My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 6
[ ถ้าอย่างนั้น ผมออกไปก่อนนะ ! ]
หลังจากได้รับคำสั่งจากฮาโรลด์ เซ็นพุ่งออกจากห้องของฮาโรลด์ด้วยความมุ่งมั่นเป็นอย่างมาก และนั้นมันให้คาซูกิถึงกับเอียงคอด้วยความงงงวย เพราะเขาสงสัยว่าทำไมเซ็นถึงดูกระตือรือร้นยิ่งนัก
“มันคงจะดีกว่าถ้าหากเขาไม่ทำให้เรื่องมันวุ่นวายยิ่งขึ้นเหตุเพราะความกระตือรือร้นพวกนั้น”
เมื่อคิดแบบนั้น มันทำให้เขารู้สึกเริ่มกังวลนิดหน่อย
“ไม่สิ ถ้าหากเราเชื่อในความตัดสินใจของนอร์แมนที่ให้วางใจเซ็น มันก็จะไม่มีเรื่องอะไรร้ายๆเกิดขึ้นแน่นอน” เขาได้แต่ปลอบใจให้กับตัวเอง
สำหรับตอนนี้ เขาตัดสินใจที่จะเริ่มฝึกดาบ ซึ่งมันจะกลายเป็นอีก 1 ในกิจจวัตรประจำวันของเขา
เพราะนี่คือโลกแห่ง RPG ด้านนอกของเมืองมนุษย์ มันคือที่ที่เหล่ามอนเตอร์เดินเพ่นพ่านไปทั่ว เพื่อที่จะมีชีวิตรอดในโลกที่สุดแสนอันตรายแห่งนี้ได้ คงปฎิเสธไม่ได้ว่าความแข็งแกร่งนั้นคือสิ่งที่จำเป็น
เพราะคาซูกินั้นตัดสินใจแล้วที่จะใช้ชีวิตในวังวนแห่งการต่อสู้ไม่จบไม่สิ้นภายใต้ชื่อ ฮาโรลด์ สโตร์ก
แม้ว่าเขาจะต้องการหลีกหนีการต่อสู้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ว่ามันเป็นไปไม่ได้แน่นอนถ้าหากยังจะทำตามเนื้อเรื่องของเกมส์ เพราะอย่างนี้ การที่เขาเริ่มต้นฝึกทักษะดาบ จึงเป็นเหตุผลที่จะเตรียมตัวเผื่อในกรณีฉุกเฉินที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
เมื่อเขาไปยังสนามหลังบ้าน ด้วยดาบในมือที่ฝากเซ็นซื้อมาจากเมืองลีช หลังจากยืนยันแล้วว่าไม่มีใครอยู่โดยรอบ เขาก็เริ่มต้นเลียนแบบการฝึกดาบที่เขานึกขึ้นได้
จับดาบให้มั่นด้วย 2 มือ , ยกมันขึ้นเหนือหัวและเหวี่ยงมันลงมานับเป็น 1, ต่อจากท่านั้น สลับดาบมาอยู่ที่ฝั่งซ้ายของตัว เขาใช้มือขวาตวัดดาบเฉียงขึ้นในคราเดียว, ต่อจากจุดนั้น เขาก้าวไปข้างหน้าโดยใช้เท้าขวาเป็นแกนเพื่อหมุนตัวตามเข็มนาฬิกา พร้อมใช้แรงเหวี่ยงนั้น ตัดในแนวขวางจากทางด้านซ้าย
นี้คือท่าพื้นฐานที่ฮาโรลด์ใช้ในเกมส์ มันคือท่าโจมตีเป็นชุดรูปแบบหนึ่งที่ใช้โดยการกดปุ่มโจมตีรัว 3 ครั้งซ้อน
คาซูกินั้น เขาไม่ได้มีประสบการณ์ในเคนโด้เลยแม้แต่น้อย คงประเมินไม่ได้ว่ารูปแบบการโจมตีนี้จะสามารถใช้ได้ในการต่อสู้จริงหรือปล่าว แต่ว่าสำหรับตอนนี้ เขาคิดเพียงว่าจะพยายามฝึกมันให้เป็นท่าพื้นฐานของเขา
อย่างแรกเลย การฝึกเหวี่ยงดาบนี้มันก็เหมือนกับเคนโด้ เขาฝึกโดยเคลื่อนตัวไปข้างหน้าและฟันลงตัดด้านหน้าของเขา แต่ว่ามันก็ยังเป็นเพียงการฝึกต่อสู้ในจินตนาการเท่านั้น และเขารู้ดีว่ายังห่างไกลนักกว่าที่เขาจะสามารถเคลื่อนไหวดั่งฮาโรลด์ในเกมส์ได้
และแล้ว 1 เดือนก็ผ่านไปไวดั่งโกหกตั้งแต่ที่เขาเริ่มฝึกฝนแบบนี้ ร่างกายของเขาเริ่มคุ้นเคยกับการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ สมแล้วที่เป็นอัจฉริยะด้านการต่อสู้
แต่ไม่ใช้คาซูกิหรอกนะ เป็นเจ้าของร่างหรือ ฮาโรลด์ ต่างหากที่เป็นอัจฉริยะ
