My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 120
เมื่อพูดถึงดาบดีๆ หยวนเอ๋อก็เริ่มรู้สึกไม่ดีขึ้นมา ในตอนนั้นเธอก็อดไม่ได้ที่จะพึมพำออกมา “ท่านอาจารย์จะต้องมอบอาวุธดีๆ ให้กับเจ้านั้นเพียงเพราะว่าข้อมูลอันไร้ค่าเพียงแค่สองครั้งสินะ แต่ศิษย์เป็นศิษย์ของท่านมานาน กลับไม่ได้อะไรเลย”
“สามหาว! ” ลู่โจวจงใจพูดขึ้นเสียงออกมา นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ลู่โจวทำแบบนี้
“ศิษย์ผิดไปแล้วค่ะ” หยวนเอ๋อพูดออกมาก่อนที่จะก้มหน้าสำนึกผิด
“อาวุธนั่นเป็นของเหล่าราชวงศ์อยู่แล้ว มันไม่มีประโยชน์สำหรับข้าหรอกที่จะเก็บอาวุธพวกพวกนั้นเอาไว้” ลู่โจวพูดขึ้น
“ค่ะ” หยวนเอ๋อได้แต่พยักหน้ายอมรับ
ลู่โจวลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ ก่อนที่จะเดินตรงไปยังห้องลับ
“พักผ่อนให้สบายนะคะท่านอาจารย์”
หลังจากที่ลู่โจวหายไป หมิงซี่หยินก็ได้พูดออกมา “ศิษย์น้องหญิง ทำไมเจ้าถึงต้องไปกังวลเรื่องนี้กันล่ะ? ข้าเองก็เพิ่งจะได้เคียวพื้นพิภพมา ข้ามั่นใจว่าท่านอาจารย์น่ะจะต้องให้อาวุธที่ดีกับเจ้าด้วยแน่นอน”
“ศิษย์น้องสี่พูดถูก ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากเจ้าฝึกฝนตัวเองไปถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ เมื่อถึงเวลานั้นท่านอาจารย์จะต้องมอบอาวุธล้ำค่าให้กับเจ้าแน่ อาวุธที่จะต้องดีกว่าหอกราชันย์ของข้า! “
“ฮึ่ม! งั้นข้าขอตัวก่อน! ” หยวนเอ๋อพูดออกมาก่อนที่จะหันหลังและจากไป
หมิงซี่หยินและด้วนมู่เฉิงต่างก็สบตากัน
ฝางซงเองก็กำหมัดก่อนที่จะคารวะออกมา “ข้าคิดว่าศิษย์พี่เก้าจะต้องรู้สึกโกรธแน่เมื่อเห็นท่านได้เคียวพื้นพิภพไป และยิ่งกว่านั้นศิษย์พี่สามเองก็ยังมีหอกราชันย์อีกด้วย ข้าคงจะต้องข้อตัวเพื่อที่จะไปฝึกฝนเคล็ดวิชาหยางทั้งหก ข้าน้อยขอตัวก่อน” หลังจากฝางซงพูดจบเขาก็รีบออกจากห้องโถงไปอย่างรีบร้อน
โจวจี้เฟิงที่พาฮั๊ววู่เด๋ามาที่บ้านพักเองได้เอาตัวรอดจากห้องโถงไปเป็นที่เรียบร้อย
“ศิษย์น้องสี่พวกเราไปฝึกกันต่อเถอะ”
“…”
…
ลู่โจวเข้าไปในห้องก่อนที่จะมองกล่องลึกลับที่เพิ่งจะได้มา หลังจากนั้นเขาก็ได้แต่ส่ายหัว ‘สิ่งนี้สามารถต้านทานพลังโจมตีจาอาวุธนิรนามได้ อาวุธระดับสรวงสวรรค์ก็คงจะใช้ไม่ได้ผลกับมัน กล่องใบนี้คงจะมีแต่กุญแจวิเศษเท่านั้นที่จะสามารถเปิดมันออกได้’ ลู่โจวพยักหน้าอย่างใจเย็น ‘ถ้าหากปล่อยสิ่งนี้เอาไว้กับเขา บางทีหมิงซี่หยินอาจจะคิดอะไรออกก็ได้ ‘
เนื่องจากลู่โจวได้ซื้อกล่องจากร้านค้ามาเพราะแบบนั้นเขาจึงไม่ได้กังวลเลยว่าคนอื่นจะเปิดมันได้ หลังจากนั้นไม่นานลู่โจวก็ได้สนใจแต้มบุญที่เหลือของเขา
แต้มบุญ 4,762 แต้ม
