My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 65 คำพูดที่เขาคงจะพูดออกมา
หลังการจากไปของฮาโรลด์ เขาเหลือทิ้งไว้เพียงบรรยากาศอันชวนอึดอัดภายในห้องโถงใหญ่แห่งนี้ แม้ท่าทีที่เขาแสดงออกมานั้นค่อนข้างหยาบคาย แต่บรรยากาศอันคุกคามที่เขาปลดปล่อยออกมามันรุนแรงมากจนไม่มีใครกล้าที่จะตำหนิเขาในตอนนั้น
แต่ในขณะเดียวกัน เอริกะก็ได้มองเห็นแววตาของฮาโรลด์ หากพิจารณาดูดีๆ มันเป็นแววตาแห่งความสิ้นหวัง อีกทั้งคำพูดเหล่านั้น ที่ฮาโรลด์กำลังจะพูดออกมา เมื่อมองในมุมของฮาโรลด์ จากการพูดและพฤติกรรมของเขา คงเดาได้ไม่ยากว่าประโยคที่เขาจะพูดนั้นคือ—
—- ชั้นไม่ต้องการคู่หมั้น
เขาต้องพูดอย่างนั้นแน่ๆ
แม้เอริกะจะยังสงสัยอยู่บ้างอะไรทำให้เขาลังเลที่จะพูดคำๆนั้นออกมา แต่เธอก็เชื่อว่ามันต้องเกี่ยวข้องกับความสิ้นหวังที่สะท้อนอยู่ในแววตาของเขาเป็นแน่
[ กระผมต้องขออภัยจริงๆครับ ได้โปรดให้ผมขอโทษแทนลอร์ดในความหยาบคายของเขาด้วยครับ ] – อิสุกิ
อิสุกิ ได้ก้มหัวต่อคุณท่านและคุณนายแห่งตระกูลเบอร์ริออส แต่ทว่าในทางกลับกัน พวกเขาทั้งคู่กลับบอกว่าไม่จำเป็นต้องกังวลกับเรื่องนี้
[ ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ มันเป็นเพราะสามีของฉันพูดจาไร้สาระไปเอง ยิ่งกว่านั้น ออเรเลียนต่างหากที่สมควรที่จะต้องขอโทษกับเรื่องนี้ ] – บริกิต
[ อืมม จริงอย่างที่ว่า ข้าไม่ได้นึกถึงความรู้สึกของลอร์ด บางที เขาคงจะมีคู่หมั้นหรือคนรักแล้วสินะ ? ] – ออเรเลียน
[ มันก็ .. ] – อิสุกิ
อิสุกิลังเลที่จะพูดออกมาตรงๆพลางหันไปมองเอริกะด้วยหางตาของเขา ซึ่งออเรเลียนดูเหมือนจะเดาอะไรบางอย่างจากเรื่องนี้ได้
[ คนๆนั้นเป็นเธอเองหรอ เอริกะ ? ถ้าใช่ ข้าเองก็ต้องขอโทษเธอด้วยเช่นกันสินะ ] – ออเรเลียน
ใครที่เห็นปฎิกิริยาของอิสุกิก็ต้องคิดเป็นเช่นนี้กันหมด ซึ่งตระกูลเบอร์ริออสก็ทราบเรื่องราวเมื่อ 5 ปีก่อนอยู่แล้ว เกี่ยวกับเด็กชายที่ชื่อฮาโรลด์ขอยกเลิกการหมั้นกับเอริกะ
อย่างไรก็ตาม พวกเขากับคิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่พวกเราพึ่งจะได้พูดคุยกันเมื่อสักครู่จะเป็นคนเดียวกับเด็กชายในตอนนั้น นั้นคือเหตุผลที่ทำให้ตระกูลเบอร์ริออสสรุปกันไปเองว่าลอร์ดคือคู่หมั้นคนใหม่ของเอริกะ จะว่าเดาถูกก็ถูก แต่ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว หากถามฮาโรลด์ เขาคงจะตอบว่าพวกคุณคิดผิดแล้วล่ะแน่นอน
[ ไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรหรอกค่ะ ลอร์ดและดิฉันไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรเช่นนั้นหรอกค่ะ ] – เอริกะ
นั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมเอริกะถึงตอบกลับไปเช่นนั้น เธอตอบกลับไปและตัดสินใจอย่างแน่วแน่ที่จะไม่หันไปมองความเศร้าสร้อยที่ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของอิสุกิ
แต่ทว่า หัวใจของเธอกลับรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
[ ถ้าเช่นนั้น เขามีคนอื่นในใจอยู่แล้ว ? ] – ออเรเลียน
[ …. ผมก็ไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น แม้ว่าพวกเราจะรู้จักกับลอร์ดมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เขาคนนั้นไม่ค่อยพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองมากนัก ] – อิสุกิ
เอาจริงๆ เอริกะก็ไม่รู้ว่าฮาโรลด์กำลังคิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่ แน่นอนว่าทั้งอิสุกิและเอริกะต่างเคยได้ยินข่าวลือแย่ๆเกี่ยวกับฮาโรลด์ แต่พวกเขาทั้งคู่เลือกที่จะไม่เชื่อข่าวลือพวกนั้น
ด้วยพฤติกรรมของเขามักจะทำให้ถูกเข้าใจผิดอยู่บ่อยครั้ง …. หรือบางที เขาอาจต้องการให้คนอื่นเข้าใจผิดไปกันเองก็ได้
เขาเคยแบกรับความอับอายจากการเป็นฆาตกรทั้งๆที่เป็นคนช่วยเหลือ 2 แม่ลูกนั้นเอาไว้แท้ๆ เขาเคยแสร้งทำให้เอริกะเกลียดเขาก็เพื่อเธอจะได้สามารถยกเลิกการหมั้นหมายกับเขาได้อย่างไม่ต้องเป็นกังวัลอะไร และเขามักจะเอาชีวิตของตัวเองเข้าไปเสี่ยง ซึ่งผลก็คือ เขาได้สังหารศัตรูของอาณาจักรเพื่อช่วยชีวิตของเพื่อนร่วมกองอัศวินและเผ่าสเตลล่าจำนวนมาก นั้นคือสถานการณ์ปัจจุบันของชายที่ชื่อฮาโรลด์
การกระทำต่างๆของเขาที่ผ่านมันไม่สมเหตุสมผลเลยซักนิด ถึงกระนั้น ก็มีหลายๆครั้งที่เขาจะสามารถยืนยันความบริสุทธิ์ของตัวเองได้ แต่เขากับเลือกที่จะไม่ทำ และเลือกที่จะแบกรับมันเอาไว้ ดังนั้น เอริกะและอิสุกิจึงได้แต่ยอมรับในทางที่เขาเลือก
[ เขาช่าง…เป็นคนที่ลึกลับ ] – บริกิต