เมื่อมาคิดดูๆแล้ว แม้ว่าฮาโรลด์จะเป็นที่สุดของไอ้ชาติชั่วก็ตาม แต่เขานั้นเป็นโซโล่เพลเยอร์ (Solo player) ผู้ที่ไปทลายดันเจี้ยนต่างๆและปะทะกับเหล่าปาตี้ของผู้กล้าด้วยตัวคนเดียว
“ในการต่อสู้นั้น เขาเป็น 1 ในตัวละครที่โดดเด่นมาก ถ้าหากผมตั้งใจฝึกแบบนี้ต่อไปอย่างจริงจังล่ะก็ ผมคงสามารถมีความแข็งแกร็งไม่น้อยกว่าความแข็งแกร่งของฮาโรลด์ภายในเกมส์อย่างแน่นอน”
(ถึงจะคิดแบบนั้นก็เถอะ แต่ชักกดดันอยู่หน่อยๆซะแล้ว)
แม้ว่าจะกำลังเผชิญในสถานการณ์ที่ไร้เหตุผลเช่นนี้ แต่สิ่งที่จำเป็นตอนนี้คือการใช้ความคิดอย่างผู้รอบรู้ สมแล้ว ที่คาซูกิเป็นแฟนของเกมส์ [ Brave Hearts ] มาโดยตลอด
แม้ว่าเขาจะได้มาอยู่ในร่างของบุคคลที่ถูกเกลียดมากที่สุดในเกมส์ แต่เมื่อได้มาอยู่ในร่างนี้แล้ว แสดงว่าเขาอาจจะสามารถมีทักษะและพลังที่เหมือนกับเจ้าของร่างนี้ในเกมส์ก็เป็นได้ พอคิดถึงในข้อนี้แล้วหัวใจของเขาก็หยุดที่จะตื่นเต้นไม่ได้
ความตั้งใจอันแน่วแน่และความตื่นเต้นนั้นเป็นดั่งยาที่ให้กำลังใจให้กับคาซูกิที่ยังคงเหวี่ยงดาบของเขาอยู่เงียบๆ มันเป็นภาพของเด็กผู้ชายร่างเล็กๆที่กำลังกวัดแกว่งดาบขนาดของผู้ใหญ่ ถ้าหากมองจากมุมนี้ มันคงเป็นฉากที่แปลกพิลึก
โดยปกติ การที่เขามาเหวี่ยงดาบใหญ่แบบนี้มันคงไม่ถูกต้องนัก แต่ว่าร่างของฮาโรลด์นั้นมีความสามารถสูงมากจึงสามารถชดเชยส่วนต่างนั้นได้ ซึ่งเหตุผลในข้อนี้ตัวคาซูกิเองไม่ได้สังเกตเห็น
บางที เด็กผู้ชายที่ชื่อฮาโรลด์คนนี้อาจจะเป็นอัจฉริยะจริงๆ
คิดค้นวิธีการเพาะปลูกแบบใหม่ , ฝึกฝนทักษะดาบ , เยินยอพ่อแม่ของเขา, พวกนี้ได้กลายมาเป็นกิจวัตรประจำวันของเขา และเมื่อผ่านไปได้ 1 เดือนครึ่ง ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เหล่ากระถางที่ริมระเบียงนั้นเติบโตและเขียวชอุ่ม
ในที่สุด การเตรียมการสำหรับการเดินหมากครั้งต่อไปก็เสร็จสมบูรณ์
และในวันนี้ มีคนๆหนึ่งถูกเชิญเข้ามาภายในห้องของคาซูกิ เขาเป็นชายสวมแว่นร่างผอมสูง ดูๆแล้วน่าจะอายุประมาณ 30 กลางๆ อาจเพราะสายตาที่คมกริบของเขา ทำให้ชายคนนี้ให้ความรู้สึกแบบเย็นฉาและไร้ความรู้สึก
ชายคนนี้มีชื่อว่า เจค เป็นอีกคนหนึ่งที่ทำหน้าที่จัดการเรื่องการเงินของตระกูลสโตร์ก และเจคผู้เงียบขรึมคนนี้กำลังสับสนกับสถานการณ์ที่ทำให้เขาเข้ามาอยู่ ณ ที่นี้
นั้นเพราะในห้องนี้ยังมีคนอยู่อีก 3 คน “ฮาโรลด์” ผู้เป็นเจ้าของห้อง หัวหน้าพ่อบ้าน “นอร์แมน” และ”เซ็น”
[ นั่ง ]
สำหรับเจคที่พึ่งได้เข้ามาในห้องนี้ นั้นคือคำพูดแรกที่คาซูกิเปิดปากของเขา และนอร์แมนที่ยืนเฉียงออกไปด้านหลังฮาโรลด์ ได้ยื่นเอกสาร 2-3 แผ่นให้กับเจค ผู้ที่กำลังนั่งลงที่เก้าอี้อย่างเงียบๆ
[ อ่านซะ ]
[ ขอรับ ]
“มันเรื่องบ้าอะไรกัน”
ความสับสนยิ่งเพิ่มขึ้นอยู่ภายในใจของเจค
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่เข้าเริ่มต้นอ่านเนื้อหาในเอกสารพวกนั้น สายตาของเขาได้เปลี่ยนไป เพราะสิ่งที่เขียนลงไปนั้นคือ รายละเอียดสถานะทางการเงินของตระกูลสโตร์ก เอกสารพวกนี้เต็มไปด้วยตัวเลขมากมายที่แค่มองก็ปวดหัวตุ๊บๆ
