My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 163
หมิงซี่หยินและหยวนเอ๋อต่างก็เข้ามาดูเช่นกัน พวกเขาทั้งคู่ต่างก็ตื่นตกใจ
พลังรอบๆ ตัวได้ห่อหุ้มร่างกายของยี่เทียนซินเอาไว้ ร่างกายของยี่เทียนซินเริ่มดูดพลังจากรอบตัวมามากขึ้นเรื่อยๆ ผมของเธอเปลี่ยนไปเป็นสีดำมากขึ้นทุกๆ นาที ผิวของเธอเองก็เริ่มเปลี่ยนไปเป็นสีปกติอีกครั้ง ลักษณะในฐานะมนุษย์เผือกได้จางหายไปอย่างช้าๆ
“อาจารย์คะ ศิษย์พี่ยี่เทียนซินกำลังรวบรวมพลังอยู่! ” หยวนเอ๋อได้พูดขึ้นเพื่อเตือนลู่โจว
ลู่โจวยังคงเงียบอยู่ ด้วยวรยุทธที่ตัวเขามีในตอนนี้การจะสัมผัสพลังรอบๆ ตัวได้ไม่ใช่เรื่องยากเลย
ภูเขาทองเป็นหนึ่งในที่ที่ได้รับพรจากธรรมชาติ มันเป็นหนึ่งในที่ที่อุดมไปด้วยพลังธรรมชาติ แถมที่แห่งนี้ยังถูกปกป้องเอาไว้ด้วยม่านพลังจนทำให้ไม่มีใครสามารถบุกรุกมาได้ และเพราะแบบนั้นภูเขาทองแห่งนี้จึงเป็นที่ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการฝึกยุทธ
ลู่โจวเองสัมผัสได้ถึงพลังธรรมชาติที่อยู่รอบๆ ตัวได้ดี ยิ่งไปกว่านั้นตัวเขายังรับรู้ถึงความเร็วได้อีกด้วย
“ท่านอาจารย์ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่คะ? ” หยวนเอ๋อได้ถามออกมาอย่างเป็นกังวล
หมิงซี่หยินรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้เห็นภาพนั้น “นี่อาจจะเป็นลักษณะพิเศษของมนุษย์เผือกก็เป็นได้”
“ศิษย์พี่ยี่เทียนซินจะตายไหม…” หยวนเอ๋อเป็นศิษย์คนสุดท้ายของศาลาปีศาจลอยฟ้า เพราะแบบนั้นเธอถึงไม่รู้เรื่องภายนอกมากเท่าไหร่ และเมื่อเห็นยี่เทียนซินเป็นแบบนั้นไป หยวนเอ๋อก็ยิ่งเป็นกังวล
“ข้าไม่คิดแบบนั้น”
พลังลมธรรมชาติรอบตัวได้โอบล้อมตัวของยี่เทียนซินเอาไว้
หมิงซี่หยินได้กำหมัดก่อนที่จะพูดขึ้น “ท่านอาจารย์รู้อะไรเกี่ยวกับลักษณะพิเศษของชาวมนุษย์เผือกด้วยอย่างงั้นหรอ? “
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพยักหน้า “ถ้าหากนางไม่ใช่ชาวมนุษย์เผือก…นางจะไปมีพรสวรรค์ในการฝึกยุทธได้ยังไงกัน? “
เมื่อได้ยินคำพูดของลู่โจว หมิงซี่หยินเองก็หยุดครุ่นคิด ตัวเขาที่เข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้าเร็วกว่ายี่เทียนซินเข้าร่วมมาก แม้ว่าหมิงซี่หยินจะฝึกฝนวรยุทธของตัวเองอย่างพากเพียรแค่ไหนสุดท้ายแล้วยี่เทียนซินก็ได้ฝึกฝนตัวเองจนมีวรยุทธแซงตัวเขาไปในเวลาไม่นาน ด้วยเหตุนี้เองอาจารย์จึงมองห่วงแห่งรักให้กับเธอ เขาหวังว่ายี่เทียนซินจะมีความสุขที่ได้รับมัน และเพราะอาวุธระดับสรวงสวรรค์ทำให้ยี่เทียนซินแข็งแกร่งขึ้นไปอีก ยี่เทียนซินภูมิใจในตัวเองเป็นอย่างมาก ก่อนที่ท้ายที่สุดหยวนเอ๋อจะเข้าร่วมกับสำนักปีศาจลอยฟ้า เมื่อเห็นหยวนเอ๋อหมิงซี่หยินก็รู้สึกชินชาไปซะแล้ว
