธอได้อาศัยอยู่ที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้ ในที่สุดเธอก็ได้มีโอกาสพูดคุยกับยูสทัสอีกครั้ง เป็นการพูดคุยไม่นานราวๆ 1 ชม. อย่างไรก็ตาม แค่นั้นก็เพียงพอแล้วที่จะสร้างความประทับใจให้ลีฟารู้ว่ายูสทัสเป็นคนที่สุดยอดขนาดไหน
เขาเสนอมุมมองและแนวคิดใหม่ๆให้กับเธอ และยังพบวิธีปรับปรุงบางจุดในทฤษฎีของเธอเพื่อทำให้มันสมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปอีก แม้ว่าเธอจะยังรู้สึกผิดต่อฮาโรลด์ แต่พอพิจารณาว่าสิ่งเหล่านี้ช่วยพัฒนาเวท์มนตร์ของเธอได้ เธอจึงถูกความตื่นเต้นครอบงำจนหลงลืมความรู้สึกผิดหรือความละอายต่อฮาโรลด์ไปชั่วขณะ
[ เฮ้ออออออออ …. ] – ลีฟา
[ เธอดูไม่ค่อยสดชื่นเลยนะลีฟาจัง มีอะไรหรอ ? ] – ??
มันเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังตกดิน ขณะที่ลีฟากำลังนั่งพักผ่อนอยู่เงียบๆ ก็ชายคนหนึ่งปรากฎตัวขึ้นและเรียกเธอ แม้ว่าเธอจะจำชื่อเขาไม่ได้ แต่เธอก็ยังยิ้มตอบรับอย่างสุภาพ
ชายคนนั้น เดินมานั่งลงตรงข้ามกับลีฟาราวกับเป็นเรื่องปกติ
[ ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ .. ] – ลีฟา
[ ก่อนหน้านี้ ลีฟาไปปรึกษากับศาสตราจารย์เกี่ยวกับทฤษฎีของเธอ แต่ดูเหมือนว่ามันจะมีข้อบกพร่องมากกว่าที่เธอคิดไว้ มันเลยทำให้เธอรู้สึกนอยๆน่ะ ] – เอลล์
[ หัวหน้ายูสทัสช่างไร้ความปราณีจริงๆ ] – ???
เอลล์เดินมานั่งลงที่ข้างๆลีฟาอย่างไม่สนใจและเข้าร่วมการสนทนาด้วย นั้นเป็นเรื่องโกหกที่เอลล์แต่งขึ้นเพื่อไม่ให้ชายคนนี้ถามซอกแซกมากเกินไป จริงๆแล้ว หลายๆวันมานี้ ลีฟาเริ่มจะไม่อยากคุยกับคนอื่นๆในศูนย์วิจัยอีกแล้ว
[ ถ้าเป็นเรื่องนี้คงไม่มีอะไรน่าห่วงล่ะน้า ผมนึกว่าเป็นเพราะไอ้เวรนั้นทำให้เธอลำบากใจเสียอีก ] – ???