แต่ว่าเสียใจด้วยที่มันไม่ได้ผลกับเจค นั้นเพราะเขาอ่านและดูตัวเลขพวกนี้อยู่ทุกวัน
[ บันทึกพวกนี้จุดผิดพลาดอะไรรึปล่าว ? ]
[ . . . ไม่ขอรับ ]
สิ่งที่ผิดพลาดเพียงอย่างเดียวนั้นคือ เอกสารเหล่านี้คือตัวก๊อบปี้เนื้อหาของรายการจัดการด้านการเงินที่เจคนั้นเป็นคนจัดทำขึ้นมา ซึ่งเขาได้ตรวจทานหาข้อผิดพลาดในเอกสารที่เขาเป็นคนจัดทำขึ้นมาแล้ว
“เดี่ยวนะ รึว่าที่เขาเรียกเรามาที่นี่เพราะมันมีจุดผิดพลาดในเอกสารพวกนี้งั้นรึ ?” ความคิดนี้ได้แว๊บเข้ามาในความคิดของเขา
[ มันดีแล้วงั้นรึ ? ]
แต่ว่ามันกลับตรงกันข้ามกับที่เขาคิดเอาไว้ ฮาโรลด์ยังคงเคร่งขรึมเหมือนเดิม โดยไม่มีอาการแสดงว่าจะดุด่าเจคเลย
ถ้าหากจะให้เขาพูดล่ะก็ เขาว่าน้ำเสียงของฮาโรลด์นั้นมันเต็มไปด้วยรู้สึกเศร้าสร้อยราวกับมาจากส่วนลึกของหัวใจ
[ ตลอด 2-3 ปีมานี้ การเงินของตระกูลสโตร์กนั้นติดลบมาโดยตลอด สาเหตุสำคัญนั้นมาจากการใช้จ่ายที่สิ้นเปลืองของท่านพ่อและท่านแม่ของข้าที่พยายามอวดร่ำอวดรวย ตอนนี้คงได้แต่หวังพึ่งมรดกจากรุ่นก่อนๆและการเก็บภาษีอย่างมหาโหดเพื่อมาช่วยชดเชยส่วนต่าง แต่ว่า มันเป็นไปไม่ได้ในระยะยาว อีกทั้งความทุกข์ร้อนของประชาชนเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ว่าไง? จะคัดค้านอะไรรึปล่าว ? ]
[ กระผมตระหนักดีขอรับ เกี่ยวกับทิศทางที่เรากำลังจะเผชิญ ]
มันไม่ง่ายเลยที่จะทำให้เจคหลุดแสดงอารมณ์ออกมาทางสีหน้า แต่ว่าสำหรับข้างในแล้ว เขากำลังหวาดกลัวถึงขีดสุด
และเขารู้สึกประหลาดใจกับเด็กชายคนนี้เป็นอย่างมากที่เขาสามารถเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งของเนื้อหาในรายงานการจัดการด้านการเงินนี้ แต่สิ่งที่สำคัญเหนืออื่นใด เจคนั้นยังไม่รู้เหตุผลจริงๆของคำถามพวกนี้
สำหรับฮาโรลด์เองนั้น เขาเป็นบุตรชายคนโตของท่านผู้นำตระกูล และเขากำลังวิจารณ์พ่อแม่ของเขา เพราะสำหรับตัวของผู้นำตระกูลเองในตอนนี้นั้น เขาเองก็ยังไม่รู้ตัวเลยว่าสิ่งใดคือสิ่งที่ถูกต้อง
และในตอนที่เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี เจคได้มองไปยังนอร์แมน แต่ว่านอร์แมนกลับทำแค่ยืนเฉยๆที่ด้านหลังฮาโรลด์ด้วยท่าทางสงบ ไม่แม้จะตอบสนองต่อการมองของเจคแต่อย่างใด
[ สถานะการณ์ตอนนี้ฉุกเฉินพอรึยัง? หาาา บางทีวันข้างหน้า ทั้งตระกูลสโตร์กและประชาชนคงไม่สามารถรักษาบ้านเกิดของพวกเขาได้อีกต่อไป อืมก็นะ แบบนี้คงดีสำหรับแกสินะไอ้เวร ถ้าหากตระกูลสโตร์กล่มสลายจริงๆ ]
[ ได้โปรดอย่ากล่าวอะไรเช่นนั้นเลยขอรับ ถ้าหากคนอื่นมาได้ยินแล้วล่ะก็ พวกเขาอาจเข้าใจผิดและคิดว่าท่านนั้นกำลังจะก่อกบฏ ]
สำหรับในเวลานี้ เจคเลือกที่จะตอบในเส้นทางที่ปลอดภัยเอาไว้ก่อน
อย่างไรก็ตาม สำหรับมุมมองของคาซูกิ มันไม่เห็นจำเป็นตรงไหนกับคำว่าเข้าใจผิด เขาไม่ได้คิดที่จะทำสิ่งอุกอาจอย่างเช่นก่อปัญหาภายในตระกูลเพื่อที่จะฮุบมรดกและเขาเองก็ไม่ได้คิดที่ช่วยอะไรอยู่แล้ว อย่างไรซะ ถ้าหากตระกูลสโตร์กรอดวิกฤตินี้ไปได้จริงตำแหน่งผู้นำตระกูลคนถัดไปก็เป็นเขาอยู่แล้ว