[ คุณหญิงจะเข้าใจเช่นนั้นก็ได้ครับ แต่ว่า หมอนั้นไม่ใช่คนไม่ดีอะไรหรอกนะครับ เขายืนหยัดที่จะช่วยเหลือคนอื่นๆอยู่เสมอและต่อสู้เพื่อปกป้องพวกเขา ] – อิสุกิ
[ นี่สิ!! นักรบที่แท้จริง ครั้งหน้าหากพวกเราเจอกัน ข้าจะต้องดวลกับเขาอย่างจริงจังให้ได้ ] -ออเรเลียน
[ จริงๆแล้ว แม้แต่ตัวผมเอง หากผมไม่สู้อย่างเอาจริง ก็แทบยืนต่อหน้าหมอนั้นไม่ไหวเช่นกันครับ …. ] – อิสุกิ
ออเรเลียนเริ่มไฟติดอีกรอบ หลังจากได้ฟังเรื่องของอิสุกิ ผู้ที่เคยประลองกับฮาโรลด์มาหลายต่อหลายรอบ
ด้วยเช่นนั้น บรรยากาศชวนอึดอัดก็จางหายไปจนหมด
อย่างไรก็ตาม มันยังคงมีความกังวลเล็กๆอยู่ภายในใจของเอริกะ
ดวงตาของฮาโรลด์ที่เคยเข้มแข็งกลับสะท้อนความสิ้นหวังออกมาอย่างชัดเชน เธอไม่เคยเห็นเขามีสายตาเช่นนี้มาก่อนเลยซักครั้ง ในเวลานั้น เอริกะถึงกับเห็นภาพของฮาโรลด์กำลังคุกเข่ายอมรับต่อชะตากรรมของตัวเอง แน่นอนว่านั้นเป็นภาพลวงตา หรือบางทีเธออาจจะกังวลมากจนเกินไป
อย่างไรก็ตาม เอริกะไม่ได้ทราบเพียงแค่ความแข็งแกร่งของฮาโรลด์เท่านั้น แม้กระทั้งจุดอ่อนที่เขาก็มีเหมือนดั่งคนธรรมดาทั่วไปอีกด้วย สิ่งที่ทำให้เขาเข้มแข็งขึ้นได้ ก็เพราะเขาพยายามต่อสู้กับจุดอ่อนของตัวเองอยู่เสมอ และเหยีบย่ำสิ่งเหล่านั้นปีนขึ้นไป
นั้นคือเส้นทางชีวิตที่ชายที่ชื่อฮาโรลด์เลือกที่จะเดิน เขาต่อสู้กับความอ่อนแอของเขา เขาต่อสู้กับความชั่วร้ายของผู้คน เขาต่อสู้กับสัตว์ประหลาด หรือแม้กระทั้งต่อสู้กับโลกใบนี้
เอริกะรู้สึกว่าบางทีฮาโรลด์อาจจะนับเธอเป็นศัตรูที่ต้องต่อสู้ด้วยก็ได้ หรือนั้นคือเหตุผลที่เขาแสวงหาความแข็งแกร่งจนมากเกินไป?
การฝึกฝน 10 ชม. ต่อวันตั้งแต่วัยเด็กไม่ใช่เรื่องปกติ กล่าวอีกนัยคือ มีบางอย่างผลักดันให้ฮาโรลด์ทำเช่นนั้น เพื่อที่จะล้มเหลวไม่ได้
( … ราวกับความคิดที่ต้องต่อสู้ถูก “ปลูกฝัง” อยู่ในหัวของเขาเลย ) – เอริกะ
ความพูดเหล่านี้แล่นเข้ามาในความคิดของเอริกะโดยสัญชาตญาณ ราวกับเมล็ดพันธ์แห่งโชคชะตากำลังแข่งกันเบ่งบานภายในตัวของฮาโรลด์ที่จะนำไปสู่หายนะได้ทุกเมื่อ เพียงแค่นึกถึงภาพอันสยดสยองเหล่านั้นเธอถึงกับตัวสั่น
(ไม่จริง มันเป็นไปไม่ได้ ใช่มั้ย?) – เอริกะ
แม้จะพยายามปฎิเสธเพียงใดภาพเหล่านั้นก็ไม่จางหายไปจากหัวของเธอ
