My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 66 หัวใจที่เกือบจะถูกเปิดออก
[ ที่ท่านฮาโรลด์มาที่เมืองนี้ มันเป็นเพราะดิฉันใช่ไหมคะ ? ] – เอริกะ
[ ใช่ และมันน่ารำคาญมาก ] – ฮาโรลด์
ฮาโรลด์ที่ถูกลากมาโดยขัดขืนอะไรไม่ได้ จึงตัดสินใจขึ้นมาบนเรือพร้อมกับเอริกะ และตอบกลับคำถามของเธอไปอย่างตรงๆ ซึ่งในสถานการณ์ตอนนี้มันไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีกต่อไป
และเมื่อเอริกะได้ทราบความจริง เธอก็โค้งหัวขอโทษอย่างสุดตัวพร้อมกับเอ่ยคำขอโทษออกมา
[ ดิฉันต้องขออภัยในความเห็นแก่ตัวของท่านพี่ด้วยค่ะ ] – เอริกะ
[ แทนที่จะขอโทษ ไปคุมตัวพี่ชายของเธอให้ดีๆเหอะ ] – ฮาโรลด์
แม้ว่าตัวของฮาโรลด์เองจะรู้สึกว่าคำบ่นที่ถูกพ่นออกมาจากปากของเขามันฟังดูไร้สาระ แต่เขาเชื่อจริงๆว่าเอริกะนั้นสามารถควบคุมอิสุกิให้อยู่หมัดได้ และนั้นอาจทำให้โอกาสที่เขาจะได้พบกับเธอลดลง ด้วยเหตุนี้ ฮาโรลด์จึงอยากให้เอริกะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ เพราะมันคงดีกว่าสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย
[ แล้ว ? ไอ้เรื่องที่เธอก่อทั้งหมดนี่ คงไม่เพียงแค่ถามเรื่องไร้สาระแค่นี้หรอกใช่มั้ย ? ] – ฮาโรลด์
[ ….. ค่ะ จริงๆแล้ว มีบางสิที่ดิฉันอยากจะยืนยันจากท่านฮาโรลด์ค่ะ ] – เอริกะ
[ จำใส่สมองเอาไว้ก่อนซะว่า ชั้นไม่มีเหตจำเป็นอะไรที่จะต้องตอบมันกับเธอ ] – ฮาโรลด์
จากหลายๆคำถามที่ฮาโรลด์คาดการณ์เอาไว้ แทบไม่มีคำตอบใดๆที่เขาสามารถตอบกับเธอได้เลย ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ปัจจุบันที่เขากำลังเผชิญอยู่ หรือเนื้อหาในแผนการณ์ของเขา และเรื่องของยูสทัสคือสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เขาจะต้องเหยียบมันให้มิด
[ แน่นอนค่ะ ท่านฮาโรลด์สามารถตอบคำถามเฉพาะที่ท่านต้องการจะตอบได้ค่ะ ] – เอริกะ
[ ฮึ งั้นก็ให้ไว จะได้ออกไปจากที่นี่เสียที ] – ฮาโรลด์
[ ขอบพระคุณท่านฮาโรลด์เป็นอย่างมากค่ะ งั้นดิฉันจะเข้าประเด็นสำคัญเลยละกัน ทำไมท่านฮาโรลด์ถึงพยายามจะยกเลิกการหมั้นหมายกับดิฉันเมื่อ 5 ปีก่อนคะ ? ] – เอริกะ
เอริกะถามออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา อาจเพราะไม่ต้องการให้กะลาสีเรือได้ยินเรื่องนี้ แต่ถึงกระนั้น กะลาสีเรือคนนั้นก็ดูจะไม่ได้สนใจฮาโรลด์และเอริกะอะไรมากนัก และยุ่งอยู่กับการแนะนำสถานที่ต่างๆในตัวเมืองคาบลันให้กับแขกคนอื่นๆ ซึ่งดูเหมือนเขาแค่พูดส่งๆไปตามหน้าที่ แม้มันจะดูแย่ก็เถอะ แต่ฮาโรลด์ก็คิดว่าแบบนี้มันก็สะดวกดีสำหรับตัวของเขาเช่นกัน