พูดตรงๆ เขาไม่สนอะไรอยู่แล้วถ้าหากตระกูลนี้จะถูกทำลายลงเหมือนกับตามเนื้อเรื่องของเกมส์
หากเรื่องนี้ดำเนินไปจนถึงฉากจบของเกมส์ “ถ้าเขาไม่ค่อยมีบทบาทและอยู่รอดปลอดภัยจนกลายมาเป็นสามัญชนได้ มันคงจะดีสินะ”
แน่นอน ทางออกของเรื่องนี้ที่ดีที่สุดสำหรับเขานั้นคงเป็นเขาหาทางกลับโลกเดิมได้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่เพื่อจะทำสิ่งนั้น เขายังไม่พบแม้แต่สักเงื่อนงำเลย ดังนั้นตอนนี้ เขาได้แต่พักเรื่องนี้เอาไว้ก่อน
[ หึ สำหรับเหล่าผู้คน โดยเฉพาะเหล่าเกษตรกร ถ้าหากผลผลิตของพวกเขายังไม่เพิ่มขึ้นมากไปกว่านี้แล้วล่ะก็ . . ในอนาคตอันใกล้นี้ พวกเราจะล้มละลาย ]
เจคไม่ได้ตอบสนองใดๆ นั้นเพราะมันคือความจริงการเกษตรในดินแดนสโตร์กนั้นลดลงอย่างเห็นได้ชัด เหตุเพราะการเพิ่มขึ้นอย่างมโหฬารของภาษี แม้ว่าเรื่องของการจัดการก็ปวดหัวมากพอแล้ว เหล่าผู้คนที่ย้ายถิ่นฐานออกจากดินแดนสโตร์กนั้นเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเหล่าฟาร์มเล็กๆ
ถ้าหากเรื่องพวกนี้ยังไม่หยุด รายได้จากเกษตรกรรมนั้นจะตกต่ำลงอย่างมาก และเมื่อถึงตอนนั้น ก็ใช่ว่าท่านผู้นำตระกูลจะคิดออกซักทีว่าควรที่จะลดภาษีลงเพื่อลดความเสียหายที่เกิดขึ้น
แต่เจคก็ไม่เชื่อว่าชายคนนั้นจะยอมลดภาษี
ตรงกันข้าม เขาคงเพิ่มภาษีขึ้นเพื่อขูดรีดเงินจากที่ไหนก็ได้ที่เขาสามารถขูดรีดได้แทน
( หรือว่า . . ท่านฮาโรลด์เข้าใจถึงปัญหานี้จริงๆ ? )
ไม่ว่าจะอย่างไร นี่ก็ไม่ใช่ปัญหาของเด็ก 10 ขวบที่ต้องมาคิดมากเลยซักนิด ตามปกติ แค่อ่านรายงานการจัดการด้านการเงินได้เข้าใจนี้ก็ยากเกินไปแล้ว
แต่ว่า สำหรับเด็กผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้นั้น มันมีอะไรบางอย่างที่อยู่ในระดับที่ไม่สามารถเอื้อมถึง นั้นคือสิ่งที่เจครู้สึกได้
[ นั้นคือเหตุผลว่าทำไมข้าถึงเรียกแกมา ข้าจะให้แกเเป็นคนตรวจสอบด้านการเกษตรกรรม ]
[ ท่านหมายถึงอะไรรึขอรับ ? ]
[ เซ็น ]
[ คร๊าบ คร๊าบ! ]
เพื่อที่ตอบสนองต่อเสียงเรียกของฮาโรลด์ เซ็นเปิดหน้าต่างที่เชื่อมต่อไปยังแปลงปลูกพืช เขาหยิบตะกร้าที่ในนั้นมีเรดกร็ูตถูกใส่เอาไว้ และส่งพวกมันไปที่ด้านหน้าของเจค
และอีกครั้ง ที่เจคได้แต่ทำตาปริบๆ เพราะไม่เข้าใจถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่
[ เอ่อ. . นี่คือ ? ]
[ ตอนนี้คุณไม่ต้องพูดอะไรทั้งสิ้นครับ ลิ้มรสเรดกรู๊ดแฮนเมดฝีมือของท่านฮาโรลด์ก็พอ ]
[ แกเป็นอีกคนที่เริ่มจะพูดมากเกินไปแล้ว . . สงสัยว่าแกคงจะอยากเป็นปุ๋ยจริงๆสินะ ? ]
[ ขอประทานโทษครับ! ]
[ ฝีมือท่านฮาโรลด์ ? ]
ถ้าจะให้พูดตรงๆเกี่ยวกับสิ่งที่เขากำลังคิดล่ะก็ คงจะเป็น “ทำไม?”
เขานั้นไม่รู้ว่าทำไมฮาโรลด์ถึงปลูกพืชผักพวกนี้ในห้องของเขาและเขาก็ไม่รู้อีกว่าทำไมฮาโรลด์ถึงพยายามที่จะให้เขากินมาให้ได้ ในเมื่อสถานการณ์มันออกมาเป็นเช่นนี้ ก็ได้แต่ตามน้ำไปเท่านั้น เจคจึงกัดเรดกรู๊ดเข้าไปคำเล็กๆ
[ . . . !!! มะ, มันหวาน ? ]
[ สำเร็จ! ]
[ แล้วแกจะทำท่าภูมิใจทำเชี้ยอะไร . . .]
