My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 128
“จบเรื่องแค่นั้นแหละ อย่าทำให้ข้าผิดหวังก็แล้วกัน” ลู่โจวพูดออกมาในระหว่างที่จ้องหมิงซี่หยินอยู่
หมิงซี่หยินลุกขึ้นยืนเมื่อได้ยินคำพูดของลู่โจว หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่มีแต่ความเสียใจ “ได้ครับท่านอาจารย์”
“แยกย้ายได้”
“ศิษย์เข้าใจแล้วครับ/ค่ะ”
ลู่โจวมองไปที่เมนูระบบ ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะมีภารกิจปลดล็อกกล่องอยู่ที่เมนูภารกิจแล้ว แน่นอนว่าไม่มีใครเหมาะที่จะทำภารกิจนี้นอกซะจากหมิงซี่หยิน ลู่โจวมั่นใจมากว่ามิงซ๊่หยินจะเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะเอาตัวรอดหลังจากที่เจอเหล่าวายร้ายคนอื่นๆ มีเพียงคนไร้ยางอายอย่างหมิงซี่หยินเท่านั้นที่สามารถทำอะไรแบบนี้สำเร็จ ยิ่งไปกว่านั้นลู่โจวจำได้ดี ทั้งยู่เฉิงไห่และยู่ฉางตงพวกเขาทั้งคู่ไม่เคยที่จะทำร้ายศิษย์น้องของตัวเองมาก่อน ลู่โจวที่คิดถึงศิษย์ทั้งสองได้แต่ขมวดคิ้ว ‘แล้วทำไมพวกเขาทั้งสองคนถึงได้ทอดทิ้งศาลาปีศาจลอยฟ้าไปล่ะ? ยิ่งนึกเท่าไหร่ก็ยิ่งปวดหัวจริงๆ ‘
หลังจากที่หมิงซี่หยินออกจากห้องโถงใหญ่มาพร้อมกับกล่องในมือ ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธหญิงคนหนึ่งก็ได้โค้งคำนับให้กับลู่โจวก่อนที่จะพูดขึ้น “ท่านปรมาจารย์ ยี่เทียนซินในวันนี้ยังคงเป็นเช่นเดิม”
“ข้าเข้าใจแล้ว” ลู่โจวตอบกลับมาอย่างเฉยเมย
ยี่เทียนซินในตอนนี้ยังคงตกอยู่ในห้วงนิทรา ชะตากรรมของเธอยังคงติดอยู่ที่ประตูนรก
“ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่ยี่เทียนซินจะไม่ตายจริงๆ ใช่ไหม? ” หยวนเอ๋อถามออกมาเบาๆ
“ข้าเองก็ไม่รู้หรอก” ลู่โจวพูดตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา
“ถ้าหากนางตายท่านอาจารย์จะมีความสุขไหม? ” หยวนเอ๋อถามออกมาอีกครั้ง
ในทันทีที่หยวนเอ๋อพูดจบ ลู่โจวก็ได้เคาะหัวของเธอในทันที “เจ้าทำงานที่ข้าสั่งเสร็จแล้วอย่างงั้นหรอ? “
หยวนเอ๋อตัวน้อยได้ลูบหัวตัวเองก่อนที่จะทำหน้ามุ่ย “ยังค่ะ”
“แล้วเจ้าจะยังยืนรออะไรอยู่กันล่ะ? “
“เอ๊ะ? นั่นจดหมาย! ” หยวนเอ๋อรีบกระโดดคว้าจดหมายมา หลังจากนั้นเธอกลับมาที่เดิมพร้อมกับจดหมายที่อยู่ในมือ
ลู่โจวไม่ได้ตำหนิที่เธอทำแบบนั้น “อ่านซะสิ”
“จดหมายจากเจียงอาเฉียน” หยวนเอ๋อพูดออกมาก่อนที่จะอ่านจดหมายที่อยู่ในมือ “ท่านผู้อาวุโส ข้าได้ส่งข้อความของท่านให้กับเหวยซู่หยานแล้ว ตามที่ข้าได้คาดการณ์เอาไว้ ดูเหมือนว่าเจ้านั่นจะไม่ได้สนใจอะไรเรื่องนี้ นอกจากนี้ท่านผู้อาวุโสน่ะพูดถูกแล้ว ดูเหมือนว่าชนชั้นสูงที่อยู่ในพระราชวังจะไม่ได้เป็นมิตรกับเหวยซู่หยาน”
