My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 113
“ไม่ได้คิดมาก่อนอย่างงั้นหรอ? ” จางชูตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง “ช่างไร้สาระ! วิหารปีศาจพยายามที่จะทำลายสำนักฝ่ายธรรมะสินะ! “
นักดาบชุดเขียวคนนั้นได้ยิ้มให้ก่อนที่จะโต้ตอบกลับมา “ข้าไม่คิดว่าตาแก่จะทำแบบนั้นโดยที่ไม่มีเป้าหมายหรอกนะ”
“จริงๆ อย่างงั้นหรอ? ” เมื่อจางชูรู้ตัวแล้วว่าสถานะที่ตัวเขากำลังนั่งอยู่ในตอนนี้มันน่าอับอายมากแค่ไหน เขาจึงรีบสะบัดเสื้อคลุมก่อนที่จะลุกขึ้นยืนอีกครั้ง
“อืม…” นักดาบชุดเขียวพยักหน้า “ถ้าหากตาแก่นั่นทำให้เจ้ารู้สึกขุ่นเคือง ข้าเองก็ขออภัยแทนเขาด้วย”
คิ้วของจางชูขมวดขึ้น หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างหงุดหงิด “เจ้าเป็นใครกันแน่ถึงจะต้องไปขอโทษแทน? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกันแน่? “
ไม่ทันทีจางชูจะได้พูดจบ ดาบของชายชุดเขียวก็ได้ลอยออกมาจากฝักอย่างรวดเร็ว มันบินออกมาก่อนที่จะกลับเข้าไปในฝักเพียงพริบตาเดียว
จางชูที่อยู่ตรงนั้นไม่เห็นแม้แต่เงาของดาบ แต่ถึงแบบนั้นนิ้วโป้งของจางชูก็ได้ถูกตัดออกมาจากมือของเขาซะแล้ว ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก มันเร็วเกินกว่าที่จางชูจะรู้สึกถึงความเจ็บปวดได้ซะอีก
“ข้ามีนามว่ายู่ฉางตง” ชายชุดเขียวพูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “ไม่จำเป็นจะต้องกลัวข้าไปหรอก ข้าน่ะไม่เคยฆ่าใครโดยที่ไม่มีเหตุผลหรอกนะ”
“…”
“ข้าขอโทษด้วยที่ต้องล่วงเกินท่าน แต่ข้าเห็นทีคงจะต้องขอตัวก่อน” ยู่ฉางตงได้หันกลับมาก่อนที่จะหายตัวเข้าไปในป่าเพียงแค่พริบตาเดียว
จางชูที่ได้ฟังแบบนั้นเพิ่งจะรู้สึกถึงความเจ็บปวด เลือดที่ไหลรินจากนิ้วมือของเขาตอนนี้ได้ไหลไปที่ระหว่างขาอีกครั้ง!
…
สี่ชั่วโมงต่อมา ที่ห้องโถงใหญ่ของศาลาปีศาจลอยฟ้า
ฝานเชียวที่มาถึงที่นี่ได้แต่คุกเข่าอย่างสั่นกลัวอยู่ที่พื้น ในขณะที่เขามองไปรอบๆ ตัว เขาก็พบว่าห้องโถงใหญ่แห่งนี้ไม่ได้ดูน่าประทับใจอะไรเลย แต่ที่แห่งนี้คือศาลาปีศาจลอยฟ้าที่แท้จริง ฝานเชียวกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงหายใจดังๆ ออกมา
ด้วนมู่เฉิงและหมิงซี่หยินได้ยืนทำความเคารพอยู่ที่ด้านหลังของฝานเชียว