ตับไตไส้พุงของเจคได้แต่เย็นยะเยือกเมื่อได้เห็นภาพเซ็นที่แสดงกิริยาไม่เคารพต่อฮาโรลด์เลย
แต่ว่า!! นอกจากดุด่าเซ็นแล้ว ฮาโรลด์ยังคงนิ่งเฉยและมันทำให้เจครู้สึกประหลาดใจให้กับเซ็นมาก
[ เอาเถอะ ไอ้สิ่งที่แกกินเข้าไปเมื่อสักครู่คือสิ่งที่ข้าคิดค้นวิธีเพาะเลี้ยงขึ้นมาเอง ดังนั้น มาเป็นกำลังให้กับข้าซะ ! เพื่อที่จะช่วยข้าเผยแพร่วิธีการเพาะเลี้ยงนี้ออกไป ]
[ ทำไมต้องกระผมขอรับ ? ]
[ สำหรับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ณ ตอนนี้ การจะทำฟาร์มด้วยวิธีนั้น เครื่องมือพิเศษบางชนิดอาจจะต้องใช้ และแน่นอนว่ามันจำเป็นต้องมีค่าใช้จ่ายเพิ่ม ดังนั้น ในเมื่อแกมีความรู้เกี่ยวกับการเงินของตระกูลสโตร์กและด้านการตรวจสอบ และแกก็รู้ถึงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ดีอยู่แล้ว ข้าจึงตัดสินใจว่าแกเหมาะสม ]
การคำนวนรายจ่ายที่แม่นยำให้กับวัสดุที่ต้องใช้และปริมาณ และการตัดสินใจด้านจัดหาอุปกรณ์ที่เหมาะกับงานว่าสมควรใช้หรือไม่นั้น สิ่งใดที่จะทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด สิ่งเหล่านี้สามารถเป็นไปได้ถ้าหากเป็นเจค
นี้คือเหตุผลทั้งหมดของฮาโรลด์
แม้ว่าจะเผยแพร่วิธีทำฟาร์มแบบใหม่ออกไปแล้ว มันควรที่จะดำเนินการหรือไม่นั้น ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รสชาติ นั้นเพราะเมื่อเทียบกับแบบปกติ เจ้าเรดกรู๊ดอันนี้มันกินง่ายกว่ามากๆ คงเดาได้ง่ายๆเลยว่าถ้ามันหลุดไปสู่ตลาดแล้ว ความต้องการซื้อมันต้องสูงแน่ๆ
แต่ถ้าราคาการผลิตเท่ากันหรือสูงกว่าราคาตลาด มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องใช้วิธีนี้ เพราะการจะทำฟาร์มวิธีนี้จำเป็นจะต้องเพิ่มรายจ่ายตั้งแต่ต้น ดังนั้นมันอาจจะมีบางฟาร์มที่ไม่สามารถรับไหวจนกว่าจะคืนทุนได้ เพราะตอนนี้พวกเขาก็แบกรับภาวะขาดดุลไว้เกินพอแล้ว
และนี่คือปัญหาที่ใหญ่ที่สุดถ้าหากจะดำเดินการ
[ ดูเหมือนว่าแกจะคิดเองได้สินะ ]
สำหรับเจคนั้น เขายังคงเงียบแม้ว่าจะถูกถามเพื่อขอความร่วมมือ และเหนือสิ่งอื่นใด เขายังรู้สึกเจ็บลึกๆ ที่ฮาโรลด์นั้นชื่นชมเขา
สำหรับคาซูกิ เขาไม่ต้องการพวกที่เห็นด้วยกับเจ้านายทุกสิ่งทุกอย่างเพียงเพราะถูกสั่งมา เขาต้องการคนที่สามารถคิดเองเป็นแบบนี้ และคาซูกินั้นรู้เพียงแค่สิ่งที่เคยปรากฎตามเนื้อเรื่องเดิมของเกมส์เท่านั้น คนอื่นอย่างกับเจคและนอร์แมนนั้น ถ้าเป็นพวกเขาคงจะสังเกตุเห็นถึงปัญหาอื่นๆอีกแน่ ปัญหาที่เขาเองนั้นยังไม่รู้ สิ่งนี้ทำให้พวกเขานั้นเชื่อถือได้
[ ถ้าหากมันสามารถแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ได้ . . กระผมก็จะช่วยเหลือเท่าที่จะมากได้ขอรับ แต่ว่า .. ]
[ แกยังไม่สามารถที่จะตอบตกลงเพราะแกยังรู้ข้อมูลเพียงแค่พูดคุยสั้นๆสินะ . .ถูกต้องรึปล่าว? ถ้าหากเป็นท่านพ่อล่ะก็. . .ท่านคงตอบกลับมาแบบโกรธจัดว่า”แกอย่ามาพูดแบบนั้นนะ” หรือไม่อย่างเลวร้ายที่สุด คงโยนแกเข้าคุก ]
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น ร่างของเจคถึงกับแข็งทื่อและคิดว่า “สมแล้วที่เป็นลูกชายของคนๆนั้น”
แต่สำหรับเหตุผลบางอย่าง นอร์แมนและเซ็นได้แต่ยิ้มแห้งๆ . .