หลังจากที่ดูดซับพลังทั้งหมดแล้วร่างของยี่เทียนซินก็ค่อยๆ ลอยลงสู่เตียง ยี่เทียนซินค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ และเมื่อเห็นลู่โจวยืนอยู่ใกล้ๆ ในตอนนั้นเองยี่เทียนซินก็อยากที่จะลุกขึ้นยืน แต่ก่อนที่จะลุกขึ้นมาพลังรอบๆ ตัวของเธอก็ได้สลายไปซะก่อน
ยี่เทียนซินรีบลุกขึ้นก่อนที่จะคุกเข่าลงบนเตียง “ตั้งแต่ที่ศิษย์รู้ว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์การกวาดล้างหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ ศิษย์ก็หวังมาตลอดว่าท่านอาจารย์จะให้ศิษย์จัดการเจ้านั่นด้วยมือข้างนี้! หลังจากที่ศิษย์ได้ทำตามความปรารถนาแล้วศิษย์จะชดใช้บาปด้วยชีวิตเอง! “
“ชดใช้บาปด้วยชีวิตของเจ้าอย่างงั้นหรอ? “
หมิงซี่หยินรีบเดินไปหาก่อนที่จะพูดกับยี่เทียนซิน “เหวยซู่หยานที่เจ้าได้ข่าวเป็นตัวปลอม อย่าได้ฆ่าคนผิดไปเลยศิษย์น้อง! “
“ตัวปลอมอย่างงั้นหรอ? ” ยี่เทียนซินถึงกับตกตะลึง
เมื่อยี่เทียนซินได้ยินเช่นนั้น ตัวของเธอก็เหี่ยวเฉาอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าที่ดูมืดมนและดูเยือกเย็นได้กลับมาครอบนำเธออีกครั้ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะความโกรธยี่เทียนซินก็คงจะไม่ตื่นมาจากการหลับใหล
“จุดตันเถียนของเจ้าเพิ่งจะฟื้นตัว เจ้าน่ะอย่าเพิ่งคิดจะทำอะไรวู่วามจะดีกว่า” หมิงซี่หยินได้แนะนำผู้เป็นศิษย์น้อง
“เพิ่งจะฟื้นตัวอย่างงั้นหรอ? ” ยี่เทียนซินที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้ก้มหน้าลง เธอได้แต่จ้องมองมือทั้งสองข้าง หลังจากนั้นก็ได้จับไปที่ผมของตัวเอง เมื่อเห็นตัวเองเปลี่ยนไปแล้วยี่เทียนซินจึงตกใจเป็นอย่างมาก
หมิงซี่หยินได้พูดขึ้นมาอีกครั้ง “เจ้าน่ะเป็นชาวมนุษย์เผือก…”
“ชาวมนุษย์เผือก? “
“มนุษย์น่ะนับว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่ฉลาดมากที่สุด แต่ถึงแบบนั้นมนุษย์แต่ละคนก็แตกต่างกัน บางคนสูงบ้างผอมบ้าง บางคนผอมบ้างอ้วนบ้าง บางคนโง่มากในขณะที่บางคนเองก็ฉลาดหลักแหลม และแน่นอนในหมู่ของพวกเราก็ยังมีคนที่มีพรสวรรค์ในการฝึกยุทธและคนที่ไม่มี…” หมิงซี่หยินได้พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา
ยี่เทียนซินที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับผงะ
หมิงซี่หยินพร้อมจะอธิบายทุกอย่างอย่างช้าๆ ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้ยกมือขึ้นเพื่อที่จะขัดจังหวะซะก่อน “ยี่เทียนซิน ข้าน่ะมีคำถามที่อยากจะถามเจ้า”
ยี่เทียนซินสั่นไปทั้งตัว เธอพยายามที่จะสงบสติอีกครั้งก่อนที่จะมองไปอย่างลู่โจว
“เจ้าน่ะรู้เรื่องของเฉิงกวางรึเปล่า? “
“เฉิงกวางอย่างงั้นหรอ? ” ยี่เทียนซินได้พูดออกมาอย่างสับสน หลังจากนั้นเธอก็ได้ใช้เวลาพักหนึ่งไปกับการครุ่นคิด แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามใช้สมองมากแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่รู้อะไรเลย ยี่เทียนซินได้แต่ส่ายหัว “ศิษย์ไม่รู้เลยว่าเฉิงกวางคืออะไร”
