My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 126
เมื่อลู่โจวกลับมายังศาลาปีศาจลอยฟ้า เขาก็เข้าไปยังห้องลับก่อนที่จะศึกษาเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ในทันที หลังจากที่ใช้เวลาครึ่งวันที่เหลือไปกับการทำความเข้าใจ จิตใจของตัวเขาก็กลับมาสดชื่นอีกครั้ง
หลังจากที่ลู่โจวเสร็จสิ้นการทำความเข้าใจไป ตัวเขาก็หันมาสนใจกล่องลึกลับอีกครั้ง ครั้งนี้ตัวเขาได้ยกมือขวาขึ้น ในตอนนั้นเองอาวุธนิรนามก็ได้ปรากฏขึ้นบนมือของเขา
ปั๊ง! ปั๊ง! ปั๊ง!
ลู่โจวกวัดแกว่งดาบอาวุธนิรนามใส่กล่องลึกลับหลายครั้ง แต่ถึงแบบนั้นบนกล่องกลับมีแค่รอยขีดข่วนเท่านั้น รอยขีดข่วนทั้งหมดอยู่เพียงชั่วครู่เดียวเท่านั้นก่อนที่มันจะจางหายไป กล่องลึกลับสามารถฟื้นฟูให้กลับมาสู่สภาพเดิมได้ กล่องใบนี้แข็งแกร่งเกินกว่าที่ลู่โจวได้คาดการณ์เอาไว้
“หรือบางทีฉันจะต้องใช้กุญแจอะไรบางอย่างกัน? ” ลู่โจวพึมพำออกมาหลังจากที่เห็นอีกด้านหนึ่งของกล่อง อีกด้านหนึ่งมีช่องที่ดูค่อนข้างจะดูประหลาดอยู่ ลู่โจวได้ดัดแปลงอาวุธนิรนามของเขาให้เข้ากับช่องที่ดูประหลาดนั้นก่อนที่จะสอดใส่มันเข้าไป
ในตอนนั้นเองรูปแบบช่องก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน
แคล๊ก!
อาวุธนิรนามถูกดีดกลับไป
ลู่โจวได้ยกมือพร้อมกับเรียกให้อาวุธนิรนามกลับไป ดาบนิรนามของเขาหายไปในอากาศในทันที หลังจากนั้นลู่โจวก็ลองซัดคลื่นพลังใส่ไปที่กล่องอีกครั้ง
ปั๊ง! ปั๊ง! ปั๊ง!
‘ไอกล่องโง่นี่! ‘
…
ในขณะเดียวกันนั้นเองที่นอกห้องลับ
หมิงซี่หยินและคนอื่นๆ เองอยู่ไม่ไกลจากห้องลับเท่าไหร่ พวกเขาได้ยินเสียงที่ดังขึ้นมาอย่างชัดเจน
“ท่านอาจารย์กำลังโกรธอีกแล้วสินะ” หยวนเอ๋อพึมพำออกมา
“ก็นะ มีอะไรต้องหลายอย่างที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนิ เป็นเรื่องธรรมดาที่ท่านอาจารย์จะต้องโกรธแบบนี้”
“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ยี่เทียนซินจะหายไหม? ” หยวนเอ๋อได้ถามออกมาเบาๆ
“ข้าเองก็ไม่รู้หรอก ท่านอาจารย์บอกเพียงอยู่ที่โชคชะตาของนาง”
ในตอนนั้นเองพวกเขาทั้งสามก็ได้หันหน้ากลับมา
เอี๊ยด!