และนี่คือสาเหตุที่ทำให้เธอไม่อยากคุยกับคนอื่นๆในศูนย์วิจัยนี้ พวกเขาทุกๆคนต่างปฎิบัติกับฮาโรลด์อย่างไม่เป็นมิตร เธอเข้าใจดีว่าความเกลียดชังของคนเหล่านี้เกิดจากการกระทำและคำพูดของฮาโรลด์เองและอีกส่วนเพราะข่าวลือเสียๆหายๆที่แพร่กระจายอยู่ ซึ่งหมายความว่าฮาโรลด์ก็มีส่วนที่ต้องรับผิดชอบต่อเรื่องพวกนี้เช่นกัน แม้ว่าเธอไม่อยากที่จะทำเป็นเมินเฉยต่อสิ่งเหล่านี้แต่ก็ไม่อยากพูดแก้ตัวให้กับฮาโรลด์เช่นกัน
มันเป็นเรื่องจริงที่ฮาโรลด์มีนิสัยที่แย่มาก และถ้าเขาเปิดปาก คำเยาะเย้ย ถากถาง เสียดสี ดูถูก จะออกมาทันที ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะถูกเกลียด
อย่างไรก็ตาม สำหรับลีฟา นั้นไม่ใช่ทั้งหมดสำหรับชายที่ชื่อฮาโรลด์
เขานั้นเสี่ยงชีวิตตัวเองต่อสู้กับมังกรไฮดร้าเพื่อคำขอร้องที่ไม่ได้มีค่าอะไรเลยนอกเสียจากคำสัญญาปากเปล่า แม้ตอนนั้นมันจะมีมังกรไฮดร้าปรากฎมาถึง 2 ตัว แต่เขาก็ยังรักษาสัญญา แม้สถานการณ์จะเลวร้ายลงขนาดนั้น หากเขาเป็นคนชั่วร้ายอย่างในข่าวลือจริงๆ เขาควรจะหนีไปทันที แต่ฮาโรลด์กลับช่วยอย่างไม่ลังเล
คนเห็นแก่ตัวอย่างในข่าวลือจะทำแบบนี้จริงๆหรือ ? อย่างน้อยก็มีลีฟาคนหนึ่งที่ไม่เชื่อข่าวลือพวกนั้น ถึงจะบอกว่าสิ่งเขาทำก็เพื่อหวังประโยชน์จากเธอในภายหลัง แต่สิ่งที่เขาขอกลับเป็นการช่วยให้งานวิจัยของเธอก้าวหน้า ท้ายที่สุดฮาโรลด์ก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยจากเรื่องพวกนี้เลยซักนิด
[ ไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ ดูเหมือนฮาโรลด์จะไม่ได้ต้องการที่จะทำอะไรกับพวกเรา ] – ลีฟา
[ นั้นเพราะมันต้องการให้พวกเธอลดการระวังตัวลง พวกเธอควรอยู่ให้ห่างไอ้เวรนั้นไว้นะดีกว่านะ ] – ???
ชายคนนั้นยังยืนกรานว่าฮาโรลด์เป็นคนที่อันตรายขนาดไหน สำหรับเขา มันคือเรื่องจริง และเขาก็กังวลอย่างมากเกี่ยวกับความปลอดภัยของลีฟาและเอลล์
อย่างไรก็ตาม เรื่องพวกนี้มันทำให้ลีฟาสับสน
เอลล์ที่สงสัยว่าทำไมชายคนนี้ถึงเกลียดชังฮาโรลด์ถึงขนาดนั้นจึงถามขึ้น ชายคนนี้จึงเริ่มสาธยายความเลวร้ายของฮาโรลด์ออกมาเรื่อยๆ แม้ว่าสิ่งนี้สำหรับเอลล์ก็เพื่อประกอบเรื่องราวอดีตของฮาโรลด์ให้มันสมบูรณ์ยิ่งขึ้น แต่สำหรับลีฟามันไม่ใช่เรื่องที่เธออยากจะฟัง
ความไม่สบายใจเริ่มก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ และเมื่อความรู้สึกของเธอแย่จนถึงจุดๆหนึ่ง
[ …. ขอโทษนะ ฉันว่าฉันจะขอกลับห้องก่อนดีกว่า ] – ลีฟา
เธอกล่าวขึ้นโดยไม่สนใจการสนทนาของเอลล์และชายคนนั้นและลุกออกไปทันทีโดยไม่หันกลับมามองแม้แต่น้อย ทันทีที่เธอถึงห้องพัก เธอก็ทิ้งตัวลงบนเตียงและดึงผ้าห่มคลุมมิดถึงหัว
