My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 121
ลู่โจวจับตามองฝานซุยเหวิน ในตอนนั้นเมื่อรู้ข่าวเขาก็พูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ช่างอาภัพอะไรแบบนี้” หลังจากพูดจบเขาก็ได้หันหลังก่อนที่จะเดินออกไป
ประตูได้ปิดลงอีกครั้ง ในห้องแห่งนี้จึงตกอยู่ในความมืดมิดไป
ในห้องที่มืดมิด ดวงตาของฝานซุยเหวินยังคงส่องแสงสีฟ้าจางๆ ออกมา แต่เพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้นมันก็หายไป
…
ลู่โจวเดินออกมาจากทางศาลาทางเหนือ ในตอนนั้นเองเขาก็เห็นหยวนเอ๋อลุกลี้ลุกลนเดินมา “ท่านอาจารย์ เร็วเข้า เร็ว เร็ว เร็ว…ศิษย์พี่ห้ากำลังจะบ้าไปแล้ว! “
ลู่โจวส่ายหัว สีหน้าของเขายังคงดูไร้อารมณ์เช่นเคย “ไม่จำเป็นจะต้องตกใจไป”
เมื่อทั้งสองคนเดินมาถึงถ้ำแห่งเงาสะท้อน ในตอนนั้นทุกๆ คนก็ได้อยู่ที่แห่งนี้ก่อนแล้ว แม้แต่ผู้ฝึกยุทธหญิงหลายคนเองก็มารวมตัวแล้ว หรือแม้แต่ฮั๊ววู่เด๋าเองก็ยังมาเช่นกัน
หมิงซี่หยินและด้วนมู่เฉิงยืนอยู่ที่ทางเข้าราวกับเป็นผู้พิทักษ์คุ้มกัน
ฮั๊ววู่เด๋าเป็นผู้เริ่มพูดขึ้นมาก่อนพร้อมกับถอนหายใจ “ข้าไม่คิดว่าจะมีเคล็ดวิชาอะไรที่ชั่วร้ายแบบนี้บนโลกไปได้…นี่มันจะต้องเป็นเวทมนตร์คาถาแน่”
หมิงซี่หยินรีบถามขึ้นมา “ท่านผู้อาวุโสฮั๊ว ท่านช่วยนางได้ไหม? “
ฮั๊ววู่เด๋าได้ส่ายหัวปฏิเสธไป “ข้าเกรงว่าท่านปรมาจารย์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถคลายเวทมนตร์คาถาได้
ทันทีที่ฮั๊ววู่เด๋าพูดจบ ผู้ฝึกยุทธหญิงก็ได้โค้งคำนับอย่างพร้อมเพรียงกัน “ท่านปรมาจารย์! “
ฮั๊ววู่เด๋าเองก็หันกลับมา หลังจากนั้นเขาก็ได้พูดออกมาอย่างภาคภูมิใจ “ท่านปรมาจารย์”
“ไม่จำเป็นจะต้องพิธีรีตอง” ลู่โจวโบกมือก่อนที่จะเดินเข้าไปยังถ้ำแห่งเงาสะท้อน
จ้าวยู่ในตอนนี้กำลังทำตัวเป็นเหมือนกับคนบ้า เธอวิ่งชนผนังถ้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
หมิงซี่หยินแได้ใช้พลังของตัวเองทำให้ถูกคลุมไปด้วยเหล่าพืชพรรณ์ ที่ทำแบบนี้เพราะตัวเขาไม่อยากให้ศิษย์น้องคนนี้ทำร้ายตัวเองไปมากกว่านี้ แต่ถึงแบบนั้นใบหน้าของจ้าวยู่กลับบวมช้ำ ผมของเธอยุ่งเหยิงจนไม่เป็นทรงอยู่ดี ระหว่างคิ้วของเธอดอกบัวสีแดงกำลังเปล่งประกายทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นไปอีก
“ท่านอาจารย์ ศิษย์น้องกำลังถูกควบคุมโดยเวทมนตร์คาถาอยู่แน่ พวกเราจะต้องรีบทำอะไรสักอย่างกับมัน ท่านอาจารย์! “
“สิ่งที่ศิษย์น้องหญิงทำลงไปมันไม่คุ้มกับชีวิตของนางเลย ได้โปรดเมตตานางด้วยท่านอาจารย์! “
