My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 165
ต้วนมู่เฉิงไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม ตัวเขาไม่สามารถคาดเดาอะไรอารมณ์ของผู้เป็นอาจารย์ได้เลย เขาไม่อาจที่จะรู้ได้เลยว่าลู่โจวกำลังคิดอะไรกับศิษย์คนที่แปดของตัวเขา ต้วนมู่เฉิงได้แต่ถ่ายทอดข้อความที่ได้รับมาจากศิษย์น้องถึงผู้เป็นอาจารย์เท่านั้น
หยวนเอ๋อได้พูดขึ้น “ท่านอาจารย์วรยุทธของศิษย์พี่แปดเทียบเท่ากับพลังวรยุทธที่ศิษย์มี…ถ้าหากสำนักแห่งความบริสุทธิ์เคลื่อนไหวจริงๆ แล้วละก็ ศิษย์คิดว่าศิษย์พี่ได้ตายแน่! “
คำพูดของหยวนเอ๋อทำให้ลู่โจวพูดไม่ออกเล็กน้อย
ต้วนมู่เฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดขึ้น “เจ้านั่นไม่ตายง่ายๆ หรอก”
ซู่ฮ่องกงเป็นศิษย์ของศาลาปีศาจลอยฟ้า ด้วยพลังวรยุทธที่ตัวเขามี ซู่ฮ่องกงจะต้องถูกจัดการไปอย่างง่ายดายไปแล้วแท้ๆ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขากลับมีชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้
ในตอนนี้เป็นไปได้ว่าสีวู่หยาพยายามที่จะทำให้ศาลาปีศาจลอยฟ้าต้องเป็นศัตรูกับสำนักแห่งความบริสุทธิ์ แต่ถ้าหากลู่โจวไม่ได้เดินตามหมากเกมนี้ สีวู่หยาก็คงจะไม่สามารถทำอะไรได้
ต้วนมู่เฉิงและหยวนเอ๋อไม่กล้าที่จะแสดงท่าทีอะไรออกไป พวกเขาทั้งสองคนยังไม่เห็นลู่โจวผู้เป็นอาจารย์แสดงความคิดอะไรออกมา เพราะแบบนั้นเองการที่จะยืนเฉยๆ อย่างเชื่อฟังข้างๆ กับลู่โจวคงจะเป็นทางเลือกอะไรที่ดีกว่า
ลู่โจวกลอกสายตากลับไปที่เล้งลั่วที่กำลังยืนพิงอยู่ที่มุมหนึ่งของห้อง “เล้งลั่ว ม่อหลี่น่ะทั้งหลักแหลมและเฉลียวฉลาด…นางจะต้องซ่อนตัวอยู่ในส่วนลึกของพระราชวังแน่ และเพราะความเกลียดชังของเจ้าข้าจะให้เจ้าได้สังหารนางกับมือเอง” หลังจากพูดจบลู่โจวก็ได้เดินทางไปยังศาลาทางทิศเหนือ
เมื่อลู่โจวและศิษย์ทั้งสองเดินทางไปยังศาลาทางเหนือ ตอนนั้นเองต้วนมู่เฉิงก็ได้พูดขึ้น “ท่านอาจารย์ เล้งลั่วเคยเป็นลูกน้องของม่อหลี่มาก่อน นอกจากนี้พวกเรายังฆ่าลูกน้องของเขาไปอีก 2 คนด้วย การเลี้ยงดูเจ้านั่นเอาไว้จะไม่ทำให้พวกเราพบกับคนทรยศอย่างงั้นหรอครับ? “
เล้งลั่วเป็นยอดฝีมือผู้ที่มีพลังร่างอวตารดอกบัว 8 กลีบ ถ้าหากปล่อยตัวเขาได้พักฟื้นต่อไปแบบนี้ ไม่นานนักในอนาคตเล้งลั่วจะต้องใช้พลังที่เคยมีได้อีกครั้งแน่
ลู่โจวได้หยุดกลางคัน ตัวเขาได้ส่ายหัวก่อนที่จะตอบกลับไป “เล้งลั่วในตอนนี้ยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัสอยู่ เจ้านั่นน่ะไม่อยากที่จะสร้างปัญหาเพิ่มแน่…ถึงพลังของเขาจะฟื้นฟูมาได้เป้าหมายแรกของเจ้านั่นไม่ใช่ศาลาปีศาจลอยฟ้าของพวกเราหรอก”
เมื่อต้วนมู่เฉิงได้ยินแบบนั้น ตัวเขาก็ได้คารวะลู่โจวในทันที “ศิษย์เข้าใจแล้วท่านอาจารย์”