ลู่โจวได้มองไปที่ยี่เทียนซินอีกครั้ง
ชื่อ: ยี่เทียนซิน
เผ่าพันธุ์: ชาวมนุษย์เผือก (มนุษย์)
พลังวรยุทธ: ขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ (กำลังฟื้นฟู…)
ลู่โจวสังเกตเห็นคำว่า ‘มนุษย์’ อยู่ในนั้น มันอยู่ในหลังคำว่า ‘มนุษย์เผือก’ ซึ่งเป็นเหมือนกับคำอธิบาย นอกจากนี้แล้วพลังวรยุทธของยี่เทียนซินเองก็กำลังฟื้นฟูตัวเองอีกด้วย แต่ถึงแบบนั้นค่าความภักดีของเธอกลับไม่เพิ่มมากขึ้นเลย ลู่โจวได้ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง หรือว่าค่าความเกลียดชังทั้งหมดถูกล้างไปหมดแล้ว บางทียี่เทียนซินอาจจะเริ่มต้นใหม่ในศาลาปีศาจลอยฟ้าแห่งนี้ก็ได้ ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงค่าความจงรักภักดีจะปรากฏขึ้นไหมนะ? ช่วงเวลาแห่งความยากลำบากนี้จะเป็นโอกาสที่ยี่เทียนซินจะโบยบินต่อไปหรือจะทำให้ผูกมัดตัวเองต่อไปกัน? ทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจแล้วล่ะ
ลู่โจวไม่ได้รีบร้อนอะไร เขาได้พูดขึ้นมาอย่างช้าๆ “ไม่เป็นไร…” ถ้าหากชาวมนุษย์เผือกยังไม่รู้เรื่องเฉิงกวาง บางทีของสิ่งนี้อาจจะไม่มีอยู่ตั้งแต่แรกก็เป็นได้
ยิ่งไปกว่านั้นลู่โจวเองแทบที่จะไม่ได้สนใจเฉิงกวาง ตัวเขาสามารถเพิ่มอายุขัยได้ด้วยการ์ดพลังชีวิต ตัวเขาสามารถมีชีวิตยืนยาวได้ตราบนานเท่านั้นถ้าหากตัวเขาไม่ได้เป็นอันตรายไปซะก่อน แล้วทำไมลู่โจวถึงจะต้องเอาเฉิงกวางด้วยล่ะ?
เป้าหมายของลู่โจวไม่ใช่ความสามารถในการยืดอายุขัยของเฉิงกวาง ตัวเขาอยากที่จะฟื้นความทรงจำที่ขาดหายไปด้วยพลังของเฉิงกวางมากกว่า และเพราะแบบนี้ลู่โจวจึงได้หันหลังก่อนที่จะจากไป
“ท่านอาจารย์พักผ่อนด้วย”
“ท่านอาจารย์พักผ่อนด้วย”
หยวนเอ๋อเองได้เดินตามลู่โจวในขณะที่หมิงซี่หยินยังคงอยู่ที่นี่ต่อไป ตัวเขากำลังอธิบายว่าตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่ หมิงซี่หยินได้เริ่มอธิบายตั้งแต่การเป็นมนุษย์เผือก, เฉิงกวาง หรือแม้แต่เรื่องที่ลู่โจวได้สืบสวนเหตุการณ์ทั้งหมดในหมู่บ้านปลามังกรสวรรค์ ลู่โจวและอีกหลายคนจะต้องเผชิญหน้ากับเวทมนตร์คาถาที่ทรงพลังจนท้ายที่สุดแล้วก็ถึงเรื่องของรถม้าล่องเมฆา…หมิงซี่หยินได้เล่าทุกสิ่งทุกอย่างออกมา
ยี่เทียนซินตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ฟังมา หลังจากนั้นครู่หนึ่งเธอก็ได้ตอบกลับไปอย่างจริงจัง “ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็แล้วแต่ข้าจะจำเรื่องนี้เอาไว้ให้ดี ศิษย์พี่สี่”
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก…ขอบคุณท่านอาจารย์จะดีกว่า…”
“ข้าได้ทำผิดพลาดร้ายแรงครั้งยิ่งใหญ่ไป ข้าไม่คิดว่าท่านอาจารย์จะปล่อยให้ข้ากลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าอีก…” ยี่เทียนซินพูดขึ้น
