My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 136
เมื่อเหล่าสาวกทั้งหมดได้ยินแบบนั้นพวกเขาก็โค้งคำนับก่อนที่จะถอยกลับไปเงียบๆ
สีวู่หยายังคงเดินต่อไปที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ต่อไป
…
ที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์
ณ ลานหน้าคฤหาสน์อันเงียบสงบแห่งหนึ่งของแม่ทัพฉางหนิง
เหวยซู่หยานกำลังนั่งพักผ่อนอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง เขาในตอนนี้กำลังดื่มด่ำกับความอบอุ่นของแสงอาทิตย์ของวันอยู่
“ท่านแม่ทัพ คนของเราถึงเมืองถังซีแล้วค่ะ” สาวใช้คนหนึ่งที่อยู่ถัดจากเหวยซูหยานได้พูดขึ้น
เหวนซูหยานพยักหน้าและตอบกลับไปอย่างไม่แยแส “นั่นเป็นแค่พิธีรีตองเท่านั้น พวกเราก็แค่ต้องรอดูเหตุการณ์ต่อจากนี้ การส่งคนทั้งหลายรวมไปถึงผู้ฝึกยุทธไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่ต่างอะไรจากการส่งพวกเขาไปสู่ความตาย ถ้าหากนางอยากที่จะเอาไข่ไปกระทบกับหินก็ปล่อยให้นางทำไปซะเถอะ”
“ท่านแม่ทัพ ท่านพูดถูกแล้ว แต่ถึงแบบนั้นนางก็ยังเป็นที่โปรดปรานอยู่ พวกเราคงจะขัดขวางอะไรนางไม่ได้”
เหวยซู่หยานได้ส่งเสียงตอบกลับไปอย่างไม่สบอารมณ์ “ข้าอยากจะรู้จริงๆ ว่านางจะเป็นที่โปรดปรานได้นานสักแค่ไหน ลูกน้องของนางอย่างเฉินซู หนึ่งในสามเทพมือธนูของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ในตอนนี้ได้เสียชีวิตไปแล้วที่แม่น้ำสวรรค์ นางคิดว่าจะปกปิดเรื่องนี้จากข้าได้ แต่ข้าก็รู้ดีทุกอย่าง”
“ท่านเฉินซูตายแล้วอย่างงั้นหรอ? “
“ก็เหมาะแล้วสำหรับเจ้านั่น คนที่หยิ่งผยองและคิดว่าการยิงธนูเพียงไม่กี่ดอกจะแก้ไขปัญหาอะไรได้ สมควรแล้วที่มันจะตาย”
“ถ้าหากท่านแม่ทัพคิดว่าดี นั่นก็คือว่าเป็นเรื่องดีแล้ว”
“ในตอนนี้คนในพระราชวังยังไม่รู้เรื่องนี้ ส่งใครสักคนปล่อยข่าวเรื่องนี้ออกไปซะ…” เหว่ยซู่หยานพูดสั่งการ
“ข้าเข้าใจแล้ว” สาวใช้คนนั้นได้ลังเลไปชั่วครู่ก่อนที่จะเอ่ยปากพูดออกมาอีกครั้ง “แต่ข้าอยากรู้จริงๆ เฉินซูผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัว 6 กลีบแถมยังเป็นมือธนูผู้ที่ไม่เคยยิงพลาด เขาคนนั้นจะถูกฆ่าได้ยังไงกัน? “
เหว่ยซู่หยานส่ายหัวก่อนที่จะตอบกลับไป “ข้าก็เคยคิดถึงสาเหตุเหมือนกัน…แต่อนิจจา หลักฐานที่พวกเรามีในแม่น้ำสวรรค์มันน้อยไป การใช้งานสุดยอดเวทมนตร์คาถาก็เป็นเหมือนกับการทำลายหลักฐานนั่นแหละ ไม่มีทางที่พวกเราจะสืบหาความจริงอะไรได้ แต่ถึงแบบนั้นใครก็แล้วแต่ที่จัดการกับเฉินซูได้…คนคนนั้นจะต้องเป็นยอดฝีมือไม่ผิดแน่ ข้าได้แต่หวังว่าคนคนนั้นจะไม่ใช่ศัตรูของข้า”
“ท่านแม่ทัพเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของจักรวรรดิผู้มีกำลังพลมากมายอยู่ในมือ ใครที่ไหนจะกล้าเป็นศัตรูกับท่านกัน? ” สาวใช้ได้พูดออกมาอย่างแยบยล
