My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 101
ลู่โจวรู้อยู่แล้วว่าฝานเชียวได้ออมมือเอาไว้ในตอนก่อนหน้านี้ แต่ถึงแบบนั้นเขาคาดไม่ถึงเลยว่าฝานเชียวจะสามารถผลิกลีบดอกบัวระหว่างที่ต่อสู้อยู่ได้แบบนี้
เมื่อกลีบดอกไม้ใบที่ห้าผลิบานขึ้น ในตอนนั้นเวทมนตร์คาถาทั้งหมดก็เริ่มหยุดขยายตัว คลื่นพลังอันทรงพลังบนตัวของฝานเชียวถูกพัดออกมาอย่างรุนแรง พลังทั้งหมดนั้นถูกพัดออกมาจากพลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถี พลังทั้งหมดถูกพัดออกมาในรูปแบบของระลอกคลื่น
ตู๊ม!
“ข้าน่ะรอแบบนี้มานานแล้ว!”
คลื่นพลังที่ถูกปล่อยมาได้ซัดทหารหลายร้อยคนให้ปลิวหายไปบนอากาศ ทหารคนอื่นๆ รวมไปถึงชาวยุทธเองได้แต่ถอยกลับเท่านั้น พวกเขาไม่กล้าที่จะเดินหน้าต่อไป
ฝานเชียวที่ได้ใช้พลังอย่างเต็มที่ได้เคลื่อนไหวอย่างว่องไวดุจดั่งสายฟ้า พลังร่างอวตารที่มีกลีบดอกบัวถึง 5 ใบสามารถปล่อยพลังได้ครอบคลุมพื้นที่ที่กว้างมากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้
ผู้ฝึกยุทธหลายร้อยคนได้แต่กรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวดเท่านั้น พวกผู้ฝึกยุทธบางส่วนถูกซัดปลิวหายไปก่อนที่จะตายทันที ทหารผู้โชคร้ายทั้งหลายที่ไม่สามารถหลบการโจมตีได้ทันถูกคลื่นพลังซัดจนจมน้ำตายไป
พลังอวตารห้ากลีบได้จัดการทหารคนแล้วคนเล่าไป
ฝานเชียวสามารถเอาชีวิตคนนับร้อยได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น!
ทหารและผู้ฝึกยุทธทั้งหลายได้แต่ถอยห่างกลับไปอีกครั้ง!
ใครบางคนในตอนนั้นได้พูดขึ้น “ใจเย็นเอาไว้พวกเรา! ยังไงเจ้านั้นจะต้องถูกจัดการด้วยสุดยอดเวทมนตร์คาถาอยู่ดี พวกมันหนีไปไหนไม่ได้หรอกแม้ว่าจะติดปีกก็ตาม พวกเราแค่ซื้อเวลารอต่อไปเท่านั้น! “
ทหารและผู้ฝึกยุทธทั้งหลายได้ถอยห่างกลับไปกว่าหลายร้อยเมตร พวกเขาได้แต่จ้องมองฝานเชียวและเหล่าสาวกราวกับเสือที่กำลังจ้องมองดูเหยื่อ พวกเขาไม่ได้คิดผิดเลยแม้แต่น้อย ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะปะทะตรงๆ กับฝานเชียวในตอนนี้
สุดยอดเวทมนตร์คาถาเริ่มขยายตัวอย่างแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ!
