My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 139
“ฝานซงน่ะมาจากสำนักแห่งความบริสุทธิ์ เจ้านั่นน่ะฝึกฝนเคล็ดวิชาหยินทั้งสามมา ในตอนที่เจ้านั่นฝึกฝนเคล็ดวิชาหยินทั้งสามมา ร่างกายของมันก็ถูกความเหน็บหนาวเข้ากัดกิน เจ้านั่นก็เลยตัดสินใจที่จะเดินทางไปทั่วเพื่อที่จะหาวิธีรักษาความเหน็บหนาวนั้น เวทมนตร์สายขาวสามารถรักษาความเหน็บหนาวได้ แต่เจ้านั่นก็ถูกปฏิเสธจนไม่ได้รับการรักษาไป เพราะแบบนั้นฝานซงก็เลยไม่เคยพอใจกับเวทมนตร์คาถามาโดยตลอด แต่ถึงแบบนั้นข้าก็ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้านั่นจะเข้าร่วมศาลาปีศาจลอยฟ้าแบบนี้ได้” วู่เฉิงพูดขึ้น
“ข้าคิดว่าชีวิตนี้คงอยู่ไม่สงบแน่ถ้าหากไม่ได้ฆ่าเจ้านั่น”
“มารายงานกันก่อนเถอะ ฝานซง…เจ้านั่นจะต้องได้ตายแน่” วู่เฉิงเหลือบมองไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าอีกครั้ง หลังจากนั้นวู่เฉิงก็ออกคำสั่งให้ผู้ฝึกยุทธชุดแดงทั้งหลายที่กำลังเดินทางต่อไปยังเมืองถังซี
ทหาร 3,000 นายรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นเพียงแค่แมลงหวี่แมลงวันเท่านั้น พวกเขาได้แต่เดินตามผู้ฝึกยุทธทั้งหมดไปโดยที่ไม่รู้อะไร แม้ว่าพวกเขาทั้งหมดจะเป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อเทียบกับผู้ฝึกยุทธชุดแดงที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาก็เป็นเพียงนักสู้ธรรมดาๆ ที่ไม่อาจที่จะเทียบเคียงได้เลย
วู่เฉิงรู้ดีว่าทหารทั้งหมดที่เหวยซู่หยานส่งมาเป็นเพียงแค่การให้เกียรติท่านหญิงของพวกเขาเท่านั้น ทหารพวกนี้คงจะไม่มีความสามารถในการต่อสู้จริงๆ
เมื่อเดินทางได้ถึงครึ่งทาง ในตอนนั้นผู้ฝึกยุทธที่นำโดยวู่เฉิงและวู่กวนก็ได้บินนำไปก่อน “พวกเจ้าทั้งหมดรอที่นี่ก่อน”
ทหารม้ากว่า 3,000 นายไม่สามารถที่จะไปไหนได้ พวกเขาได้แต่หยุดและรอคอยเพียงเท่านั้น ทหารทั้งหมดได้แต่มองผู้ฝึกยุทธทั้งหมดอย่างสงสัย
“เจ้าพวกนั้นกำลังทำอะไรกัน? “
“ใครจะไปรู้กัน เจ้าพวกนั้นเป็นพวกลึกลับอยู่แล้ว…ตราบใดที่พวกเราไม่ต้องไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ ข้าก็ยอมที่จะทำทุกอย่างแหละ! “
“ใช่ การจะเข้าศาลาปีศาจลอยฟ้าได้นอกจากจะต้องมีความกล้าหาญแล้วจะต้องโง่มากอีกด้วย”
ในขณะที่พวกเขากำลังคุยกันอยู่ ผู้ฝึกยุทธทั้ง 30 คนก็ได้หายไป ผู้ฝึกยุทธชุดแดงทั้งหมดได้เดินทางต่อไปในเส้นทางที่แสนจะคดเคี้ยว พวกเขาได้เดินทางกันต่อจนเวลาได้ผ่านไปถึง 2 ชั่วโมงด้วยกัน จนท้ายที่สุดแล้ววู่เฉิงก็ได้ยกมือขึ้นก่อนที่จะพูดออกมา “พวกเรามารวมตัวได้”
“ท่านพี่ พวกเราสร้างวงแหวนเวทมนตร์คาถาสำหรับการสื่อสารได้แล้ว”
“อืม เอาล่ะเริ่มได้”
“เข้าใจแล้ว”
ณ ตอนนี้วงแหวนได้ส่องแสงสีม่วงจางๆ ออกมา มันเริ่มส่องสว่างมาจากใต้เท้าของวู่เฉิง
ผู้ฝึกยุทธชุดแดงได้ล้อมรอบวู่เฉิงเอาไว้
ซู่ว!
