My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 104
ตอนนี้รถม้าสีแดงได้แหลกเป็นชิ้นๆ หากมียอดฝีมืออยู่ในนั้นคนคนนั้นก็จะต้องถูกขยี้จนร่างแหลกเหลวไปแล้ว และถ้าหากไม่เห็นใครอยู่แบบนี้ก็แสดงว่าในรถม้าคันนั้นไม่มีคนมาตั้งแต่แรก! ไม่มียอดฝีมือหรือชนชั้นสูงอยู่!
หลังจากรอได้สักพักก็ไม่มีใครปรากฏตัวออกมาจากซากรถม้า
ลู่โจวพยักหน้าก่อนที่จะลูบเคราตัวเอง “ว่างเปล่าอย่างงั้นหรอ? ” โชคดีที่ผลลัพธ์ได้ออกมาเป็นแบบนี้ ลู่โจวได้ใช้การ์ดการโจมตีของเพรชฆาตทั้งห้าใบไปหมดแล้ว ในตอนนี้ลู่โจวสามารถควบคุมสถานการณ์ทุกอย่างได้แล้ว ถ้าหากมีสถานการณ์ที่จะทำให้ลู่โจวลำบาก สถานการณ์นั้นก็คงจะเป็นสถานการณ์ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์เข้ามาโจมตี ถ้าหากเป็นแบบนั้นลู่โจวคงจะยากที่จะรับมือ
หยวนเอ๋อเป็นคนที่เลือกที่จะทำลายความสงบเป็นคนแรก เธอในตอนนี้รู้สึกดีใจมากที่ได้เห็นอาจารย์ของตัวเองแสดงฝีมือ “ท่านอาจารย์เยี่ยมจริงๆ! “
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะตอบกลับมาอย่างใจเย็น “เจ้าเป็นยังไงบ้าง? “
“ศิษย์ไม่เป็นไร…ก่อนหน้านี้ศิษย์แค่รู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย” หยวนเอ๋อพูดออกมาก่อนที่จะเดินไปหาลู่โจว
‘หรือว่าเคล็ดวิชาหยกศักดิ์สิทธิ์จะสามารถต้านทานพลังเวทมนตร์คาถาได้? ‘ ลู่โจวรู้สึกสงสัย
แสงสีม่วงอ่อนที่มาจากเวทมนตร์คาถาในตอนนี้เริ่มที่จะจางหายไปทั้งหมดแล้ว แต่ถึงแบบนั้นก็ยังคงมีทหารและเหล่าผู้ฝึกยุทธรอคอยที่จะโจมตีพวกเขาต่อไป
ลู่โจวไม่รู้สึกกังวลอะไร ท้ายที่สุดแล้วคนเหล่านี้ก็ไร้พลังเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา ลู่โจวเลือกที่จะหันไปหาฝานเชียวแทน
ในตอนนั้นเองฝานเชียวก็ได้แต่ไอออกมาอย่างรุนแรง
ลู่โจวจ้องไปที่ฝานเชียว ในตอนแรกเขาตั้งใจที่จะใช้การ์ดการโจมตีของเพรชฆาตเพื่อจัดการกับฝานเชียว แต่ในตอนนี้ฝานเชียวได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว และหนำซ้ำตัวเขายังได้รับผลกระทบจากเวทมนตร์คาถาไปอีกด้วย ลู่โจวได้เปลี่ยนใจไป ในตอนนี้ตัวเขาได้เดินเข้าหาฝานเชียวแทน เฉินซู่ผู้ที่น่าจะรู้ความจริงได้ตายจากไปแล้ว ตัวเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากจะต้องเค้นข้อมูลมาจากฝานเชียวผู้เหลือรอด
เมื่อเห็นลู่โจวเดินมา ฝานเชียวก็พยายามดิ้นรนที่จะลุกขึ้นมานั่งด้วยความยากลำบาก ฝานเชียวจะต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมากกว่าที่จะลุกขึ้นมาคุกเข่าได้ “ข้าน้อยคนนี้มีตาหามีแววไม่ โปรดยกโทษให้ข้าด้วยท่านผู้อาวุโส! ” ทันทีที่พูดจบฝานเชียวก็ได้ไอขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้ที่จะถูกเฉินซู่โจมตี ฝานเชียวได้เคยปลอมตัวเป็นจีเทียนเด๋ามาก่อนนั่นเอง