[ . . . ตอบสนองได้ดี . . ถ้าหากยินยอมอย่างง่ายๆโดยไม่ถามรายละเอียดหรือคำอธิบายอะไร แกก็คงเป็นแค่เซ็นเบอร์ 2 เท่านั้น และมันยิ่งทำให้ข้าปวดหัวขึ้นอีก ]
[ นั้นมันหมายความว่าอะไรอะ ? ]
[ มันหมายความว่าแกควรที่จะหัดใช้สมองของแกบ้าง ]
[ ท่านช่างโหดร้าย~~ ]
โดยที่ไม่สนใจเซ็นที่กำลังจิตตกอย่างรวดเร็ว คาซูกิเริ่มสนทนาต่อ
[ เอาล่ะ หากแกหวังจะได้ข้อมูลเพิ่ม ข้าจะอธิบายเอง . นี่คือสิ่งที่จะกลายเป็นกุญแจสำคัญของเรื่องนี้ ]
ขณะที่แสดงขวดยาไลท์โพชั่นให้ดู คาซูกิก็เริ่มอธิบายสิ่งต่างๆแก่เจค
และนี้คือสิ่งที่คาซูกิวางแผนไว้
การปลูกพืชวิธีนี้คือการใช้ไลท์โพชั่นกับเหล่าพืชผล ชื่อชั่วคราวของมันคือ วิธีปลูกผัก LP ( Lp farming method )
สิ่งที่นำเสนอนั้น คือ ผัก 3 ชนิดที่ถูกใช้ทดสอบ มันสามารถยืนยันได้ว่าพวกมันนั้นเติบโตอย่างรวดเร็วและนอกจากนี้ ความหวานของพวกมันนั้นเพิ่มขึ้นด้วย
แม้ว่ามันจะยังคงไม่สามารถทดลองกับทุกๆพื้นที่การเกษตรในทันที คงจะเริ่มได้แค่บางส่วนเท่านั้น โดยให้แค่บางฟาร์มที่ทดลองก่อน และเหตุผลที่สำคัญที่สุดนั้นเพื่อที่จะลดความเสี่ยงด้านเงินลงทุนหากแผนการนี้ล้มเหลว
นอกจากนี้ แผนการช่วยเหลือนี้จะส่งผลกระทบแก่เหล่าฟาร์มขนาดเล็ก พวกเขานั้นได้รับความเจ็บปวดด้านการเงินมากนานพอสมควร และพวกเขานั้นไม่มีพื้นที่ว่างสำหรับสำรองในการใช้ วิธีปลูกพืช LP ถ้าหากแผนการณ์นี้ผิดพลาดเพียงแค่จุดเดียว มันก็ถือว่าร้ายแรงกับพวกเขาสุดๆ
แม้ถ้าวิธีปลูกผัก LP นี้จะไปด้วยดี แต่มันจะยิ่งทำให้เกิดความต่างด้านการเงินของฟาร์มที่ฐานะทางการเงินดีอยู่แล้วกับฟาร์มที่ฐานะไม่ค่อยดี ความต่างนี้จำเป็นจะต้องลดให้เยอะที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
ต่อจากนี้ คงต้องหาฟาร์มทดลองสัก 2-3 ฟาร์ม และเพื่อที่จะทำให้ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นของแต่ละฟาร์มจะได้ไม่สูงนัก คงต้องออกค่าไลท์โพชั่นให้ด้วย และที่คลังของตระกูลสโตร์กก็มีอยู่เยอะพอสมควร คงจะสามารถเอามันมาใช้แก้ปัญหาในจุดนี้ได้
ตลอด 1 เดือนมานี้ ฮาโรลด์ ได้ปลูกผักเหล่านี้ซ้ำไปซ้ำมาหลายต่อหลายครั้ง และก็ได้รูปแบบที่ดีที่สุดในการเพิ่มผลผลิตโดยการใช้วิธีปลูกผัก LP ได้อย่างรวดเร็ว
มันเร็วซะจนกล่าวได้ว่า”บ้าไปแล้ว”
สมมุติว่าเป็นเรดกรู๊ด ตามปกติ มันต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 เดือนตั้งแต่เป็นเมล็ดจนถึงเป็นต้นพอที่จะเก็บเกี่ยว แต่ว่าถ้าหากใช้ไลท์โพชั่น แค่ 5 – 7 วัน ก็เก็บเกี่ยวได้แล้ว ถ้าหากเป็นในเกมส์แล้วล่ะก็ แค่หว่านเมล็ดราดไลท์โพชั่นไว้ แล้วเข้าไปนอนในโรงแรมคืนหนึ่ง ตื่นมาก็เก็บเกี่ยวได้เลย
แต่ก็ดีแล้วที่จริงๆแล้วมันไม่โตไวขนาดนั้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าด้วยความเร็วขนาดนี้ เพียงแค่ฟาร์มเล็กๆก็สามารถสร้างกำไรได้อย่างรวดเร็ว นั้นคือสิ่งที่คาซูกิคาดการณ์ไว้
[ พะ , เพียงแค่ 5 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้งั้นรึขอรับ !? ]
อาจเพราะช๊อคเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ขนาดเจคที่แม้จะใจเย็นอยู่ตลอดถึงกับร้องเสียงหลง
สำหรับเจคแล้ว การค้นพบนี้มันควรจะเรียกว่าการปฎิวัติวงการเลยด้วยซ้ำ
[ แต่ว่า เนื่องด้วยความเร็วของมัน พวกเราต้องระวังมันไม่ให้มันมีมากจนเกินไป ]
[ ทำไมขอรับ ? ]