ลู่โจวพยักหน้าตอบรับ ทุกอย่างเป็นไปตามที่ตัวเขาได้คาดการณ์เอาไว้
เหวยซู่หยานเป็นคนที่ทำงานอย่างหนักจนไต่เต้ามาถึงตำแหน่งในตอนนี้ได้ ในตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่คนสำคัญและยังได้บัญชาการกองทัพอันยิ่งใหญ่อีกด้วย ถ้าหากมีใครสักคนปรากฏตัวขึ้นและบอกให้เขายอมจำนน แน่นอนว่าเหวยซู่หยานคงจะไม่ยอมรับง่ายๆ แน่
“ส่งข้อความตอบกลับไป…บอกเจียงอาเฉียนว่าข้าได้อ่านจดหมายแล้ว” ลู่โจวตอบออกไปในระหว่างที่ลูบหนวนดตัวเองอย่างใจเย็น
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดออกมาโดยที่พยายามเก็บความโกรธเอาไว้ “ท่านอาจารย์เหวยซู่หยานคนนี้กำลังทำให้ข้าหงุดหงิดมาก ข้าควรจะลงจากภูเขาไปเพื่อที่จะจัดการเจ้านั่นเลยดีไหม? “
“เจ้าที่มีวรยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์จะจัดการกับผู้ที่มีพลังร่างอวตารดอกบัว 7 กลีบ ไม่สิอาจจะ 8 กลีบด้วยซ้ำไปอย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวได้ถามออกมา
“เอ่อ…” หยวนเอ๋อก้มหน้าลงไปในระหว่างที่บิดตัวไปมา
“เหวยซู่หยานน่ะไม่ได้พึ่งพาพลังวรยุทธของตัวเองเพียงเท่านั้น เจ้านั่นยังเป็นถึงผู้บัญชาการสูงสุดที่คุมกองทัพทั้งสามกองทัพเอาไว้ เจ้านั่นน่ะไม่เหมือนกับฝานซุยเหวินหรอกนะ ฝานซุยเหวินเคยเป็นชายผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีดำ เพราะแบบนั้นฝานซุยเหวินจึงได้แต่ทำงานในเงามืดเท่านั้น แม้ว่าฝานซุยเหวินจะต้องตายไป เหล่าราชวงศ์ก็จะไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไร แต่เหวยซู่หยานน่ะแตกต่างออกไป มีหลายคนด้วยกันที่อยากจะให้เจ้านั่นตาย และก็มีอีกหลายคนเช่นกันที่ไม่อยากให้เจ้านั่นตาย…”
“แล้วพวกเราจะทำยังไงกันดีคะ? ” หยวนเอ๋อได้ถามออกมา
“ไม่ต้องกังวลไป…ข้าน่ะต้องการสิ่งที่มีค่ามากกว่าชีวิตของเหวยซู่หยาน…” ลู่โจวได้ตอบกลับมาอย่างเยือกเย็น
…
ครึ่งวันต่อมา
หมิงซี่หยินได้ออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไปพร้อมกับกล่องลึกลับในมือ ตัวเขากำลังมุ่งหน้าไปยังที่กบดานของศิษย์คนที่แปด ซู่ฮ่องกง
เมื่อหมิงซี่หยินมาถึงแหล่งกบดาน ในตอนนี้ศิษย์คนที่แปดอย่างซู่ฮ่องกงกำลังนอนหลับอยู่บนเก้าอี้ไม้ของเขา
หนึ่งในลูกน้องของซู่ฮ่องกงรีบวิ่งเข้ามารายงานในทันที “ท่านหัวหน้า! พวกเราเจอปัญหาแล้ว! มีใครบางคนพยายามที่จะเข้ามาในหุบเขาของเรา! “
ซู่ฮ่องกงสะดุ้งตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจ หลังจากนั้นเขาก็ได้ตอบกลับไปในทันที “เจ้าจะกังวลอะไรไปกัน? ใครหน้าไหนกันที่กล้าบุกรุกหุบเขาพยัคฆ์ของข้าได้? “
ทันทีที่ซู่ฮ่องกงพูดจบ ในตอนนั้นเสียงของหมิงซี่หยินก็ได้ดังมาจากด้านนอก “เฮ้! ดูเหมือนว่าเจ้าจะใจกล้ามากขึ้นหลังจากที่พบกันล่าสุดนะ”