คนที่เล้งลั่วเกลียดชังมากที่สุดคงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกซะจากม่อหลี่ นางคนนี้คงจะอยู่ในส่วนลึกของพระราชวัง ม่อหลี่ได้ควบคุมเล้งลั่วมานานกว่าหลายปีแล้ว และเพราะแบบนั้นเองการที่เล้งลั่วจะรู้สึกเกลียดชังนางก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ให้ฝานซงจับตาดูเขาเอาไว้ซะ”
“ครับท่านอาจารย์”
พวกเขาทั้งสามคนได้กลับไปยังห้องโถงใหญ่
ลู่โจวในตอนนี้ได้เหลือบมองดูระบบ
แต้มบุญ: 12,112
ในตอนนี้ลู่โจวรู้สึกมีพลังอย่างบอกไม่ถูก บางทีนี่อาจจะเป็นเพราะตัวเขาสามารถปราบเล้งลั่วได้แล้ว ลู่โจวตัดสินใจที่จะจับฉลากนำโชค 6 ครั้งติด แต่ถึงแบบนั้นผลลัพธ์ก็ยังเป็นเช่นเดิม ไม่มีอะไรที่ได้มานอกซะจากค่าความโชคดีที่เป็นเหมือนกับรางวัลปลอบใจ
ในตอนนี้ลู่โจวจึงมีค่าความโชคดีทั้งหมด 14 แต้ม ลู่โจวได้แต่ส่ายหัวก่อนที่จะยอมแพ้แต่โดยดี
เมื่อลู่โจวมาถึงห้องโถงใหญ่ ตัวเขาก็ได้มองไปที่หยวนเอ๋อที่กำลังยืนมองอยู่ก่อนที่จะพูดขึ้น “มานี่สิ”
“ค่ะ…” หยวนเอ๋อได้เดินก้มหน้าไปหาลู่โจว ท่าทางของเธอในตอนนี้เหมือนลูกเจี๊ยบที่กำลังหาธัญพืชกิน
“การฝึกยุทธของเจ้ามีปัญหาอย่างงั้นเรอะ? “
หยวนเอ๋อได้พยักหน้าก่อนที่จะตอบกลับไป “ในตอนที่ศิษย์เพิ่งจะได้รับวิธีการฝึกฝนเคล็ดวิชาหยกแห่งความบริสุทธิ์เมื่อไม่นานมานี้ ศิษย์รู้สึกว่าพลังวรยุทธของศิษย์ไม่เพิ่มขึ้นหรือคืบหน้าไปไหนเลยแม้แต่น้อย…”
“ไม่คืบหน้าอย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวรู้สึกงุนงง ถ้าหากฝึกฝนเคล็ดวิชาหยกแห่งความบริสุทธิ์ตามที่ตัวเขาได้ชี้แนะไปคงจะไม่เจอกับปัญหาอะไรมากมายนัก ด้วยพรสวรรค์ของหยวนเอ๋อที่มีมากกว่าศิษย์ทั้ง 8 คน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะฝึกฝนไม่คืบหน้าไปไหนแบบนี้ได้
“ส่งมือเจ้ามาสิ”
“ค่ะ”
ลู่โจวได้ใช้พลังลมปราณของตัวเองใส่ไปในตัวของหยวนเอ๋อ หลังจากที่สัมผัสกับเส้นพลังลมปราณทั้งแปดได้ ลู่โจวก็รับรู้ว่ามันเปี่ยมไปด้วยพลังลมปราณที่ไหลเวียนอยู่ หลังจากที่ตรวจสอบเส้นพลังลมปราณครบแล้วลู่โจวก็ได้ตรวจสอบจุดตันเถียน
ลู่โจวในตอนนี้ขมวดคิ้ว “นี่มัน? “
โดยปกติแล้วผู้ฝึกยุทธทั้งหลายจะต้องเบิกเส้นพลังลมปราณทั้งแปดให้ได้ ถ้าหากทำแบบนั้นได้ก็จะสามารถใช้งานจุดตันเถียน จุดศูนย์รวมของพลังลมปราณที่มีอยู่ในร่างกายได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และเมื่อรวมเข้ากับความสามารถในการใช้เส้นพลังลมปราณทั้ง 8 เองจะทำให้ผู้ฝึกยุทธกลายเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์แท้จริง
และเมื่อจุดตันเทียนมีพลังลมปราณมากพอ เมื่อนั้นมันก็จะสามารถสร้างดอกบัวทองคำขึ้นมาได้ พลังของจุดตันเถียนจะกลายเป็นกลีบดอกบัวทองคำ ทุกๆ กลีบของดอกบัวทองคำจะหมายถึงพลังที่มีภายในจุดตันเถียนนั่นเอง
