My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 166
“ถ้าหากตัดสินจากอารมณ์ของปรมาจารย์มหาวายร้ายนั่น เขาคงจะฆ่าเหวยซู่เหลนอย่างไม่ลังเลแน่นอน…แต่ถึงแบบนั้นพวกเราก็ควรจะเตรียมการรับมือกับเรื่องที่ไม่คาดฝันด้วย” หญิงสาวคนนั้นพูดเสนอแนะขึ้น
เหวนซู่หยานที่ได้ฟังแบบนั้นได้พูดออกมาอย่างร่าเริง “ไม่จำเป็นจะต้องกังวลไปหรอก ข้าน่ะเป็นถึงแม่ทัพสูงสุดของสามกองทัพ ถ้าหากข้าตายไปทุกคนเองก็จะต้องตายไปกับข้าด้วย! ” ถ้าหากตัดสินใจจากคำพูดของเหวนซู่หยาน เขาคนนี้จะต้องยอมทำทุกทางเพื่อที่จะหาทางรอด แม้ว่าจะต้องเบียดเบียนคนอื่นมากแค่ไหนแต่สุดท้ายแล้วเหวยซู่หยานก็จะทำ
เหวยซู่หยานหันไปมองหญิงสาวที่อยู่ข้างๆ “จิงอี้ เจ้าน่ะอยู่กับข้ามานานหลายปีแล้ว ข้ารู้ดีว่าเจ้าน่ะเป็นคนระมัดระวังตัวแค่ไหน การระมัดระวังตัวมันก็ดีอยู่หรอกแต่เจ้าน่ะระมัดระวังตัวมากเกินไปแล้วนะ…”
“ท่านพูดถูกแล้วท่านแม่ทัพ”
“เจ้าน่ะลืมบทเรียนก่อนหน้านี้ไปแล้วอย่างงั้นหรอ? ความสัมพันธ์ระหว่างองค์ชายองค์ที่สองกับม่อหลี่นั้นไม่ธรรมดาเลย” เหวยซู่หยานได้พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“ข้าคงจะคิดมากไปเอง”
เหวยซู่หยานรีบลุกขึ้นยืนก่อนที่จะสำรวจทะเลสาบที่อยู่ตรงหน้า “เหลือเวลาอีกกี่ปีกันที่ปรมาจารย์มหาวายร้ายนั่นจะสิ้นอายุขัย? ข้าจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ฝึกฝนตัวเองอย่างสันโดษที่ใจกลางทะเลสาบตะวันฟ้าแห่งนี้ เมื่อถึงตอนนั้นเวลากว่า 10 ปีก็จะผ่านพ้นไปเพียงพริบตา ยังไงซะปรมาจารย์มหาวายร้ายนั่นจะต้องยุ่งอยู่กับเรื่องตัวเองกับอายุขัยที่เหลืออยู่ เจ้านั่นคงไม่มีเวลามาตามหาตัวข้าแน่”
มีข่าวลือที่ว่ากันว่าปรมาจารย์มหาวายร้ายจะมีอายุขัยอยู่ได้ไม่เกิน 10 ปี ยิ่งไปกว่านั้นพลังวรยุทธของเขาก็จะยิ่งเสื่อมถอยลงไปเรื่อยๆ ตามอายุขัยที่เพิ่มมากขึ้น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าจะมีใครจากยุทธภพบุกขึ้นศาลาปีศาจลอยฟ้าในตอนนั้น ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่ามากมาย เมื่อเวลานั้นมาถึงศาลาปีศาจลอยฟ้าก็จะล่มสลายและไม่สามารถไปต่อได้
เหวยซู่หยานได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ “แค่สิบปีเท่านั้น! รอเอาไว้ได้เลย! ไม่มีใครทำอะไรข้าได้แน่! ” เสียงของเหวยซู่หยานที่เปล่งออกมาเต็มไปด้วยพลังลมปราณ เพราะแบบนั้นเองที่ผิวน้ำของทะเลสาบแห่งนี้จึงกระเพื่อมไปมา
“เป็นแผนที่ยอดเยี่ยมจริงๆ ท่านแม่ทัพ” หลี่จิงอี้ได้โค้งคำนับให้เล็กน้อย
เหวยซู่หยานได้เหลือบมองไปที่หลี่จิงอี้ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความยินดี “แล้วมีเรื่องอะไรคืบหน้าเกี่ยวกับองค์ชายองค์ที่สองไหม? “