ที่เธอเป็นกังวลอยู่แบบนี้แสดงถึงความเป็นห่วงที่เธอมีต่อฮาโรลด์นั้นมากเพียงไหน และยังบอกได้ว่าเธอนั้นรู้อะไรเกี่ยวกับฮาโรลด์เพียงน้อยนิด เธอไม่รู้เลยว่าเขารู้สึกอย่างไรหรือกำลังคิดอะไร เธอทำได้เพียงแค่กังวล
และตอนนี้ เธอรู้แล้วว่าเธอต้องทำอย่างไร แม้เธอจะรู้ดีว่าฮาโรลด์ไม่ต้องการมัน แม้ว่าเขาจะเกลียดเธอ แต่เธอเชื่อว่าสิ่งนี้มันจะสามารถช่วยเหลือเขาได้ และเธอจะทำมันอย่างไม่ลังเล
ไม่ว่าสุดท้าย ผลลัพธ์มันจะออกมาไม่ดีสำหรับตัวของเธอเองก็ตาม
◇
ตั้งแต่ฮาโรลด์รู้สึกว่าได้สูญเสียตัวตนเขาก็เริ่มวิ่งหนีออกมาจากที่นั้น แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่สามารถที่จะเดินไปรอบๆคฤหาสน์ในฐานะคนแปลกหน้าได้ ถ้าจะพูดให้ถูก แม้เขาจะรีบหนีออกมา กว่าเขาจะรู้สึกตัว เขาก็หลงทางมาอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยเสียแล้ว และในท้ายที่สุด เขาก็ออกมาจากคฤหาสน์ของตระกูลเบอร์ลิออส ซึ่งทิ้งระยะห่างจากตัวคฤหาสน์ไกลพอสมควร เขามาหยุดอยู่ที่ราวสะพานแห่งหนึ่ง ขณะที่กำลังวางศอกลงบนราวสะพานและทอดสายตาไปยังแม่น้ำที่กำลังไหลผ่าน
( บ้าชิบ ผมทำพังเละเทะ … ) – ฮาโรลด์
มันเหมือนกับตอนที่เขาเคยเห็นทางทีวีก่อนที่พวกคนร้ายจะก่ออาชญกรรมพูดเอาไว้ “เหมือนเลือดมันขึ้นหน้าในตอนนั้น” ใช่แล้ว ตอนนี้เขาเข้าใจความรู้สึกของพวกคนร้ายในตอนนั้นได้แล้ว และแน่นอน หลังจากที่ก่อเหตุ เขาเองก็ “เสียใจกับสิ่งที่ตนทำลงไป”
ในตอนนั้น ขณะที่ฮาโรลด์พยายามหาข้อแก้ตัวให้กับตนเอง จู่ๆเขาก็รู้สึกสับสนกับ “อารมณ์ที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อน” ที่จู่ๆก็ผุดออกมาอย่างกะทันหัน แม้เขาจะพยายามทำทุกวิถีทางให้เอริกะเกลียดเขามาตลอด 8 ปีเต็ม เขาพยายามทุกวิถีทางที่จะยกเลิกการหมั้นหมายกับเธอให้ได้ แต่ในตอนนั้น เขากลับเกือบหลุดปากพูดออกไปว่า เธอยังคงเป็นคู่หมั้นของเขา
กล่าวอีกในคือ ตอนนั้น เขารู้สึก——
[ บ้าชิบ มันเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ไง …. ] – ฮาโรลด์