[ ถามทำไม ? มันยังไม่ชัดเจนอีกรึไง ? ] – ฮาโรลด์
[ งั้นดิฉันขอเรียบเรียงคำถามใหม่อีกครั้งนะคะ ทำไมท่านฮาโรลด์ถึงพยายามที่จะยกเลิกการหมั้นให้ได้ในช่วงเวลานั้นกันคะ ? ] – เอริกะ
ช่วงเวลานั้นคือตอนที่การตัดสินประหารชีวิตของเขาถูกยกเลิก และมีคำตัดสินใหม่ว่าเขาจะต้องถูกย้ายไปอยู่ในการดูแลของสถาบันวิจัยของยูสทัส หลังจากคำตัดสินของเขาถูกเปลี่ยนแปลง ฮาโรลด์ก็เข้าพบกับทาสุคุที่กำลังฟังคำพิจารณาคดีอยู่ที่นั้นเช่นกันเพื่อประกาศเรื่องการยกเลิกการหมั้น แม้ว่าในเวลานั้นสีหน้าของทาสุคุจะดูเศร้าสร้อย แต่ดูเหมือนว่าเขาเองก็จะไม่แปลกใจอะไรนัก เขาคงเตรียมใจเอาไว้ก่อนแล้วเพราะทราบมาแต่เนิ่นๆอยู่แล้วว่าเหตุการณ์นี้ยังไงก็ต้องมาถึงไม่ช้าก็เร็ว ซึ่งฮาโรลด์ก็รู้สึกประหลาดใจอยู่เช่นกัน เพราะเขาคิดว่าตัวของทาสุคุควรที่จะรู้สึกดีใจสิที่ได้ยกเลิกการหมั้นหมายในครั้งนี้
พ่อแม่ของฮาโรลด์ เฮย์เดนและเจสซิก้า พวกเขาทั้งคู่ที่นั่งอยู่กับยูสทัสในเวลานั้น ต่างน่าซีด แน่นอนว่าพวกเขาทั้งคู่คัดค้านหัวชนฝาในเรื่องนี้ และพยายามที่จะโน้มน้าวให้ฮาโรลด์เปลี่ยนความคิด แต่ตัวของฮาโรลด์ยังคงยืนกรานที่จะไม่แต่งงานกับเอริกะอย่างเด็ดขาด
จนถึงตอนนี้ พ่อของฮาโรลด์ หรือก็คือเฮย์เดน ก็ยังคอยส่งจดหมายถึงเขาอยู่เสมอเพื่อพยายามโน้มน้าวเขา แต่ว่าเรื่องนี้คือสิ่งที่เขาตัดสินใจเอาไว้ตั้งแต่ก่อนที่จะพบกับเอริกะด้วยซ้ำ ซึ่งแน่นอนว่าตัวเขาไม่มีความคิดที่จะเปลี่ยนใจอะไรในตอนนี้
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่ฮาโรลด์ขอยกเลิกการหมั้นนี้เกิดขึ้นทันทีหลังจากเสร็จสิ้นคำพิจารณาคดี ซึ่งประชาชนคนทั่วไปที่เข้ามาฟังคำตัดสินยังไม่ทันทยอยออกจากศาล ที่ฮาโรลด์ทำเช่นนั้นก็เพราะต้องการให้คนทั่วไปรับรู้เรื่องในครั้งนี้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดคือทำให้ยูสทัสเชื่อว่าตัวของเขาได้ตัดความสัมพันธ์กับตระกูลสุเมรากิแล้ว แน่นอนว่าเหตุการณ์ภัยพิบัติลึกลับที่เกิดขึ้นในดินแดนสุเมรากินั้นเป็นฝีมือของยูสทัส และหากฮาโรลด์ยังคงมีสัมพันธ์กับสุเมรากิอยู่หลังจากที่เข้าร่วมกับยูสทัส มันอาจทำให้เรื่องที่เขาเป็นคนคิดค้นยารักษาและมอบมันให้กับสุเมรากิเพื่อจำกักความเสียหายถูกเปิดเผย
หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นขึ้นจริง ยูสทัสจะต้องสงสัยเป็นแน่ว่า ฮาโรลด์ ผู้ที่มีอายุเพียง 10 ขวบในเวลานั้น สามารถรู้ถึงสูตรยาที่สามารถเพิ่มภูมิคุ้มกันหมอกพิษได้อย่างไร การที่ถูกยูสทัสสงสัย นั้นอาจหมายถึงชีวิตของฮาโรลด์ถูกรุกฆาต เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฮาโรลด์รู้สึกเสียใจจริงๆที่ไม่ได้เตือนคนของดินแดนสุเมรากิไว้ว่าให้เก็บเรื่องยารักษาที่เขามอบให้เป็นความลับ แต่ตอนนี้มันก็สายเกินไปแล้ว แม้ว่าข้อมูลส่วนใหญ่จะไม่ถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ แต่ว่าก็มีคนจำนวนมากในคฤหาสน์สุเมรากิ และคนในครอบครัวของตระกูลที่ทราบว่าตัวของฮาโรลด์นั้นเป็นผู้ที่คิดค้นยารักษานี้ขึ้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องแผนที่ที่ฮาโรลด์คาดการณ์การแพร่กระจายของหมอกพิษเอาไว้ล่วงหน้า หากข้อมูลเรื่องนี้รู้ถึงหูของยูสทัส ฮาโรลด์คงไม่พ้นถูกยูสทัสผ่าชำแหละด้วยความอยากรู้อยากเห็นในตัวของฮาโรลด์เป็นแน่ ซึ่งฮาโรลด์เองก็ไม่ได้มีฝีปากไพเราะที่จะสามารถหาคำอธิบายเรื่องนี้กับนักวิทยาศสตร์อัจฉริยะผู้บ้าคลั่งคนนี้โดยที่ไม่กลายเป็นทะเลาะฝีปากกันได้ ดังนั้นฮาโรลด์จึงต้องทำลายความเป็นไปได้ทั้งหมดที่จะถูกตั้งคำถาม
สรุปสั้นๆคือ เขายกเลิกการหมั้นก็เพราะเพื่อตัวเองล้วนๆ ประการแรก ในเนื้อเรื่องของเกมส์ ไม่มีบทที่ฮาโรลด์จะต้องไปทำงานภายใต้ยูสทัสหรืออะไรคล้ายๆกันเลยซักนิด เดิมที ตัวของฮาโรลด์ในเกมส์เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับการแก้แค้นกลุ่มของไลเนอร์ที่สามารถเอาชนะตัวของฮาโรลด์ได้ถึง 2 ครั้ง เพราะเหตุนั้น จึงถูกยูสทัสหลอกใช้โดยการมอบยาพิเศษที่เรียกว่า [[น้ำยาแห่งดวงดาว]] ให้กับเขา มันเป็นยาวิเศษที่สามารถขยายความจุเวทมนตร์ในร่างกายของผู้ใช้ หรือเรียกว่า [[ร่างสถิตแห่งดวงดาว]] ด้วยความสามารถนี้ทำให้เขามีพลังกำลังเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
อย่างไรก็ตาม ร่างของเขาจะไม่สามารถรองรับพลังที่ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆได้ และจนสุดท้ายก็จะถูกครอบงำจากพลังนั้น ซึ่งในร่างสุดท้าย ร่างกายของเขาจะกลับกลายเป็นสัตว์ประหลาดจนแทบจะไม่สามารถมองเป็นมนุษย์ได้อีก และสลายไป ซึ่งนั้นเป็นสาเหตุการตายของฮาโรลด์ในเนื้อเรื่องของเกมส์