เสียงประตูห้องหลับได้ถูกเปิดขึ้นมาอย่างช้าๆ
เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด ในตอนนั้นศิษย์ทั้งสามคนก็ได้กลั้นหายใจเอาไว้ พวกเขาทั้งสามไม่กล้าที่จะพูดคุยต่อไป พวกเขาทั้งสามเห็นอาจารย์ของตัวเองเดินออกมาพร้อมกับกล่องลึกลับ
ลู่โจวค่อยๆ เดินมาหาพวกเขาทั้งสาม
“ท่านอาจารย์” ศิษย์ทั้งสามได้เรียกลู่โจวอย่างพร้อมเพรียงกัน
“หมิงซี่หยิน”
“ครับท่านอาจารย์”
“เจ้าน่ะมักจะมีความคิดแปลกๆ อยู่เสมอ ข้ามีกล่องใบหนึ่ง มันเป็นกล่องที่ลึกลับมาก ข้าจะฝากให้ไว้กับเจ้า หาทางเปิดมันออกซะ” ลู่โจวพูดออกมาอย่างช้าๆ
“ได้ครับท่านอาจารย์” หมิงซี่หยินยิ้มทันทีที่เห็นกล่อง ‘ข้าน่ะชอบงานง่ายๆ แบบนี้ซะจริง’
ลู่โจวเดินขึ้นบันไดก่อนที่จะนั่งลงบนบัลลังก์ของเขาช้าๆ ในตอนที่นั่งลง ศิษย์ทั้งสามของเขาก็ยืดตัวขึ้นมาทันที พวกเขาทั้งสามไม่กล้าที่จะทำอะไรต่อหน้าลู่โจว ลู่โจวเองไม่ได้สนใจอะไรเลย ตัวเขากำลังใช้ความคิดอยู่นั่นเอง
‘ตอนนี้ฉันมีแต้มบุญ 8,762 แต้ม ถึงแม้ว่ามันจะดูเหมือนเยอะแต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่พอที่จะทำให้ซื้อพลังร่างอวตารปัญจแห่งการเกิดใหม่ ในตอนแรกฉันกะจะซื้อการ์ดพิเศษเตรียมไว้แท้ๆ แต่ถึงแบบนั้นตอนนี้ถ้าหากซื้อการ์ดโดยไร้ความจำเป็น ราคาของมันที่ถูกขายก็จะเพิ่มสูงมากขึ้น ในตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องพัฒนาพลังวรยุทธของตัวเอง แม้ว่าเหล่าสาวกทั้งหลายจะมีฝีมือดี แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังไม่พอที่จะสังหารเหวยซู่หยานในภารกิจต่อไปได้’
เมื่อลู่โจวคิดถึงลูกศิษย์ทั้งหลาย สุดท้ายเขาก็ได้พูดออกมาอีกครั้ง “การฝึกยุทธของพวกเจ้าเป็นยังไงกันบ้างแล้ว? “
ต้วนมู่เฉิงเป็นคนแรกที่โค้งคำนับก่อนที่จะตอบกลับมา “ศิษย์สามารถฝึกฝนเคล็ดวิชายุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์จนก้าวหน้าขึ้นอีกขั้นแล้ว ศิษย์คิดว่าภายในเดือนหน้าศิษย์จะต้องผลิดอกบัวกลีบใหม่ได้แน่”
หมิงซี่หยินเองก็ตอบกลับต่อมา “พลังวรยุทธของศิษย์ในตอนนี้สามารถใช้พลังร่างอวตารดอกบัวหนึ่งกลีบ”
“เจ้าไม่ได้ปกปิดพลังของตัวเองอย่างงั้นสินะ? ” ลู่โจวได้จ้องไปที่หมิงซี่หยิน ท้ายที่สุดแล้วลูกศิษย์คนนี้ตั้งใจที่จะปกปิดพลังของตัวเองก่อนที่จะต่อสู้กับฉางฉิวชู
หมิงซี่หยินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว “ท่านอาจารย์ ศิษย์พูดความจริง ศิษย์ไม่แม้แต่จะปกปิดความจริงต่อหน้าท่าน”
ลู่โจวพยักหน้า เขาจ้องมองไปที่หยวนเอ๋อตัวน้อยที่อยู่ใกล้ๆ “หยวนเอ๋อ แล้วเจ้าล่ะ? “