เวทมนตร์คาถาเริ่มปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
ภายใต้การรวมพลังของผู้ฝึกยุทธทั้ง 30 คน ในตอนนั้นเวทมนตร์คาถาที่ได้เตรียมการเอาไว้ก็ถูกเปิดใช้งานขึ้น
วู่เฉิงมองไปที่วงแหวนเวทมนตร์คาถา พลังเวทมนตร์คาถาพุ่งสูงเหนือผู้คนที่รวมตัวกันอยู่
วู่เฉิงก้มคุกเข่าลงในทันที “ท่านหญิงม่อหลี่”
ในตอนนั้นเองมีเสียงตอบกลับมาจากวงแหวนเวท
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง? “
“ข้ามีเรื่องที่จะรายงานสามเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกท่านเฉินซูได้ถูกคนจากศาลาปีศาจลอยฟ้าสังหารไป…”
“เจ้าหมายความว่ายังไงกัน?! “
วงแหวนเวทมนตร์คาถาที่ใช้สำหรับติดต่อสื่อสารได้สั่นสะเทือนในทันที
“จีเทียนเด๋ายอมรับมันด้วยตัวเอง มันเป็นความจริง” วู่เฉิงได้ตอบคำถามด้วยเสียงอันสั่นเครือ
ในตอนนั้นเองเสียงหัวเราะก็ได้ดังขึ้นมาจากวงแหวนเวทมนตร์คาถา ผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ ไม่รู้เลยว่าคนที่กำลังสื่อสารอยู่ตอนนี้กำลังมีความสุขหรือว่ากำลังโกรธกันแน่
วู่เฉิงดูไม่แปลกใจเท่าไหร่ เขาเป็นคนที่เคยชินกับอารมณ์ที่แปรปรวนของท่านหญิงม่อหลี่อยู่ก่อนแล้ว “เรื่องที่สองข้าพบว่ายี่เทียนซิน ศิษย์คนที่หกของศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นชาวมนุษย์เผือก! “
“ดีมาก”
“เรื่องที่สาม ข้าได้บอกศาลาปีศาจลอยฟ้าไปเกี่ยวกับความลับของเฉิงกวาง ข้าได้ใช้ความลับนั้นเพื่อเสริมสร้างสันติภาพขึ้น”
ในตอนนั้นเองไม่มีท่าทีอะไรตอบกลับมา ท่านหญิงม่อหลี่ได้ตอบกลับมาอย่างเฉยเมยอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ “เจ้าระมัดระวังตัวมาโดยตลอด ทำตามแผนต่อเถอะ”
“อายุขัยของจีเทียนเด๋าใกล้ที่จะหมดลงแล้ว ถ้าหากเจ้านั่นได้รู้เรื่องของเฉิงกวางมันจะต้องตามหาเฉิงกวางอย่างไม่ลดละแน่ ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลอันแสนล้ำค่าสำหรับเจ้านั่นมาก ข้าแน่ใจว่าจีเทียนเด๋าจะต้องเชื่อเรื่องนี้และออกตามหาเฉิงกวางให้ได้ท่านหญิง” วู่เฉิงพูดขึ้น
“เป็นไปตามคาด เจ้าไม่ทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ “
“พวกเราได้วางสุดยอดเวทมนตร์คาถาเอาไว้ที่ทางตอนเหนือของถังซีเป็นระยะทางกว่า 5 ไมล์แล้ว พวกเราจะทำให้มันสำเร็จในเร็วๆ นี้เองครับท่านหญิง” วู่เฉิงพูดขึ้น
“ถ้าหากเป็นแบบนี้แล้วก็ทำตามแผนเดิมของพวกเราซะ”
“ข้าเข้าใจแล้วท่านหญิง”
“พวกเราจะต้องแก้แค้นให้กับเฉินซูให้ได้”
“ครับ ท่านหญิง”
“สุดท้าย…ข้าได้แต่หวังว่าเจ้าเหวยซู่หยานจะตกกลายเป็นแพะรับบาปไป”
“ครับ ท่านหญิง”
วู่เฉิงรับคำสั่งทั้งหมดด้วยความเคารพ