แน่นอนว่าฮาโรลด์สามารถหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่ว่านั้นอย่างง่ายๆโดยการไม่กิน[[น้ำยาแห่งดวงดาว]] เป็นอันเด็ดขาด แต่นั้นก็มีผลเสียตามมาเช่นกัน นั้นก็คือกลุ่มของไลเนอร์จะไม่ได้รับค่าประสบการณ์จากการต่อสู้กับฮาโรลด์ที่ถูกเสริมพลังเข้าไปด้วยยา ซึ่งทำให้ฮาโรลด์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไปเสริมความแข็งแกร่งกลุ่มของไลเนอร์ด้วยอุปกรณ์ของพวกเขาและสอนกลยุทธ์และเทคนิคต่างๆที่เขาได้เรียนรู้มาจากเกมส์
นอกเหนือจากนั้น เหตุผลที่ว่าทำไมฮาโรลด์ถึงตอบตกลงที่จะไปทำงานภายใต้ยูสทัสทั้งๆที่เหตุการณ์นี้ไม่เคยเกิดขึ้นในเนื้อเรื่องของเกมส์ก็ตาม นั้นเพราะในเวลานั้นมันคือหนทางเดียวที่เขาจะสามารถรอดชีวิตจากการถูกประหารไปได้ ซึ่งในตอนนั้น ขณะที่เขากำลังถูกจองจำ ยูสทัสก็ปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าเขาและให้ทางเลือกแก่เขา 2 ทางคือ [[ นายอยากจะถูกประหารชีวิตหรือจะมาทำงานให้กับชั้น ? แต่ถ้านายเลือกที่จะมาทำงานให้กับชั้น ชั้นจะมอบสิ่งที่เรียกว่าพลังให้กับนายเช่นกัน แม้ว่ามันอาจจะทำให้นายเหมือนดั่งตกนรกก็ตาม ]]
ฮาโรลด์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากยอมรับข้อเสนอนี้เพื่อความอยู่รอด แม้ว่าทางเลือกนี้มันก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเป็นหนทางไปสู่งความตายเช่นกัน ซึ่งการช่วยเหลืองานของยูสทัสนั้นก็หมายความว่าฮาโรลด์กำลังช่วยให้ความทะเยอทะยานของยูสทัสเป็นความจริง นั้นก็หมายความว่าฮาโรลด์จะต้องกลายเป็นศัตรูกับกลุ่มของไลเนอร์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และถ้าหากทุกอย่างสำเร็จไปได้ด้วยดี โลกก็จะถึงจุดจบในที่สุด และมีโอกาสเป็นไปได้สูงที่ตัวของเขาจะเป็นเพียงเครื่องมือที่ถูกใช้แล้วทิ้งเท่านั้น
แม้ว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นทางเลือกเดียวที่จะสามารถรอดชีวิตไปได้ แต่ว่ามันไม่ง่ายเลยที่จะเลือกเส้นทางนี้ …. ไม่ง่ายเลยซักนิด
ปากของเขาที่คอยทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงคำพูดที่เขาจะสื่อกลายเป็นคำดูถูกเหยียดหยามนั้น ซึ่งตัวของฮาโรลด์นั้นเกือบจะลืมเรื่องนี้ไปเสียแล้วว่าเจ้าปากนี้ยังมีอีกความสามารถ ซึ่งจนถึงตอนนี้ฟังชั่นนี้เคยถูกเรียกใช้เพียงแค่ 2 ครั้งเท่านั้น ซึ่งมันเป็นช่วงที่ตัวของฮาโรลด์มาถึงที่โลกนี้ได้ไม่นานนัก