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้หน้าแดง เธอได้พูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “วรยุทธของศิษย์อยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุด…” เมื่อหยวนเอ๋อพูดจบเธอก็ได้คุกเข่าลง “ศิษย์จะพยายามฝึกฝนตัวเองให้ไปถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์โดยเร็วที่สุด! “
ในบรรดาศิษย์ทั้งเก้าของลู่โจว นอกเหนือจากศิษย์คนที่แปด, ศิษย์คนที่ห้า และหยวนเอ๋อ มีเพียงศิษย์ทั้งสามคนเท่านั้นที่พลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น หยวนเอ๋อรู้สึกอับอายมากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้
ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไรมากนัก อย่างไรก็ตามตัวเขาก็รู้สึกว่าพลังของลูกศิษย์ทั้งหมดก็ยังอ่อนแออยู่ดี ถ้าหากพวกเขาต้องการที่จะยืนหยัดในโลกยุทธภพได้ อย่างน้อยๆ พวกเขาจะต้องมีพลังร่างอวตารดอกบัว 5 กลีบ หรือไม่ก็ 6 กลีบขึ้นไป แต่ถึงแบบนั้นศิษย์คนที่สาม ศิษย์ที่มีพลังแข็งแกร่งมากที่สุดแล้วกลับเพิ่งจะมีร่างพลังอวตาร 2 กลีบในอีกไม่ช้านี้ อันที่จริงแล้วศิษย์ของลู่โจวค่อนข้างที่จะดูอ่อนแอด้วยกันทั้งนั้น ฝานเชียวที่เคยเจอมีพลังร่างอวตารดอกบัว 5 กลีบด้วยกัน ฝานซุยเหวินเองก็มีพลังร่างอวตารดอกบัว 8 กลีบ และฮั๊ววู่เด๋าเองก็มีพลังร่างอวตารดอกบัวถึง 6 กลีบ เมื่อเทียบกับคนพวกนี้ สาวกของเขาในตอนนี้ยังดูห่างไกลอีกมาก หลังจากที่คิดทั้งหมดลู่โจวก็ได้พูดออกมาอีกครั้ง “หลังจากนี้พวกเจ้าจะต้องฝึกฝนตัวเองอย่างหนักเพื่อเพิ่มพลังวรยุทธของตัวเอง”
“ครับ/ค่ะท่านอาจารย์! ” ศิษย์ทั้งสามตอบรับออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน พวกเขาทั้งสามต่างตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน เดิมทีอาจารย์ของพวกเขาไม่เคยคิดจะสนใจเรื่องพวกนี้เลยในอดีต
ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธหญิงคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามาในห้องโถงใหญ่ “จ้าวยู่ขอเข้าพบค่ะ! “
สาวกทั้งสามของลู่โจวต่างก็จ้องมองตามผู้ฝึกยุทธหญิงตามสัญชาตญาณ
ลู่โจวที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้พูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ให้นางเข้ามา”
จ้าวยู่ได้เดินเข้ามาภายในห้องโถงใหญ่พร้อมกับผู้ฝึกยุทธหญิงอีก 2 คนด้วยกัน
“ศิษย์ชั่วคนนี้ขอคารวะท่านอาจารย์ที่เคารพ” จ้าวยู่คุกเข่าลงบนพื้นอย่างเคารพ
“เงยหน้าขึ้น” ลู่โจวพูดออกมาอย่างไม่แยแส
จ้าวยู่เงยหน้าขึ้นมาช้าๆ เมื่อเธอได้สบตากับลู่โจว เธอก็สะดุ้งตกใจในทันที