“ไม่ต้องเป็นห่วงไป แม้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตนั้นยากที่จะลืมเลือน…แต่ในตอนนี้ทั้งนิสัยและอารมณ์ของท่านอาจารย์น่ะเปลี่ยนไปมากแล้ว ถ้าหากเจ้าไปหาท่านอาจารย์ด้วยใจจริง ข้าไม่คิดว่าการที่จะกลับมายังศาลาปีศาจลอยฟ้าได้จะเป็นเรื่องยากอะไร” หลังจากนั้นหมิงซี่หยินก็ได้พูดต่อไป “นอกจากนี้พวกเรายังขาดคน” เมื่อใดก็ตามที่หมิงซี่หยินนึกถึงสถานะที่จะต้องควบคุมรถม้าล่องเมฆา ตัวเขาก็รู้สึกอับอายขึ้นมาเล็กน้อย
“ศิษย์พี่ ท่านพูดจริงๆ อย่างงั้นหรอ? ” ยี่เทียนซินถามอย่างไม่แน่ใจ
“แน่นอน มนุษย์อย่างพวกเราน่ะจะต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ท่านอาจารย์ยอมมอบเคียวพื้นพิภพให้กับข้า เพราะงั้นท่านอาจารย์จะต้องยอมให้อภัยเจ้าแน่! อย่ามองข้าแบบนั้นสิศิษย์น้องหญิง…” หมิงซี่หยินได้พูดออกมา
เมื่อได้ยินแบบนั้นยี่เทียนซินก็ได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
…
หลังจากที่ลู่โจวออกจากศาลาทางทิศใต้ไป ตัวเขาก็ไม่ได้กลับไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้า เขาได้ตรวจสอบรายชื่อภารกิจทั้งหมดที่มีอยู่ในเมนูแทน
นอกเหนือจากภารกิจในการสั่งสอนเหล่าลูกศิษย์ ภารกิจในการทำให้เหวยซู่หยานยอมรับผิดก็ยังคงอยู่ เป็นธรรมชาติที่ตัวปลอมของเหวยซู่หยานตัวปลอมจะไม่ถูกนับในภารกิจ
ลู่โจวคิดอะไรบางอย่างก่อนที่จะเดินไปยังศาลาทางเหนือ
หยวนเอ๋อถามออกมาอย่างสงสัย “ท่านอาจารย์ พวกเราจะไปทำอะไรที่ศาลาทางทิศเหนือกัน? “
ลู่โจวได้เหลือบมองไปที่หยวนเอ๋อ ตัวเขาในตอนนี้กำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ ในตอนนั้นเองเขาก็ได้ถามออกมาอย่างสบายๆ “เป็นอะไรรึเปล่า? “
“ในตอนที่ศิษย์ได้ฝึกเคล็ดวิชาหยกแห่งความบริสุทธิ์ ศิษย์รู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่างเข้า”
สำหรับลู่โจวแล้วนี่เป็นสัญญาณที่ดีที่หยวนเอ๋อจะขอคำแนะนำ
ลู่โจวได้พยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับไป “ให้ข้าได้ไปสักถามฝานซุยเหวินซะก่อน! “
“ขอบคุณท่านอาจารย์”
ทั้งสองคนได้เดินมาถึงศาลาทางทิศเหนือ
ฝานซุยเหวินที่ไหม้ไปทั้งตัวได้กำลังนอนอยู่บนพื้น ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาแทบที่จะไม่รู้สึกตัวเลย การหายใจของฝานซุยเหวินยังคงหายใจโรยรินราวกับว่ากำลังจะตายได้ทุกเวลา
ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “เล้งลั่ว…เจ้าต้องการที่จะเป็นสักขีพยานในการตายของม่อหลี่รึเปล่า? “
ฝานซุยเหวินไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ได้กำหมัดแน่น
“ข้าจะช่วยเจ้าฆ่าม่อหลี่เอง…” ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างช้าๆ
ฝานซุยเหวินพยายามที่จะลืมตาขึ้นมา ใบหน้าอันหมองคล้ำของเขายังคงไร้ชีวิตชีวาเช่นเดิม
ลู่โจวได้พูดต่อไป “ถ้าหากเจ้าต้องการแบบนั้นข้าก็มีเงื่อนไขอยู่…”