[ ถ้าหากสิ่งที่ราคาถูกและคุณภาพสูงปรากฎขึ้นมาในปริมาณมาก ตลาดจะต้องล่มเป็นแน่ แถมมันยังมีโอกาสทำให้ฟาร์มที่อยู่นอกดินแดนของสโตร์กล้มละลายอีกด้วย ]
แม้ว่าวิธีปลูกผัก LP นั้นจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าแบบธรรมดาอยู่นิดหน่อย แต่เพราะมันทำให้ผลผลิตเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้สินค้าจำนวนมากจะถูกผลิตออกมาในเวลาอันสั้น ถ้าหากการผลิตในปริมาณขนาดนี้ยังดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ราคาของสินค้าก็จะลดมาเทียบเท่ากับแบบธรรมดาทั่วๆไป ต่อให้ราคาถูกกว่าแบบธรรมดา พวกเขาก็สามารถทำกำไรได้ เพราะพวกเขาผลิตได้ทีละมากๆและรวดเร็วนั้นเอง
” ใช้วิธีนี้โดยที่ไม่กระตุ้นให้เกิดความบาดหมาง”
มันคือความตั้งใจที่แท้จริงของคาซูกิ และเหนือสิ่งอื่นใด สิ่งที่สำคัญนี้นั้นมันจะต้องสามารถปกป้องตัวของมันเองได้
ถ้าหากความจริงที่ว่าฮาโรลด์นั้นเป็นผู้คิดค้นวิธีปลูกผัก LP และเผยแพร่ ถูกเปิดเพย มันอาจจะก่อให้เกิดความไม่พอใจก็เป็นได้
และถ้าหากเป็นพ่อแม่ของเขา ผู้รักเงินยิ่งชีพรู้เรื่องเข้าล่ะก็ พวกเขาคงเก็บวิธีปลูกผัก LP ไว้แต่เพียงผู้เดียว เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องพวกนี้ คาซูกิคิดว่าจะเปิดเผยเพียงบางส่วนและอยู่ในวงแคบเท่านั้น ส่วนเรื่องปริมาณนั้นคงจะต้องจำกัดจำนวนการผลิตคงจะเป็นทางที่ดีที่สุดสำหรับการเริ่มต้น และเมื่อทางฟาร์มทดลองสามารถเติบโตจนสภาวะทางการเงินเริ่มมีสเถียรภาพ จึงค่อยให้พวกเขาทดสอบ วิธีการปลูกผัก LP กับพืชชนิดอื่นๆ
ณ ตอนนี้ สิ่งที่รู้เกี่ยวกับอัตราส่วนระหว่างน้ำกับไลท์โพชั่นที่ใช้ในการปลูกเรดกรู๊ดและเบลทูปเบอร์คือ 1 : 1 , 7 : 3 สำหรับ บูลน่า , อัตราส่วนพวกนี้คือมันสามารถทำให้พวกมันเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และ มีรสชาติที่ดีที่สุด
แม้ว่าบูลน่า จะสามารถให้ไลท์โพชั่น 100 % เลยก็ได้ มันเติบโตเร็วชนิดที่ว่า เริ่มปลูกตอนเช้า ค่ำๆนี้เก็บผลผลิตได้เลย แต่อัตราส่วนนี้คงต้องทิ้งไป เพราะ เมื่อเซ็นนำมันไปคนครัวทำอาหาร พวกเขาบอกกลับมาว่ารสชาติของพวกมันไม่ดีนัก
อีกความหมายคือ สิ่งนี้ขึ้นอยู่กับอัตราส่วนที่จะใช้ไลท์โพชั่นกับเหล่าพืชผล เพราะมันเป็นตัวกำหนดความเร็วในการเติบโตและรสชาติ ถ้าหากทดสอบกับพืชทั่วๆไปสำเร็จแล้วล่ะก็ รายได้ที่ได้จากการเกษตรนั้นคงมีเสถียรภาพในระดับสูง
แผนงานในครั้งนี้อาจจะเรียกว่าเป็นการวางรากฐานแหล่งที่มาของเงินทุนได้เลย
[ ปกติแล้ว มันควรจะเริ่มต้นโดยการรวบรวมทีมงานผู้เชี่ยวชาญ แต่ว่า . . ]
เขาคงจะต้องไปคุยกับพ่อของเขาถ้าหากจะทำแบบนั้น แต่ภาพพ่อของเขาที่กำลังถูกเงินบดบังสายตาได้แว๊บเข้ามาในหัวของเขา
เขานั้นไม่อยากที่จะเป็นต้นเหตุให้เกิดความบาดหมางกันในหมู่ฟาร์มและเขาก็ไม่ต้องการผิดใจกับขุนนางคนอื่นๆโดยไม่จำเป็น แม้ว่าเรื่องนี้คงจะปิดเงียบไม่ได้ตลอดไป เขาขอแค่นานพอที่นะฟื้นฟูสภาวะด้านการเงินรวมไปถึงทำให้การเงินของการเกษตรดีขึ้น จนพวกเขาจะสามารถจัดหาไลท์โพชั่นได้ด้วยตัวของเขาเอง
ไม่ว่าเขาจะปวดหัวมากเพียงใด แต่สิ่งนี้เพื่อที่หลบเลี่ยงเดธแฟล็กที่กำลังจะมา
แม้ว่าเขาจะไม่อยากใช้วิธีนี้เลยก็ตาม แต่มันไม่มีทางเลือกอื่น เพราะวิธีนี้มันจะยิ่งทำให้เขาโด่งดังยิ่งขึ้นอีก
เมื่อเจคได้ฟังคำอธิบายว่าทำไม มันทำให้เขาถึงกับอ้าปากค้าง แม้กระทั้งนอร์แมนยังแสดงอาการออกมาทำนองเดียวกัน และเซ็นที่กำลัง เอ่อ . . ครึ่งหลับครึ่งตื่น . . .