“บ้าเอ๊ย! ” หนึ่งในสาวกของฝานเชียวพูดสบถขึ้นมา
ฝานเชียวไม่ได้คลายพลังของตัวเขาลงเลย ตัวเขายังคงใช้พลังที่มีเข่นคร่าผู้คนต่อไป ในที่สุดฝานเชียวก็ตัดสินใจที่จะหยุดใช้พลังร่างอวตาร พลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถีของเขากินพลังลมปราณมากเกินไป ตัวเขาจะต้องเก็บออมพลังที่มีเอาไว้
การรวมตัวกันของสุดยอดเวทมนตร์คาถาเองก็ยังคงขยายใหญ่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าความเร็วของมันจะช้าลงมากแล้วแต่ถึงแบบนั้นพวกฝานเชียวคงจะเสร็จเวทมนตร์คาถาพวกนี้ในอีกไม่นานแน่ ในตอนนี้มันก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วนั่นเอง
หยวนเอ๋อจ้องมองไปที่เวทมนตร์คาถาที่กำลังขยายใหญ่ก่อนที่จะเข้าใกล้มาเรื่อยๆ เมื่อเธอเห็นแบบนั้นเธอก็ได้เอ่ยปากถามลู่โจวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเล็กน้อย “ท่านอาจารย์ นั่นอะไรกัน? “
‘ท่านอาจารย์? ‘ ฝานเชียวที่ได้ยินแบบนั้นหันไปมองลู่โจวและหยวนเอ๋อ เขาแน่ใจว่าตัวเขาได้ยินไม่ผิดแน่ ฝานเชียววางแผนจะพาตัวหยวนเอ๋อออกไปในตอนที่สถานการณ์ชุลมุนมากกว่านี้ แต่ในเวลานี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าการเอาชีวิตรอดอีกต่อไป ฝานเชียวที่ได้ยินแบบนั้นได้เอ่ยถามขึ้น “ตาแก่นี่เป็นอาจารย์ของเจ้าอย่างงั้นหรอ? “
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังคำถามแบบนั้นก็ได้กลอกตาก่อนที่จะพูดตอบกลับไป “เจ้าน่ะน่ารำคาญซะจริง ถึงเจ้ารู้ไปแล้วเจ้าจะทำอะไรได้ล่ะ? ถ้าหากเจ้ายังทำตัวน่ารำคาญต่อไปแบบนี้ ข้าจะขอให้ท่านอาจารย์จัดการกับเจ้าเอง! “
“…”
ฝานเชียวไม่ได้รู้สึกโกรธเมื่อได้ฟังคำพูดของหยวนเอ๋อเลยแม้แต่น้อย แม้แต่ฝานเชียวเองก็ไม่รู้สาเหตุได้เลย ตัวเขาได้แต่เงียบลงเพื่อที่จะใช้ความคิดเท่านั้น ‘น่าเสียดายจริงๆ ที่ข้าทำให้นางเป็นสาวกคนใหม่ไม่ได้! ‘
ลู่โจวลูบเคราของตัวเอง ใบหน้าของเขายังคงสงบและเยือกเย็น ลู่โจวในตอนนี้สามารถจะเอาชีวิตของฝานเชียวเมื่อไหร่ก็ได้ เพียงแค่การใช้การ์ดพิเศษเพียงใบเดียวเท่านั้น การใช้การ์ดของลู่โจวสามารถจัดการกับผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างแน่นอน
ฝานเชียวจ้องมองไปที่ลู่โจวอีกครั้ง ลู่โจวในตอนนี้ไม่ได้แสดงอาการตื่นตกใจเลยแม้แต่น้อย ความสงสัยที่มีในใจของฝานเชียวจึงได้เพิ่มมากขึ้น ตัวเขาพยายามอ่านพลังลมปราณเพื่อประเมินพลังของลู่โจวอีกครั้ง ‘เจ้านี่อ่อนแอ! อ่อนแออย่างแท้จริง! เจ้านี่อย่างมากก็คงจะทะลวงเส้นพลังลมปราณ 3 เส้นได้เพียงเท่านั้น ดูเหมือนว่าเจ้านี่เองไม่ได้เก็บซ่อนพลังยุทธที่แท้จริงเอาไว้อีกด้วย ในตอนที่สุดยอดเวทมนตร์คาถาขยายตัวจนถึงขีดสุด ในตอนนั้นเขาจะต้องปกป้องตัวเองด้วยพลังลมปราณแน่ เมื่อถึงเวลานั้นตาแก่นี่ก็คงจะไม่มีทางปกปิดความสามารถที่แท้จริงได้อีกต่อไป ตาแก่นี่มันเป็นใครกันแน่? ทำไมตาแก่นี่ถึงเป็นอาจารย์ของสาวน้อยผู้เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์แบบนี้? ‘
ในตอนนั้นเองความเร็วในการขยายตัวของวงเวทก็ได้เพิ่มมากขึ้น! เพียงพริบตาเดียวเท่านั้นพลังจากวงเวทก็ได้ครอบคลุมพื้นที่ของท่าเรือทั่วทั้งหมด ในที่สุดสุดยอดพลังวงเวทก็ถูกสร้างสำเร็จจนได้
แสงของเวทมนตร์คาถาจะส่งผลกับสายตาของเป้าหมายที่ได้จับจ้องมัน, พลังลมปราณของเป้าหมายจะถูกกัดกร่อน, สติของเป้าหมายที่มีเองก็เช่นกัน และสุดท้ายแล้วมันก็จะทำลายพลังวรยุทธของเป้าหมายไป!