“ฝ่าบาททรงเสียพระทัยมากที่ได้ยินว่าท่านเดินทางไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าก็เพื่อที่จะยอมรับผิด พระองค์อยากที่จะจัดตั้งกองทัพปราบศาลาปีศาจลอยฟ้าอีกครั้งแต่ถึงแบบนั้นม่อหลี่ก็ได้ห้ามฝ่าบาทเอาไว้ก่อน”
“แสดงละครได้ดีเลยนิ” เหวยซู่หยานได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม “แล้วมีใครรู้เรื่องที่อยู่ของพวกเราอีกไหม? ” เรื่องนี้เองเป็นเรื่องที่เหวยซู่หยานเป็นกังวลมากที่สุด
หลี่จิงอี้ตอบกลับไป “ไม่ต้องกังวลไปท่านแม่ทัพ นอกเหนือจากทหารคนสนิทของท่านทั้งสี่, ตัวท่านแล้วก็ข้า ไม่มีใครรู้ที่อยู่ของท่านได้อย่างแน่นอน! “
“ดีมาก” เหวยซู่หยานได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดต่อไป “แม้ว่าจะมีคนมาหาข้าถึงที่ทะเลสาบตะวันฟ้าแต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร ข้าก็เหมือนกับเสือที่ติดปีก…” ที่เหวยซู่หยานพูดแบบนี้เป็นเพราะตัวเขามั่นใจในพลังวรยุทธที่มีมาก พลังร่างอวตารดอกบัว 7 กลีบของเหวยซู่หยานจะต้องไม่แพ้ใครง่ายๆ แน่
เหวยซู่หยานรู้สึกพึงพอใจในแผนการของตัวเขามาก เขาชี้ไปยังที่ท้องฟ้าอันไกลโพ้นก่อนที่จะพูดออกมา “จิงอี้ เจ้าไม่คิดว่าวิวทิวทัศน์ที่นี่มันน่าจ้องมองมากไปหน่อยอย่างงั้นหรอ? “
“ถูกแล้วค่ะท่านแม่ทัพ”
“ดูนั่นสิแม้แต่ดาวตกเองก็ยังตกลงมาหาพวกเรา…”
ในท้องฟ้าไกลแสนไกล ในตอนนั้นเองก็ได้มีแสงอะไรบางอย่างพุ่งตรงมาหาพวกเขา
หลี่จิงอี้เงยหน้าขึ้นมอง ถึงแม้ว่าเธอจะชอบวางแผนแต่ถึงแบบนั้นเธอก็เหมือนกับเด็กผู้หญิงทั่วไป ในฐานะที่เป็นเด็กผู้หญิงเธอเองก็อยากที่จะเห็นดาวตกเช่นกัน แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเธอก็ได้แต่ขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้
ดาวตกที่เห็นเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ดาวตกที่เห็นดูไม่เหมือนกับอุกกาบาตธรรมดาๆ ท้ายที่สุดแล้วถ้าหากเป็นอุกกาบาตธรรมดามันจะต้องหายไปอย่างรวดเร็วแล้ว
หลี่จิงอี้ได้พูดพร้อมกับขมวดคิ้ว “ท่านแม่ทัพ มีอะไรบางอย่างไม่ถูกต้อง”
“ฮะ? “
“นั่นมันดูเหมือนกับรถม้าลอยฟ้ามากกว่า…”
“รถม้าลอยฟ้าอย่างงั้นหรอ? ” ดวงตาของเหวยซู่หยานเบิกกว้างทันทีเมื่อหันกลับไปมอง ในตอนนี้ดาวตกที่ตัวเขาเคยคิดเอาไว้ได้เข้าใกล้มาแล้ว สุดท้ายแล้วดาวตกที่เห็นมันไม่มีจริง ที่เห็นมาโดยตลอดก็คือรถม้าลอยฟ้านั่นเอง มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะมีรถม้าลอยฟ้าที่มีขนาดใหญ่แบบนี้ได้ รถม้าลอยฟ้าที่ท่องไปทั่วยุทธภพมาแล้ว
ในตอนนั้นเองทหารคนหนึ่งก็ได้ออกมาจากกระท่อมก่อนที่จะโค้งคำนับ “ท่านแม่ทัพ พวกเราตรวจพบรถม้าลอยฟ้าของศาลาปีศาจลอยฟ้า…ท่านแม่ทัพโปรดทำตามแผนอพยพของพวกเราด้วย! “
เหวยซู่หยานได้ส่ายหัวก่อนที่จะพูดขึ้น “ไม่จำเป็นหรอก”