เธอติดทำแบบนี้เป็นนิสัย
เมื่อใดก็ตามที่เธอถูกแม่ของเธอดุ หรืองานวิจัยของเธอถึงทางตัน พูดง่ายๆก็คือเมื่อมีเรื่องไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น เธอจะหนีออกมาฝังตัวเองอยู่ในผ้าห่มและพยายามสงบจิตสงบใจเงียบๆอยู่ในความมืดคนเดียว ขณะที่เธอกำลังนอนกอดเข่าอยู่บนเตียง ความคิดต่างๆเริ่มวนเวียนอยู่ภายในหัวของเธอ ทั้งเรื่องที่เธอสงสัยเกี่ยวกับฮาโรลด์ ทั้งเรืองความเสียใจในสิ่งที่เธอทำผิดพลาดกับเขา และเธอก็ยังไม่สามารถหาวิธีแก้ไขมันให้ถูกต้องได้
“นานแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่ได้ทำแบบนี้ ?” กว่าลีฟาจะรู้สึกตัว เธอก็พบว่าเธอเผลอหลับไปทั้งๆอยู่ในท่าที่ เธอคงหลับอยู่บนเตียงแบบนี้มาสักพักใหญ่ๆแล้ว ขณะที่เสื้อผ้าของเธอเริ่มติดผิวของเธอเพราะชุ่มไปด้วยเหงื่อ มันคงทำให้เธอตื่นขึ้นเพราะความไม่สบายตัวเหล่านี้
เธอถอนหายใจออกมาเล็กๆขณะโผล่ศีรษะออกมาจากผ้าห่ม และเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ราตรีที่มืดมดก็ปกคลุมทั่วท้องฟ้าแล้ว ดูเหมือนว่าเธอจะหลับไปนานพอสมควร
[ ตื่นแล้วหรอ ? ] – เอลล์
ทันทีที่ลีฟาหันไปทางต้นทางของเสียงนั้น เธอก็พบกับเอลล์ ที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เงียบๆโดยใช้แสงไฟเล็กๆที่อยู่ข้างเตียงของเธอเท่านั้น ทันทีที่เห็นลีฟาตื่น เอลล์ก็ปิดหนังสือของเธอลง และหยิบถาดอะไรบางอย่างและยื่นให้ลีฟา ในนั้นมีแซนวิสและสลัด นอกจากนี้ เอลล์ยังเทน้ำเย็นๆจากเหยือกและส่งให้ลีฟาอีกด้วย
[ เป็นยังไงบ้าง ? ฉันเอาของกินเล่นมาให้เธอ แต่ถ้ามันไม่พอ เดี่ยวฉันไปซื้อเพิ่มให้ที่ห้องอาหาร ] – เอลล์
[ ไม่ๆ เท่านี้พอแล้ว ขอบคุณนะ ] – ลีฟา
ลีฟาไม่ได้รู้สึกหิวอะไรมากนัก ซึ่งเท่านี้จึงพอแล้วสำหรับเธอ แต่สิ่งแรกที่เธอต้องการคือการดื่มน้ำเย็นๆนี้ก่อนทันที เธอจึงยกรวดเดียวไปครึ่งแก้วและเริ่มสูดหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ
เอลล์ที่เห็นภาพนั้นก็มองเธอด้วยสายตาที่อ่อนโยน ซึ่งมันทำให้ลีฟารู้สึกเขิลอายจากการถูกมองด้วยสายตาเช่นนั้น
[ มีอะไรหรอ ? ] – ลีฟา
[ ดูเหมือนเธอจะมีเรื่องให้กังวลหลายๆเรื่อง ฉันแค่หวังว่าพวกเราจะสามารถคุยเรื่องพวกนี้กันได้บ้างรึปล่าว? รึบางที ฉันอาจแค่ยุ่งไม่เข้าเรื่องเอง— ] – เอลล์
เห็นได้ชัดว่าเอลล์เดาเรื่องที่ลีฟากำลังกังวลอยู่ในใจได้ และเธอเองก็ไม่คิดที่จะปิดบังอะไรกับเอลล์และต้องการที่จะคุยเรื่องนี้กับเธอจริงๆ ขณะที่คิดถึงเรื่องที่จะพูด ลีฟาก็เริ่มเปิดปากของเธออย่างช้าๆ
[ เอลล์… เธอคิดยังไงกับฮาโรลด์หรอ ? ] – ลีฟา
[ เธอจะถามฉันเกี่ยวกับข่าวลือพวกนั้นของเขาใช่มั้ย ? ] – เอลล์