หมิงซี่หยินได้ปรากฏตัวต่อหน้าซู่ฮ่องกง หมิงซี่หยินได้พุ่งทะยานไปเป็นระยะทางกว่า 300 ฟุตก่อนที่จะปรากฏตัวต่อหน้าซู่ฮ่องกง
ซู่ฮ่องกงที่เห็นแบบนั้นก็ได้คุกเข่าให้ทันที พฤติกรรมเยี่ยงเจ้าหุบเขาในตอนนี้ได้หายไปจนหมดสิ้น “ศะ…ศิษย์พี่ ศิษย์พี่มีธุระไรกันถึงมาที่นี่ได้? “
“อะไรกัน? เจ้าจะไม่ยอมต้อนรับข้าเลยอย่างงั้นหรอ? “
ซู่ฮ่องกงรีบตอบกลับมาในทันที “เป็นไปไม่ได้ หรือว่าศิษย์พี่อยากที่จะเข้าร่วมหุบเขาพยัคฆ์ของข้ากัน? เยี่ยมไปเลย! นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปศิษย์พี่จะกลายเป็นหัวหน้าของพวกเรากลุ่มหุบเขาพยัคฆ์ ข้าจะยอมยกฉายาราชาปีศาจให้กับศิษย์พี่เลย! “
“หุบปากของเจ้าซะ” หมิงซี่หยินรีบวางกล่องลงบนโต๊ะ หลังจากนั้นเขาก็นั่งลงโดยที่ไม่ต้องรอคำเชิญชวนแม้แต่อย่างใด “ข้าจะไม่มีวันออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าหรอก”
“ฮะ? “
“ข้ามาที่นี่เพราะมาทำภารกิจน่ะ”
ภารกิจแบบไหนกัน? อย่าบอกนะว่าศิษย์พี่มาที่นี่เพื่อที่จะจัดการกับพวกเรา? ” ซู่ฮ่องกงถามออกมาในระหว่างที่สั่นไปทั้งตัว ใบหน้าของเขาในตอนนี้มันเต็มไปด้วยความกังวล ที่หน้าผากเองก็เต็มไปด้วยเหงื่ออันเย็นยะเยือก ตัวเขาในตอนนี้กำลังนึกถึงในตอนที่กำลังเผชิญหน้ากับอาจารย์ของตัวเองที่แท่นบูชาหยกเขียว
“ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าคนขี้ขลาดแบบเจ้ากล้าที่จะออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้ามาได้ยังไงกัน วรยุทธที่เจ้ามีก็ไม่ได้ลึกล้ำอะไรเมื่อเทียบกับศิษย์พี่ใหญ่ เจ้าเองก็ไม่มีความกล้าเหมือนกับศิษย์พี่รอง แถมเจ้ายังไม่มีมันสมองที่ฉลาดหลักแหลมเหมือนกับศิษย์น้องเจ็ดอีกด้วย หรือว่าการที่เจ้าหนีมาอยู่ที่นี่จะเป็นเพราะความกลัวกันแน่? ” หมิงซี่หยินได้พูดออกมาอย่างเย้ยหยัน
“ศิษย์พี่ อย่าพูดดูถูกข้าเลย จริงๆ ข้าเองก็พอจะมีไหวพริบอยู่บ้าง” ซู่ฮ่องกงพูดออกมาอย่างไร้ยางอาย
“เจ้าน่ะหรอ? “
“ถูกต้อง…ถ้าหากข้าไม่ฉลาดมากพอ วันนั้นข้าก็คงถูกท่านอาจารย์จับตัวที่แท่นบูชาหยกเขียวไปแล้ว” ซู่ฮ่องกงศิษย์คนที่แปดพูดออกมาด้วยรอยยิ้มอันพึงพอใจ
“หุบปากของเจ้าจะดีกว่า” หมิงซี่หยินพูดพร้อมกับกลอกตาหนี “ท่านอาจารย์คิดว่าการจะพาเจ้ากลับมาที่หุบเขาทองน่ะยังไม่ใช่เรื่องสำคัญในตอนนี้ ถ้าหากท่านอาจารย์เห็นศิษย์น้องเจ็ด ข้าคิดว่าท่านอาจารย์ก็คงจะไม่เมตตาเขาหรอก”
“…” ซู่ฮ่องกงที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็มองไปที่กล่องพร้อมกับรอยยิ้ม “ศิษย์พี่สี่ ถ้าหากท่านไม่ได้มาที่นี่เพื่อที่จะจับตัวข้า แล้วท่านมาที่นี่เพื่ออะไรกันแน่? ให้ข้าช่วยท่านไหม? “