“ท่านแม่ทัพ? “
“ศาลาปีศาจลอยฟ้ารู้ที่อยู่ของข้าได้ยังไงกัน? การจะมาที่หุบเขาตะวันฟ้าได้เจ้าพวกนั้นจะต้องเดินทางมาที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ก่อนสิ…” เหวยซู่หยานได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ
หลี่จิงอี้ได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าคิดว่ามีบางอย่างผิดปกติไป การจะซ่อนตัวเอาไว้ไม่ให้ใครเห็นก็ไม่ใช่ความคิดที่แย่ซะทีเดียวท่านแม่ทัพ…”
“เจ้าคิดว่าข้ากลัวศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างงั้นหรอ?! “
จากจุดที่ทั้งสองคนยืนอยู่ในตอนนี้รถม้าลอยฟ้ายังอยู่อีกไกลมาก ไม่ว่าจะสายตาดีแค่ไหนก็เป็นไปได้เลยที่จะมองเห็นรายละเอียดรถม้าจากระยะนี้
ยิ่งไปกว่านั้นเหวยซู่หยานยังเป็นผู้มีพลังร่างอวตารดอกบัว 7 กลีบ ถ้าหากปรมาจารย์มหาวายร้ายไม่ได้อยู่รถม้าแล้วตัวเขาคิดที่จะหนีจริงๆ ในฐานะที่เป็นแม่ทัพใหญ่ตัวเขาจะไปมีหน้าสั่งการกองทัพทั้งสามทัพใหญ่ต่อไปในอนาคตได้ยังไงกัน? ด้วยเหตุนี้เองทำให้เหวยซู่หยานคิดที่จะยืนรอต่อไปอย่างภาคภูมิใจ
รถม้าล่องเมฆาได้ชะลอตัวลง
เหวยซู่หยานได้ชี้ไปยังรถม้าก่อนที่จะพูดขึ้น “ตามที่ข้าได้คาดการณ์เอาไว้ไม่มีผิด”
“ท่านแม่ทัพฉลาดหลักแหลมจริงๆ! “
“ท่านแม่ทัพฉลาดหลักแหลมจริงๆ! “
ลูกน้องทั้งสองคนของเหวยซู่หยานต่างก็โค้งคำนับพร้อมกับพูดเยินยอให้กับผู้เป็นเจ้านาย
รถม้าล่องเมฆาชะลอตัวลงและก็ไม่คิดที่จะลดระดับลงสู่พื้นดิน
ในขณะที่พรรคพวกของเหวยซู่หยานกำลังถอนหายใจกัน ในตอนน้้นเองกลุ่มแสงสีทองที่ได้เคลือบรถม้าล่องเมฆาเอาไว้ก็ได้ส่องสว่างขึ้นมา
หนึ่งในลูกน้องของเหวยซู่หยานได้หรี่ตาลงก่อนที่จะพูดขึ้น “นั่นมันอะไรกัน? “
แสงสีทองที่ดูเหมือนกับใบไม้ได้ร่วงหล่นลงสู่ทะเลสาบหุบเขาตะวันฟ้า ในเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีพลังแสงสีทองที่ดูเหมือนกับใบไม้ใบอื่นๆ ร่วงหล่นตามมา
“นี่มันแย่แล้ว! นี่มันผนึกแห่งเต๋า! “
แสงสีทองแสงแรกได้ขยายใหญ่ขึ้นมาเรื่อยๆ ในตอนนี้มันสูงเทียบเท่ากับความสูงของต้นไม้แล้ว ในที่สุดพลังแสงสีทองก็ได้เปิดเผยให้กับทุกๆ คนได้เห็นว่ามันคืออะไร
พลังแสงสีทองได้ล้อมรอบร่างกายของชายคนหนึ่งเอาไว้ ตัวหนังสือที่ล้อมรอบผู้ชายคนนั้นแสดงให้เห็นถึง ‘พลัง’ ของชายที่อยู่ตรงหน้าได้เป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายของผู้มาเยือนก็คือเหวยซู่หยานนั่นเอง
เหวยซู่หยานรู้สึกตกใจมาก นั่นหมายความว่าแผนการทั้งหมดที่ตัวเขาได้อุส่าวางแผนมาล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า เหวยซู่หยานรีบยกมือขึ้นมาก่อนที่จะป้องกันการโจมตีเอาไว้ด้วยพลังวรยุทธที่มี
ตู๊ม!
พลังผนึกมณีโดดเดี่ยวได้ทำให้เหวยซู่หยานลอยกระเด็นกลับไป
ตู๊ม!