หลังจากที่เสร็จสิ้นการสนทนา วงแหวนเวทมนตร์คาถาก็ได้คลายตัวลงไป
หลังจากเสร็จสิ้นการสนทนา ผู้ฝึกยุทธชุดแดงทั้ง 30 คนก็ได้แยกตัวออกไปในทันที พวกเขาได้วนเวียนอยู่บริเวณแถวนั้นต่อไป
วู่เฉิงมองไปรอบๆ ที่บริเวณที่รกร้างว่างเปล่า “สร้างวงแหวนเวทมนตร์คาถาต่อไปซะ”
“รับทราบ”
…
ในตอนนั้นเองทหารม้าของเหวยซู่หยานทั้ง 3,000 นายไม่รู้เลยว่าผู้ฝึกยุทธชุดแดงทั้งหมดไม่ได้ตั้งใจที่จะกลับไปยังเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ทหารทั้งหมดไม่สามารถทำอะไรได้ พวกเขาได้แต่รอคอยอยู่ตรงจุดเดิม และพวกทหารทั้งหมดเองก็รู้สึกว่าจะต้องอยู่ที่แห่งนี้ไปตลอดกาล
…
ในป่าที่แสนห่างไกล
ชายผู้ใช้ดาบชุดเขียว ยู่ฉางตงกำลังพึมพำกับตัวเองออกมาด้วยสีหน้าแห่งรอยยิ้ม “น่าสนใจจริงๆ ” หลังจากนั้นเขาก็ได้หายตัวไป
…
ในขณะเดียวกันที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า
สีหน้าของลู่โจวในตอนนี้ยังคงเรียบเฉย ไร้ซึ่งอารมณ์
“ท่านอาจารย์ เจ้าพวกนั้นเป็นลูกหลานของสิบคนทรง ข้าเกรงกว่าเจ้าพวกนั้นจะเล่นสกปรกกับเรา! ” หมิงซี่หยินพูดขึ้น
ฝานซงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดเสริม “เจ้าพวกนั้นกล้ามากที่เข้ามาถ้ำเสือแบบนี้ได้ มันสองคนจะต้องวางแผนชั่วเอาไว้อย่างแน่นอน”
“ศิษย์น้องสี่พูดถูกแล้ว” ต้วนมู่เฉิงเองก็เห็นด้วยเช่นกัน
เมื่อหยวนเอ๋อเห็นผู้เป็นอาจารย์อย่างลู่โจวกำลังใช้ความคิดอยู่ เธอก็ได้พูดออกมาด้วยเช่นกัน “ท่านอาจารย์พวกเราไม่ควรจะปล่อยเจ้าพวกนั้นไป พวกเราควรจะจับเจ้าพวกนั้นเอาไว้และทรมานมันเยี่ยงหมูเยี่ยงหมาเหมือนกับเจ้าฝานซุยเหวินเอง ข้าไม่คิดว่าเจ้าพวกนั้นจะปิดปากตัวเองได้หรอก! “
“…”
“ทำไมทุกคนถึงมองมาที่ข้ากันล่ะ? ข้าพูดอะไรผิดไปอย่างงั้นหรอ? ” หยวนเอ๋อได้ถามออกมาอย่างไร้เดียงสา
“ท่านพูดถูกแล้วท่านหยวนเอ๋อ! ” ฝานซงและโจวจี้เฟิงต่างพยักหน้าเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียงกัน
“ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่ายังไงกันแน่? “
ลู่โจวมองไปที่หยวนเอ่ออย่างเยือกเย็นก่อนที่จะพูดออกมา “แน่นอน ข้ารู้ดีว่าเจ้าพวกนั้นจงใจที่จะบอกข้อมูลพวกนั้นให้กับข้าฟัง เฉินซูน่ะเป็นหนึ่งในสามเทพแห่งมือธนูในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ เขาคนนั้นเป็นยอดฝีมือผู้ใช้พลังร่างอวตารดอกบัว 6 กลีบ การตายของเฉินซูน่ะจะต้องส่งผลกับท่านหญิงมอหลี่มาก เพราะงั้นนางคงไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ หรอก นอกจากนี้เองเจ้าพวกนั้นก็ยังดูหมิ่นจ้าวยู่อีกด้วย” แม้ว่าลู่โจวจะไม่เคยพบกับคนพวกนั้นมาก่อน แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็รู้ดีว่าวิธีที่คนพวกนั้นใช้ไม่ใช่วิธีของผู้แสวงหาสันติภาพที่แท้จริง
