My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 142
พลังลมปราณที่ได้มาจากค่ายกลแปดทิศไม่ได้ด้อยไปกว่าพลังลมปราณของยอดฝีมือผู้มีวรยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์เลย
และเพราะแบบนั้นพลังที่ซู่ฮ่องกงที่เพิ่งจะใช้ไปร่วมกับพลังค่ายกลแปดทิศ พลังที่ถูกปลดปล่อยออกมาจึงเป็นพลังโจมตีที่รุนแรงเทียบเท่าได้กับพลังโจมตีของผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ทั้งๆ ที่ซู่ฮ่องกงเป็นเพียงแค่ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
แม้ว่ายู่เฉิงไห่ จะเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของซู่ฮ่องกง แต่เมื่อเห็นการโจมตีของผู้เป็นศิษย์น้องไป ยู่เฉิงไห่ถึงกับตกใจกับภาพนี้
“ปรากฏการณ์หายนะทั้งเจ็ด! “
สิ้นสุดเสียงตะโกนของซู่ฮ่องกง ในตอนนั้นเขาก็ได้ควบคุมพลังที่ได้จากค่ายกลแปดทิศทั้งหมด ซู่ฮ่องกงได้เคลื่อนย้ายมันไปก่อนที่จะเปลี่ยนพลังทั้งหมดให้กลายเป็นคลื่นพลัง คลื่นพลังที่อยู่บนท้องฟ้าได้โจมตีเข้าใส่เหล่าผู้ฝึกยุทธที่อยู่แถวนั้น
กระบวนท่าปรากฏการณ์หายนะทั้งเจ็ดเป็นหนึ่งในกระบวนท่าของเคล็ดวิชาพลังสายฟ้าหายนะทั้งเก้า นอกจากนีัมันยังเป็นกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดที่ซู่ฮ่องกงจะใช้ได้
ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธจากสำนักเที่ยงธรรมก็ได้ใช้พลังที่ตัวเองมีปกป้องพรรคพวกเอาไว้ ผู้ที่ไม่สามารถต้านทานการโจมตีได้ล้มลงทีละคน ช่วงวินาทีแห่งการตัดสิน ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธขั้นมหาราชครูก็ได้ปลดปล่อยพลังร่างอวตารที่ตัวเองมีออกมา พวกเขาได้ปลดปล่อยพลังร่างอวตารปัญจแห่งการเกิดใหม่และพลังร่างอวตารสัตตะดวงดาวแห่งวิญญาณออกมา
แต่พลังการโจมตีจากปรากฏการณ์หายนะทั้งเจ็ดที่ผสมผสานเข้ากับพลังของค่ายกลแปดทิศก็ยังจู่โจมเหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายจนไม่อาจที่จะต้านทานพลังโจมตีได้
“บ้าเอ๊ย! ” เหล่าผู้ฝึกยุทธจากสำนักเที่ยงธรรมในตอนนี้กำลังต้านทานพลังการโจมตีจากซู่ฮ่องกงอย่างสุดพลัง
“พลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถี! “
ท้ายที่สุดแล้วพลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถีก็ได้ปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางหมู่ผู้ฝึกยุทธ มันเป็นพลังร่างอวตารที่มีดอกบัวทั้งหมด 4 กลีบด้วยกัน
ซู่ฮ่องกงอุทานออกมาด้วยความตกใจ “นี่มันไม่ยุติธรรมซะเลย! ” ตัวเขาได้ใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อผสานเข้ากับพลังของค่ายกลแปดทิศในการโจมตีครั้งนี้ แต่พลังทั้งหมดก็ถูกพลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถีสกัดกั้นการโจมตีเอาไว้ได้
“อีกครั้งหนึ่ง! ” ซู่ฮ่องกงยังไม่ยอมแพ้ เขายังใช้พลังโจมตีที่มีโจมตีเข้าใส่ศัตรูอีกครั้ง
ในตอนนั้นเองชายเจ้าของร่างอวตารแห่งร้อยวิถีก็ได้หายไปในกลางอากาศซะก่อน ซู่ฮ่องกงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดดี ชายคนนั้นเป็นชายชรานั่นเอง
‘นั่นมันจางชุนไหลจากสำนักเที่ยงธรรมอย่างงั้นหรอ!? ไม่สิ นั่นมันเจ้าสำนักจางหยวนฉานสินะ? ‘