‘ท่านผู้อาวุโสอย่างงั้นหรอ? ‘ ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพยักหน้าออกมา สีหน้าของเขาไม่ได้เปลี่ยนไปเลยเมื่อได้ฟังแบบนั้น “ข้าคิดว่ามันออกจะแปลกไปหน่อยน่ะที่เจ้าเรียกข้าผู้อาวุโสแบบนี้”
ฝานเชียวได้พยายามเอามือห้ามเลือดเอาไว้ก่อนที่จะพูดตอบกลับมา “ข้าน้อยไม่สมควรที่จะได้อภัย ข้าได้แอบอ้างที่จะเป็นท่าน แต่ถึงแบบนั้นท่านผู้อาวุโสก็กลับสังหารเฉินซู่ ศิษย์ของข้าจะต้องไม่ตายเปล่า ข้ารู้สึกเป็นหนี้บุญคุณท่านแล้วท่านผู้อาวุโส” หลังจากที่พูดจบลู่โจวก็รู้ได้ทันทีว่าศิษย์ทั้งหมดของฝานเชียวมีความหมายสำหรับเขา
เมื่อเห็นแบบนั้นศิษย์ทั้งสองคนที่เหลือของฝานเชียวก็ได้คุกเข่าลงโค้งคำนับลู่โจวในทันที
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่เมตตา! “
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่เมตตา! “
“ติ้ง! คุณได้รับการสวามิภักดิ์ ได้รับแต้มบุญ 2 แต้ม”
‘หน้าซื่อใจคดซะจริง’ ถึงแม้ว่าลู่โจวจะคิดแบบนั้น แต่ใบหน้าของเขาก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย ใบหน้าของเขาไม่มีทั้งสีหน้าแห่งความสุขและความโกรธ ลู่โจวได้ลูบเคราก่อนที่จะพูดออกมา “ข้ามีคำถามจะถามเจ้า เจ้าจะต้องตอบคำถามของข้าตามความจริง”
“ข้าน้อยจะบอกทุกอย่างที่รู้เอง! “
“เยี่ยมมาก” ลู่โจวครุ่นคิดก่อนที่จะถามไป “บอกตัวตนที่แท้จริงของเจ้ามา”
ฝานเชียวไม่กล้าที่จะแสดงละครอีกต่อไป “ข้าคือฝานเชียว ข้ามาจากสำนักหยุน ส่วนสาวกทั้งสามคนของข้าเป็นศิษย์แท้ๆ ของตัวข้าเอง”
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดออกมาอย่างเย้ยหยัน “เจ้าไม่รู้สึกละอายใจบ้างหรอที่แอบอ้างว่าเป็นปรมาจารย์มหาวายร้ายจากศาลาปีศาจลอยฟ้าทั้งๆ ที่อ่อนแอแบบนี้? “
ฝานเชียวที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก สำหรับเขาพลังร่างอวตารดอกบัว 5 กลีบไม่ใช่พลังที่อ่อนแอเลย
“แล้วทำไมเจ้าถึงต้องแอบอ้างเป็นปรมาจารย์มหาวายร้ายด้วยล่ะ? ” ลู่โจวถามขณะที่ลูบเครา
ฝานเชียวรู้สึกลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกไปในที่สุด “ก่อนที่จะตอบคำถามข้าขออธิบายอะไรบางอย่างให้กับท่านฟังก่อน ผู้ฝึกยุทธมากมายจากสำนักหยุน, สำนักเทียน และสำนักหลัว เหล่าสาวกของทั้งสามสำนักต่างก็ถูกทำร้ายหรือไม่ก็ถูกทำลายอาวุธไปมากมายหลายชิ้น ความเสียหายพวกนี้ได้ทำให้พวกเราอ่อนแอลง ตั้งแต่นั้นมาพวกเราก็ไม่สามารถที่จะกลับไปแข็งแกร่งแบบเดิมได้อีก เพราะแบบนั้นข้าเลยได้คำสั่งให้หยุดเรื่องนี้…” ฝานเชียวได้หยุดพูดไปชั่วขณะ