ลู่โจวได้รับพลังอวตารเบญญจจักรวาลมาหลังจากที่ได้จับฉลากนำโชคไป ถ้าหากตัวเขาต้องการพลังร่างอวตารปัญจแห่งการเกิดใหม่ซึ่งเป็นพลังขั้นต่อไปลู่โจวจะต้องใช้แต้มบุญทั้งหมดกว่า 12,000 แต้มด้วยกัน แน่นอนว่าในตอนนี้ตัวเขาไม่มีแต้มบุญมากมายถึงขนาดนั้น ถ้าหากจะหาแต้มบุญด้วยวิธีเดิมๆ ต่อไปลู่โจวไม่คิดว่าตัวเขาจะมีปัญญาซื้อมันได้ในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน
ความคิดหลายอย่างได้เกิดขึ้นในใจของลู่โจวพร้อมกัน หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้เปิดเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ขึ้นมาเพื่อที่จะเริ่มทำความเข้าใจอีกครั้ง
6 ชั่วโมงต่อมา
ในที่สุดลู่โจวก็เลิกที่จะหยุดศึกษาเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้ ในตอนนี้ลู่โจวรู้สึกว่าตัวเขากำลังเข้าสู่สภาวะแห่งความว่างเปล่า ตอนนี้ลู่โจวไม่ได้เจอกับตัวหนังสือที่ไร้ความหมายอีกต่อไป ทุกตัวหนังสือที่เจอล้วนถูกเรียบเรียงมาจนทำให้ตัวเขาสามารถทำความเข้าใจได้อย่างง่ายดาย
‘ไม่เป็นไร ตราบใดที่ฉันทำความเข้าใจมันต่อไป ตัวฉันจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่’
ในตอนนั้นเองเสียงของหยวนเอ๋อก้ได้ดังออกมาจากด้านนอกของห้องลับ “ท่านอาจารย์ เจียงอาเฉียนตอบกลับมาแล้วค่ะ”
“เจ้านั่นตอบว่าอะไร? “
“เจ้านั่นบอกว่าจะไม่มาค่ะ เจ้านั่นบอกว่าที่แห่งนี้อันตรายเกินไปที่จะมา และจะดีกว่ามากถ้าหากท่านอาจารย์สามารถส่งดาบดีๆ ให้กับตัวเขาได้” หยวนเอ๋อได้ตอบกลับมา
ลู่โจวพยักหน้าอย่างใจเย็น ตัวเขาเองก็คาดการณ์เอาไว้แล้วว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น
หยวนเอ๋อที่พูดเสร็จก็ได้บ่นออกมา “เจ้านั่นควรจะดีใจมากแล้ว แต่เจ้านั่นกลับเลือกที่จะทำแบบนี้ พวกเราควรที่จะไปเมืองรูหนานไหมคะท่านอาจารย์? “
“ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นหรอก” ลู่โจวได้เดินออกมาจากห้องลับโดยที่เอามือไขว้หลัง “เจ้านั่นน่ะเป็นพวกรักชีวิตตัวเองมากกว่าสิ่งใด เป็นเรื่องธรรมดาที่จะไม่มาเยือนถึงที่นี่”
“เจ้านั่นคงคิดว่าตัวเองสูงส่งมากสินะ” หยวนเอ๋อได้พูดเย้ยหยันออกมา
“เจียงอาเฉียนน่ะไม่ใช่คนธรรมดาๆ “
เมื่อหยวนเอ๋อได้ยินแบบนั้น สีหน้าแห่งความสงสัยก็ได้เกิดขึ้นในทันที เธอรีบถามผู้เป็นอาจารย์ออกมา “ทำไมเขาถึงไม่ใช่คนธรรมดาหรอคะ? “
“เจ้านั่นสามารถลอบเข้าไปในหอจดหมายเหตุของทางพระราชวังได้ เจ้านั่นน่ะไม่ใช่คนธรรมดาหรอกนะ” ลู่โจวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
“แล้วเจ้านั่นเป็นใครกันแน่? “
“ผู้ที่ทำตามสิ่งที่หัวใจตัวเองเรียกหาได้น่ะไม่ใช่คนธรรมดาหรอก” ลู่โจวพูดออกมาพร้อมรอยยิ้มจางๆ หลังจากนั้นเขาก็เดินต่อไป ลู่โจวได้เดินไปยังศาลาทางเหนือที่ซึ่งคุมขังเหล่านักโทษเอาไว้