ลู่โจวจ้องมองไปที่ฝานเชียว แม้ว่าชายคนนี้จะเคยแอบอ้างเป็นเขา แต่ถึงแบบนั้นเขาก็มีพลังวรยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์และมีพลังร่างอวตารถึง 5 กลีบด้วยกัน เขาเป็นหนึ่งในผู้อาวุโสจากสำหนักหยุน ถ้าหากฮั๊ววู่เด๋าทำตามที่ด้วนชิงได้คาดการณ์เอาไว้ นั่นหมายความว่าฮั๊ววู่เด๋าจะต้องมาที่นี่เพื่อคลี่คลายปมในใจของเขาแน่ ดังนั้นคนจากสำนักหยุนอย่างฝานเชียวจึงไม่ได้มีประโยชน์อะไรในตอนนี้ ลู่โจวที่คิดแบบนั้นได้จึงได้โบกมือก่อนที่จะสั่งการ “ขังเจ้านั่นซะ”
“รับทราบ” ด้วนมู่เฉิงรีบลากตัวของฝานเชียวออกจากห้องโถงใหญ่อย่างรวดเร็ว
“นอกจากนี้ถ้าหากพวกเจ้าพบกับฮั๊ววู่เด๋าให้เจ้านั่นมาพบข้าด้วย”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว”
ลู่โจวเหลือบมองไปที่ผู้ฝึกยุทธจากวังจันทราที่กำลังยืนอยู่ด้านข้าง ในตอนนั้นเขาก็ได้ลูบเคราก่อนที่จะเริ่มไถ่ถามออกมา “วันนี้ยี่เทียนซินเป็นยังไงบ้าง? “
ผู้ฝึกยุทธหญิงคนนั้นได้คุกเข่าลงกับพื้น เธอคนนี้รู้สึกกลัวมากจนแทบที่จะพูดไม่ออก
เมื่อฝางซงเห็นแบบนั้น เขาก็รีบคารวะลู่โจวก่อนที่จะตอบคำถามแทน “ให้ข้าได้ตอบคำถามท่านด้วยเถอะ ท่านปรมาจารย์ตอนนี้นอกจากอาการอ่อนแอของนางที่มีอยู่ก่อนแล้ว นางยังสบายดี”
ลู่โจวพยักหน้า นอกเหนือจากอาการเจ็บป่วยของชาวมนุษย์เผือกที่มี ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรนอกเหนือจากนั้น ก่อนที่ความจริงของเรื่องหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์จะถูกเปิดเผยขึ้นมา ในตอนนี้ลู่โจวไม่ได้วางแผนเอาไว้ว่าจะทำอะไรต่อไปกับยี่เทียนซิน ในท้ายที่สุดแล้วเขาก็พูดออกมาอย่างห้วนๆ “ข้าเหนื่อยแล้ว”
“พักผ่อนให้สบายเถอะค่ะท่านอาจารย์”
ลู่โจวลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเข้าไปยังห้องลับ ตัวเขาไม่มีเวลาที่จะอ่านเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์เลยในเวลาสองวันที่ผ่านมานี้
ชื่อ: ลู่โจว
เผ่า: มนุษย์
วรยุทธ: ขั้นมหาราชครู
แต้มบุญ: 6,212
อวตาร: จตุกายา
อายุขัย: 5,800 วัน
ของที่มี: การ์ดการโจมตีของเพรชฆาต x1, การ์ดป้องกันสุดยอด x2, การ์ดประกันชีวิต x7, ผนึกกักขัง x4, วิซซาร์ด, บี่เอี๊ยน
อาวุธ: อาวุธนิรนาม, ห่วงแห่งรัก (เจ้าของเดิมยี่เทียนซิน ต้องการการปรับแต่งก่อนใช้) , กระบี่ตัดชีวา (เจ้าของเดิมจางฉิวชู ต้องการการปรับแต่งก่อนใช้)
เคล็ดวิชา: เคล็ดวิชาทั้งสามส่วนของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์
“6,000 อย่างงั้นหรอ ยังขาดอยู่อีก 2,000 สินะ” ลู่โจวขมวดคิ้ว ในตอนนี้ตัวเขายังไม่สามารถใช้แต้มบุญที่มีซื้อพลังร่างอวตารใหม่ได้ มันแพงเกินไป ‘ดูเหมือนว่าฉันจะต้องหาวิธีใหม่ๆ ที่จะได้แต้มบุญหลังจากนี้’