ด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา เขาได้แต่คร่ำครวญออกมาราวกับปฎิเสธความคิดของตัวเอง เป็นไปไม่ได้ ไม่มีทางที่เขาจะหลงรักเอริกะอย่างแน่นอน แน่นอนว่าตัวของฮาโรลด์นั้นเป็นชายหนุ่มและมีสุขภาพดี มันก็แค่สูญเสียตัวตนชั่วคราวจากการได้เห็นเลือนร่างที่น่าดึงดูดของเอริกะ กล่าวอีกนัยคือ มันก็แค่ปรากฎการที่เกิดขึ้นทางสรีรวิทยาและความต้องการทางเพศเท่านั้น มันจะต้องเป็นอย่างนั้น
อย่างไรก็ตาม ยังคงมีอีกปัญหาหนึ่ง นั้นคือพฤติกรรมหยาบคายที่ฮาโรลด์แสดงออกมาโดยการผละออกจากที่นั่งโดยไม่ได้รับอนุญาตจากออเรเลียน
แม้ว่า ออเรเลียนเองก็มีส่วนผิด แต่ตามที่อิสุกิเคยพูดไว้ เขาเป็นถึงผู้นำตระกูลเบอร์ลิออส ซึ่งมีสถานะสูงกว่าตระกูลของฮาโรลด์เสียอีก แต่กลับถูกเด็กเช่นเขาปฎิบัติหยามเกียรติถึงขนาดนี้ มันคงไม่แปลกใจเลยถ้าตัวของเขาถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาเหยียบในดินแดนนี้อีกตลอดชีวิต
หากเป็นเช่นนั้นจริง เขาก็ไม่อาจปฎิบัติหน้าที่ตามที่อิสุกิร้องขอได้ และเขาเองก็ไม่รู้ว่ายูสทัสจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถึงแม้ว่าเขาคิดที่จะไปขอโทษในตอนที่เขาอารมณ์เย็นลงแล้ว แต่เพราะปากของเขามันจึงทำให้เป็นเรื่องที่ยากมากในการแสดงความรู้สึกออกมาอย่างถูกต้องได้ หรือบางทีมันอาจกลับกลายเป็นแย่กว่าเดิม สถานะการณ์อาจเลวร้ายลงไปกว่านี้ก็ได้หากเขาคิดจะทำเช่นนั้นจริง
ภายใต้แสงแห่งยามพลบค่ำ ฮาโรลด์ได้แต่สงสัยว่าเขาควรจะทำอย่างไรต่อไปดี
[ คุณมาทำอะไรในที่แบบนี้กันคะ ? ] – ???
ฮาโรลด์จึงหันหลังกลับไปหาเสียงนั้น เสียงที่ไม่มีทางที่เขาจะสามารถได้ยินในที่แห่งนี้ได้ และร่างคนๆนั้น เขาก็พบกับร่างของเธอ เอริกะ ผู้ที่กำลังยืนอยู่บนถนนในชุดกิโมโนของเธอ มันเป็นภาพที่ชวนให้นึกถึงในยุคกลาง ราวกับออกมาจากภาพวาดของอุกิโยะ อาจเพราะรูปลักษณ์ที่งดงามจนน่าอัศจรรย์ของเธอทำให้เกิดความคิดเหล่านี้ขึ้น
ด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเธอ ทำให้ฮาโรลด์ไม่สามารถอ่านอารมณ์ของเธอได้ สิ่งเหล่านี้ทำให้ฮาโรลด์ถึงกับหนาวสั่น
[ ชั้นจะไปที่ไหนมันก็เรื่องของชั้น เกี่ยวอะไรกับเธอด้วย ? ] – ฮาโรลด์
[ ท่านพี่บอกกับดิฉันว่าคุณคงจะต้องหลงทางอยู่แน่ๆค่ะ ] – เอริกะ
[ อย่ามาปฎิบัติกับชั้นเหมือนกับเป็นเด็ก มันน่าขยะแขยง ] – ฮาโรลด์
[ ดิฉันเองก็กำลังลำบากเช่นเดียวกับคุณค่ะ ] – เอริกะ