“พูดสิ” ลู่โจวสั่งออกมา
“ข้าได้รับคำสั่งมาให้แอบอ้างเป็นท่านเพื่อให้ก่อกรรมทำชั่วทุกที่” ฝานเชียวตอบอย่างไม่เต็มใจเท่าไหร่นัก
ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบาๆ “สำนักหยุนเป็นหัวหน้าของทั้งสามสำนักใหญ่ ทำไมสำนักที่ยิ่งใหญ่ที่ยึดถือเส้นทางแห่งความดีถึงได้ใช้วิธีที่นี่รังเกียจแบบนี้ได้? “
“ศาลาปีศาจลอยฟ้าก่อกรรมทำชั่วมามากมายแล้ว ข้าก็แค่ได้รับคำสั่งให้เจ้าพวกนั้นลิ้มรสชาติในสิ่งที่ตัวเองทำ! “
พรึ๊บ!
คลื่นพลังได้ซัดเข้าใส่ใบหน้าของฝานเชียวเต็มๆ
คลื่นพลังนั้นได้ซัดเข้าใส่ฝานเชียวเต็มๆ รอยนิ้วมือได้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา ใบหน้าของฝานเชียวปวดแสบปวดร้อนขึ้นมาทันที
“ท่านผู้อาวุโส ท่าน….” ฝานเชียวไม่รู้จะทำตัวยังไง เขาไม่แม้แต่จะกล้าตอบโต้อะไรกลับมา
“ข้าจะถามเจ้าอีกครั้งว่ากระดูกพวกนั้นมันสำคัญอะไร? “
หลังจากที่โดนตบมา ฝานเชียวก็รู้สึกสงบลงมาก ตัวเขาได้จับแก้มของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “ที่นี่มีกระดูกของชาวมนุษย์เผือกอยู่ กระดูกพวกนี้จะสามารถช่วยให้ผู้ฝึกยุทธอยู่ได้เป็นพันปี! ” ใบหน้าของฝานเชียวเต็มไปด้วยความสับสน หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาเบาๆ “ท่านผู้อาวุโส ท่านมีทั้งความรู้และประสบการณ์กว้างขวาง ท่านต้องเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อนสิ”
‘กระดูกของมนุษย์เผือกสามารถทำให้เพิ่มอายุขัยได้อย่างงั้นหรอ? ‘ ลู่โจวพยายามที่จะค้นหาความทรงจำอีกครั้ง เนื่องจากจีเทียนเด๋าอาศัยอยู่มาเป็นพันๆ ปีและเดินทางข้ามดินแดนต่างๆ มามากมาย เป็นไปไม่ได้เลยที่ตัวเขาจะไม่รู้เรื่องนี้ ลู่โจวพยายามนึกภาพความทรงจำอยู่แต่ถึงแบบนั้นเขาก็นึกอะไรไม่ออกเลย ในตอนนั้นลู่โจวจึงตัดสินใจที่จะถามต่อไป “แล้วพบกระดูกพวกนั้นไหม? “
ฝานเชียวส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “พระราชวังได้พยายามค้นหาอย่างต่อเรื่องเป็นเวลาสิบปี แต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่พบ ดังนั้นโอกาสที่พวกเราจะหาเจอเองก็เลยยิ่งน้อยลงเช่นกัน”
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นได้ตะคอกใส่ก่อนจะพูดออกมา “เจ้าโง่…ไม่มีใครที่จะสามารถทำลายขีดจำกัดเพิ่มพลังชีวิตได้หรอก เจ้าของกระดูกเองยังต้องตาย เจ้ายังจะหวังอีกหรอว่ากระดูกพวกนั้นจะช่วยอะไรเจ้าได้ ช่างน่าขันสิ้นดี! “