หากปราศจากจุดตันเถียนแล้วก็เป็นไปไม่ได้เลยที่หยวนเอ๋อจะมีวรยุทธเพิ่มขึ้นได้ ที่เธอฝึกฝนตัวเองไม่คืบหน้าแบบนี้เป็นเพราะจุดตันเถียนของเธอนั่นเอง
“ท่านอาจารย์…เกิดอะไรขึ้นกันแน่? “
ลู่โจวได้ยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆ ในตอนนี้เขาได้แต่เก็บความตกตะลึงเอาไว้ภายในใจ
หยวนเอ๋อในตอนนี้มีพลังวรยุทธถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์โดยที่ยังไม่มีจุดตันเถียนที่แข็งแกร่งมากพอ ถ้าหากตัวเธอยังคงฝึกฝนต่อไปแบบนี้ ไม่นานนักจุดตันเถียนของเธอจะต้องระเบิดออกแน่ และเมื่อเป็นแบบนั้นหยวนเอ๋อก็จะตายไปในที่สุด
“ในตอนนี้เจ้าหยุดฝึกฝนเคล็ดวิชาหยกศักดิ์สิทธิ์ไปก่อน”
“ค่ะ”
“เจ้ายังไม่สามารถใช้งานจุดตันเถียนที่มีในร่างกายได้อย่างเต็มที่ ถ้าหากเจ้าฝึกฝนตัวเองต่อไปเจ้าจะต้องเจอกับอันตรายแน่นอน”
เมื่อได้ยินแบบนั้นหยวนเอ๋อก็ได้ถามออกมาอย่างตื่นตกใจ “ศิษย์ยังไม่ได้เบิกจุดตันเถียนอีกอย่างงั้นหรอคะ? “
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “นี่ถือเป็นปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น เจ้าไม่ต้องกังวลไปหรอก” แม้ว่าลู่โจวจะบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ใช่อะไรที่จะแก้ไขได้ง่ายๆ เลย ลู่โจวในตอนนี้สับสนเป็นอย่างมาก ทำไมหยวนเอ๋อถึงยังไม่สามารถใช้จุดตันเถียนแบบหยวนเอ่อได้ ไม่มีทางเลยที่จีเทียนเด๋าจะไม่สังเกตเห็นสิ่งนี้ ด้วยเหตุนี้เองตัวเขาจึงคิดว่าจีเทียนเด๋าน่าจะเป็นตัวการของเรื่องนี้
ลู่โจวได้ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“ท่านอาจารย์ มีจดหมายมา…” หยวนเอ๋อชี้ไปยังนกพิราบสื่อสารที่กำลังบินอยู่ที่ด้านนอก หลังจากนั้นเธอก็ได้กระโจนเข้าหามันในทันที หยวนเอ๋อได้คว้านกพิราบตัวนั้นเอาไว้ด้วยความเร็วราวกับสายฟ้า
เมื่อหยวนเอ๋อกลับมาที่ห้องโถงใหญ่อีกครั้งเธอก็ได้ทำหน้ามุ่ยก่อนที่จะพูดออกมา “จดหมายของเจ้าคนไร้ยางอายค่ะ! “
“เจียงอาเฉียนอย่างงั้นสินะ? ” ถ้าหากจะพูดให้ถูกเขาคนนี้ก็คือองค์ชายองค์ที่สาม องค์ชายลู่เฉินนั่นเอง
หยวนเอ๋อได้แกะจดหมายก่อนที่จะอ่านออกเสียงมา “ขอบคุณสำหรับของขวัญมากท่านผู้อาวุโสจี แท้จริงแล้วมันเป็นดาบที่ไม่มีอะไรจะมาเทียบได้ ข้ารู้สึกพอใจในดาบเล่มนี้จริงๆ เพื่อแสดงความขอบคุณและความเคารพที่ข้ามีให้ท่าน
ข้าอยากที่จะบอกข้อมูลอะไรบางอย่าง…”
ลู่โจวลูบเคราก่อนที่จะพยักหน้าอย่างช้าๆ
ด้วยสถานะและสมองที่เจียงอาเฉียน การจะเปิดคลังแสงเพื่อรับดาบเล่มนั้นไปได้คงจะไม่ใช่เรื่องที่หนักหนาอะไร
“พูดต่อสิ”