มันเป็นแบบนี้นี่เอง อิสุกิเป็นคนบังคับให้เอริกะกระทำเช่นนี้ เขาคงบอกกับเธอว่า “ตอนนี้แหละเป็นโอกาสที่ดีที่จะไปปลอบฮาโรลด์” ถ้าเป็นเช่นนี้ ฮาโรลด์ได้แต่รู้สึกขอโทษสำหรับเธอที่ต้องถูกบังคับให้มันยุ่งกับเขา
[ งั้นก็รีบกลับไปรายงานพี่ชายงี่เง่าของเธอว่าเรื่องที่เขากังวลมันไร้ประโยชน์ ] – ฮาโรลด์
[ ดิฉันก็จะทำเช่นนั้นค่ะ แต่ว่าอันดับแรก มีบางสิ่งที่ดิฉันอยากจะถามคุณเป็นการส่วนตัวค่ะ ] – เอริกะ
[ บางสิ่งที่เธออยากจะถาม ? ] – ฮาโรลด์
ในตอนที่เขาตอบทวนคำถามกลับไป ฮาโรลด์ก็นึกขึ้นได้ว่า อิสุกิเก็บเรื่องที่เขามาปรากฎตัวที่นี่เป็นความลับจากเอริกะ ดังนั้นคงเป็นเรื่องธรรมดาที่เธอจะสงสัยว่าทำไมเขาถึงมาปรากฎตัวที่นี่ได้ เดิมทีเขาคงอธิบายเรื่องนี้ได้ตั้งแต่พบหน้ากับเอริกะตั้งแต่แรกก็ได้ แต่บรรยากาศและจังหวะที่จะได้อธิบายนั้นกลับถูกทำให้หายไปโดยสิ้นเชิงด้วยฝีมือจอมป่วนอย่างอิสุกิ หมอนี่เก่งมากในเรื่องการสร้างปัญหา
[ เฮ้ หนุ่มสาวตรงนั้นน่ะ แม่หนูนั้นแต่งตัวไม่เหมือนกับคนแถวนี้เลย พวกเธอเป็นนักท่องเที่ยวงั้นรึ ? ] – ???
ทันใดนั้น ก็มีเสียงๆหนึ่งเข้ามาแทรกระหว่างฮาโรลด์และเอริกะ เจ้าของเสียงนั้นเป็นชายผิวแทนที่มีร่างกายอันแข็งแรงกำยำ เขาอยู่ในชุดเสื้อกล้าม กางเกงขายาวทรงหลวม รองเท้าแตะ และผ้าที่พันโพกศีรษะ แค่เห็นฮาโรลด์ก็เดาได้ทันทีว่าคนๆนี้เป็นกะลาสีเรือ และในขณะเดียวกัน ฮาโรลด์ก็ได้แต่สงสัยว่าทำไมกะลาสีคนนี้ถึงต้องทักทายพวกเขาด้วย แต่ก็พอที่จะเดาได้ในทันที
[ พวกเราจะไม่ขึ้นไปบนเรือของแก ] – ฮาโรลด์
ที่ท่าเรือใกล้ๆนั้น มีเรือลำเล็กๆลำหนึ่งจอดทอดสมออยู่ มันดูไม่เหมือนเรือที่ใช้ในทางพานิชหรือการขนส่งเพราะบนเรือมาการตกแต่งเรียบง่ายเล็กๆน้อยๆ แม้ขนาดรูปร่างของเรือจะลำไม่แตกต่างจากเรือลำอื่นๆ แต่ด้วยพื้นที่ใช้สอยบนเรือที่มากกว่าปกติ จึงทำให้มันดูเหมือนเป็นเรือสำราญเสียมากกว่า
[ ไม่เอาน่า อย่าพูดแบบนั้นซิ ข้าหมายถึง นี่เป็นโอกาสที่ดีนะที่นายจะได้มาโอกาสแสดงความน่าเชื่อถือต่อหน้าคุณหนูคนนั้น ] – กะลาสี
แม้ฮาโรลด์จะชิงปฎิเสธก่อนอย่างไร้เยื้อใยทันที แต่กะลาสีคนนั้นก็ไม่มีทีท่าที่จะยอมแพ้ ในทางกลับกัน เขากลับเข้าใจผิดว่าฮาโรลด์และเอริกะเป็นคู่รักกัน