น่าเสียดายที่คำเยินยอใช้ไม่ได้ผลกับเหวยซูหยาน ก่อนที่ตัวเขาจะมาเป็นแม่ทัพใหญ่แบบนี้ได้เหวยซู่หยานได้ฟังคำเยินยอมาแล้วทุกประเภท เขาได้แต่หัวเราะก่อนที่จะตอบกลับไปเบาๆ “เจ้าพวกศาลาปีศาจลอยฟ้าน่ะแกร่งกล้ามาก ข้าคงจะดูถูกเจ้าพวกนั้นไม่ได้เลยแม้แต่น้อย”
“ท่านแม่ทัพ ศาลาปีศาจลอยฟ้าเคยส่งคำร้องมาขอให้ท่านรับผิด เห็นได้ชัดว่าเจ้าพวกนั้นกำลังทำให้ท่านลำบากใจอยู่ ในบรรดาศิษย์สาวกทั้งหมดของศาลาปีศาจลอยฟ้า สาวกคนแรกอย่างยู่เฉิงไห่เป็นถึงกับเจ้าสำนักทางใต้ พลังวรยุทธของเขาแข็งแกร่งจนไม่อาจที่จะหยั่งรู้ถึงได้ ทำไมพวกเราไม่ยอมร่วมมือกับสำนักทางใต้ดูล่ะ? ” สาวใช้ได้พูดออกมาเบาๆ
เหวยซู่หยานถึงกับตกใจเล็กน้อย แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด “เส้นทางแห่งคุณธรรมกับเส้นทางของพวกปีศาจไม่วันที่จะลงรอยกันได้หรอก อย่าพูดเรื่องนี้อีกล่ะ”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
…
ในตอนนั้นเองคนของเหวยซู่หยานและชาวยุทธชุดแดงทั้งหมดก็ได้รวมตัวกันที่เมืองถังซีแล้ว
“นายท่าน เมืองถังซีอยู่ไม่ไกลจากภูเขาทอง พวกเราจะต้องไปถึงที่นั่นได้ภายในวันนี้แน่” ทหารคนหนึ่งพูดกับผู้ฝึกยุทธชุดแดง
“ไม่ต้องรีบร้อนไป” ผู้ฝึกยุทธชุดแดงได้โบกมือห้ามเอาไว้ เขาเดินไปรอบๆ เมืองถังซีก่อนที่จะตรวจสอบสภาพแวดล้อม
ระหว่างทางจากเมืองถังซีไปถึงภูเขาทองจะมีป่าทึบแห่งหนึ่งบดบังเส้นทางก่อนที่จะเดินทางไปถึง ส่วนทางที่เหลือเป็นแค่พื้นที่เพราะปลูกอันอุดมสมบูรณ์ของชาวเมืองถังซีก็เท่านั้น
“พวกเราจะเดินทางถึงภูเขาทองในแสงแรกของวันพรุ่งนี้” ชาวยุทธชุดแดงคนหนึ่งพูดขึ้น
“ข้าเข้าใจแล้ว! “
เมื่อพูดจบผู้ฝึกยุทธชุดแดงก็ได้หันไปพูดกับผู้ฝึกยุทธชุดแดงคนอื่นๆ พวกเขาทั้งหมดมีประมาณ 30 คน ในตอนนี้กำลังยืนรวมตัวกันเป็นแถวสามแถว
มีทหารม้าทั้งหมดกว่า 3,000 นายกำลังยืนอยู่ที่เบื้องหลังของเหล่าผู้ฝึกยุทธ
ผู้ฝึกยุทธชุดแดงทั้ง 30 คนไม่ได้เดินเข้าเมืองแต่อย่างใด พวกเขาทั้งหมดเดินไปตามทางแทน
ทหารทั้ง 3,000 คนได้แต่รู้สึกสงสัยในการกระทำเหล่านี้
เมื่อผู้ฝึกยุทธชุดแดงเริ่มก้าวเดิน ในตอนนั้นเท้าของพวกเขาก็ได้ลอยสูงขึ้นจากพื้น มันดูเหมือนกับวิญญาณที่ร่องลอยอยู่บนพื้นที่เพราะปลูกไม่มีผิด ภาพที่เหล่าทหารเห็นทำให้พวกเขาสั่นไปทั้งตัว
ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธชุดแดงทั้งหมดก็ได้ปล่อยพลังออกมาจากร่างกายของพวกเขา พลังนั่นทำให้ฝูงนกรวมไปถึงสัตว์ร้ายทั้งหลายต่างก็หนีไปหลบซ่อนตัว
เมื่อผู้ฝึกยุทธชุดแดงเริ่มเปลี่ยนท่าทาง ในตอนนั้นเองแถวผู้ฝึกยุทธทั้งสามแถวก็ได้หลอมรวมกันเป็นครึ่งวงกลม เมื่อตั้งค่ายกลเสร็จพวกเขาก็เดินไปทางภูเขาทองต่อไป
เพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้นผู้ฝึกยุทธทั้ง 30 คนก็ได้หายไป