ฟังชั่นดังกล่าวทำให้ฮาโรลด์ถูกบังคับให้พูดประโยค”เดียวกัน”กับตัวละครภายในเกมส์ ซึ่งนั้นก็หมายความว่าเขาจะต้องพูดประโยคเดียวกันกับตัวละครของฮาโรลด์ภายในเกมส์ แม้ว่าเวลาและสถานที่ในตอนนั้นจะแตกต่างจากเนื้อเรื่องของเกมส์ แต่สถานการณ์ที่ยูสทัสเสนอที่จะมอบพลังให้กับฮาโรลด์นั้นคล้ายกันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในเกมส์
หลังจากสิ้นเสียงหัวเราะที่ดังสนั่นจนแม้กระทั้งตัวของฮาโรลด์เองก็รู้สึกหวาดหวั่น ปากของเขาก็หันไปพูดกับยูสทัสว่า
[[ ส่งพลังนั้นมาซะ !! ชั้นจะสอนให้แกรู้เองว่านรกที่แท้จริงเป็นยังไง !!!!! ]]
นั้นคือการตัดสินใจอันโง่เขลาอย่างฉับพลันของฮาโรลด์ในเกมส์ ผู้ซึ่งกระหายในพลังอำนาจ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้เหตุการณ์พัฒนามาเป็นอย่างในตอนนี้ ที่ฮาโรลด์ต้องกลายมาเป็นลูกน้องของบอสคนสุดท้ายของเรื่องนี้
แม้จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น แต่มันก็ยังเป็นเรื่องดีสำหรับฮาโรลด์ ที่ทำให้เขาสามารถมุ่งความสนใจไปยังเส้นทางที่เขาจะต้องเดินต่อไปและปัญหาที่กำลังรอคอยเขาอยู่
ขณะใคร่ครวญความทรงจำอันขมขื่นเหล่านี้ ฮาโรลด์ก็ตอบคำถามแก่เอริกะ
[ นั้นเพราะมันเป็นฉากที่เหมาะที่ชั้นจะยกเลิกการหมั้นนี้ ] – ฮาโรลด์
[ นั้นเพราะท่านฮาโรลด์ต้องการที่จะทำให้คนอื่นๆคิดว่าท่านได้ตัดความสัมพันธ์กับตระกูลสุเมรากิแล้วใช่รึไม่คะ ? ] – เอริกะ
ราวกับถูกอ่านใจได้
“รึว่าเอริกะอ่านใจได้จริงๆ ? ไม่สิเป็นไปไม่ได้แน่ๆ … แต่ว่าทำไมเอริกะถึงรู้เป้าหมายจริงๆได้กัน ? รึว่าบางที เธอรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับยูสทัส ?”
ความสงสัยเหล่านี้แว๊บเข้ามาในหัวของฮาโรลด์
[ ก็จริง ที่ชั้นตั้งใจให้มันเป็นแบบนั้น ] – ฮาโรลด์
ฮาโรลด์ระมัดระวังที่จะไม่เอ่ยชื่อของยูสทัสออกมาพร่ำเพรื่อ ถึงมันยากที่จะเชื่อว่าเอริกะรับรู้ข้อมูลอะไรบางอย่างของยูสทัสที่แม้แต่ตัวของเอลล์ยังไม่รู้ และแม้ว่าเธอจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของยูสทัส แต่เธอก็ทำได้เพียงแค่คาดเดาเจตนาของฮาโรลด์เท่านั้น กล่าวอีกนัยคือ เอริกะยังไม่ทราบถึงเป้าหมายที่แท้จริงของฮาโรลด์ และคำตอบที่เธอได้มานั้นมาจากมุมมองของตัวของเธอเอง มีความเป็นไปได้รู้ที่เธอบังเอิญเดาถูก และจริงๆแล้วเธอไม่รู้เบื้องหลังลึกๆของเจตนาเหล่านั้นเลยซักนิด