[ ใช่ ] – ลีฟา
เอลล์รู้ดีว่าลีฟาต้องการจะได้ยินอะไร เพราะหากเป็นเธอก็เช่นกัน
[ จริงๆฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน มันก็จริงที่การพูดของฮาโรลด์นั้นแย่มาก และฉันก็ไม่กล้าพูดได้เต็มปากเหมือนกันว่าเขาเป็นคนดี แต่ฉันก็นึกภาพเขาเป็นคนที่โหดร้ายสังหารคนอย่างไร้ความปราณีไม่ออกเช่นกัน จากที่ฉันได้ฟังฮาโรลด์พูดมา เขาเคยบอกไว้ว่าดูเหมือนจะมีใครบางคนพยายามแพร่ข่าวลือแย่ๆของเขานะ ] – เอลล์
[ เดี่ยวนะ ฮาโรลด์เคยพูดแบบนั้นหรอ ? ] – ลีฟา
หากฮาโรลด์ไม่ใช่คนที่ไม่ดีขนาดนั้น คำตอบนี้ก็สามารถอธิบายเรื่องทั้งหมดได้
อย่างไรก็ตาม ขณะที่ความคิดของลีฟาเริ่มเอนเอียงไปทางนั้น เอลล์ก็ดึงสติของเธอกลับมาทันที
[ อย่างไรก็ตาม มันไม่มีทางมีควันได้หรอกหากไม่มีไฟ หากตัดสินจากบุคคลิกของเขาแล้ว มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เขาจะสร้างปัญหาที่นู่นทีที่นั้นที จนมันก่อตัวสะสมกันไปเรื่อยๆ และนั้นคือที่ฉันเดาเหตุผลในสิ่งที่เขาทำไม่ออกจริงๆ … ข้อมูลที่ฉันมีเกี่ยวกับฮาโรลด์ตอนนี้ยังน้อยเกินไป ฉันไม่สามารถตัดสินจากข้อมูลเท่านี้ได้ ] – เอลล์
[ แต่ดูเหมือนเธอจะรู้อะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับเขาค่อนข้างเยอะนะ ] – ลีฟา
[ นั้นเป็นเพียงการอ้างอิงที่มีพื้นฐานมาจากข่าวลือพวกนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นกับตอนพิจารณาคดีก็เช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามปกปิดความจริงอะไรบางอย่างเกี่ยวกับตัวเอง เท่าที่ฉันเดา เขาน่าจะมีความลับอะไรอีกหลายๆอย่างซ่อนอยู่ ] – เอลล์
[ ความลับของฮาโรลด์ … ] – ลีฟา
เขาเกือบจะถูกประหารชีวิตทั้งๆที่ไม่สามารถยืนยันความผิดของเขาได้ มันเป็นไปได้ว่ามีใครบางคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ราวกับว่ามันถูกจัดฉากเอาไว้แล้ว เขาถูกส่งตัวมาที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้ในฐานะตัวทดลองเพื่อละเว้นโทษประหาร
นั้นคือทั้งหมดที่ลีฟารู้เกี่ยวกับฮาโรลด์หลังจากเอลล์เป็นคนเล่าให้เธอฟัง แต่ก็มีประเด็นแปลกๆมากมายในเรื่องเหล่านี้เช่นกัน ทั้งที่ว่าทำไมฮาโรลด์ถึงถูกพบขณะกำลังสวมอยู่ในชุดเครื่องแบบของทหารจักรวรรดิซาเรี่ยน? แล้วทำไมผู้ที่เป็น 1 ในคนพิจารณาคดีในครั้งนี้ถึงสติแตกทันทีหลังจากถูกซักถามเกี่ยวกับเรื่องนี้? ปริศนาเหล่านี้ยังไม่ถูกไขกระจ่าง
และตัวการทั้งหมดของเรื่องเหล่านี้เกี่ยวข้องกับฮาโรลด์ทั้งหมด ลีฟาจินตนาการไม่ออกเลยว่าฮาโรลด์นั้นเก็บซ่อนความลับของเขาไว้มากมายขนาดไหน