และเพราะตัวเขายังไม่สามารถเปิดเผยความจริงของเรื่องหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ได้สำเร็จ เพราะแบบนั้นแล้วลู่โจวจึงยังไม่ได้รางวัลใหญ่ตอบแทนมานั่นเอง
“จับฉลากนำโชค”
“ติ้ง! คุณได้ใช้แต้มบุญ 50 แต้ม คุณได้รับค่าความโชคดี 1”
“คนเราคงจะไม่ซวยซ้ำสองหรอก” ลู่โจวในตอนนั้นเลือกที่จะจับฉลากนำโชคอีกครั้ง
“ติ้ง! คุณได้ใช้แต้มบุญ 50 แต้ม กับค่าความโชคดี 8 คุณได้รับพลังร่างอวตารเบญจจักรวาล”
“…”
นี่มันเรื่องจริงๆ อย่างงั้นหรอ? การจะซื้อพลังร่างอวตารเบญจจักรวาลได้จะต้องใช้แต้มบุญมากถึง 8,000 แต้ม แต่ในตอนนี้ตัวเขากลับได้รับพลังร่างอวตารมาด้วยการใช้แต้มบุญเพียง 50 แต้มเท่านั้น
แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็รู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย มันเหมือนกับคำกล่าวที่ว่า ‘หากไม่ล้ม ก็คงจะไม่มีวันได้ลุกขึ้นมาใหม่’ ก่อนที่ลู่โจวจะได้ร่างอวตารนี้มาตัวเขาได้สูญเสียแต้มบุญไปกับการจับฉลากนำโชคไปอย่างมากมาย
“ใช้งาน” พลังร่างอวตารจตุกายาได้ถูกแทนที่โดยพลังร่างอวตารเบญจจักรวาลไปเป็นที่เรียบร้อย ในตอนนี้เองเส้นพลังลมปราณทั้งห้าของตัวเขาก็สามารถเชื่อมต่อกับจุดตันเถียนได้สำเร็จ และเพราะร่างกายของลู่โจวเคยเบิกเส้นพลังลมปราณได้มาก่อน เพราะแบบนั้นในตอนที่เส้นพลังลมปราณเชื่อมต่อกับจุดตันเถียน ในตอนนั้นพลังลมปราณก็ได้ไหลพุ่งออกมาจากร่างกายของเขาราวกับกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว ลู่โจวในตอนนี้รู้สึกสบายตัวมากขึ้น
หลังจากนั้นลู่โจวก็ได้ใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับพลังใหม่ที่ได้มา ดูเหมือนว่าพลังวรยุทธที่ตัวเขามีเองจะเพิ่มขึ้นมาเป็นอย่างมาก ตัวเขาได้ถอนหายใจในระหว่างที่เหยียดแขนและขา “ฉันอยากที่จะได้การ์ดพลังชีวิตอีก”
“จับฉลากนำโชค”
“ติ้ง! คุณได้ใช้แต้มบุญ 50 แต้ม คุณได้รับค่าความโชคดี 1”
ลู่โจวได้จับฉลากนำโชคติดต่อถึง 5 ครั้งด้วยกัน แต่ในทุกๆ ครั้งผลลัพธ์กลับออกมาเช่นเดิม
หลังจากที่ได้พลังร่างอวตารเบญจจักรวาลมาแล้ว ลู่โจวก็ไม่ได้อะไรอีกเลยหลังจากที่จับฉลากนำโชคต่อไปถึง 5 ครั้งติด สิ่งที่เขาได้มีแค่ค่าความโชคดีที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ลู่โจวอยากที่จะได้อะไรสักอย่างมากกว่า อะไรสักอย่างที่ไม่ไร้ประโยชน์สำหรับตัวเขา
ลู่โจวไม่ได้พยายามที่จะจับฉลากนำโชคอีกต่อไป ตัวเขาเลือกที่จะเปิดเมนูร้านค้าขึ้นมาแทน ตอนนี้ตัวเขาอยากที่จะดูว่ามีการ์ดพิเศษชิ้นไหนปลดล็อกมาใหม่ไหม