“ถ้าหากท่านอาจารย์คิดแบบนั้นจริง ทำไมท่านอาจารย์ถึงยังปล่อยเจ้าพวกนั้นไปอีกล่ะ? “
“ในตอนที่ข้าคุยกับเจ้าพวกนั้น ข้าสัมผัสได้ว่าทั้งสองคนไม่ได้รู้สึกเคารพอะไรเหวยซู่หยาน… ข้าเชื่อว่าเจ้าสองคนนั้นคงจะรับใช้เจ้านายเพียงคนเดียว เหวยซู่หยานกับมอหลี่ก็เป็นเหมือนน้ำกับไฟ การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายเป็นเพียงการต่อสู้ของพวกปลาเล็กปลาน้อยเท่านั้น สุดท้ายแล้วเจ้าพวกนั้นก็จะถูกชาวประมงจับไปอยู่ดี” ลู่โจวพูดเปรียบเปรยออกมา
“…ท่านอาจารย์สุดยอดจริงๆ! ” ต้วนมู่เฉิงพูดชมลู่โจวออกมาจากใจจริง
จ้าวยู่เองกำลังตัดสินใจอยู่ เธอเองเคยทำผิดพลาดเกี่ยวกับเรื่องนี้มาแล้ว เพราะแบบนั้นจ้าวยู่จึงไม่กล้าที่จะเสนอความคิดเห็นออกไป
ลู่โจวมองไปรอบๆ เขาพบว่าฮั๊ววู่เด๋าหายตัวไป ในสถานการณ์ตอนนี้ ลู่โจวต้องการความคิดเห็นของฮั๊ววู่เด๋ามาก
“ผู้อาวุโสฮั๊วไปไหนกัน? “
“ผู้อาวุโสกำลังพักเหนื่อยอยู่ที่ศาลาทางทิศตะวันตกครับท่านอาจารย์” ต้วนมู่เฉิงตอบกลับไป
“ดีมาก”
หลังจากนั้นลู่โจวก็ได้โบกมือไปที่ “หมิงซี่หยิน”
“ครับท่านอาจารย์”
“เจ้าอย่าลืมไปเอากล่องให้ตรงเวลา” ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างเยือกเย็น
“ท่านอาจารย์…ตอนนี้กล่องอยู่ในมือของศิษย์น้องเจ็ดแล้ว ป่านนี้ศิษย์น้องก็คงจะนำกล่องไปให้กับศิษย์พี่รองศิษย์พี่ใหญ่ต่อแล้ว แม้ว่าศิษย์พี่รองกับศิษย์พี่ใหญ่จะมีวรยุทธที่แกร่งกล้าสักแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นพวกศิษย์พี่ก็คงจะทำลายกล่องใบนั้นไม่ได้ ท่านอาจารย์ไม่จำเป็นจะต้องเป็นห่วงไป” หมิงซี่หยินได้ตอบกลับมา
“ศิษย์น้องเจ็ดของเจ้าเป็นคนที่ฉลาดหลักแหลม…”
“คนที่ฉลาดหลักแหลมจะสามารถเปิดกล่องได้หรอครับท่านอาจารย์? “
“คนฉลาดน่ะมักจะมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนๆ กัน…ข้าเชื่อว่าคนพวกนั้นน่ะจะไม่ยอมทำผิดพลาดแน่” ลู่โจวพูดขึ้น
หมิงซี่หยินกลืนน้ำลายก่อนที่จะก้มศีรษะลงในทันมี หมิงซี่หยินในตอนนี้ได้แต่คิดทบทวนสิ่งที่ได้ยินมา ‘หรือว่าท่านอาจารย์กำลังจงใจที่จะตักเตือนข้ากัน? ‘
ต้วนมู่เฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดเสริมขึ้น “ท่านอาจารย์พูดถูกแล้ว ข้าเองก็คิดเช่นนั้น”
“…” หมิงซี่หยินเองยังคงสับสนอยู่
“ท่านอาจารย์พูดถูกแล้ว…เมื่อครบเจ็ดวันศิษย์จะรีบกลับไปหาศิษย์น้องแปดเพื่อทวงกล่องคืนมาเอง”
…
สองว่านผ่านไปในชั่วพริบตา ในตอนนั้นเองใกล้ๆ กับหุบเขาพยัคฆ์มีรถม้าคันหนึ่งปรากฏขึ้น