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นก้ได้เดินตามผู้เป็นอาจารย์ไป
ลู่โจวได้ใช้เวลาเดินไม่นานมากนักก็มาถึงที่ที่คุมขังฝานซุยเหวินเอาไว้
ที่แห่งนี้มีผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งสองคนคอยทำหน้าที่คุ้มกันอยู่ แม้ว่าพลังวรยุทธของพวกเธอจะไม่ได้สูงส่งอะไร แต่ถึงแบบนั้นพวกเธอทั้งสองคนก็ดูน่ากลัวสำหรับคนธรรมดา
“ท่านปรมาจารย์” ผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งสองโค้งคำนับให้
“เปิดประตูซะ”
“รับทราบ”
เมื่อประตูถูกเปิดขึ้นมา ลู่โจวก้ได้เดินเข้าไปภายในห้องแห่งหนึ่ง ที่ห้องแห่งนั้นมีของจิปาถะถูกวางเอาไว้อย่างเกลื่อนกลาด ห้องแห่งนี้เคยเป็นห้องเก็บของของศาลาปีศาจลอยฟ้ามาก่อน แต่ถึงแบบนั้นมันก้ได้ถูกดัดแปลงอย่างเร่งรีบจนกลายเป็นห้องสำหรับการคุมขังเหมือนกับทุกวันนี้
ฝานซุยเหวินถูกมัดเอาไว้ที่ใจกลางห้อง ผมของเขากระเซิงจนดูไม่เป็นผู้เป็นคน ฝานซุยเหวินในตอนนี้ดูไม่เหมือนกับผู้นำของเหล่าอัศวินดำอีกต่อไป เมื่อประตูถูกเปิด แสงสว่างจางๆ ก็ได้ส่องกระทบกับใบหน้าของเขา ในตอนนั้นเองเขาจึงเห็นเงาของลู่โจว ฝานซุยเหวินที่เห็นแบบนั้นก็ได้หัวเราะออกมาเบาๆ “นี่…นี่คือทั้งหมดที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าจะทำได้แล้วสินะ? ข้ากลัวว่ามันคงจะไม่พอ…ที่จะทำให้ข้ายอมเปิดปากได้”
ลู่โจวที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับ “ข้ารู้ความจริงแล้ว”
ฝานซุยเหวินตกใจ ความกระสับส่ายที่ตัวเขามีเมื่อกี๊ได้จางหายไปอย่างสมบูรณ์ ดวงตาของเขาเบิกกว้างขึ้นก่อนที่จะอุทานออกมา “เป็นไปไม่ได้! “
“นายพลฉางหนิง” ลู่โจวพูดออกมา เขายังไม่ได้เลือกที่จะพูดถึงองค์ชายคนที่สอง
ฝานซุยเหวินที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ตัวสั่นไปทั้งตัว คำพูดที่ได้พูดออกมาได้เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่าชายคนนี้พูดความจริง ในตอนนั้นเองฝานซุยเหวินก็ได้พูดออกมาหลังจากที่สงบสติอารมณ์ลงได้ “ช่างน่าประทับใจจริงๆ “
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นได้ส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “เหวยซู่หยาน เจ้านั่นน่ะคงจะทำให้เจ้ายอมทำตามหน้าที่ไม่ได้หรอก หรือแม้แต่องค์ชายคนที่สองเองก็คงจะไม่ได้รับความภักดีของเจ้าเช่นกัน จะต้องมีใครคนอื่นที่แข็งแกร่งพอที่จะทำให้ผู้นำของอัศวินดำยอมรับใช้ได้! “