[ ท่านฮาโรลด์กำลังพยายามแบกรับทุกๆสิ่งไว้คนเดียวอีกแล้ว….. ] – เอริกะ
[ เธอพูดว่าอะไรนะ ? ] – ฮาโรลด์
[ ไม่มีอะไรค่ะ อย่าสนใจดิฉันเลย ] – เอริกะ
ฮาโรลด์มัวแต่จมกับความคิดของตัวเองมากเกินฟังจึงได้ยินเสียงที่เอริกะพึมพัมออกมาไม่ชัด แม้ว่าเขาอยากรู้ก็เถอะว่าเอริกะพูดอะไรออกมา แต่เมื่อพิจารณาคำพูดที่เขาจะขอให้ให้เอริกะพูดออกมาอีกครั้งคงกลับกลายเป็นคำหยาบคายอะไรซักอย่าง พนันได้ว่าเอริกะคงไม่มีทางพูดออกมาอีกครั้งแน่
เอาเถอะ จากนี้ไป นอกจากเอริกะ … เขาคิดว่าควรที่จะจับตาดูคนอื่นๆในตระกูลสุเมรากิเอาไว้ด้วยจะดีกว่าว่าพวกเขาพยายามสืบค้นอะไรเกี่ยวกับยูสทัสรึไม่ อีกทั้งอิสุกิผู้ซึ่งเป็นคนขอยื่นคำร้องภารกิจให้กับฮาโรลด์ในครั้งนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลสุเมรากิจะไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับยูสทัสเลยระดับหนึ่ง
[ นั้นคือที่หมดที่เธออยากจะยืนยัน ? ] – ฮาโรลด์
[ มีอีกสิ่งหนึ่งค่ะ คุณช่วยบอกดิฉันได้ไหมคะ เกี่ยวกับความจริงของข่าวลือพวกนั้น ? ] – เอริกะ
[ ชั้นไม่ได้สนใจเรื่องไร้สาระพวกนั้น และชั้นก็ไม่ได้รู้จักพวกที่เชื่อข่าวลือบ้าๆพวกนั้น ดังนั้นไม่ว่าความจริงจะเป็นเช่นไรหรือคนพวกนั้นจะเชื่อกันไปแบบไหนมันก็ไม่จำเป็นที่ชั้นจะต้องใส่ใจ ] – ฮาโรลด์
[ “นักฆ่าอัศวิน” ผู้ที่สังหารเหล่าอัศวินไปมากมายอย่างโหดเหี้ยม,ผู้ที่ทำสัญญากับปีศาจลักพาตัวเหล่าเด็กๆมาขายเพื่อแลกกับความร่ำรวย, ชายผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของความชั่วร้าย ทุกการกระทำคือความชั่วร้ายโดยสมบูรณ์ นั้นคือข่าวลือคล่าวๆที่แพร่สะพัดอยู่ในขณะนี้ค่ะ ] – เอริกะ
ถึงฮาโรลด์จะเคยได้ยินเรื่องพวกนี้มาบ้าง แต่มันก็รู้สึกแย่อยู่ดีที่ได้มาฟังเรื่องพวกนี้จากปากคนอื่น แน่นอนว่าความจริงของเรื่องราวเหล่านี้ถูกยูสทัสบิดเบือนไป
สำหรับไอ้ฉายา นักฆ่าอัศวิน มันเป็นช่วงหนึ่งในตอนที่ฮาโรลด์อยู่ระหว่างภารกิจ เขาบังเอิญพบกับกลุ่มอัศวินที่กำลังถูกโจมตีโดยฝูงสัตว์ประหลาด แม้ว่าเหล่าอัศวินทั้งหมดมีราวๆ 10 คน แต่พวกเขาก็ใกล้จะถูกสังหารกันเกือบหมด ในตอนที่ฮาโรลด์มาถึง มากกว่าครึ่งถูกฆ่าไปแล้ว และที่เหลือก็จวนเจียนจะกลับจุดเซฟ เหล่าอัศวินทั้งหมดต่อสู้อย่างหลังชนฝาเพื่อที่จะปราบเหล่าสัตว์ประหลาดให้จงได้ จนสุดท้ายก็มีเพียงแค่ 2 คนที่รอดชีวิต อย่างไรก็ตาม อาการบาดเจ็บของพวกเขาทั้ง 2 หนักหนาจนเกินไป จนสุดท้ายอัศวินทั้ง 2 ก็ต้องออกจากกองอัศวินไปในที่สุดเพราะไม่สามารถปฎิบัติหน้าที่ของอัศวินต่อไปได้