ลู่โจวมองไปรอบๆ ตัวก่อนที่จะพูดออกมา “นางน่ะทำตัวเอง ถ้าหากนางเลือกที่จะอยู่บนภูเขาทอง นางก็ไม่ต้องที่จะมาทรมานตัวเองแบบนี้หรอก”
จ้าวยู่เริ่มเสียสติมากขึ้นเรื่อยๆ สีหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเหี้ยมโหด หลังจากนั้นเธอก็ได้พูดคำๆ หนึ่งออกมากับทุกๆ คนที่เธอได้พบเห็น
“ข้าจะฆ่าเจ้า! “
“ข้าจะฆ่าเจ้า! “
“ฆ่า! ฆ่า! “
จ้าวยู่ได้พุ่งเข้าไปหาลู่โจว แม้ว่าพลังวรยุทธของเธอจะถูกปิดผนึกเอาไว้ แต่ถึงแบบนั้นหมิงซี่หยินและด้วนมู่เฉิงก็ไม่อาจที่จะปล่อยให้เธอบ้าคลั่งจนทำร้ายอาจารย์ของพวกเขาได้
ในตอนนั้นเถาวัลย์ทั้งสองก็ได้โผล่พ้นขึ้นมาจากพื้นดิน มันได้พันธนาการจ้าวยู่เอาไว้ หมิงซี่หยินผู้ใช้เถาวัลย์รีบพูดขึ้น “ศิษย์น้องห้าได้เสียสติไปแล้ว คำพูดของนางไม่ใช่ของนางอีกต่อไป นางจะต้องถูกเวทมนตร์คาถาควบคุมอยู่อย่างแน่นอน ศิษย์ได้ถามฝางซงมาแล้ว เจ้านั่นบอกกับศิษย์ว่ามีแต่ผู้ใช้เวทมนตร์คาถาเท่านั้นที่จะทำลายเวทมนตร์คาถาได้” หลังจากนั้นหมิงซี่หยินก็ได้ถอนหายใจก่อนที่จะพูดต่อไป “ถึงจะเป็นแบบนั้นศิษย์ก็ยังไม่เชื่ออยู่ดี ท่านอาจารย์ได้โปรดช่วยนางด้วย! “
“ฝางซงอยู่ที่ไหนกัน? “
“เขาอยู่ที่ศาลาทางใต้ ฝางซงกำลังมองหาหนังสืออยู่ค่ะ” ผู้ฝึกยุทธหญิงคนหนึ่งได้พูดรายงานออกมา
ฮั๊ววู่เด๋าเองก็พูดเสริมออกมา “ฝางซงพูดไม่ผิด เวทมนตร์คาถาน่ะเป็นของที่ชั่วร้ายมาก มันจะทำให้หัวใจของเหยื่อสับสนจนไม่อาจที่จะควบคุมตัวเองได้ สุดท้ายแล้วเหยื่อที่ว่าก็จะเป็นได้เพียงหุ่นเชิดเท่านั้น โชคดีที่จ้าวยู่มีพลังวรยุทธที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะแบบนั้นนางจึงสามารถทนมาได้จนถึงตอนนี้”
ลู่โจวขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาจ้องมองไปที่จ้าวยู่ที่กำลังบ้าคลั่ง ดวงตาของเธอมีแต่ความว่างเปล่า “สามหาว! ” ลู่โจวได้ใช้ฝ่ามือของตัวเองฝาดลงไปที่ไหล่ของจ้าวยู่ ด้วยพลังยุทธระดับมหาราชครูทำให้ทุกๆ คนไม่คิดสงสัยในพลังของเขา ในตอนนี้ทุกคนได้แต่เป็นห่วงจ้าวยู่เท่านั้น
ลู่โจวได้อัดพลังลมปราณของตัวเองเข้าไปในเส้นพลังลมปราณของจ้าวยู่ ในตอนนี้เส้นพลังลมปราณทั้งแปดของเธอได้ถูกเวทมนตร์คาถาควบคุมเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ จ้าวยู่ไม่เหมือนกับหมิงซี่หยิน ร่างกายของเธอในตอนนี้เต็มไปด้วยพลังของเวทมนตร์คาถาแล้ว
“หืม? ” พลังลมปราณของขั้นมหาราชครูที่ลู่โจวได้อัดพลังเข้าไปอ่อนพลังเกินไป พลังลมปราณที่เพิ่งจะถูกปล่อยออกมาถูกเวทมนตร์คาถาทั้งหมดกลืนกินไป พลังเวทมนตร์คาถาได้ไหลมาตามเส้นพลังลมปราณก่อนที่จะไหลมายังฝ่ามือของลู่โจว