“เจ้า…” ฝานซุยเหวินเริ่มตัวสั่นขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าของเขารวมไปถึงหูในตอนนี้ได้เปลี่ยนไปเป็นสีแดง หลังจากนั้นเขาก็ได้เอ่ยปากถามออกมาด้วยเสียงอันแผ่วเบา “ท่านจะจัดการเรื่องนี้ยังไงกัน? แม้ว่าข้าจะเป็นผู้นำของเหล่าอัศวินดำ แต่ข้าเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากจะต้องละทิ้งความภาคภูมิใจของตัวเองไป”
“ข้าจะต้องบอกนักโทษอย่างเจ้าด้วยหรอกว่าจะต้องทำยังไง? “
“…”
ลู่โจวได้เอามือไขว้หลังก่อนที่จะเหลือบมองไปที่ฝานซุยเหวิน “ข้าอยากจะรู้ว่าเจ้ากำลังทำตามคำสั่งใครกันแน่”
“ข้าไม่รู้”
“เจ้าคิดว่าจะปฏิเสธความจริงได้อย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวลูบเคราอย่างใจเย็นก่อนที่จะพูดต่อ “ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใคร ดูเหมือนว่าเจ้านั่นคงจะต้องได้รับความช่วยเหลือจากองค์ชายองค์ที่สองแน่”
ดวงตาของฝานซุยเหวินเบิกกว้างขึ้นมาอีกครั้ง
ลู่โจวได้พูดต่ออย่างช้าๆ “เป็นผู้หญิงอย่างงั้นสินะ? “
“…”
“ผู้หญิงคนนั้นคงจะเชี่ยวชาญในการใช้เวทมนตร์คาถา” ลู่โจวพูดเสริม
“พอที! ” จิตใจของฝานซุยเหวินได้พังทลายลงอย่างสมบูรณ์แบบ การแสดงออกอันโกรธเกรี้ยวของเขาได้ปรากฏบนใบหน้าของฝานซุยเหวินชั่วขณะ หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดขอร้องอ้อนวอนออกมา “ได้โปรดไว้ชีวิตนางด้วย ถือว่าข้าขอร้องท่าน…”
ลู่โจวมองฝานซุยเหวิน ใบหน้าของเขาในตอนนี้เต็มไปด้วยอารมณ์อันซับซ้อน ใครจะไปคิดว่าอดีตวายร้ายที่มีชื่ออยู่บนลำดับสูงสุดของบัญชีดำจะกลายเป็นคนที่รับใช้เหล่าราชวงศ์ไป ใครกันที่แม้แต่ความตายยังไม่อาจทำให้ชายคนนี้เกรงกลัวได้? เรื่องทั้งหมดทำเพราะผู้หญิงคนเดียวอย่างงั้นหรอ?
ลู่โจวส่ายหัว หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมา “ฝานซุยเหวิน…บอกข้ามา นางเป็นใครกัน? “
ฝานซุยเหวินได้แต่ส่ายหัวอย่างสิ้นหวัง หลังจากนั้นสีหน้าของเขาก็กลับมาดุดันและเปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นอีกครั้ง “ข้าบอกท่านไม่ได้ ข้าจะไม่บอกท่านเด็ดขาด…ข้าจะไม่ยอมพูดเรื่องนี้ต่อให้ต้องตายก็ตาม”
ลู่โจวพบว่าเรื่องนี้แปลกมาก ในตอนนี้ความจริงแล้วตัวตนของเป้าหมายที่เขาต้องการมันชัดเจนมากแล้ว แม้ว่าฝานซุยเหวินจะไม่ได้บอกชื่อนางออกมาแต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปอยู่ดี เพราะอะไรกันฝานซุยเหวินถึงยอมปกป้องนางคนนี้โดยยอมแลกด้วยชีวิตของตัวเอง? ดวงตาของฝานซุยเหวินไม่อาจที่จะหลบหลีกลู่โจวได้ เขาสังเกตว่าดวงตาของฝานซุยเหวินส่องแสงสีฟ้าจางๆ ออกมาชั่วขณะก่อนที่จะกลับกลายเป็นแบบเดิมไป
ในตอนนั้นเองเสียงของผู้ฝึกยุทธหญิงก็ได้ดังออกมาจากภายนอก
“ท่านปรมาจารย์ มีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับศิษย์พี่ห้า! “