My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 181
ซู่จิ้งได้ถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเริ่มพูดอีกครั้ง “สิ่งนั้นก็คือการรักษาชีวิตของพวกเราเอาไว้”
เมื่อพูดจบเหล่าสาวกหนุ่มก็ได้วิ่งออกไปจากห้องโถงแห่งพลังไป ในไม่ช้าพวกเขาก็กลับมาพร้อมกับหามศพมาด้วย เมื่อพิจารณาจากศพของผู้ตายลู่โจวก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาก็คือสาวกหลักของวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ บางทีคนพวกนี้อาจจะเป็นผู้อาวุโสเลยก็เป็นได้
ซู่จิ้งได้หันไปที่ศพก่อนที่จะพูดขึ้นมา “นี่คือยอดฝีมือลำดับแรกกงเหลียวและยอดฝีมือแห่งโถงพระคัมภีร์ลำดับแรกกงเจียน และเหล่ายอดฝีมือของวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์อีก 12 คนด้วยกัน พวกเขาทั้งหมดถูกนักบวชศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่จากวิหารแห่งความว่างเปล่าสังหารไป”
แม้ว่าจะมีศพไม่มากนักที่ถูกนำออกมาที่ห้องโถงนี้ แต่ถึงแบบนั้นชื่อที่ซู่จิ้งพูดออกมานั้นก็มีมากมายหลายชื่อ สีหน้าของเขาในตอนนี้ดูสงบราวกับคุ้นชินกับเรื่องของความตาย
“วิหารแห่งความว่างเปล่าและวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์เองต่างก็เลือกเดินในเส้นทางเดียวกัน แล้วเหตุใดกันวิหารแห่งความว่างเปล่าถึงได้จัดการสาวกของเจ้าแบบนี้ด้วยล่ะ? ” ลู่โจวได้ถามออกมา
“เรื่องมันยาว…” ซู่จิ้งได้พูดช้าๆ “นับตั้งแต่ที่กงซุนจากวิหารแห่งความว่างเปล่าปรากฏตัวออกมาหลังจากที่เก็บตัวฝึกฝนตัวเองอยู่นาน วิหารแห่งความว่างเปล่าก็ได้เปลี่ยนแปลงทัศนวิสัยที่พวกเขามีกับเรื่องของทางโลกไป วิหารทางเลือกแห่งสวรรค์และวิหารแห่งความว่างเปล่าต่างก็ไม่เคยแทรกแซงเรื่องของกันและกัน จนกระทั่ง…” ซู่จิ้งได้หยุดกลืนน้ำลายก่อนที่จะเล่าต่อ “วิหารแห่งความว่างเปล่าเชื่อว่าข้าเป็นผู้ที่สังหารกงซุนไป”
ลู่โจวได้ลูบเคราในขณะที่ฟังเรื่องราวของเขาไปด้วย ในตอนนั้นเองเขาก็ได้คิดย้อนไปถึงเหตุการณ์ในวันวาน เหตุการณ์ที่แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ของเมืองรูหนานนั่นเอง ลู่โจวไม่คิดมาก่อนเลยว่าเหตุการณ์เมื่อครั้งนั้นจะทำให้วิหารแห่งความว่างเปล่าและวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ขัดแย้งกันแบบนี้
“ชาววิหารแห่งความว่างเปล่าไม่เชื่อในสิ่งที่อาตมาพูด…ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้ฝึกยุทธฝ่ายธรรมะอีกหลายคนที่อยู่ในแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ในตอนนั้นด้วย และเพราะแบบนั้นวิหารแห่งความว่างเปล่าจึงได้ยกเรื่องนี้เพื่อที่จะต่อสู้กับพวกเรา…วิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว พวกเราจะไปสู้กับนักบวชศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ของวิหารแห่งความว่างเปล่าได้ยังไงกัน? ” ซู่จิ้งได้พูดออกมา
“และเพราะแบบนั้นเองนี่เจ้าจึงคิดถึงศาลาปีศาจลอยฟ้าของข้าสินะ” ลู่โจวได้พูดออกมา
“ถูกต้องแล้ว” ซู่จิ้งที่พูดเสร็จก็ได้โค้งคำนับให้ “อาตมาได้ยินมาว่าวิหารแห่งความว่างเปล่าได้ทำเรื่องเลวร้ายกับศาลาปีศาจลอยฟ้าเอาไว้ เพราะแบบนั้นอาตมาจึงไม่มีทางเลือกอีกต่อไป ในวิหารแห่งนี้มีเหล่าสาวกกว่า 1,000 ชีวิตด้วยกัน เห็นทีพวกเราคงจะต้องพึ่งพาศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างพวกท่านให้ช่วยจัดการกับสี่นักบวชศักดิ์สิทธิ์ให้ ข้าจะไม่เพียงแต่มอบดอกแมกโนเลียสีดำรวมไปถึงเสื้อคลุมวิถีเซนให้ ชาววิหารทางเลือกแห่งสวรรค์จะยอมศิโรราบให้กับศาลาปีศาจลอยฟ้าอีกด้วย! “
หมิงซี่หยินและคนอื่นๆ ที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับผงะ
ซูจิ้งได้รวบรวมความกล้าทั้งหมดเพื่อตัดสินใจการใหญ่ถึงขนาดนี้เลยอย่างงั้นหรอ?