เกี่ยวกับเรื่องข่าวการลักพาตัว ในตอนที่ฮาโรลด์ออกทำภารกิจ(เหมือนอย่างเคย) เขาได้พบกับเด็กเร่ร่อนที่ถูกทิ้งไว้ในสถานที่ต่างๆเช่นสนามรบหรือในสลัม ฮาโรลด์จะพาพวกไปยังสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าและมอบเงินส่วนหนึ่งและสิ่้งของจำเป็นไว้ให้ แม้ว่าจำนวนครั้งที่เขาเคยช่วยเหลือเด็กเหล่านี้ไว้จะสามารถนับครั้งได้ด้วยมือข้างเดียว (ไม่น่าจะเกิน 5 ครั้ง) และไม่ควรที่จะมีใครล่วงรู้ แต่ถึงกระนั้นมันก็ไม่พ้นสายตาของยูสทัส นั้นทำให้ฮาโรลด์ตระหนักได้ว่าเคลือข่ายข่าวสารของยูสทัสน่ากลัวเพียงใด
และไอ้เรื่องสุดท้ายที่ว่า “ชายผู้อยู่บนจุดสูงสุดของความชั่วร้าย” คงเป็นเพียงภาพลักษณ์ที่คนทั่วๆไปตั้งให้กับฮาโรลด์หลังจากเอาข่าวลือหลายๆเรื่องมารวมกัน ในตอนที่ยูสทัสได้ยินเรื่องนี้ เขาถึงกับคร่ำครวญออกมาว่า “นี่มันยังทื่อเกินไป ควรวาดภาพลักษณ์ที่เจาะจงกว่านี้ ชื่อฉายายังตั้งได้ไม่ดีพอ” ดังนั้นไอ้ฉายานี้จึงไม่ใช่ฝีมือของยูสทัส ฮาโรลด์พบว่ายูสทัสเอาจริงเอาจังมากกับการสร้างชื่อเสียงแย่ๆให้กับฮาโรลด์ เพราะงั้น ผลงานที่ฟังดูครึ่งๆกลางๆแบบนี้ยูสจัสจึงบ่นออกมาว่าไม่ใช่ฝีมือของเขาแน่นอน ซึ่งสำหรับฮาโรลด์ มันน่ารำคาญมากที่ยูสทัสดันมาจริงจังอะไรกับแบบนี้ และทุกครั้งที่เขาได้ยินข่าวลือพวกนี้ เขาก็ได้แต่คิดว่า “ถ้าข่าวลือทั้งหมดที่ว่ามันเป็นจริง ไม่ใช่เขาควรจะถูกลากเข้าซังเตไปนานแล้วเรอะ”
ดูเหมือนว่าเอริกะจะรู้ดีว่าข่าวลือพวกนั้นไม่เป็นความจริง แต่การที่เธอยังคงมาถามแบบนี้แสดงว่าเธอมั่นใจเพียงแค่ครึ่งเดียว หากเป็นเช่นนั้นจริง ฮาโรลด์ก็จะใช้โอกาสนี้เพื่อทำให้แน่ใจว่าค่าความชอบของเอริกะที่มีต่อเขาจะต้องอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุด แต่ถ้าเป็นไปได้ หลังจากเธอเข้าร่วมกับกลุ่มผู้กล้าแล้ว เขาก็ไม่อยากให้เอริกะชักชวนคนอื่นๆในตี้ผู้กล้าเกลียดเขาไปด้วยกันหมด โดยเฉพาะกับไลเนอร์ หากเป็นไปได้ เขาเองก็ไม่อยากที่จะปะทะกันจนถึงขั้นแตกหักกับพวกของไรเนอร์
เพราะเขายังต้องการพรรคพวกที่ยังคงเชื่อมั่นในตัวของเขา อย่างน้อยก็เชื่อในระดับที่สามารถยอบรับฟังคำแนะนำหรือข้อมูลที่เขาเป็นผู้มอบให้ก็พอ หรือถ้ามันเป็นไปไม่ได้จริงๆ เขาคงทำสิ่งเหล่านี้ผ่านเอลล์เอาก็ได้