จางชุนไหลได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย และเพราะแบบนั้นเขาจึงรู้สึกโกรธเกรี้ยวมากกว่าเดิม จางชุนไหลได้กางฝ่ามือขึ้นก่อนที่จะพุ่งตรงไปยังซู่ฮ่องกง “ตายซะ! “
ฝ่ามือของจางชุนไหลได้ปล่อยพลังออกมาทีละเล็กทีละน้อยก่อนที่พลังทั้งหมดจะก่อตัวขึ้นและพุ่งใส่ซู่ฮ่องกงไป
“อสนีบาตพิฆาต! ” ซู่ฮ่องกงได้ใช้พลังจากค่ายกลแปดทิศผสานเข้ากับพลังที่ตัวเองมีอีกครั้ง ซู่ฮ่องกงได้ใช้พลังสายฟ้าโจมตีเข้าใส่จางชุนไหล
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
พลังฝ่ามือและพลังของสายฟ้าที่ผสานเข้ากับพลังของค่ายกลแปดทิศได้เข้าปะทะกัน และเพราะพลังการปะทะจากทั้งสองฝ่ายทำให้เกิดคลื่นกระแทกเป็นวงกว้าง
ต้นไม้รอบๆ หุบเขาพยัคฆ์ถูกพลังทำลายล้างของคลื่นกระแทกทำลายไปทั้งหมด
จางชุนไหลที่เห็นแบบนั้นได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ข้าคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์…สมแล้วที่เป็นศิษย์ของศาลาปีศาจลอยฟ้า! “
“หยุดใช้ปากเหม็นๆ ของเจ้าพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว จางชุนไหล! ข้าไม่ได้พบเจ้าที่แท่นบูชาหยกเขียวก็ถือว่าเป็นโชคดีสำหรับเจ้าแล้ว ข้าไม่คิดมาก่อนเลยว่าเจ้าจะรนหาที่ตายแบบนี้! ” ซู่ฮ่องกงได้ตะโกนกลับไป
“ช่างน่าสมเพชจริงๆ ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ก็ยังเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์อยู่วันยังค่ำ เจ้าคิดว่าจะเอาชนะได้ด้วยพลังจากค่ายกลแปดทิศนั่นน่ะหรอ? “
“เจ้าคิดจะกลัวข้าขึ้นมาแล้วสินะ! ” ซู่ฮ่องกงที่พูดเสร็จ ในตอนนั้นเองพลังแห่งแสงสว่างและความมืดมิดจากค่ายกลแปดทิศก็ได้ขยายใหญ่มากยิ่งขึ้น นอกจากขนาดที่ขยายใหญ่แล้วมันยังทรงพลังมากขึ้นไปอีก
จางชุนไหลที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างสงสัย กลุ่มหุบเขาพยัคฆ์เล็กๆ มันทรงพลังแบบนี้ได้ยังไงกัน? จางชุนไหลพยายามมองไปรอบๆ เพื่อมองหาเจ้าของพลังที่แท้จริง แต่ถึงแบบนั้นเขากลับไม่พบใครเลย
ยู่เฉิงไห่ในตอนนี้ยืนอยู่ใกล้ๆ กับค่ายกลแปดทิศ เขาเฝ้ามองดูการต่อสู้อย่างเยือกเย็นต่อไป ยู่เฉิงไห่ได้แต่พยักหน้าเล็กน้อยเท่านั้น ‘ชายชราจากสำนักเที่ยงธรรมคนนี้ไม่ธรรมดาเลย วรยุทธของศิษย์น้องแปดเองก็ด้อยกว่าหลายขั้น แต่ถึงแบบนั้นมีผู้คนมากมายหลายคนที่ต้องการจะเอาชีวิตสาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครที่ทำสำเร็จได้ ถ้าหากศิษย์น้องแปดไม่มีไพ่ตายซ่อนเอาไว้แบบนี้ เขาก็คงจะไม่สามารถอยู่รอดจนมาถึงวันนี้ได้สินะ นอกจากนี้เขายังได้รับการสนับสนุนจากศิษย์น้องเจ็ดอีกด้วย’
ยู่เฉิงไห่ยังคงยืนมองการต่อสู้อย่างเงียบๆ ต่อไป ในตอนนี้เขาเก็บซ่อนพลังของตัวเองเอาไว้อย่างมิดชิด
ในตอนนี้ถ้าหากซู่ฮ่องกงสามารถควบคุมพลังทั้งหมดได้ ด้วยพลังจากค่ายกลแปดทิศที่ทรงพลังมากขึ้น พลังของซู่ฮ่องกงก็ไม่ต่างอะไรจากพลังของผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์
เหล่าสาวกของสำนักเที่ยงธรรมที่ได้กระจัดกระจายไปได้แต่มองดูซู่ฮ่องกงด้วยสีหน้าที่ไม่อยากจะเชื่อ ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งหมดจะประเมินศิษย์คนที่แปดจากศาลาปีศาจลอยฟ้าต่ำไป!