[ ฉันเข้าใจนะว่ามันคงยากที่จะไม่ถูกเสียงของคนรอบข้างทำให้คล้อยตามไป แต่ฉันอยากให้เธอจำไว้ว่าเธอสามารถตัดสินใจเองได้ว่าจะทำอย่างไรต่อหลังจากประเมินเขาด้วยสายตาของเธอเอง มันคือสิทธิของเธอที่เคยเป็น 1 ในคนที่ได้ใกล้ชิดกับฮาโรลด์เช่นกัน ] – เอลล์
[ …. อืม เธอพูดถูก ขอบคุณนะ ฉันรู้สึกดีขึ้นบ้างแล้วล่ะ ] – ลีฟา
[ ดีแล้วล่ะ ] -เอลล์
สิ่งที่เอลล์กล่าวออกมา ลีฟาก็ตระหนักได้ทันทีว่าคำพูดนั้นถูกต้องที่สุด ตลอดการใช้ชีวิตของเธอ ลีฟาเธอทำในสิ่งที่เธออยากจะทำอยู่เสมอ แม้ว่าหลายๆคนจะคอยบอกให้เธอหยุดพยายามที่จะเป็นนักประดิษฐ์ บอกกับเธอว่ามันเป็นไปไม่ได้ แต่เธอก็ไม่เคยที่จะฟังเสียงเหล่านั้น ทุกๆสิ่งเกิดขึ้นเพราะเธอเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง และมันทำให้เธอมาถึงจุดๆนี้
เช่นเดียวกับการประเมินผู้คนและคุณค่าของสิ่งต่างๆ ลีฟามีมาตรฐานสิ่งเหล่านี้อยู่ในใจของตนอยู่แล้ว และมันควรจะเป็นเช่นนั้นต่อไป แต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมพอเป็นเรื่องของฮาโรลด์ ทุกๆอย่างสำหรับเธอถึงดูสับสนไปหมด
( บางที … ลึกๆแล้ว ฉันคงไม่อยากให้ฮาโรลด์เป็นคนไม่ดี … รึปล่าวนะ ? ) – ลีฟา
นั้นคือสิ่งที่ผุดขึ้นมาในความคิดของเธอ
ถูกรังเกียจและแปลกแยกจากคนรอบข้าง โดดเดี่ยวไร้ซึ่งมิตรหรือแม้แต่คนที่เข้าใจ สถานการณ์รอบๆตัวของฮาโรลด์คล้ายคลึงกับตัวของเธออย่างน่าประหลาด ผู้ซึ่งถูกปฎิบัติราวกับเป็นพวกนอกคอกสำหรับคนในหมู่บ้าน บางที เธออาจจะมองภาพของฮาโรลด์ทับซ้อนกับตัวเธอ มันเลยทำให้ลึกๆในใจเธออยากจะเชื่อว่าฮาโรลด์นั้นถูกต้อง นั้นก็เพราะมันเป็นข้อพิสูจน์ว่าเธอเองก็ถูกต้องเช่นกัน
แล้วฉันรู้จักฮาโรลด์ดีขนาดไหนกัน ? เธอไม่สามารถมองเห็นเนื้อแท้ของเขาได้เลย สิ่งต่างๆที่เธอรับรู้เกี่ยวกับเขามันแค่ผิวเผินเท่านั้น และเพราะเสียงรอบข้างทำให้เธอละเลยที่จะพยายามทำความเข้าใจถึงตัวตนจริงๆของเขา
เพราะนี่คือธรรมชาติของลีฟา ความหงุดหงิดเริ่มก่อตัวขึ้นจากความคิดของเธอที่พันกันยุ่งเหยิง ราวกับทนเรื่องนี้ต่อไปไม่ไหว เธอจึงระบายออกด้วยกัดซัดแซนวิสและสลัดตรงหน้าของเธอจนหมดเกลี้ยงอย่างรวดเร็ว
[ ขอบคุณนะ ] – ลีฟา
[ เธอไม่ควรที่จะกินมันเร็วเกินไปนักนะ ] – เอลล์
[ ฉันอยากจะไปเจอกับฮาโรลด์ ยิ่งเร็วยิ่งดี ] – ลีฟา
[ เวลานี้เนี้ยนะ ? ] – เอลล์
เอลล์ยิ้มออกมาแห้งๆพร้อมกับชี้ไปยังนาฬิกาเพื่อจะหยุดลีฟาที่กำลังจะออกจากห้องไปอย่างเร่งรีบ ซึ่งนาฬิกาบ่งบอกว่าวันรุ่งขึ้นกำลังจะมาถึงในไม่ช้า ฮาโรลด์คงจะหลับไปแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะยังไม่หลับ แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่ควรจะไปเจอกับเขา
เมื่อลีฟาสังเกตเห็นเวลา เธอถึงกับประหลาดใจที่เธอหลับไปนานถึงขนาดนี้