ทหารม้าทั้ง 3,000 นายได้แต่จ้องหน้ากันเอง หลังจากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ทำอะไรไม่ได้นอกซะจากตั้งค่ายพักแรมอยู่ใกล้ๆ กับเมืองถังซีต่อไป
…
เที่ยงคืนของวันนั้น
เสียงลมกรรโชก เสียงครวญคราง และเสียงไฟปะทุก็ได้ดังขึ้นที่ภูเขาทอง เสียงที่ดังขึ้นได้ดังไปตลอดทั้งคืน
…
เช้าวันรุ่งขึ้นผู้ฝึกยุทธชุดแดงทั้ง 30 คนก็ได้ปรากฏตัวนอกค่ายพักแรมอีกครั้ง ทหารทั้งหมดที่ถูกทิ้งเอาไว้ได้แต่รอคอยการมาถึงของพวกเขาตลอดทั้งคืน
“นะ…นายท่าน! ” เมื่อนายทหารคนหนึ่งสังเกตเห็นการมาถึงของเหล่าผู้ฝึกยุทธก็ได้ลืมตาตื่นขึ้นมาทันที เขารู้สึกตกตะลึงกับการปรากฏตัวของเหล่าผู้ฝึกยุทธชุดแดงมาก
ผู้ฝึกยุทธชุดแดงได้พูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ไปกันได้แล้ว”
…
ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า
ลู่โจวได้เหลือบมองความคืบหน้าในการเปิดกล่องในแถบเมนูภารกิจ ในตอนนี้มันแสดงให้เห็น 4/6 ถ้าหากลู่โจวเข้าใจไม่ผิดจากที่หมิงซี่หยินได้พูดเอาไว้ อาวุธทั้งหมดที่มีมี 6 ชิ้นด้วยกัน ในตอนนี้เท่ากับว่าขาดอาวุธเพียงแค่ 2 ชิ้นเท่านั้น และถ้าหากลู่โจวคาดการณ์ไม่ผิดอาวุธที่ขาดอยู่ก็คือดาบนิลโลหิตอาวุธของศิษย์คนแรกของเขานั่นเอง ส่วนอาวุธอีกชิ้นก็คือห่วงแห่งรักที่อยู่กับตัวเขาเอง เมื่อเห็นแบบนั้นลู่โจวก็ได้ปิดเมนูภารกิจไปก่อนที่จะลุกขึ้นยืนช้าๆ
“หยวนเอ๋อ”
หยวนเอ๋อรีบวิ่งเข้ามาจากด้านนอก “ท่านอาจารย์ เรียกศิษย์อย่างงั้นหรอ? “
“มีข่าวใหม่จากเจียงอาเฉียนไหม? “
“ไม่มีค่ะ” หยวนเอ๋อพูดก่อนที่จะส่ายหัวให้
“บางทีเจ้านั่นอาจจะยุ่งอยู่กับการหาดาบคีตะมังกร” ลู่โจวลุกขึ้นยืนเสร็จแล้วได้เดินลงบันไดมา
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งไปช่วยพยุงตัวของลู่โจวในทันที
ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธหญิงคนหนึ่งก็ได้วิ่งเข้ามาในห้องโถงใหญ่ “ท่านปรมาจารย์ มีใครบางคนจากพระราชวังขอพบท่าน”
“ใครกัน? ” ลู่โจวพูดออกมา
หยวนเอ๋อได้พูดต่อไป “ถ้าหากให้ทุกคนเข้าพบกับท่านอาจารย์ได้ ท่านอาจารย์ของข้าไม่ต้องเหนื่อยตายเลยอย่างงั้นหรอ? “
ผู้ฝึกยุทธหญิงคนนั้นได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดต่อไป “เขาถูกส่งมาโดยเหวยซู่หยาน”
“แล้วเหวยซู่หยานล่ะ? “
“เขา…ไม่ได้มาด้วย แต่ถึงแบบนั้นผู้ฝึกยุทธชุดแดงที่ถูกส่งมาดูเหมือนว่าจะมีพลังวรยุทธที่ลึกล้ำ”
หยวนเอ๋อรีบพูดออกมา “ท่านอาจารย์ ทำไมไม่ให้ข้าลองสู้กับเขาดูล่ะ? “
ลู่โจวโบกมือปฏิเสธข้อเสนอของหยวนเอ๋อไป หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างใจเย็น “ปล่อยให้พวกเขาเข้ามา ให้หมิงซี่หยินรับมือซะ ข้าเหนื่อยแล้ว”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
หมิงซี่หยิน, จ้าวยู่ และต้วนมู่เฉิงต่างก็รีบมาที่ห้องโถงใหญ่เมื่อพวกเขาทราบข่าวเข้า