สัญลักษณ์ดอกบัวบนหน้าผากของจ้าวยู่ได้จางหายไปแล้ว
“ศิษย์คนนี้ขอบคุณสำหรับความเมตตาของท่านอาจารย์มาก…ในตอนนี้เวทมนตร์คาถาทั้งหมดในตัวศิษย์ได้ถูกคลายหมดแล้ว” จ้าวยู่พูดออกมาด้วยความกังวลเล็กน้อย
“แล้วพลังวรยุทธของเจ้าล่ะ? “
“พลังของศิษย์ได้ฟื้นกลับมา 2 ส่วนแล้ว ศิษย์น่าจะต้องใช้เวลาหนึ่งเดือนกว่าที่จะฟื้นฟูตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ” จ้าวยู่ตอบออกมาอย่างตรงไปตรงมา เมื่อเธอพูดจบเธอก็ได้ก้มคำนับลู่โจวอีกครั้ง “ศิษย์รู้ว่าศิษย์ผิดพลาดไปแล้ว ศิษย์ขอโอกาสแก้ตัวให้กับตัวศิษย์ด้วยเถอะท่านอาจารย์! “
เมื่อได้ยินแบบนั้นหมิงซี่หยินและต้วนมู่เฉิงเองก็คุกเข่าลงเช่นกัน
แม้ว่าหยวนเอ๋อจะเป็นคนสุดท้ายที่คุกเข่าลง แต่ถึงแบบนั้นเธอก็พยายามทำตามศิษย์พี่ทั้งหลาย แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ยังดูสับสนกับเรื่องนี้อยู่ดี
ลู่โจวเหลือบมองไปที่ศิษย์ทั้งสามคนก่อนที่จะพูดออกมา “จ้าวยู่”
“ค่ะ ท่านอาจารย์”
“ข้าจะให้โอกาสเจ้าแก้ตัว” ลู่โจวพูดออกมา
“ขอบคุณค่ะท่านอาจารย์! ศิษย์จะไม่ทำให้ท่านอาจารย์ผิดหวัง! ” จ้าวยู่พูดออกมาอย่างมีความสุข
ในตอนนั้นลู่โจวก็ได้สังเกตเห็นค่าความจงรักภักดีของจ้าวยู่เพิ่มมากขึ้นถึง 15% ด้วยกัน ปัจจุบันศาลาปีศาจลอยฟ้าอ่อนแอมาก ลู่โจวจะต้องหาวิธีเพิ่มเหล่าสาวกของเขารวมไปถึงเพิ่มความภักดีและเพิ่มพลังวรยุทธให้กับเหล่าศิษย์สาวกทั้งหลาย ในเวลาเดียวกันตัวเขาเองก้ต้องหาแต้มบุญให้ได้มากกว่านี้ ความจริงเบื้องหลังของหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ได้ถูกเปิดออกมาแล้ว ตัวเขาในตอนนี้ไม่ได้รีบร้อนอะไรที่จะไปจัดการกับเหวยซู่หยาน และเมื่อคิดแบบนั้นได้ลู่โจวก็พูดออกมาอีกครั้ง “ในอีก 2-3 พวกเจ้าทุกคนจงเขียววิธีฝึกยุทธของตัวเองส่งมาให้ข้า”
“ฮะ? เขียววิธีการฝึกยุทธอย่างงั้นหรอ? “
เหล่าสาวกต่างก็ตกตะลึง
“ทำมันซะ ไม่ต้องถามให้มากความ” ลู่โจวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแข็งกร้าว
“ได้ครับ/ค่ะ”
ที่ลู่โจวได้สั่งลูกศิษย์ทั้งหมดแบบนี้เป็นเพราะว่าตัวเขาไม่แน่ใจว่าศิษย์ทุกคนฝึกฝนตัวเองได้อย่างถูกต้องไหม ความทรงจำของลู่โจวที่หายไปส่วนมากมักจะเป็นความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับลูกศิษย์ทั้งหลาย ถ้าหากวิธีการฝึกฝนตัวเองของพวกเขาผิดไป มันจะกลายเป็นอุปสรรคอย่างมากในการพัฒนาตัวเอง หลังจากนั้นไม่นานลู่โจวก็ได้โบกแขนเพื่อที่จะให้ทุกคนแยกย้ายกันไป
ศิษย์ทั้งสี่ต่างก็สบตากัน