[ อ่า .. ฉันเข้าใจแล้วว่ามันเป็นการรบกวนเขาหากฉันจะไปพบกับเขาตอนนี้ … ] – ลีฟา
[ อืม แต่ว่ากลางดึกแบบนี้ก็เหมาะนะที่เธอจะแอบย่องเข้าไปที่ห้องของเขา ] – เอลล์
[ ฉันไม่ทำงั้นหรอกน่า ! ] – ลีฟา
[ จ้าๆ ฉันไม่ห้ามเธอหรอกนะ และฉันสัญญาว่าจะเก็บเป็นความลับ คิกคิก ] – เอลล์
[ ช่วยเก็บความคิดแบบนั้นไว้กับตัวเองทีเถอะ ! ] – ลีฟา
ขณะที่โต้ตอบกับการล้อเล่นของเอลล์ ลีฟาที่ยอมแพ้ที่จะไปเจอกับฮาโรลด์เพราะมันดึกมากแล้ว เธอจึงกลับไปที่เตียง แต่เพราะเธอหลับสนิทมาจนถึงก่อนหน้านี้ มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะกลับไปนอนหลับต่อได้
อีกหลายชั่วโมงผ่านไป ลีฟาได้แต่พลิกไปพลิกมาบนเตียงจนพระอาทิตย์เริ่มขึ้นโดยไม่ถูกความง่วงเข้าโจมตีแม้แต่น้อย และภาพของท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว เธอคุ้นเคยกับภาพเหล่านี้ดีเพราะการอดหลับอดนอนทำงานวิจัยจนโต้รุ่งเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นปกติสำหรับเธอ
และในเมื่อเธอทำยังไงก็ไม่สามารถหลับต่อได้ ลีฟาจึงตัดสินใจออกมาเดินเล่นสูดอากาศยามเช้าเพื่อปรับอารมณ์ของเธอ เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอจึงลุกออกมาจากเตียงอย่างเงียบๆโดยไม่ต้องการให้เอลล์ที่นอนอยู่ข้างๆเธอตื่น
จริงๆแล้ว ลีฟาชอบที่จะออกมาเดินเล่นในตอนเช้าเป็นอย่างมากเพรามันทำให้เธอรู้สึกสดชื่น แต่เพราะหมู่บ้านของเธอไม่ใหญ่นัก และผู้คนในหมู่บ้านมีอาชีพเป็นเกษตรกรและเลี้ยงสัตว์ ดังนั้นพวกเขาจึงตื่นกันแต่เช้าตรู่เช่นกัน และมีหลายๆครอบครัวที่เริ่มวันใหม่กันตั้งแต่รุ่งสาง
และถ้าหากเธอออกมาเดินเล่นในเวลาเช้าตรู่แบบนี้ที่หมู่บ้าน คนที่แปลกแยกอย่างลีฟายิ่งกลายเป็นจุดเด่นขึ้นไปอีกแม้ว่าเธอจะไม่อยากก็ตาม สุดท้ายมีแต่หลังพระอาทิตย์ตกดินเท่านั้นที่ลีฟาจะสามารถออกมาเดินเล่นเงียบๆคนเดียวได้
แต่ว่าที่ศูนย์วิจัยแห่งนี้ ลีฟาไม่ต้องคอยแอบหลบซ่อนใดๆ เธอจึงเดินเที่ยวไปรอบๆศูนย์วิจัยได้ตามใจชอบ
และในตอนนั้นเอง ที่หูของเธอก็ได้ยินเสียงของลมกำลังถูกอะไรบางอย่างตัดผ่าน ราวกับถูกเสียงนั้นล่อลวง เท้าของเธอก็มุ่งไปยังทิศทางนั้นที่ซึ่งอยู่ในเงามืดและห่างออกไปจากศนย์วิจัย
ที่ตรงนั้นมีฮาโรลด์ยืนอยู่ ผู้ที่กำลังเหวี่ยงดาบที่ลักษณะแตกต่างกันในมือทั้ง 2 เล่ม
มันเป็นภาพที่ชวนหลงใหล ฮาโรลด์ที่กำลังกวัดแกว่งดาบมันดูราวกับกำลังร่ายรำ ภาพเหล่านั้นสามารถดึงดูดสายตาผู้พบเห็นได้โดยง่าย จริงๆในตอนที่เขาสังหารมังกรไฮดร้า ลีฟาอยู่ใกล้จนเกินไป จนไม่สังเกตว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และเหนือสิ่งอื่นใด เธอมัวแต่ตกตะลึงกับความแข็งแกร่งอันท่วมท้นของฮาโรลด์จนจิตใจของเธอไม่สามารถตามเหตุการณ์ได้ทัน อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอได้มาเห็นวิชาดาบของฮาโรลด์อีกครั้ง เธอถึงรู้ได้ว่ามันสวยงามขนาดไหน