ภายใต้ยุทธภพแห่งนี้ ฝ่ายธรรมะและฝ่ายอธรรมต่างก็ต่อสู้กันและกันมาโดยที่มีชาวพุทธทั้งหลายเป็นกลางมาโดยตลอด แต่ในวันนี้วิหารทางเลือกแห่งสวรรค์กำลังเข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้า พวกเขาทั้งหมดจะต้องถูกผู้ฝึกยุทธฝ่ายธรรมะประณามอย่างแน่นอน
ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าน่ะเป็นเจ้าอาวาสของวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์และมีความสัมพันธ์อันดีกับสำนักฝ่ายธรรมะมาโดยตลอด ถ้าหากเจ้าเลือกที่จะพึ่งพาพลังของศาลาปีศาจลอยฟ้าแบบนี้ เจ้าจะไม่กังวลหรอกหรอว่าจะกลายเป็นที่หัวเราะของคนทั้งโลกน่ะ? “
ซู่จิ้งได้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป “ในเมื่อมีเส้นแบ่งระหว่างพุทธองค์มากขนาดนี้การที่พวกเราจะกลายเป็นปีศาจร้ายไปก็คงจะไม่ใช่เรื่องน่าหัวเราะเยาะแต่อย่างใด” ซู่จิ้งยังคงจำเหตุการณ์ในวันนั้นได้ดี เหตุการณ์ที่ตัวเขาถูกผู้ฝึกยุทธฝ่ายธรรมะทั้งสำนักแห่งความบริสุทธิ์และสำนักเที่ยงธรรมกล่าวหาได้ ตัวเขายังจำได้ดีว่านักบวชศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่ได้สังหารเหล่านักบวชของวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ไปอย่างไร้ความปรานี และตัวเขาก็ยังจำได้ดีว่าทุกที่ในเมืองแถบมณฑลจิ้งมีป้ายเรียกร้องให้ทำลายวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์แห่งนี้ทิ้งซะ
ในทางตรงกันข้ามศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่เคยเลยที่จะทำอะไรเลวร้ายต่อวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์
ลู่โจวได้ลูบเคราก่อนที่จะพูดออกมา “ซู่ฮ่องกงได้ขโมยเสื้อคลุมวิถีเซนจากพวกเจ้ามา เจ้าไม่ถือสาเขาอย่างงั้นหรอ? “
“ถ้าหากเสื้อคลุมวิถีเซนยังคงอยู่ในวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ มันก็คงจะต้องถูกวิหารแห่งความว่างเปล่ายึดไปอยู่ดี…โชคดีแล้วที่สมบัติชิ้นนี้อยู่ในมือของท่านผู้เจริญ” ซู่จิ้งได้ตอบกลับมาอย่างไม่ลังเล
ซู่ฮ่องกงรู้สึกดีใจมากเมื่อได้ยินแบบนั้น “แต่ข้าก็ยังสงสัยอยู่ดี ทำไมข้าถึงต้องถูกลบหลู่แบบนี้…”
หมิงซี่หยินและต้วนมู่เฉิงถึงกับพูดไม่ออก
ลู่โจวเหลือบไปมองซู่ฮ่องกงก่อนที่จะพูดขึ้น “ยังมีสำนักฝ่ายธรรมะที่ยึดถือในความยุติธรรม…แล้วทำไมเจ้าไม่ขอความช่วยเหลือจากคนพวกนั้นแทน? “
“ในบรรดาสำนักฝ่ายธรรมะทั้งหลายทั้งหลายมีเพียงผู้ฝึกยุทธไม่กี่คนเท่านั้นที่จะต่อกรกับวิหารแห่งความว่างเปล่าได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาทั้งหลายคงจะไม่อยากเข้ามายุ่งกับเรื่องความขัดแย้งโดยไม่จำเป็น แล้วใครกันจะกล้าเข้าข้างวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์กัน? ” ซู่จิ้งได้ตอบกลับมา
“ทำไมเจ้าถึงคิดว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าของข้าจะมายุ่งกับเรื่องนี้กัน? ” ลู่โจวได้ถามออกมา