จ้าวยู่ลืมตาขึ้น ในตอนนั้นเองเธอก็ได้ยิ้มแปลกๆ ออกมา “ในที่สุดข้าก็พบเจ้าแล้ว ตาแก่! “
“หยุด! ” ลู่โจวได้ตะโกนออกมาก่อนที่จะผลักตัวของจ้าวยู่ไป คงจะเป็นเพราะอันตรายที่จะมาถึงตัวทำให้ลู่โจวผลักตัวของจ้าวยู่ไปตามสัญชาตญาณ ที่เป็นแบบนี้ได้เป็นเพราะผลจากการศึกษาเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ จิตใจของลู่โจวปลอดโปร่งและดูสงบมากกว่าวันไหนๆ ตัวเขาที่เพิ่งจะใช้พลังไปได้เอามือมาผสานกันอีกครั้ง ในตอนนี้ฝ่ามือของลู่โจวชาราวกับว่าถือก้อนน้ำแข็งก้อนหนึ่งมา
ปั๊ง!
จ้าวยู่กระเด็นถอยกลับไปเพราะแรงกระแทก
พลังของหมิงซี่หยินได้ช่วยดูดซับแรงกระแทกจากกำแพงไปได้
จ้าวยู่ได้กระอักเลือดออกมาจากปาก ในตอนนั้นเองดอกบัวระหว่างคิ้วที่มีก็ได้หายไป เธอย่อตัวลงก่อนที่จะคุกเข่า จ้าวยู่ได้เสียการทรงตัวไปจนต้องใช้มือทั้งสองข้างของตัวเองประคองตัวเอาไว้ เธอพยายามที่จะเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าของจ้าวยู่เองก็ยังคงมีรอยยิ้มอันแปลกประหลาดเช่นเคย “ดูเหมือนว่าเจ้าจะชนะครั้งนี้ ตาแก่”
หลังจากจ้าวยู่พูดจบ เธอก็ล้มตัวลงกับพื้นไปในทันที
ถ้ำแห่งเงาสะท้อนได้กลับมาเงียบงันอีกครั้ง
หมิงซี่หยินและด้วนมู่เฉิงสงสัยว่าตัวเองควรจะช่วยจ้าวยู่ไหม ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ได้พูดสาปแช่งผู้เป็นอาจารย์ไป พวกเขากำลังกังวลว่าลู่โจวจะโกรธกับคำพูดก่อนหน้านี้
ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ “พานางไปศาลาทิศใต้ซะ”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว! ” หมิงซี่หยินรีบคว้าตัวของจ้าวยู่ออกไป
สัญลักษณ์ดอกบัวบนใบหน้าของจ้าวยู่ได้จางหายไปแล้ว ในเวลาเดียวกันนั้นเองพลังลมปราณภายในร่างกายของเธอก็กำลังกลับมาหมุนเวียนด้วยตัวเองอีกครั้ง
หมิงซี่หยินดีใจมาก “ท่านอาจารย์ ศิษย์คิดว่าเวทมนตร์คาถาบนร่างกายของศิษย์น้องถูกคลายแล้ว! “
เสียงผู้คนที่อยู่ด้านนอกของถ้ำแห่งเงาสะท้อนต่างก็กู่ร้องออกมาด้วยความยินดี
ผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งหลายที่เห็นแบบนั้นต่างก็มีสีหน้าที่หวาดกลัว
ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดออกมาด้วยสีหน้าที่ตื่นตกใจ “ข้าไม่คิดว่าท่านปรมาจารย์จะมีความสามารถในการทำลายเวทมนตร์คาถาได้! เหนือฟ้ายังมีฟ้าจริงๆ “
ในเวลานั้นเองฝางซงก็ได้วิ่งมาถึงพร้อมกับกองหนังสือที่อยู่บนมือ “ข้าเจอแล้ว ข้าเจอแล้ว! ข้าเจอทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวกับเวทมนตร์คาถานั่นแล้ว! “