“ศิษย์น้องสี่ เจ้าน่ะมีมันสมองที่ดีที่สุดแล้ว…ท่านอาจารย์กำลังคิดจะเล่นอะไรกันแน่? ” ต้วนมู่เฉิงได้ถามออกมาอย่างสงสัย
“ข้าจะไปรู้ได้ยังไงกัน…” หมิงซี่หยินได้ถือกล่องใบหนึ่งก่อนที่จะเริ่มศึกษามัน เมื่อเทียบกับการเขียนวิธีการฝึกฝนตัวเอง การศึกษากล่องใบนี้ดูเป็นอะไรที่น่าสนใจสำหรับตัวเขามากกว่า
จ้าวยู่ในตอนนั้นก็ได้พูดออกมาอย่างจริงจัง “ไม่ว่าจะเป็นยังไงแต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่าท่านอาจารย์น่ะเปลี่ยนไปแล้ว”
“ศิษย์น้องห้า เจ้าน่ะโชคดีกว่าศิษย์น้องยี่เทียนซินมาก ในตอนนี้ชะตาของนางครึ่งนึงได้อยู่ในปรภพไปแล้ว พวกเราไม่แน่ใจเลยว่านางจะสามารถรอดชีวิตมาได้ไหม” หมิงซี่หยินพูดขึ้น
จ้าวยู่ตกใจกับคำพูดของหมิงซี่หยิน “เกิดอะไรขึ้นกับศิษย์น้องยี่กัน? “
หมิงซี่หยินถอนหายใจก่อนที่จะตอบกลับไป “ในตอนนี้นางอยู่ในห้วงนิทรา…คงจะดีกว่านี้ถ้าหากพวกเราไม่ตั้งคำถามอะไร ข้าไม่อยากที่จะคาดเดาความต้องการของท่านอาจารย์อีกแล้วล่ะ”
“เจ้ากำลังจะบอกว่าท่านอาจารย์ของพวกเราเป็นคนธรรมดาจนเกินไป เพราะแบบนั้นเจ้าก็เลยไม่อยากที่จะคาดเดาอย่างงั้นหรอ? ” ต้วนมู่เฉิงถามขึ้นมาอย่างสงสัย
หมิงซี่หยินเบิกตากว้างก่อนที่จะรีบตอบกลับไป “ชู่วว! ศิษย์พี่สามข้าไม่ได้คิดแบบนั้น ท่านอาจารย์น่ะเป็นคนที่ชาญฉลาดมาก! “
“…” หยวนเอ๋อเบิกตากว้างหลังจากที่เงียบไปนาน หลังจากนั้นเธอก็ได้พูดเสียงดังออกมา “อ๋อ ข้ารู้แล้วพวกท่านกำลังบอกว่าท่านอาจารย์โง่อย่างงั้นสินะ! “
“…” หมิงซี่หยินที่ถือกล่องอยู่รีบหายตัวไปในอากาศ เพื่อนที่โง่เขลามักจะหาเรื่องใส่ตัวได้น่ากลัวที่สุด ในตอนนั้นเองเขารีบหาที่เงียบๆ ในภูเขาอยู่ในทันที
ทันทีที่หมิงซี่หยินมาถึง เขาก็ได้วางกล่องใบนั้นลงบนก้อนหิน หมิงซี่หยินได้ลูบคางในขณะที่กำลังศึกษากล่องอย่างตั้งใจ กล่องใบนี้ไม่เหมือนกับอะไรที่เขาเคยเห็นมาก่อน มันไม่มีทั้งรอยหยักหรือไม่มีแม้แต่กระทั่งฝาเปิด มันเป็นเหมือนลูกบาศก์ดีๆ นี่เอง
“ไม่ว่าจะเป็นกล่องแบบไหนก็แล้วแต่ อาวุธระดับสรวงสวรรค์จะต้องสามารถทำลายได้แน่! ” หมิงซี่หยินรีบยกมือขึ้น ในตอนนั้นเคียวพื้นพิภพของเขาก็ปรากฏขึ้นในมือทันที หมิงซี่หยินรีบเหวี่ยงมัน
ตู๊ม!
มีประกายไฟเกิดขึ้นไปทั่ว
ในตอนนั้นทั้งอาวุธและกล่องต่างก็ไม่ได้รีบความเสียหายด้วยกันทั้งคู่
“เหลือเชื่อ! ” ดวงตาของหมิงซี่หยินเบิกกว้าง “ข้าเองสินะที่โง่เขลา ท่านอาจารย์คงไม่ให้อะไรง่ายๆ แบบนี้ให้ข้าจัดการแน่”
หมิงซี่หยินเห็นร่องอะไรบางอย่าง เมื่อดวงอาทิตย์ทอแสงลงมาเขาก็เห็นรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์เข้า “ฮะ? ทำไมช่องนี่ถึงดูคล้ายกับอาวุธของข้ามาก? “