“เรื่องแรกข้าอยากให้ท่านระวังศิษย์คนที่เจ็ดของท่านเอาไว้ให้ดี เขาคนนี้มีความสามารถพิเศษในการสร้างปัญหาขึ้นมา เขาอาจพยายามทำให้โลกทั้งใบตกอยู่ในความวุ่นวายก็เป็นได้ เรื่องที่สองเหวยซู่หยานที่ไปศาลาปีศาจลอยฟ้าเป็นตัวปลอม ตัวจริงของเหวยซู่หยานอยู่ที่ทะเลสาบตะวันฟ้าแล้ว แม่ทัพเหวยเตรียมพร้อมที่จะเก็บซ่อนตัวเองเป็นเวลากว่าสิบปีเพียงเพื่อที่จะรออายุขัยของท่านหมดลงไป เหวยซู่หยานคนนี้เป็นคนที่เจ้าเล่ห์อย่างแท้จริง…นอกจากนี้ข้าหวังว่าเรื่องการเป็นพันธมิตรระหว่างพวกเราจะยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้”
เวลาสิบปีอย่างงั้นหรอ…
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะส่ายหัว “ทุกๆ คนล้วนแต่รอให้ตัวข้าสิ้นอายุขัยไป…”
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ไม่กล้าคิดแบบนั้นแน่” หยวนเอ๋อได้ตอบกลับไป
“ส่งจดหมายกลับไปให้เจียงอาเฉียน บอกเจ้านั่นว่าข้อตกลงของพวกเราจะสิ้นสุดทันทีหลังจากที่ข้าตาย! “
“ศิษย์จะเขียนจดหมายตอบกลับเองค่ะ”
หยวนเอ๋อได้ส่งจดหมายหาเจียงอาเฉียนอย่างรวดเร็ว
เช้าวันรุ่งขึ้นเจียงอาเฉียนก็ได้ตอบกลับมา
“ท่านคิดถูกแล้วผู้อาวุโสจี ข้าไม่คิดว่าเวลาที่เหลือของท่านอีก 10 ปีจะเป็นเวลาที่เสียเปล่าแน่ ถึงแม้ว่าเป็นเวลาถึง 15 ปี ตราบที่ข้าได้ดาบดีๆ มามันก็คุ้มค่าแล้วล่ะ”
หลังจากที่หยวนเอ๋อได้อ่านจดหมายมาถึงตรงนี้ เธอก็ได้แต่สาปแช่งให้กับความไร้ยางอายของเจียงอาเฉียนอีกครั้ง
แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวกลับไม่ได้ดูเป็นเดือดเป็นร้อนอะไรเลย ตัวเขาได้ลูบเคราก่อนที่จะพูดออกมา “บอกเจ้านั่นว่าข้าจะรักษาสัญญาทั้งหมดเอง ข้าน่ะเกลียดคนที่ไม้รักษาสัญญามากกว่าสิ่งอื่นใด”
“ค่ะ ท่านอาจารย์”
หลังจากที่หยวนเอ๋อส่งจดหมายไป ลู๋โจวก็ได้ครุ่นคิดในสิ่งที่เจียงอาเฉียนได้เขียนเอาไว้
“บอกศิษย์พี่สามศิษย์พี่สี่ของเจ้าซะ บอกให้พวกเขาพาเหวยซู่เหลนมาด้วย…”
“ท่านอาจารย์วางแผนที่จะทำอะไรอย่างงั้นหรอคะ? ” หยวนเอ่อได้ถามออกมาอย่างตกใจ
“ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนอยากที่จะไปเกิดใหม่ ข้าจะรีบเติมเต็มความปรารถนาของเจ้านั่นซะ…”
แม้ว่าหยวนเอ๋อจะดูไม่เข้าใจเรื่องนี้ แต่ถึงแบบนั้นเธอก็ได้พยักหน้าตอบรับอย่างเชื่อฟังก่อนที่จะวิ่งออกไป
…
ในขณะเดียวกันที่กระท่อมแห่งหนึ่งที่อยู่ใจกลางทะเลสาบตะวันฟ้า
กระท่อมแห่งนี้ดูสะอาดตาและดูสง่างามเป็นอย่างมาก นอกเหนือจากสะพานไม้ที่ทอดกลางไปยังใจกลางทะเลสาบ ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีแต่น้ำล้อมรอบเอาไว้
มีหญิงสาวคนหนึ่งได้เดินมาข้างๆ เหวยซู่หยาน “ท่านแม่ทัพ ท่านคิดว่าเหวยซู่เหลนจะหลอกเจ้าโง่นั่นได้ไหม? “
เหวยซู่หยานในตอนนี้กำลังเอนกายอยู่บนเก้าอี้ไม้ตัวหนึ่ง ตัวเเขาได้แต่โยกเก้าอี้ไปมาพร้อมกับอาบแดดยามเช้า “ด้วยความปรารถนาที่อยากจะตายของเจ้านั่นรวมเข้ากับการแสดงที่ฝึกฝนมาจากเจ้าข้าคิดว่าคงจะไม่มีปัญหาแน่…ถึงแม้ว่าเหวยซู่เหลนจะหลอกอะไรปรมาจารย์มหาวายร้ายนั่นไม่ได้เลยข้าก็ไม่เสียอะไรอยู่ดี”