ในตอนนี้ดูเหมือนว่าโลกทั้งโลกจะจมดิ่งเข้าสู่ความมืดมิด!
“หนีซะ! ” สีหน้าของฝานเชียวเปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนที่เวทมนตร์คาถาจะเข้าสู่เส้นลมปราณทั้ง 8 ของเขาได้อย่างสมบูรณ์และปิดจุดตันเถียนของเขาเอาไว้ได้ ฝานเชียวมีแต่จะต้องออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่านั้น เขาหันกลับไปหาสาวกทั้งสามคนที่ใบหน้าเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ ฝานเชียวเป็นเพียงคนเดียวที่มีพลังยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ แต่ถึงแบบนั้นฝานเชียวก็ไม่อาจที่จะพาทุกคนหนีไปกับเขาได้ ตัวเขาได้เหลือบมองมาที่ลู่โจวอีกครั้ง “ตาแก่ ข้าไม่สนหรอกนะว่าเจ้าจะเป็นใครกันแน่ แต่เจ้าจะต้องร่วมมือกับข้าในตอนนี้ ถ้าหากเจ้าอยากจะมีชีวิตรอดเจ้ามีแต่จะต้องทำเท่านั้น! สุดยอดเวทมนตร์คาถานั่นจะทำให้พวกเราไม่สามารถใช้พลังลมปราณได้อีกต่อไป! “
ลู่โจวส่ายหัวของเขา ด้วยพลังขั้นวรยุทธที่ตัวเขามีในตอนนี้อยู่ในขั้นมหาราชครูเท่านั้น ลู่โจวยังไม่ได้ทะลวงเส้นพลังลมปราณทั้ง 8 ได้ด้วยซ้ำไป ยิ่งไปกว่านั้นพลังร่างอวตารของเขาก็เป็นเพียงแค่พลังร่างอวตารจตุกายาที่ต่ำต้อยเท่านั้น ถ้าหากลู่โจวแสดงพลังออกมา พลังของเขาก็คงไม่ต่างอะไรกับคนธรรมดาในที่แห่งนี้ มันแทบที่จะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะตอบกลับมาอย่างไร้อารมณ์ “…เจ้าไม่คู่ควรหรอก”
เมื่อฝานเชียวได้ยินแบบนั้น ตัวเขาก็ตอบกลับมาอย่างหยิ่งผยอง “ถ้าหากข้าไม่ได้ใช้พลังอวตารแห่งร้อยวิถีก่อนหน้านี้ เจ้าน่ะจะต้องตายไปต้องนานแล้ว! พระราชวังได้ใช้สุดยอดเวทมนตร์คาถาขึ้นมาเพื่อปกป้องสถานที่แห่งนี้เอาไว้ ในตอนนี้กับดักทุกอย่างถูกเปิดใช้งานเรียบร้อย ถ้าหากเราจะหนีเราก็ทำได้แค่ในตอนนี้เท่านั้น ตอนนี้ข้าเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะหลบหนีจากที่แห่งนี้ได้” หลังจากพูดจบเขาก็หันมาพูดกับหยวนเอ๋ออีกครั้ง “สาวน้อย ข้าจะให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้า ถ้าเจ้ามากับข้า ข้าจะช่วยให้เจ้ารอดจากสถานการณ์ในตอนนี้เอง! “
“หุบปาก! ” หยวนเอ๋อพูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว
ฝานเชียวรู้สึกเสียใจขึ้นมา หลังจากนั้นเขาก็ได้ส่ายหัวก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง “ถ้าเป็นอย่างงั้นแล้วละก็ข้าก็คงจะต้องปล่อยให้เจ้าเผชิญโชคชะตาด้วยตัวเองแล้วล่ะ! ” หลังจากพูดจบ ฝานเชียวก็เคลื่อนไหวด้วยสุดยอดความเร็วอีกครั้ง เวทมนตร์คาถาเริ่มที่จะรุกรานเข้าสู่เส้นพลังลมปราณของตัวเขาแล้ว! ‘ถ้าข้าไม่หนีไปตั้งแต่ตอนนี้ ข้าก็คงจะติดอยู่ที่นี่ตลอดไป! ‘