ซึ่งมันก็ไม่ใช่ภาพที่แปลกอะไรหากมองพวกเขาทั้งคู่จากมุมมองบุคคลที่ 3 ปัญหาคือความเข้าใจผิดของกะลาสีคนนี้ก่อให้เกิดทุ่นระเบิดระหว่างฮาโรลด์และเอริกะ ซึ่งฮาโรลด์ที่กำลังพยายามจะเดินออกจากที่นี่ไปเพราะความอึดอัดที่เกิดจากกะลาสีเรือคนนี้ แต่เท้าของเขาก็ต้องหยุดลงเพราะคำพูดที่คาดไม่ถึง
[ ได้ค่ะ งั้นขอตั๋วสำหรับ 2 คนด้วยค่ะ ] – เอริกะ
ฮาโรลด์แทบไม่เชื่อสิ่งที่หูของตัวเองได้ยิน แน่นอนว่า หากเอริกะต้องการที่จะล่องเรือสำราญลำนั้นจริงๆ เธอก็สามารถทำเช่นนั้นได้โดยไม่มีใครห้ามอะไร แต่ทว่า เธอกลับพูดออกมาว่า “สำหรับ 2 คน” ออกมา มันเป็นไปไม่ได้ที่ 2 คนในที่นี้จะเป็นใครอื่นนอกเสียจากฮาโรลด์และเอริกะ
[ ….. ชั้นไม่เห็นยัยเมดของเธอแถวนี้ซักหน่อย ] – ฮาโรลด์
[ ยูโนะกำลังช่วยจัดสถานที่ค่ะ ] – เอริกะ
แม้ฮาโรลด์จะพยายามเดิมพันกลับความเป็นไปได้อันเล็กน้อย ซึ่งก็โดนกินไปอย่างไม่ต้องสงสัย เป็นอย่างที่คาด ดูเหมือนว่าเอริกะต้องการที่จะล่องเรือกับฮาโรลด์
ซึ่งฮาโรลด์ไม่สามารถเข้าใจในสิ่งที่เธอกำลังคิดได้เลย นั้นเพราะ หากเธอต้องการเพียงแค่จะพูดคุย ก็ไม่เห็นจำเป็นต้องทำอะไรเช่นการนั่งเรือเลยซักนิด ความคิดของฮาโรลด์ได้แต่พันกันยุ่งเหยิงเพราะไม่สามารถหาคำตอบได้
และราวกับมองเห็นความสับสนที่เกิดขึ้นในตัวของฮาโรลด์ เอริกะใช้จังหวะนี้คว้าไปที่มือของฮาโรลด์
[ ไปกันเถอะค่ะ ท่านฮาโรลด์ ] – เอริกะ
[ เฮ้ เธอทำบ้าอะไรเนี้—– ] – ฮาโรลด์
[ ก็คุณคงไม่คิดที่จะจับมือดิฉัน หากดิฉันไม่จับมือคุณก่อน ใช่มั้ยล่ะคะ ? ] – เอริกะ
[ ก็ใช่น่ะสิ ! ทำไมชั้นจะต้องอยากจั–….. ปล่อยมือชั้นซะ! ] – ฮาโรลด์
[ ท่านพี่บอกกับดิฉันว่า หากต้องการรับมือกับท่านฮาโรลด์ ดิฉันต้องเป็นฝ่ายรุกให้หนักกว่า ] – เอริกะ
[ อย่าไปเชื่อคำพูดหมอนั้น ?! ] – ฮาโรลด์
[ ดิฉันก็ไม่เชื่อค่ะ แค่คิดว่ามันสะดวกดีก็แค่นั้นค่ะ ] – เอริกะ
นี่มันชิบหายแล้ว สมกับเป็นพี่น้องคู่นี้ เอริกะเธอมีนิสัยเหมือนกับอิสุกิจริงๆ และเมื่อได้ข้อสรุปว่าเขาไม่สามารถโน้มน้ามเธอได้ด้วยคำพูด ฮาโรลด์จึงพยายามใช้กำลังเพื่อสลัดให้หลุด อย่างไรก็ตาม ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไร เขาจึงไม่สามารถหลุดรอดจากเงื้อมือของเอริกะไปได้