ในตอนนั้นเองความเงียบก็ได้เข้าครอบนำโถงแห่งพลังไป
เหล่าสาวกจากวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ต่างก็ยืนนิ่ง ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะส่งเสียงลมหายใจออกมา
ซู่จิ้งได้ตอบกลับมา “อาตมามีเหตุผลทั้งหมด 3 ประการด้วยกัน ประการแรกเป็นเพราะว่าดอกแมกโนเลียสีดำ ประการที่สอบกงซุนถูกสังหารโดยชาวศาลาปีศาจลอยฟ้า และประการที่สามเป็นเพราะเสื้อคลุมวิถีเซนที่พวกท่านครอบครอง…” เจ้าอาวาสคนนี้ไม่ใช่คนโง่แต่อย่างใด ตัวเขาเองก็มีเหตุผลมากพอ
หมิงซี่หยินไม่ได้พูดขัดอะไรเจ้าอาวาสคนนี้
“พูดได้ดีนิ” ลู่โจวได้แสดงความคิดเห็นออกมา
หลังจากที่หยุดพูดไปชั่วขณะ เขาก็ได้พูดขึ้นมาอีกครั้ง “แล้วจะทำยังไงล่ะถ้าหากศาลาปีศาจลอยฟ้าเลือกที่จะยืนอยู่ข้างวิหารแห่งความว่างเปล่าแทน? “
ซู่จิ้งที่ได้ฟังแบบนั้นรู้สึกโง่เขลาไปในทันที
เหล่าศิษย์สาวกนักบวชต่างก็รู้สึกตื่นตกใจ ดวงตาของเขาเบิกกว้างเมื่อจ้องไปยังผู้มาเยือนที่มาจากศาลาปีศาจลอยฟ้า สีหน้าของพวกเขายากที่จะแยกออกว่ารู้สึกกลัวหรือโกรธกันแน่
ซู่จิ้งเงียบลงไปก่อนที่จะถอนหายใจยาว เขาได้ส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “ถ้าหากเป็นอย่างงั้นจริง อาตมาที่เป็นเจ้าอาวาสจะยอมให้ทุกคนประณามเอง อาตมาจะถอนตัวจากวิถีแห่งพุทธ! “
“ท่านเจ้าอาวาส! “
“ท่านเจ้าอาวาส! “
เหล่านักบวชสาวกของวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ต่างก็อุทานออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
ลู่โจวได้ลูบเคราในขณะที่พยักหน้าไปด้วย “ใจเย็นๆ ลงก่อน…” ตัวเขาได้พูดออกมาอย่างช้าๆ
“ท่านผู้เจริญ” ซู่จิ้งในตอนนี้รู้สึกประหม่าจนมือไม้สั่น ตัวเขาจะใจเย็นๆ ลงได้ยังไงกัน ซู่จิ้งในตอนนี้กลัวว่าลู่โจวกำลังจะเข้าข้างวิหารแห่งความว่างเปล่า
“ข้าน่ะชอบคนที่มีไหวพริบจริงๆ “
วิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ยินดีที่จะมอบดอกแมกโนเลียสีดำ, เสื้อคลุมวิถีเซน และเต็มใจที่จะยอมจำนนของศาลาปีศาจลอยฟ้า ลู่โจวในตอนนี้คงจะไม่ปล่อยโอกาสดีๆ ให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน
“ท่านผู้เจริญ? ” ซู่จิ้งรู้สึกไม่สบายใจ ในตอนนี้ตัวเขาอยากที่จะได้ฟังคำตอบจากลู่โจว
“วิหารแห่งความว่างเปล่าอยู่ไหนกัน? ” ลู่โจวได้เอ่ยปากถามออกมา
เมื่อได้ยินแบบนั้นซู่จิ้งก็รู้สึกดีใจมากขึ้น “วิหารแห่งความว่างเปล่ากับพวกเราได้ให้เวลาพวกเรา 3 วันด้วยกัน และวันนี้ก็เป็นวันสุดท้ายแล้ว นักบวชศักดิ์สิทธิ์ทั้งสี่จะมาถึงในวันพรุ่งนี้ในตอนเช้าตรู่”
ลู่โจวพยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมา “หมิงซี่หยิน”
“ครับท่านอาจารย์”
“ซ่อนรถม้าลอยฟ้าเอาไว้”
“ครับท่านอาจารย์! ” หมิงซี่หยินเป็นคนที่ดูกระตือรือร้นเช่นเดิม ตัวเขารีบจากไปในทันที หมิงซี่หยินได้ใช้กระบวนท่าสุดยอดเคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็ว