ก่อนหน้านี้ฝานเชียวยังคงลังเลอยู่ว่าจะทิ้งศิษย์สาวกทั้งหมดเอาไว้ที่นี่ แต่ตอนนี้เขาไม่ลังเลอีกต่อไป ตัวเขาไม่มีเวลาที่จะมาลังเลอีกต่อไป ฝานเชียวได้ปลดปล่อยพลังยุทธของขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ออกมาอย่างเต็มที่ ฝานเชียวได้ดีดตัวเองขึ้นไปบนกลางอากาศก่อนที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการของสุดยอดเวทมนตร์คาถาไป
ควันพิษสีเขียวที่เปลี่ยนตัวเองเป็นเหมือนกับเถาวัลย์ได้ลอยขึ้นจากวงเวทสีม่วงก่อนที่จะขัดขวางทัศนวิสัยของฝานเชียวเอาไว้
“ท่านอาจารย์อย่าทิ้งข้าไว้แบบนี้! “
“ท่านอาจารย์! “
ศิษย์สาวกทั้งสามของฝานเชียวได้กรีดร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงกันเมื่อเห็นอาจารย์ของพวกเขาใช้พลังอย่างเต็มที่เพื่อจะหลบหนีจากเวทมนตร์คาถานี้ ยิ่งไปกว่านั้นสาวกทั้งสามในตอนนี้ได้ถูกพลังเวทมนตร์คาถาทำให้ตัวพวกเขาอ่อนแรงลงแล้ว ลำพังเพียงผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามจะหนีเอาตัวรอดจากสุดยอดเวทมนตร์คาถาที่อยู่ตรงหน้าได้ยังไงกัน?
แม้ว่าศิษย์ของฝานเชียวทั้งสามคนจะรวมพลังกัน แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่สามารถเทียบกับหยวนเอ๋อได้เลย
หยวนเอ๋อสามารถรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะว่าเธอสำเร็จวิชาหยกบริสุทธิ์มาแล้วนั่นเอง
ลู่โจวเหลือบมองไปรอบๆ ตัวเขา ในตอนนี้ไม่มีใครเข้าใกล้ตัวเขาอีกต่อไป ตัวเขามองเหลือบมองขึ้นไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง ฝานเชียวยังคงพุ่งทะยานสูงขึ้น และสูงขึ้นไปบนท้องฟ้าอย่างไม่หยุดยั้ง
แม้ว่าทัศนวิสัยของฝานเชียวจะพร่ามัวแค่ไหน ตัวเขาก็ยังคงปล่อยพลังลมปราณออกมาอย่างไม่หยุดยั้ง
ลู่โจวได้แต่ส่ายหัว ‘น่าสมเพชจริง! ถ้าหากฝานเชียวใจกล้ามากพอที่จะเสี่ยงโชคใช้พลังอวตารแห่งร้อยวิถีในการพุ่งทะยานหนีไป ถ้าหากทำแบบนั้นได้ตัวเขาก็คงจะมีโอกาสหนีรอด ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปฝานเชียวจะต้องถูกจับแน่’
สุดยอดเวทมนตร์คาถาในตอนนี้อยู่เหนือกว่าสุดยอดเวทมนตร์คาถาระดับธรรมดาทั่วไปไปแล้ว ผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ที่พยายามจะหนีจากสุดยอดเวทมนตร์คาถาโดยที่ไม่ใช่พลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถีเป็นอะไรที่ไม่ต่างจากการพยายามจะสร้างวิมานในอากาศหรอก!