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอรู้สึกถึงความงดงามของการต่อสู่
ลีฟาไม่รู้ตัวเลยว่าเวลานั้นผ่านไปนานแค่ไหน จิตใจของเธอจดจ่อแต่กับการเฝ้าดูฮาโรลด์ด้วยความหลงใหล จนในที่สุดการฝึกดาบของฮาโรลด์ก็จบลงและเป็นตอนนั้นเองที่ฮาโรลด์กำลังเก็บดาบทั้ง2เล่มเข้าฝักลีฟาถึงเพิ่งจะรู้สึกตัว ราวกับม่านของเวทีการแสดงที่เธอหลงใหลจบลงพร้อมกับเสียงของดาบที่ถูกเก็บเข้าฝึกเป็นสัญญาณที่ดึงสติของลีฟากลับสู่โลกแห่งความเป็นจริง ในที่สุดเธอก็นึกถึงจุดประสงค์แรกที่เธอมาที่นี่ออก
และตอนนี้ยังคงเช้ามาก จึงมีน้อยคนนักที่จะตื่นตอนนี้ มันเป็นโอกาสอันดีสำหรับลีฟาที่จะพูดคุยกับฮาโรลด์ 2 ต่อ 2 โดยไม่มีใครได้ยิน
ดูๆไปเหมือนเขาจะฝึกเสร็จพอดีเช่นกัน ดังนั้นหากไปพูดคุยกับเขาตอนนี้คงไม่เป็นการรบกวนอะไร เมื่อคิดได้เช่นนั้น ขาของลีฟาก็ก้าวออกไปข้างหน้า มันแทบจะพร้อมกับที่ฮาโรลด์เริ่มถอดเสื้อของเขาและเผยให้เห็นร่างกายท่อนบนของเขาที่เธอไม่เคยเห็นมันมาก่อน มันคงรู้สึกเหนียวเนอะหนะตัวที่ต้องใส่เสื้อที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อตัวนั้น ดังนั้นเขาจึงถอดมันออกและไม่คิดว่าจะมีใครมาเห็นร่างของเขาในตอนนี้
แน่นอว่าลีฟาเธอต้องตกใจ และกว่าเธอจะรู้สึกตัว สายตาของเธอก็ไม่สามารถละออกจากร่างกายท่อนบนของฮาโรลด์ได้
ด้วยความสูงของเขา ทำให้ฮาโรลด์ตอนที่ยังคงสวมเสื้อผ้าดูค่อนข้างผอม แต่พอได้เห็นร่างกายเปลือยเปล่าแบบนี้จึงรู้ว่าเขาแทบไม่มีกล้ามเนื้อส่วนเกินเลย กล้ามเนื้อของเขาราวกับประติมากรรมชิ้นเอกที่ถูกสร้างมาเพื่อความยืดหยุ่นและแข็งแกร่ง ร่างที่สง่างามราวกับถูกแกะสลักมาอย่างปราณีต
การมองดูร่างกายที่เปลือยเปล่าของเพศตรงข้ามมันเป็นการกระตุ้นที่มากเกินไปสำหรับลีฟาผู้ซึ่งไม่มีประสบการณ์ด้านความรักมาก่อน หัวใจของเธอเต้นรัวขึ้น ขณะที่เธอรู้สึกว่าความดันเลือดของเธอเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอไม่ต้องมองกระจกก็รู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ใบหน้าของเธอกลายเป็นสีแดงแจ๋ไปเรียบร้อยแล้ว
เพราะฮาโรลด์หันไปอีกด้านหนึ่ง เขาจึงไม่สังเกตเห็นลีฟาเลยแม้แต่น้อย เมื่อคิดได้เช่นนั้นลีฟาจึงคิดจะจากไปอย่างเงียบๆเพื่อเป็นการดีกับทั้ง 2 ฝ่าย
แม้เธอจะรู้อยู่แก่ใจ แต่สายตาของเธอกลับไม่ทำตาม เธอละสายตาจากมันไม่ได้ เธอไม่สามารถควบคุมร่างกายของตัวเองได้ ราวกับเท้าของเธอถูกเย็บติดอยู่กับพื้น และในที่สุด ฮาโรลด์ก็หันกลับมา