ฝานเชียวที่ได้ยินแบบนั้นพูดไม่ออกอีกครั้ง เขาโต้ตอบหยวนเอ่ฮกลับไปไม่ได้เลย
ลู่โจวจำจักรพรรดิฉินจากโลกที่เขาจากมาได้ จักรพรรดิฉินได้กวาดล้างดินแดนไปมากมายเพื่อที่จะหาทางที่จะยืดอายุขัยของตัวเอง ถึงแม้ว่าผู้คนในโลกแห่งนี้จะสามารถใช้พลังยุทธได้ แต่แน่นอนว่าพวกเขาเองก็ไม่สามารถที่จะทำลายขีดจำกัดทางด้านอายุขัยได้เลย ‘เป็นไปได้ไหมว่าจักรพรรดิโลกใบนี้จะไม่ยอมจำนนให้กับขีดจำกัดทางด้านอายุขัยของตัวเอง? ‘
ลู่โจวกำลังใช้ความคิดของตัวเองต่อไป ในตอนนั้นเองเหล่าทหารรวมไปถึงผู้ฝึกยุทธต่างก็เข้าใกล้ตัวเขามากขึ้นทุกที มีทั้งทหารหลายพันคนรวมไปถึงผู้ฝึกยุทธขั้นสังหรณ์หยั่งรู้, ขั้นมหาราชครู และขั้นศักดิ์สิทธิ์
“เจ้าพวกนี้ได้รับผลจากสุดยอดเวทมนตร์คาถาไปแล้ว ตอนนี้เจ้าพวกนี้ไร้พลัง อย่าไปกลัวพวกมันซะละ”
“ประหารผู้บุกนั่นซะ! “
ใบหน้าของลู่โจวยังคงไร้อารมณ์ไม่เปลี่ยนแปลงไป
หยวนเอ๋อได้กอดอกก่อนที่จะเริ่มพูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ให้ข้าจัดการเจ้าพวกนั้นเอง”
ลู่โจวโบกมือก่อนที่จะพูดตอบกลับไป “ไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นหรอก”
“ฮะ? ” สีหน้าของหยวนเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นเต็มไปด้วยความสับสน
“บี่เอี๊ยน”
ถึงแม้ว่าหยวนเอ๋อจะเก่งกาจสักแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นการที่จะเอาชนะคนนับพันรวมไปถึงผู้ฝึกยุทธนับร้อยได้ก็คงจะต้องเสียพลังไปเป็นอย่างมาก
บี่เอี๊ยนได้ปรากฏตัวออกมาจากป่าทันทีที่ลู่โจวเรียกชื่อของมัน
เหล่าทหารและผู้ฝึกยุทธต่างก็หันกลับไปมองเจ้าของเสียงคำรามที่มาจากด้านหลัง
“นั่นมันอะไรกัน? “
“เสืออย่างงั้นหรอ? “
“เสือมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกัน? “
ทหารและผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็สับสนเมื่อเห็นบี่เอี๊ยนปรากฏตัว เมื่อบี่เอี๊ยนเข้ามาใกล้ผู้คนทั้งหลายก็เริ่มเห็นรูปร่างของมันอย่างชัดเจน
ตามที่คาดเอาไว้ บี่เอี๊ยนเองก็ไม่ได้รับผลจากเวทมนตร์คาถาเช่นกัน
“นี่มัน…”
“สัตว์ร้าย”
บี่เอี๊ยนคำรามออกมาอย่างเสียงดัง เสียงคำรามของมันดักกึกก้องไปทั่วป่า
ทหารทั้งหลายต่างก็คุกเข่าลงด้วยความตื่นตกใจ ตอนนี้พวกเขาเห็นแล้วว่าสัตว์ร้ายที่อยู่ตรงหน้าเป็นสัตว์ร้ายที่ทรงพลังมากแค่ไหน มีเพียงมนุษย์ที่มีพลังวรยุทธมากพอเท่านั้นที่จะสามารถทำให้สัตว์ร้ายแบบนี้เชื่องจนกลายเป็นสัตว์ขี่ได้