ลู่โจวส่ายหัวของตัวเองอีกครั้ง ‘ทำไมฝานเชียวถึงประมาทแบบนั้นกัน? ‘
ในตอนนั้นเอง
พรึ๊บ!
ในท้องฟ้าไกลแสนไกล ในตอนนั้นกลุ่มก้อนพลังที่มีสีแตกต่างอย่างชัดเจนก็ได้พุ่งออกมาจากวงเวทก่อนที่จะตรงไปหาฝานเชียว สิ่งที่พุ่งออกไปคือลูกธนูขนนกที่ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยพลังอันแข็งแกร่ง! และเพราะความเร็วของมันที่มีทำให้มันพุ่งไปบนอากาศโดยที่ทิ้งภาพประกายไฟเอาไว้เท่านั้น! ประกายไฟที่เกิดขึ้นเกิดจากแรงเสียดสีที่มีท่ามกลางชั้นบรรยากาศนั่นเอง ลูกธนูที่ถูกยิงออกมาจากวงเวทพุ่งทะยานด้วยความเร็วดุจดั่งสายฟ้าก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่ฝานเชียวเข้าอย่างจัง!
ฝานเชียวถูกจับกุมเอาไว้ได้ ตัวเขาร่วงลงมาจากท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ลูกธนูที่เพิ่งจะพุ่งทะยานขึ้นไปได้ทำลายการป้องกันตัวเขาอย่างสมบูรณ์แบบ และเพราะถูกโจมตีเข้าอย่างจังทำให้ร่างกายของฝานเชียวเป็นเหมือนกับลูกโป่งที่เกิดรูรั่ว พลังลมปราณของเขาค่อยๆ ไหลออกไปรอบๆ ตัว พลังลมปราณที่ไหลล้นออกมาได้กลายเป็นระลอกคลื่นก่อนที่จะไหลไปทั่วๆ อย่างงดงาม
ภาพที่ได้เห็นเป็นเหมือนกับดอกไม้ไฟที่น่าตื่นตาตื่นใจ!
แค่ก!
ฝานเชียวกระอักเลือดออกมาเต็มปาก
ตู๊ม!
ฝานเชียวร่วงลงมาก่อนที่จะชนอาคารหลังหนึ่งไป ร่างกายของฝานเชียวได้ทำลายตัวเองไป พลังงานรอบตัวของเขาได้กระจายตัวไปทันทีที่เข้าชนกับตัวอาคาร
มือธนู! มือธนูผู้มีวรยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์อยู่! ยอดฝีมือปรากฏตัว! มีเพียงผู้ใช้ธนูที่มีวรยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์เท่านั้นที่จะสามารถโจมตีฝานเชียวจากระยะที่ไกลได้แบบนี้ และมือธนูคนนี้จะต้องมีทักษะในการยิงธนูที่ดีเยี่ยมอีกด้วย คนคนนั้นเป็นใครกันแน่?
ภายใต้ยุทธภพที่กว้างใหญ่ มีเพียงคนเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ การยิงลูกธนูเจาะพลังป้องกันของผู้มีวรยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์จากระยะไกลแบบนี้ได้ คนคนนั้นจะต้องเป็นผู้ใช้ธนูสุดยอดฝีมือ หนึ่งในสามมือธนูมหาเทพ! เขาคนนั้นอยู่ที่นี่แล้ว
ในตอนนั้นเองทุกคนได้แต่จ้องมองไปที่ลูกธนูลูกนั้น!