หมิงซี่หยินชี้ไปที่กล่องที่วางไว้อยู่ใกล้ๆ ตัว “กล่องลึกลับใบนี้เป็นของท่านอาจาย์ การจะเปิดกล่องใบนี้ได้จะต้องใช้อาวุธของศิษย์น้องเจ็ด, ศิษย์พี่ใหญ่ และศิษย์พี่รอง ศิษย์น้องเจ็ดน่ะเป็นคนที่ยากแท้หยั่งถึง เพราะแบบนั้นข้าเลยไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากจะต้องเดินทางมาหาเจ้าแบบนี้”
“ศิษย์พี่สี่…นั่นมันก็เป็นแค่กล่องไม่ใช่หรอ ทำไมพวกเราไม่ใช่อาวุธตัดมันล่ะ? ข้าคิดว่าไม่จำเป็นจะต้องใช้อาวุธระดับสรวงสวรรค์ด้วยซ้ำไป” ซู่ฮ่องกงพูดออกมาในระหว่างที่ดึงกระบี่ของลูกน้องที่อยู่ข้างๆ ขึ้น
หมิงซี่หยินไม่ได้หยุดซู่ฮ่องกงเอาไว้ เขานั่งอยู่บนเก้าเพื่อที่จะรอการแสดงดีๆ ต่อไป
ซู่ฮ่องกงได้ใช้กระบี่ฟาดฟันลงไปที่กล่องอย่างไร้ความปรานี
ปั๊ง!
เกิดประกายไฟไปทั่วในตอนที่กระบี่ได้เข้าปะทะกับกล่อง ในตอนนั้นเองกระบี่เล่มนั้นก็ได้หักเป็นสองส่วน
ดวงตาของซู่ฮ่องกงแทบที่จะถลนออกจากเบ้าตา เขามองไปที่กล่องลึกลับใบนั้นก่อนที่จะกลืนน้ำลาย “โอ้สวรรค์! ทำไมกล่องใบนี้ถึงได้แข็งแกร่งอะไรแบบนั้น? “
“ถ้าหากข้ารู้คำตอบ ข้าจะมาที่นี่เพื่ออะไรกัน? ” หมิงซี่หยินได้คว้าองุ่นที่อยู่ข้างๆ ก่อนที่จะกินมันในทัน
“ศิษย์พี่สี่…ข้าน่ะสงสัยจริงๆ ในตอนที่ศาลาปีศาจลอยฟ้ากำลังเสื่อมพลังลง ผู้ฝึกยุทธทั่วทั้งโลกต่างก็รอคอยให้ท่านอาจารย์หมดอายุขัยไป เมื่อถึงเวลานั้นศาลาปีศาจลอยฟ้าก็จะถูกบุกโจมตี ทำไมท่านไม่คว้าโอกาสนี้เพื่อที่จะ…”
“หุบปาก! ” หมิงซี่หยินตะคอกออกมาอย่างสุดเสียง
ซู่ฮ่องกงที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้คุกเข่าลงในทันที
“เจ้าน่ะมันเป็นศิษย์ผู้ทรยศอาจารย์ เป็นเพียงแค่คนทรยศเท่านั้น…การที่เจ้าออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าข้ายังคงพอรับได้ แต่เจ้ากลับกล้าตำหนิท่านอาจารย์แบบนี้!? ท่านอาจารย์เคยทำอะไรให้กับเจ้ากัน? ” หมิงซี่หยินพูดออกมาอย่างมีน้ำโห
“เอ่อ…” ซู่ฮ่องกงเกาหัว “ข้าก็แค่ถูกท่านอาจารย์สั่งสอนมาอย่างหนักเท่านั้น”
“เจ้ารู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับศิษย์น้องหก? “
“ศิษย์พี่ยี่เทียนซินอย่างงั้นหรอ? “
“พลังวรยุทธของนางถูกทำลายไป ชะตากรรมของนางในตอนนี้จะอยู่หรือตายก็ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ…ฟังข้าซะ เลิกต่อต้านท่านอาจารย์ได้แล้ว ข้าเข้าใจว่าทำไมเจ้าถึงออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่ถ้าหากเจ้ากล้าที่จะทำอะไรลับหลังท่านอาจารย์แล้วละก็…” หมิงซี่หยินได้พูดตักเตือนอย่างเยือกเย็น
“ศิษย์พี่! ศิษย์พี่เข้าใจข้าผิดแล้ว! ข้าไม่ได้ทำอะไรแบบนั้น! ซู่ฮ่องกงเหยียดนิ้วทั้งสามขึ้นมาเพื่อที่จะสาบานต่อหน้าสวรรค์