เมื่อบี่เอี๊ยนปรากฏตัวออกมาจากป่า มันก็ได้พุ่งชนฝูงชนในทันที! พลังแรงกระแทกของมันได้ทำให้แขนขาของเหยื่อผู้โชคร้ายร่างขาดกระจายไปในช่วงเวลาสั้นๆ
“วิ่ง! “
“ถอยเร็ว! “
“ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์! รวมตัวซะ! “
ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่มีพลังยุทธต่ำกว่าขั้นมหาราชครูลงมาต่างก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป พวกเขาได้แต่ถอยเท่านั้น
ในขณะเดียวกันทหารทั้งหลายไม่สามารถที่จะต้านทานแรงกระแทกได้เลย พวกทหารทั้งหมดต่างก็ลอยไปบนอากาศ
บี่เอี๊ยนเป็นสัตว์ขี่ที่มีพลังต่อสู้อันน่าเกรงขามมาก พลังของมันได้ถูกแสดงให้เห็นแล้วว่าทรงพลังแตกต่างจากสัตว์ขี่ในตำนานมากแค่ไหน
ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ใช้ดาบบินของตัวเองก่อนที่จะลอยเข้าปะทะกับบี่เอี๊ยน
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
การโจมตีจากผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ทำให้บี่เอี๊ยนบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย พลังพวกนั้นได้ทำให้บี่เอี๊ยนรู้สึกโกรธมากขึ้น
โฮกกกกก!
บี่เอี๊ยนบ้าคลั่ง! มันกระโจนขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะไล่ตะครุบเหล่าผู้ฝึกยุทธ! สิ่งที่มันแตกต่างจากราชันย์ช้างก็คือบี่เอี๊ยนสามารถบินได้!
“ไม่มีทาง! สัตว์ขี่บินได้! “
ผู้ฝึกยุทธไม่มีแม้แต่เวลาจะมาตอบสนองอะไร เพียงแค่การโจมตีของบี่เอี๊ยนครั้งเดียวเท่านั้น กระดูกของพวกผู้ฝึกยุทธทั้งหลายก็ได้แหลกเป็นจุณ
บี่เอี๊ยนยังคงอาละวาดผ่านฝูงชนต่อไป ทหารและเหล่าผู้ฝึกยุทธที่ขาดผู้บัญชาการก็ไม่ต่างอะไรไปจากทหารแตกทัพ ท้ายที่สุดแล้วทหารกว่าหลายพันคนก็ได้แต่ถอยหนีด้วยความกลัวเท่านั้น
“หนีเร็ว! “
“มันไม่ได้รับผลกระทบจกาเวทมนตร์คาถา! เป็นไปได้ยังไงกัน?! “
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
บี่เอี๊ยนได้กวาดทหารมาทุกครั้งที่มันได้กวัดแกว่งกรงเล็บ ในตอนนี้บี่เอี๊ยนเริ่มดุร้ายมากกว่าเดิม
ถ้าหากศัตรูเป็นมนุษย์ ทหารทั้งหลายคงจะไม่หวาดกลัวกันมากขนาดนี้ ท้ายที่สุดแล้วมนุษย์คนหนึ่งก็ต้องมีขีดจำกัดอยู่ดี แต่ตอนนี้พวกเขาทั้งหมดกำลังเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย ยิ่งไปกว่านั้นสัตว์ร้ายตัวนี้ดูเหมือนจะไม่รู้จักความเหนื่อยล้าอีกด้วย!
‘คนพวกนี้ช่างน่าสมเพชจริงๆ …’ ลู่โจวได้ส่งสัญญาณให้บี่เอี๊ยนโจมตีเหล่าผู้ฝึกยุทธต่อไป “ข้าน่ะยังพอมีควาเมตตาอยู่บ้าง ปล่อยให้คนธรรมดาเหลือรอดซะ จัดการกับชาวยุทธทั้งหลาย! “
ฝานเชียว “??? “
ศิษย์ทั้งสองคน “??? “