ทันทีที่สายตาของทั้ง 2 บรรจบกัน ดวงตาสีแดงเข้มของเขาแทงทะลุผ่านลีฟาไป แม้เธอจะเคยเห็นสายตาคู่นี้มาแล้วหลายต่อหลายครั้งตั้งแต่พวกเราได้พบกัน แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง เธอกลับรู้สึกว่าสายตาคู่นั้นกำลังบ่งบอกว่า “ชั้นไม่สนใจเธอหรอก ยัยงั่ง”
ลีฟาสูญเสียคำพูดใดๆไป แม้ก่อนหน้านี้เธอจะคิดคำพูดมามากมายเพียงใด แต่ตอนนี้เธอกลับไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้ ไม่ว่าจะเป็นการกล่าวทักทาย หรือพยายามอธิบายว่าทำไมเธอถึงมาอยู่ตรงนี้ มายืนดูเขา หัวใจของเธอเต้นรัวเกินไป สิ่งเดียวที่เธอสามารถทำได้ค่อยพยายามหายใจอย่างช้าๆ ซ้ำไปซ้ำมา
ตรงข้ามกับลีฟาที่สภาพดูไม่จืด ฮาโรลด์เริ่มเคลื่อนไหวราวกับไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากที่มีลีฟาอยู่ที่นี่ เขาเดินเข้าหาเธอโดยพาดเสื้อที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อนั้นไว้บนไหล่ขวา
ความคิดของลีฟาตีกันมั่วถึงขีดสุด เธอไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับเธอต่อจากนี้ และในที่สุดฮาโรลด์ก็มาถึงตรงหน้าของเธอ แต่ทว่าเขากลับไม่หยุดแต่อย่างใด ทันทีที่เขากำลังจะผ่านร่างของเธอไป เขาก็ยื่นปากของเขามาใกล้เธอขึ้นเรื่อยๆ จนมาหยุดที่ข้างหูของเธอเพื่อกระซิบ เสียงของเขาค่อนข้างกระเส่าอาจเพราะเพิ่งออกกำลังมาอย่างหนัก ความรู้สึกร้อนผล่าวจากน้ำเสียงนั้นมันทำให้หูของเธอถึงกับสั่นสะท้าน
[ เธอมีงานอดิเรกเป็นนักถ้ำมองงั้นเหรอ ? เป็นงานอดิเรกที่ยอดเยี่ยมนะสำหรับนักประดิษฐ์อัจฉริยะ ] – ฮาโรลด์
ขณะที่ฮาโรลด์พูดด้วยน้ำเสียงเสียดสีตามปกติ ร่างของลีฟาถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งกระดูกสันหลัง แต่นั้นไม่ใช่เพราะความกลัว มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่เคยสัมผัสมาก่อน
ฮาโรลด์ทิ้งคำพูดเหล่านั้นไว้กับเธอและจากไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น และแล้วลีฟาที่ถูกทิ้งไว้เพียงลำพัง ขาของเธอก็ไม่สามารถยืนต่อได้ไหว มันพับลงที่พื้นราวกับหมดเรี่ยวแรง
แปลก ความรู้สึกแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับร่างกายของเธอ มันเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อนในชีวิต และเธอก็ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มีสาเหตุมาจากอะไร
แต่สิ่งหนึ่งเธอมั่นใจ นั้นคือตอนนี้เธอไม่สามารถมองหน้าของฮาโรลด์ตรงๆได้อีกซักระยะหนึ่ง
—————————
ผู้แปล : ปักธงเรียบร้อย เราได้ผู้สมัครเข้าชิงบทนางเอกอีก 1 ราย
————————–
สนับสนุนขนมแมวเลียได้ที่
Kbank 0708329679 กิตติพิชญ์