หลังจากยอมแพ้ที่จะคาดหวังในตัวของเซ็น คาซูกิได้แต่สงสัยว่าทำไม 2 คนนี้ถึงแสดงอาการออกมาแบบนั้น
[ พวกแกมีงานอดิเรกชอบแสดงหน้าตาปัญญาอ่อนเวลาคุยกันรึไงวะ ? ]
[ ขะ , ขออภัยด้วยขอรับ กระผมแค่รู้สึกประหลาดใจกับเนื้อหาที่พูดคุยกันเมื่อซักครู่ . . ]
[ แม้ว่ากระผมจะได้ยินเนื้อหาบางส่วนมาแล้วก่อนหน้านี้ แต่กับเรื่องเมื่อสักครู่ กระผมได้แต่ชื่นชมท่านที่มองกาลไกลขนาดไหน ]
(ชื่นชมให้กับความคิดของมือสมัครเล่นเช่นผมเนี้ยนะ . . มันยิ่งทำให้ผมรู้สึกไม่สบายใจ . . )
คาซูกินั้นไม่ได้มีความรู้แตกฉานในด้านเศรษฐศาตร์หรือการจัดการ สำหรับตอนนี้ นี่เป็นเพียงแค่การเสนอกรอบแนวคิดทั่วไปเท่านั้น
และต่อจากนี้ มันคงจะต้องตั้งข้อจำกัดและขัดเกลาส่วนรายละเอียดปีกย่อยต่างๆ ซึ่งคาซูกิก็ยังสงสัยอยู่ว่า 2 คนที่น่าเชื่อถือนี้จะทำงานออกได้ดีหรือไม่
[ ข้าขอบอกไว้ก่อนเลยนะ ข้าไม่ต้องการ “Yes-Man” ถ้าหากพวกแกเจอจุดผิดพลาดอะไรล่ะก็ เสนอมันออกมาทันที ห้ามมีข้อยกเว้น เข้าใจ? ]
ความรู้สึกของคาซูกิตอนนี้ มีแต่ความกดดันที่มันมากซะจนจะเป็นอันตรายกับหัวใจของเขาเอง
แต่ความรู้สึกที่ส่งผ่านนอร์แมนและเจคนั้นกับแตกต่าง
( คิดค้นวิธีเพราะปลูกแนวใหม่ที่สามารถพลิกประวัติศาสตร์ได้ด้วยอายุเพียงเท่านี้ พร้อมทั้งสติปัญญาที่ใช้ออกมาในการวางแผนทางการเมืองที่สามารถใช้ได้จริง นอกจากนี้ ไม่แสดงความโอ้อวดตนเองหรือภูมิใจจนออกนอกหน้า แต่กับปรารถนาที่จะพัฒนาตนเองอย่างไม่มีที่สิ้นสุด )
( ไม่แม้จะสนหนทางที่นำมาซึ่งเงินทองและชื่อเสียงอย่างง่ายๆ แต่กับพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้วยจิตใจที่แน่วแน่และอบอุ่น )
“ฮาโรลด์นั้นคือคนที่เกิดมาพร้อมกับความสามารถที่จะปกครองคนโดยแท้”
ความคิดนี้คือสิ่งเชื่อมั่นอยู่ในใจของพวกเขา
ฮาโรลด์ในตอนนี้นั้นช่างเปล่งประกายแห่งพรสวรรค์ ซึ่งในหัวของพวกเขานั้นคิดแต่ว่าจะติดตามฮาโรลด์ไปทุกหนทุกแห่ง
[ เอาล่ะ นี่คือการยืนยันครั้งสุดท้าย เจค แกจะมาเป็นมือและเท้าให้กับข้ารึไม่ ? ]
เพื่อตอบรับกันคำถามนั้น คำว่า”ส่ายหน้า” นั้นไม่มีเหลืออยู่ในหัวของเขาเลยซักนิด
[ กระผมจะใช้พลังทั้งหมดที่กระผมมีเพื่อท่านฮาโรลด์ขอรับ ]
[ ถ้าแกต้องการจะเป็นประโยชน์สำหรับข้า ทำงานเพื่อประชาชนก็เหมือนทำงานเพื่อตัวข้า!! พวกมันเหล่านั้นช่างอ่อนแอ และพวกมันไม่มีทางรอดแน่ถ้าสิ่งที่พวกเราจะทำนั้นมันไม่สำเร็จ ]
หยิ่งผยองจนถึงท้ายที่สุด . . .
แต่ก็ยังช่วยเหลือคนที่อ่อนแอกว่าอยู่โดยตลอด . . .
แค่นี้ . .
มันก็เป็นการใช้ชีวิตที่น่าภาคภูมิใจเหนือสิ่งอื่นใดแล้ว . .