ต้วนมู่เฉิงเหมือนกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นแบบนั้น ‘เจ้านี่จำเป็นจะต้องใช้กระบวนท่าในการเคลื่อนไหวแบบนี้เลยอย่างนั้นหรอ? ‘
ซู่จิ้งที่เห็นแบบนั้นก็รีบสั่งการขึ้นมา “เตรียมที่พักได้! “
“ครับท่านเจ้าอาวาส! “
ลู่โจวยังคงสงบนิ่ง ในค่ำคืนนี้เขาจะต้องค้างคืนที่วิหารทางเลือกแห่งสวรรค์
…
เหล่าศิษย์สาวกต่างก็ออกจากโถงแห่งพลังไป ในตอนนี้เป็นเวลาที่มืดสนิทแล้ว
ซู่จิ้งเป็นเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ ตัวเขาได้ถอนหายใจก่อนที่จะพึมพำออกมา “มีเส้นแบ่งระหว่างการเป็นชาวพุทธกับปีศาจอยู่สินะ…”
…
เช้าวันต่อมา
ก๊อง! ก๊อง! ก๊อง!
ในเช้าตรู่ของวันใหม่เสียงระฆังก็ได้ดังขึ้น
เสียงระฆังได้ดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขาแห่งความกระจ่างและดังไปทั่วทั้งวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์
เหล่าสาวกวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ได้ออกมารวมตัวกันอย่างรวดเร็ว พวกเขาได้เตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้อย่างเต็มรูปแบบแล้ว
“รายงานให้ข้ารู้ทันทีถ้าหากรถม้าลอยฟ้าของวิหารแห่งความว่างเปล่าปรากฏตัว”
“ครับ! “
นักบวชผู้ที่มีพลังวรยุทธขั้นมหาราชครูต่างก็กระจัดกระจายกันไปทั่วทุกทิศทาง
เหล่าสาวกทั้งหลายของวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์มีพลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นสังหรณ์หยั่งรู้เท่านั้น นอกเหนือจากนี้ยังมีนักบวชที่มีพลังต่ำกว่านั้นอีกด้วย
ซู่จิ้งในตอนนี้ได้สวมชุดคลุมชาวพุทธเป็นที่เรียบร้อย ตัวเขาได้ถือไม้เท้าเอาไว้พร้อมกับลูกประคำแห่งอธิษฐาน ในวันนี้ซู่จิ้งได้แต่งตัวเรียบร้อยกว่าปกติ “ท่านผู้อาวุโสจีเชิญทางนี้”
ลู่โจวและเหล่าสาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าได้รับข้อเสนอให้เข้ามาในโถงแห่งพลัง
เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นสู่ขอบฟ้า รถม้าลอยฟ้าก็ได้พุ่งเข้ามาหาพวกเขาทั้งหมด
“ท่านเจ้าอาวาส! รถม้าลอยฟ้าของวิหารแห่งความว่างเปล่ามากันแล้ว” สาวกคนหนึ่งรีบเข้ามารายงานที่ห้องโถงแห่งพลัง
เมื่อหมิงซี่หยินได้ยินแบบนั้นเขาก็ได้ยิ้มออกมา เขาเป็นคนแรกที่ออกจากโถงแห่งพลังไป ตัวเขาที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของบันไดกำลังเงยหน้ามองขึ้นไปข้างบน “วิหารแห่งความว่างเปล่าที่เขาร่ำลือกันอย่างงั้นหรอ…รถม้าของพวกเจ้าไม่ได้ดูเล็กไปหน่อยหรือยังไงกัน? “
รถม้าลอยฟ้าของวิหารแห่งความว่าเปล่าไม่ได้ใหญ่โตอะไร ในรถม้ามีนักบวช 30 คนขนาบข้างเอาไว้
ก่อนที่มันจะเดินทางมาถึงวิหารทางเลือกแห่งสวรรค์ เสียงอันลึกลับก็ได้ดังออกมาจากที่ไกลแสนไกลซะก่อน “ซู่จิ้ง เจ้าไม่คิดจะออกมาต้อนรับพวกเราเองอย่างงั้นหรอ?! “