ไม่ว่าเขาจะพยายามซักกี่ครั้ง เรี่ยวแรงของเขาจะมลายหายไปจนสิ้น ราวกับพยายามเอาแขนไปอิงกับม่านโนเรน
และเป็นเอริกะ ผู้ที่กำลังจับอยู่ที่มือซ้ายของฮาโรลด์ เธอเฉลยคำตอบแก่เขาเกี่ยวกับปรากฎการณ์แปลกปละหลาดเหล่านี้
[ ท่านฮาโรลด์คะ คุณเคยได้ยินเกี่ยวกับ ไอคิบ้างรึปล่าว ? ไอคิเป็นศาสตร์แขนงหนึ่งของไทจูสสึ หากพูดให้เข้าใจโดยง่าย มันเป็นเทคนิคที่สามารถ “พราก” อิสระภาพของร่างกายของคู่ต่อสู้ได้ค่ะ ] – เอริกะ
ด้วยคำพูดพวกนั้น ฮาโรลด์ถึงกับหลั่งเหงื่อเย็น
เอริกะกล่าวเชิงข่มขู่ออกมาด้วยใบหน้าเรียบเฉย เอาจริงๆ ตอนนี้ฮาโรลด์รู้สึกว่าเธอดูน่ากลัวหน่อยๆแล้ว
( ผมรู้จักอยู่แล้วว่ามันคืออะไร แต่ว่าไอ้ของพรรค์นั้นอย่างไอคิโด้ถึงมีอยู่ในโลกนี้ได้กันฟร่ะ !!!!!! ) – ฮาโรลด์
แม้ว่าที่โลกนี้จะมีวิชาอย่างไอคิโด้อยู่ แต่มันก็ค่อนข้างแปลกที่เอริกะสามารถใช้ใด้ เพราะภายในเกมส์ มันไม่มีคำสั่งการต่อสู้ระยะปะชิดสำหรับเอริกะ การโจมตีทางกายภาพเพียงอย่างเดียวที่เธอสามารถใช้ได้คือการยิงธนู และนอกจากนี้ เธอยังเป็นตัวละครที่เชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์และเน้นไปด้านการสนับสนุนเป็นหลักเท่านั้น นั้นคือเหตุผลว่าเธอเชี่ยวชาญวิชาไอคิโด้ได้อย่างไรกัน ?
ดูเหมือนว่าเธอจะพัฒนาไปเกินกว่าที่ฮาโรลด์คาดเอาไว้นัก
[ ว้าว ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคุณหนูท่านนี้จะจัดการนายได้ซะอยู่หมัด มันไม่ง่ายเลยใช่มั้ยที่จะต้องรับมือกับผู้หญิงที่แข็งแกร่งกว่าตัวเอง อดทนเข้าไว้นะ พ่อเพลบอย ] – กะลาสี
ด้วยท่าทีที่แปลกใจและเห็นใจปะปนกัน กะลาสีคนนั้นได้ตบไปที่หลังของฮาโรลด์เบาๆราวกับเป็นการปลอบโยน และแม้ว่าฮาโรลด์จะรู้สึกไม่พอใจ แต่สุดท้ายเขาก็ไม่สามรถที่จะสลัดมือของเอริกะไปได้ และถูกลากขึ้นเรือไปด้วยความเขินอายต่อสายตาของผู้คนแถวนั้นที่กำลังมองมาทางพวกเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็นในฐานะของ “ชายหนุ่มผู้มีดวงตาอันสุดแสนชั่วร้ายกำลังคร่ำครวญขณะที่ถูกลากขึ้นเรือไปด้วยมือของหญิงสาวผู้งดงามจนน่าอัศจรรย์”
ซึ่งบนเรือลำนั้น ฮาโรลด์ก็อดที่จะรู้สึกไม่ได้ว่าราวกับกำลังขี่หลังยมทูตข้ามแม่น้ำสติกซ์อย่างไงอย่างงั้น