ในขณะที่ผู้มาเยือนทั้งหมดยังมาไม่ถึง ต้วนมู่เฉิงก็ได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านอาจารย์ เจ้าเหวยซู่หยานคนนี้คิดว่าตัวเองสูงส่งยิ่งนัก ข้าจะลงจากภูเขาทองไปที่เมืองหลวงจัดการกับเจ้านั่นเอง! “
“…” หมิงซี่หยินได้แต่จ้องมองไปที่ศิษย์พี่คนที่สามของเขา
ก่อนที่ลู่โจวจะได้พูดอะไรออกมา ฮั๊ววู่เด๋าที่มาถึงเป็นคนสุดท้ายก็ได้พูดออกมาซะก่อน “ข้าขอชมเชยความกล้าหาญของเจ้าน่ะต้วนมู่เฉิง แต่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์น่ะได้รับการคุ้มกันจากเหล่ายอดฝีมือทั้งหลาย อีกทั้งวรยุทธของเหวยซูหยานยังลึกล้ำ ว่ากันว่าเขาจะต้องมีพลังร่างอวตารดอกบัวอย่างน้อยก็ต้อง 6 กลีบ ถึงแม้ว่าเคล็ดวิชายุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจะทรงพลังสักแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นการที่เจ้าจะเอาชนะเขาคนนั้นได้คงจะเป็นเรื่องยากอยู่ดี จะดีกว่าถ้าหากเจ้าเลือกที่จะยังไม่ผลีผลามในตอนนี้”
ลู่โจวพยักหน้าในขณะที่ลูบเคราของตัวเอง “ผู้อาวุโสฮั๊วพูดถูก ต้วนมู่เฉิง ข้าได้ยินมาว่าเจ้าได้ประมือกับผู้อาวุโสเมื่อไม่นานมานี้? “
ต้วนมู่เฉิงโค้งคำนับก่อนที่จะตอบกลับไป “ถูกแล้วครับท่านอาจารย์! “
“ดีแล้ว พลังผนึกตราประทับทั้งหกของผู้อาวุโสฮั๊วนั้นไม่มีใครเทียบเคียงได้ ถ้าหากเจ้าสามารถทำลายการป้องกันนั้นได้ พลังของเจ้าจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดแน่” ลู่โจวพูดขึ้น
“ข้า…ข้าจะพยายามอย่างหนักครับท่านอาจารย์”
“แค่กๆ ” ผู้อาวุโสได้ไอออกมาก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “ถือว่าเป็นเรื่องดีของข้าเช่นกันที่ได้ชี้แนะศิษย์ผู้น้องแบบนี้”
ต้วนมู่เฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้คารวะผู้อาวุโสฮั๊ว “เห็นทีข้าคงจะต้องรบกวนผู้อาวุโสเพิ่มซะแล้ว จากสามวันประมือครั้งเป็นสองวันประมือแทน…”
“เอ่อ…” แม้ว่าผู้อาวุโสฮั๊วจะอยากปฏิเสธแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ทำไม่ได้ ตัวเขาเข้าใจดีว่าความรู้สึกพ่ายแพ้เจ็บใจหลังจากพ่ายแพ้เป็นยังไง
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้เอามือไขว้หลังก่อนที่จะพูดออกมา “ประมือสามวันครั้งคงจะเป็นการดีกว่า ถ้าหากเจ้าฝืนตัวเองมากไปมันจะไม่ดีต่อเจ้าเอง”
“ครับท่านอาจารย์”
“ขอบคุณมากท่านปรมาจารย์”
ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธชุดแดงสองคนก็ได้เดินเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่
เสื้อคลุมชุดแดงของพวกเขาคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า ผู้ฝึกยุทธทั้งสองคนเดินเข้ามาในศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างมั่นคง ที่ด้านหลังของพวกเขามีทหารกลุ่มหนึ่งกำลังถือกล่องอะไรบางอย่างเข้ามาใกล้ๆ
“สวัสดีท่านปรมาจารย์ ข้าน้อยวู่เฉิง”
“สวัสดีท่านปรมาจารย์ ข้าน้อยวู่กวน”