[ ก็ตามนั้นแหละ ด้วยมือคู่นี้ มันเปรอะเปื้อนไปทั้งเลือดและบาป แต่ว่าแล้วไง ? ในเมื่อพวกมันอ่อนแอ และผู้ที่อ่อนแอก็ทำได้เพียงจมอยู่กับความโง่เขลาของตนและโทษนั้นโทษนี่ที่ทำให้ตนต้องกลายเป็นเหยื่อเท่านั้น ] – ฮาโรลด์
นี่คือคำตอบที่อาจกล่าวได้ว่ามาจากกลุ่มคนที่เป็นอิลิทโดยแท้ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังสามารถควบคุมตัวเองให้ไม่หลุดคำว่า “พวกชั้นต่ำ” ออกมาจากปากของเขาได้ ฮาโรลด์มองไปที่มือขวาของตน และด้วยดาบเล่มนี้ เขาได้สังหารทั้งสัตว์ประหลาดและผู้คนไปมากมาย แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลย
[ บางที … การที่พวกเราทั้ง 2 ไม่สามารถเข้าใจกันและกันได้อาจเพราะพวกเราเติบโตมาอย่างแตกต่างกันจนเกินไป แต่ว่า … ] – เอริกะ
ทันใดนั้น มือขวาของฮาโรลด์ก็รู้สึกถึงความอบอุ่น ราวกับกำลังถูกห่อหุ้มอย่างอ่อนโยน ความอุ่นที่มือค่อยๆแผ่กระจายไปทั่วๆฝ่ามือ
ต้นเหตุของความอบอุ่นนั้นมาจากมือของเอริกะที่กำลังกุมมือขวาของฮาโรลด์เอาไว้ เธอค่อยๆดึงมันเข้ามาใกล้หน้าอกของเธออย่างนุ่มนวล
[ แต่ก็ด้วยมือนี้เช่นกันที่ได้ปกป้องคนสำคัญของดิฉันเอาไว้ นั้นก็เป็นความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้เช่นกัน ดังนั้น ไม่ว่าท่านฮาโรลด์จะเป็นคนบาปขนาดไหน ดิฉันก็จะยังคงยอบรับในตัวท่านเสมอค่ะ ] – เอริกะ
มันช่างน่าดึงดูด ฮาโรลด์ไม่สามารถละสายตาที่อบอุ่นของเอริกะไปได้เลย มันดูราวกับค่อยๆดูดเขาเข้าไปใกล้เรื่อยๆ เขารู้สึกได้ถึงสัญญาณเตือนของจิตสำนึกของเขาที่ดังขึ้นเพื่อบอกให้เขาหยุดจ้องมองไปที่ดวงตาคู่นั้น แต่ทว่าเขาทำอะไรไม่ได้เลย ราวกับว่าถูกครอบงำโดยสมบูรณ์ ฮาโรลด์จับไปที่มือของเอริกะอย่างไม่รู้สึกตัว และ —–
[ นั้นคือสิ่งที่ท่านพี่อยากจะบอกกับคุณ ดิฉันหมายถึง– นั้นแสดงให้เห็นว่าท่านพี่เป็นห่วงท่านฮาโรลด์มากขนาดไหน ] – เอริกะ
ทันทีที่เอริกะกล่าวออกมา เธอก็ปล่อยมือขวาของฮาโรลด์ มือที่เคยอบอุ่นเริ่มเย็นลงเมื่อสัมผัสกับอากาศภายนอก พร้อมกับความรู้สึกของเขาที่ค่อยๆสงบลง
และในเวลาเดียวกัน รอยยิ้มซุกซนก็ปรากฎขึ้นบนใบหน้าของเอริกะ จึงทำให้ฮาโรลด์รู้ว่าเขาถูกหลอก อาจเพราะรู้สึกเขินอาย เขาจึงหันไปทางอื่นพร้อมกับกอดอก
แม้จะได้ยินเสียงหัวเราะเล็กๆที่เต็มไปด้วยความสุขของเอริกะ ฮาโรลด์ก็ยังคงหันไปทางอื่นเพื่อซ่อนความเขินอายของตนเอาไว้ จนกระทั่งเรือเดินทางมาถึงที่ท่าเรือ