“…”
ฝางซงหยุดพูดก่อนที่จะมองไปรอบๆ ตัว “เอ่อ…ตอนนี้นางสบายดีไหม? “
ทุกๆ คนต่างก็กลอกตาหนี
‘ถ้าหากรอฝางซง ป่านนี้ดวงอาทิตย์ก็คงตกไปนานแล้ว’
จ้าวยู่ได้ถูกผู้ฝึกยุทธหญิงทั้งสองคนพาตัวไปยังศาลาทางทิศใต้
หมิงซี่หยินและด้วนมู่เฉิงต่างก็เดินมาหาลู่โจว
“ท่านอาจารย์ ก่อนหน้านี้ศิษย์น้องจ้าวยู่ถูกควบคุมอย่างงั้นหรอครับ? ” หมิงซี่หยินถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“นางถูกควบคุมโดยเวทมนตร์คาถา”
ฮั๊ววู่เด๋าเดินมาหาพวกเขาทั้งสามคนอย่างช้าๆ หลังจากนั้นเขาก็ทำท่าคารวะลู่โจว
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้ถามออกมาอย่างใจเย็น “เจ้ามีอะไรที่จะพูดอย่างงั้นสินะ ผู้อาวุโสฮั๊ว? “
“เวทมนตร์คาถาของจ้าวยู่ถูกคลายออกหมดแล้ว ข้าคิดว่าคนที่ใช้เวทมนตร์คาถานั่นคงจะยังไม่เคลื่อนไหวในอนาคตอันใกล้แน่ เมื่อเวทมนตร์คาถาถูกคลาย ผู้ใช้เวทมนตร์คาถานั่นจะต้องได้รับผลกระทบเช่นกัน”
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “ผู้อาวุโส เจ้ารู้จักผู้ใช้เวทมนตร์คาถาไหม? “
ฮั๊ววู่เด๋าได้ถอนหายใจยาวๆ ออกมาก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับคนคนนี้มาบ้าง”
“ข้าน่ะอยากที่จะรู้จริงๆ เจ้าอยากที่จะอยู่ที่นี่มากกว่าที่จะต้องตามล่าองค์ชายองค์ที่สอง เจ้าคิดว่าทำแบบนี้แล้วจะรักษาความสงบสุขของโลกยุทธภพได้อย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวได้ถามออกมาในระหว่างที่จ้องฮั๊ววู่เด๋าอย่างตั้งใจ
“เอ่อ…” สีหน้าของฮั๊ววู่เด๋าเหมือนกับถูกแช่แข็ง หลังจากนั้นเขาก็ได้ส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “ข้ากลัวว่ามีเพียงเจ้าสำนักและองค์ชายคนที่สองเท่านั้นที่จะรู้เรื่องนี้ได้”
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นเหลือบมองไปที่ฮั๊ววู่เด๋า “เจ้าบอกว่าเจ้าสำนักหยุนคอยรับใช้เหล่าราชวงศ์อย่างงั้นสินะ? “
“…” ฮั๊ววู่เด๋าได้แต่หน้าแดงเพราะความลำบากใจ
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้หันไปพูดกับหยวนเอ๋อ “ส่งข้อความหาเจียงอาเฉียน บอกว่าดาบที่ข้าจะให้จะต้องคุ้มค่ากับการมาที่นี่แน่”
‘เจียงอาเฉียนอย่างงั้นหรอ? ‘ ชายที่ชื่อเจียงอาเฉียนเป็นชื่อที่คุ้นเคยฮั๊ววู่เด๋าเป็นอย่างดี เจียงอาเฉียนเป็นผู้ใช้ดาบฝีมือดีนั่นเอง แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ใช่คนที่สำคัญอะไรในโลกยุทธภพ ทำไมปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าถึงต้องสนใจเจ้านั่นเป็นพิเศษกันด้วยล่ะ?