“นี่มันอะไรกัน? ” ลู่โจวได้เหลือบเห็นอะไรบางอย่างที่อยู่ท้ายสุดของเมนูร้านค้า สิ่งที่ตัวเขาเห็นคือกล่องสีม่วงนั่นเอง ลู่โจวคิดว่าภายในกล่องนั้นจะต้องมีการ์ดพิเศษอยู่แน่
ชื่อของกล่องชิ้นนั้นคือ ‘กล่องลึกลับ’
‘กล่องลึกลับอะไรกัน? ‘
“ราคา: 2,000 แต้มบุญ สามารถซื้อได้ภายใน 1 วัน”
“ของจำกัดเวลาอย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวขมวดคิ้ว สิ่งนี้ทำให้ตัวเขานึกถึงเกมที่เคยเล่นมาก่อน มันเป็นกลยุทธ์สุดคลาสสิกของพ่อค้าหน้าเลือด! แต่ถึงแบบนั้นระบบนี้ก็ยังใช้ได้ผลมากอยู่ดี
ลึกๆ ในใจของลู่โจวคาดไว้ว่าจะต้องมีของล้ำค่าอยู่ข้างในกล่องลึกลับนั่น
“ซื้อ”
หลังจากทำการซื้อกล่องลึกลับ ในตอนนั้นเองก็มีแสงส่องสว่างตรงใจกลางห้อง หลังจากนั้นไม่นานกล่องใบหนึ่งก็ปรากฏขึ้นกลางห้อง มันเป็นกล่องสีม่วงที่มีรูปร่างเหมือนกับรูปจำลองทุกอย่างในเมนูร้านค้า
หลังจากที่เฝ้าสังเกตมาได้สักพักลู่โจวก็ตระหนักได้ว่าตัวเขาไม่มีทางที่จะเปิดมันได้ กล่องถูกปิดสนิท!
พรึ๊บ!
ลู่โจวได้โบกมือไปมาก่อนที่จะซัดพลังเข้าใส่กล่อง ในตอนนั้นเองไม่มีอะไรเกิดขึ้นแม้แต่น้อย
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ลู่โจวยังคงโจมตีกล่องใบนั้นอย่างต่อเนื่อง
…
ภายนอกห้องลับ
หยวนเอ๋อและหมิงซี่หยินได้ยินเสียงดังอันวุ่นวายดังมาจากห้องลับ
“อย่าเข้าไปเด็ดขาด! ท่านอาจารย์น่ะคงรู้สึกไม่พอใจเรื่องที่เกิดขึ้นตรงหมู่บ้านมังกรสวรรค์แน่ ตอนนี้ท่านน่ะจะต้องโกรธเกรี้ยวอยู่อย่างแน่นอน” หมิงซี่หยินรีบหยุดหยวนเอ๋อที่กำลังจะเข้าไปในห้องลับ
“ค่ะ ศิษย์พี่! “
“ศิษย์น้องหญิง เจ้าน่ะว่างไหม? “
“มีอะไรอย่างงั้นหรอ? “
“ประลองกับข้า! ดูนี่สิข้าเพิ่งจะได้เคียวแห่งพื้นพิภพมา! ท่านอาจารย์น่ะมอบให้กับข้าเอง…เอ่อศิษย์น้องหญิง ทำไมเจ้าถึงร้องไห้ออกมากันล่ะ? ” หมิงซี่หยินได้โชว์อาวุธชิ้นใหม่อย่างเคียวพื้นพิภพ ในตอนนั้นเองเขาก็ค่อยๆ ควงไปควงมา
แต่ก่อนที่หมิงซี่หยินจะได้ทำอะไร เสียงของด้วนมู่เฉิงก็ได้ดังออกมาจากนอกห้องโถงซะก่อน
“ศิษย์น้องสี่ ข้าได้ยินข่าวดีมา ข้าได้ยินมาว่าท่านอาจารย์มอบอาวุธให้กับเจ้าอย่างงั้นสินะ? มากับข้าซะสิ…ข้าแทบที่จะรอต่อไปไม่ไหวแล้ว ตอนนี้เจ้าน่ะมีสุดยอดอาวุธแล้ว เพราะแบบนั้นเจ้าน่าจะเป็นคู่ซ้อมของข้าได้นานกว่าเดิมแน่! เร็วเข้า…” ด้วนมู่เฉิงที่ถือหอกราชันย์อยู่ได้รีบลากหมิงซี่หยินออกจากห้องโถงไปด้วนมือที่เหลืออยู่อีกข้าง
หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นจึงได้พูดออกมาอย่างเย้ยหยัน “สมน้ำหน้าศิษย์พี่! “