คลื่นพลังสายฟ้าได้ไหลผ่านก่อนที่จะตกลงมาใส่เหล่าผู้ฝึกยุทธ
“ป้องกันเร็วเข้า! “
ไม่จำเป็นจะต้องพูดถึงผู้ฝึกยุทธขั้นสังหรณ์หยั่งรู้แต่อย่างใด หลังจากที่รถม้าลอยฟ้าถูกทำลาย พวกเขาก็ไม่อาจที่จะป้องกันตัวเองได้อีก มีเพียงผู้ฝึกยุทธขั้นมหาราชครูเท่านั้นที่ยังคงป้องกันตัวเองต่อไปอย่างสิ้นหวัง ในขณะที่พวกเขากำลังต้านทานการโจมตีจากสายฟ้า ในตอนนั้นพวกเขาก็พยายามหาวิธีหยุดค่ายกลแปดทิศไปด้วย
จางชุนไหลได้ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าน่ะเคยบอกเจ้าแล้ว ยังไงซะเจ้าก็ยังเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น! ” ในตอนนั้นเองพลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถีก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง ครั้งนี้มันไม่เหมือนกับครั้งก่อน ที่พลังร่างอวตารมีดอกบัวทั้งหมด 5 กลีบด้วยกัน
“โอ้? เจ้านั่นซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้อย่างงั้นสินะ” ยู่เฉิงไห่เฝ้าดูการต่อสู้อย่างอยากรู้อยากเห็น ตัวเขาไม่ได้มีเจตนาที่จะแทรกแซงการต่อสู้นี้เลย
ซู่ฮ่องกงที่เห็นดอกบัวทองคำ ในตอนนั้นที่ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยเหงื่อที่เปียกโชกมากขึ้น ‘ข้าไปทำอะไรมาถึงต้องเจออะไรแบบนี้กัน? ‘
ด้วยพลังร่างอวตารทั้งห้าแห่งร้อยวิถี จางชุนไหลได้พุ่งเข้าไปที่จุดกำเนิดของพลังค่ายกลทั้งแปดทิศ
“หืม? ” ยู่เฉิงไห่ได้กล่าวชื่นชมขึ้น “เจ้านี้เองก็ฉลาดไม่เบา คงจะใช้พลังร่างอวตารที่มีพลังมากกว่าเพื่อฝ่ากระแสพลังลมปราณจากค่ายกลแปดทิศไปอย่างงั้นสินะ”
หน้าที่หลักๆ ที่พลังร่างอวตารจะทำได้ก็คือการเสริมพลังให้กับเหล่าผู้ใช้งานของมัน นอกจากที่จะเป็นการเสริมพลังการโจมตีแล้วมันยังสามารถเสริมพลังการป้องกันได้อีกด้วย โดยส่วนมากแล้วผู้ฝึกยุทธมักจะใช้พลังร่างอวตารเสริมพลังในการโจมตีหรือพลังในการป้องกันไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่งมากกว่า และเมื่อพลังร่างอวาตารที่มีถูกทำลายไป ผู้ฝึกยุทธคนนั้นก็จะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบไปในทันที แต่ถ้าหากผู้ฝึกยุทธสามารถใช้พลังร่างอวตารที่ตัวเองมีเหนือกว่าจัดการกับคู่ต่อสู้ไปได้ก่อน ผู้ที่ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบกว่าอย่างซู่ฮ่องกงคงจะต้องพ่ายแพ้แน่!