เหวยซู่หยานได้พุ่งไปชนกับกระท่อมกลางทะเลสาบ ในตอนนั้นเองมันก็ได้พลังทลายลงมาในทันที
ในเวลาเดียวกันลูกน้องทั้งสองคนของเหวยซู่หยานเองก็ถูกโจมตีจนกระเด็นลอยไปด้วยเช่นกัน
ก่อนที่จะได้ทำอะไรเหวยซู่หยานก็ถูกพลังสีทองล้อมรอบเอาไว้ซะก่อน พลังที่ล้อมรอบตัวเขาเอาไว้ก็คือพลังผนึกสมบัติสายฟ้าแลบ
ตู๊ม!
เหวยซู่หยานกระเด็นถอยห่างไปอีกครั้ง ในตอนนี้สีหน้าของเขาโกรธเกรี้ยวขึ้นมาทุกที ตัวเขาได้รวบรวมพลังลมปราณตัวเองครั้งใหญ่
พลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถี!
เมื่อเหวยซู่หยานตัดสินใจใช้พลังร่างอวตาร ในตอนนั้นเองพลังร่างอวตารแห่งร้อยวิถีก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
“ท่านแม่ทัพ! “
“ท่านแม่ทัพ! “
เหล่าทหารทั้งสี่รวมไปถึงหลี่จิงอี้ที่เห็นเหวยซู่หยานถูกโจมตีจนต้องกระเด็นลอยไปต่างก็มีสีหน้าที่หวาดกลัวขึ้นมาทันที พวกเขาทั้งหมดไม่อยากจะเชื่อว่าเหวยซู่หยานแม่ทัพหลวงคนนี้จะถูกโจมตีอย่างง่ายดายแบบนี้
“ยังมีอีก! รับนี่ไปซะ! ” ใครบางคนได้ตะโกนกู่ร้องออกมา
พลังผนึกแห่งเต๋าได้เริ่มหลอมรวมกันจนดูคล้ายกับ ‘ใบไม้’ อีกครั้ง มันเริ่มเรียงตัวกันอย่างเป็นระเบียบราวกับฝูงนกกระเรียนที่กำลังเรียงรายเพื่อที่จะอพยพไปยังดินแดนทางใต้
พลังผนึกที่อยู่ในรูปของใบไม้ได้เรียงตัวกัน จากหนึ่งใบเป็นสองใบ จากสองใบเป็นสามใบ จนท้ายที่สุดแล้วมันก็รวมตัวกันได้จนมีมากถึง 7 ใบ ใบไม้แต่ละใบเป็นตัวแทนของพลังพลังผนึกทั้ง 7 ที่ทรงพลังมหาศาลนั่นเอง มันมีทั้งผนึกแห่งความลึกลับภายนอก, ผนึกทั้งแปดภายใน, ผนึกไร้พันธนาการ, ผนึกแห่งอนุสรณ์, ผนึกแปดทิศ, ผนึกน้ำเต้าวิเศษ และผนึกแห่งดวงตะวัน
พลังผนึกทั้ง 9 ดูเหมือนจะมีดวงตาเป็นของตัวเอง พลังทั้งหมดไม่ได้สนใจอะไรเหล่าทหารรวมไปถึงหลี่จิงอี้ พลังทั้งหมดได้ตรงไปที่กระท่อมที่ถูกพังทลายไปเมื่อครู่นี้
ตู๊ม!
“พลังฝ่ามือทั้งเก้า! นี่มันปรมาจารย์นักบวชชาวพุทธอย่างงั้นหรอ? ” ทหารทั้งสี่ต่างก็ตกใจกลัว แม้ว่าพวกเขาจะเป็นทหารระดับสูงแต่ถึงแบบนั้นพวกเขาก็ไม่อาจที่จะต้านทานสุดยอดกระบวนท่าอย่างพลังฝ่ามือทั้งเก้าได้ ในโลกของยุทธภพแห่งนี้ใครกันที่จะกล้าขวางทางพลังฝ่ามือทั้งเก้าได้?
“ตามไปเร็วเข้า! พวกเราจะปล่อยให้ท่านแม่ทัพตายไม่ได้! ” หลี่จิงอี้เป็นคนแรกที่รู้สึกตัวได้ทัน เธอรีบวิ่งไปยังจุดที่พลังฝ่ามือทั้งเก้ากำลังจะบินไป
ที่ทะเลสาบตะวันฟ้าถูกล้อมรอบไปด้วยป่าทึบ เหวยซู่หยานในตอนนี้ถูกซัดจนกระเด็นลอยหายไปในป่า
ถ้าหากไม่มีคนเห็นสิ่งนี้กับตาตัวเองก็คงจะไม่มีใครเชื่อว่าสิ่งที่เห็นนี้เป็นเพียงแค่พลังของคนคนเดียว