จางชุนไหลได้เคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว, ทรงพลัง และแม่นยำ เขาได้ใช้พลังร่างอวตารที่ตัวเองมีห่อหุ้มร่างกายเอาไว้เพื่อที่จะพุ่งตรงไปยังจุดกำเนิดของค่ายกลแปดทิศ
“รับนี่ไปซะ! ” จางชุนไหลที่เข้าใกล้ซู่ฮ่องกงที่อยู่ในค่ายกลแปดทิศได้ เขาได้ซัดฝ่ามือเข้าไปที่ซู่ฮ่องกงในทันที
“ฝ่ามือแห่งเต๋า? ” ซู่ฮ่องกงที่เห็นแบบนั้นได้ขมวดคิ้ว เขาพยายามรวบรวมพลังลมปราณทั้งหมดที่มีเพื่อป้องกันฝ่ามือนี้เอาไว้
ตู๊ม!
ถึงแม้ว่าจะมีอยู่ในค่ายกลแปดทิศแต่ถึงแบบนั้นแต่พลังของร่างอวตารทั้งห้าแห่งร้อยวิถีของผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีพลังมากกว่าเมื่อเทียบกับพลังของซู่ฮ่องกงที่เป็นเพียงผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
พลังลมปราณส่วนหนึ่งของค่ายกลแปดทิศถูกพลังร่างอวตารสกัดกั้นเอาไว้ได้ ซู่ฮ่องกงในตอนนี้ไม่สามารถใช้พลังลมปราณจากค่ายกลแปดทิศได้อีกต่อไป และเพราะแบบนั้นพลังฝ่ามือของจางชุนไหลจึงซัดเข้าใส่ตัวของซู่ฮ่องกงไปเต็มๆ
“ท่านหัวหน้า! “
“ท่านหัวหน้า! “
เหล่าสาวกหุบเขาพยัคฆ์ที่เห็นซู่ฮ่องกงถูกโจมตีต่างก็ตะโกนออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ค่ายกลแปดทิศได้จางหายไป ในตอนนั้นเองพลังลมปราณทั้งหมดที่มีก็ได้จางหายไปด้วย
ซู่ฮ่องกงกระเด็นลอยไปกลางอากาศ เขาพยายามพลิกตัวเองก่อนที่จะลงสู่พื้นอย่างมั่นคง ทันทีที่ซู่ฮ่องกงถึงพื้น ตัวเขาก็ได้กระอักเลือดออกมาเฮือกใหญ่ แขนและขาของเขาชาจนไร้ความรู้สึก
“นี่เจ้า? ” ในตอนนั้นเองใบหน้าของจางชุนไหลก็เต็มไปด้วยสีหน้าแห่งความตื่นตกใจ “”นี่เจ้ายังไม่ตายอย่างงั้นหรอ? ด้วยความแตกต่างระหว่างพลังวรยุทธที่มี การโจมตีของจางชุนไหลเพียงครั้งเดียวก็น่าที่จะจัดการซู่ฮ่องกงจนบาดเจ็บสาหัสได้ ‘เจ้านั่นมันไม่เป็นอะไรอย่างงั้นหรอไง? ‘
ซู่ฮ่องกงยิ้มออกมาก่อนที่จะหัวเราะขึ้น “เจ้าน่ะแก่จนเลอะเลือนไปหมดแล้ว! เจ้าคงไม่คาดคิดมาก่อนสินะ? “
“เสื้อคลุมนิกายเซน? ” จางชุนไหลสังเกตเห็นชุดคลุมที่อยู่ภายใต้ชุดธรรมดาของชุดที่ซู่ฮ่องกงสวมใส่อยู่
เสื้อคลุมตัวนี้ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นสมบัติล้ำค่าของวิหารแห่งสวรรค์ วิหารแห่งสวรรค์เองเป็นวิหารยิ่งใหญ่ทั้ง 4 ของชาวพุทธ ทำไมของล้ำค่าแบบนี้ถึงอยู่ในมือของสาวกศาลาปีศาจลอยฟ้าได้กัน? สำหรับคนธรรมดาผู้ที่สวมใส่เสื้อคลุมนิกายเซนตัวนี้ จะทำให้คนคนนั้นอยู่ยงคงกระพันทนทานต่อการโจมตีจากทั้งดาบและหอก และสำหรับผู้ฝึกยุทธจะทำให้คนคนนั้นสามารถต้านทานการโจมตีจากคลื่นพลังลมปราณได้
“ตั้งแต่ที่ข้าตัดสินใจมาที่นี่ ข้าก็สาบานเอาไว้แล้วว่าจะจบชีวิตที่น่าสมเพชของเจ้าเอง! ” จางชุนไหลได้พูดออกมาอย่างหยิ่งผยองก่อนที่จะโบกแขนขั้นมา
ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธทั้งหลายก็ได้มารวมตัวกันอีกครั้ง
“เจ้าที่เป็นศิษย์ของศาลาปีศาจลอยฟ้าน่ะมันก็เก่งแต่หนีเท่านั้นแหละ…ล้อมมันเอาไว้ ข้าเองก็อยากที่จะเห็นเหมือนกันว่าเสื้อคลุมตัวนั้นจะทนทานพลังของข้าไปอีกนานแค่ไหนกัน”
ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 2 คนได้นำกลุ่มผู้ฝึกยุทธขั้นมหาราชครูมาอย่างเร่งรีบ
ซู่ฮ่องกงในตอนนั้นได้ก้มลงบนพื้น “ศิษย์พี่ใหญ่ ข้ารับมืออีกต่อไปไม่ไหวแล้ว! “
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ยิ้มก่อนที่จะพูดขึ้น “เจ้าทำได้ดีมาก เจ้าน่ะฉลาดมากที่จะใช้ค่ายกลที่มีให้เป็นประโยชน์เพื่อต่อกรกับผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์แบบนี้ได้ ไม่เลวเลยจริงๆ “
‘หืม? ‘ ในตอนนั้นเองจางชุนไหลก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่าง ทำไมสาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าคนนี้ถึงก้มหน้าให้กับชายวัยกลางคนกัน?
“ศิษย์พี่ใหญ่ เร็วเข้า ถ้าหากข้ายังถูกล้อมต่อไปแบบนี้ ฐานที่มั่นของข้าจะต้องถูกตาแก่ตดเหม็นอย่างเจ้านั่นทำลายแน่! ” ถ้าหากไม่มีฐานที่มั่น ไม่มีค่ายกลแปดทิศ ซู่ฮ่องกงในตอนนี้ก็จะเหลือเพียงเสื้อคลุมแห่งเซนเท่านั้น เสื้อคลุมตัวนี้จะทำให้ตัวเขาไม่ต่างอะไรจากกระสอบทราย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นของวิเศษแต่มันก็ไม่ได้ทรงพลังมากพอที่จะทำให้ซู่ฮ่องกงต่อกรกับจางชุนไหลได้
“อย่าได้กลัวไปเลยศิษย์น้อง” ยู่เฉิงไห่เดินไปข้างหน้าในระหว่างที่เหม่อมองท้องฟ้า
จางชุนไหลเหลือบมองไปที่ยู่เฉิงไห่อย่างไม่แยแสก่อนที่จะพูดต่อไป “ข้าน่ะไม่หลงกลตกหลุมพรางของเจ้าอีกต่อไป กำจัดพวกมันซะ! “
“รับทราบ! “
ยู่เฉิงไห่ได้ยินคำคำหนึ่ง มันคือคำว่า ‘อีกครั้ง’ นั่นเอง เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็ได้หันไปมองซู่ฮ่องกงที่ได้แต่ก้มหน้าลงราวกับเด็กน้อยที่ได้ทำผิดไปแล้ว
เหล่าผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็ล้อมรอบยู่เฉิงไห่เอาไว้
จางชุนไหลไม่อยากที่จะเสียเวลาพูดอีกต่อไป ตัวเขาได้ใช้พลังฝ่ามือเข้าโจมตีอีกครั้ง พลังฝ่ามือกว่าหลายสิบฝ่ามือได้พุ่งเข้าใส่ยู่เฉิงไห่จากกลางอากาศ มันเป็นเหมือนกับภูเขาที่กำลังถล่มลงใส่ผู้ฝึกยุทธทั้งสอง
ยู่เฉิงไห่ยังคงเอามือไขว้หลังเช่นเดิม ในตอนนี้เขาไม่ดูทุกข์ร้อนหรือตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย
เมื่อพลังฝ่ามือทั้งหมดจะถึงตัว ยู่เฉิงไห่ก็ได้ขยับมือขวาขึ้น ฝ่ามือของเขาพุ่งใส่ฝ่ามือทั้งหมดที่กำลังตกลงมา