My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 220
สวนที่ติดอยู่กับแม่น้ำเรียวบางเป็นสถานที่แห่งหนึ่งที่มีพื้นที่กว่าหลายร้อยเอเคอร์ มันเป็นที่ที่เต็มไปด้วยพุ่มไม้อันเขียวขจี ที่สวนแห่งนี้มีทั้งศาลาสีแดงและสีเหลือง ศาลาทั้งหลายถูกสร้างขึ้นอยู่ทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตก แม่น้ำที่คดเคี้ยวและยาวเป็นพิเศษทำให้มันดูเป็นแม่น้ำที่เรียวบางมากยิ่งขึ้น
เมื่อมองจากภาพด้านบนมันช่างเป็นภาพทิวทัศน์ที่งดงามอย่างแท้จริง เล้งลั่วได้เดินไปหาลู่โจวในขณะที่ตัวเขากำลังสำรวจแม่น้ำอยู่ เล้งลั่วที่เดินไปถึงเป็นฝ่ายที่เริ่มพูดก่อน “สวนแห่งนี้พวกขุนนางจากพระราชสำนักทั้งหลายมักจะมาใช้เวลาเพื่อพักผ่อนนิ แล้วทำไมม่อฉีถึงมาที่นี่ได้? “
ลู่โจวได้เหลือบมองไปที่เล้งลั่วก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าเป็นถึงผู้นำอัศวินดำ ทุกๆ การรายงานของเจ้าจะต้องส่งตรงถึงองค์จักรพรรดิ อย่าบอกนะว่าเจ้าไม่รู้สาเหตุเรื่องนี้น่ะ? “
“อัศวินดำอย่างข้าจะถูกส่งไปทำภารกิจอย่างเดียวเท่านั้น พวกเราไม่เคยก้าวก่ายเรื่องของพระราชสำนัก” เล้งลั่วได้พูดขึ้น แม้ว่าตัวเขาจะถูกปลดปล่อยออกมาจากการควบคุมแล้ว แต่ความทรงจำที่เพิ่งจะผ่านพ้นมาไม่นานนี้ยังคงติดตราตรึงใจของตัวเขาอยู่
ลู่โจวจำได้ว่าในตอนที่อยู่ในเมืองอันยาง ในตอนนั้นมีรถม้าลอยฟ้าที่ใช้เวทมนตร์คาถาออกมาได้ มันเป็นรถม้าของสำนักอเวจีตัวปลอมนั่นเอง เมื่อนึกขึ้นได้ตัวเขาก็ได้เอ่ยถามออกไป “ม่อหลี่และม่อฉี…สำหรับเจ้าความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าพวกนั้นคืออะไรกันแน่? “
เล้งลั่วได้ตอบออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “จากที่ข้ารู้ม่อหลี่เป็นหญิงสาว นางสามารถใช้เสน่ห์อันยั่วยวนเพื่อยั่วผู้ชายทั้งหลายก่อนที่จะใช้เวทมนตร์คาถาที่นางมี”
ถ้าหากไม่ได้เป็นแบบนั้นไม่มีทางเลยที่เล้งลั่วจะตกเป็นเหยื่อของนางได้ แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือแต่ยอดฝีมืออย่างเขาก็พอจะมีจุดอ่อนอยู่ จุดอ่อนที่เหมือนกับผู้ชายทุกคน ถ้าหากไม่ได้ตกหลุมพรางของม่อหลี่ บางทีเล้งลั่วอาจจะได้ครอบครองโลกใบนี้แล้วก็เป็นได้
ลู่โจวได้ยิ้มออกมา ตัวเขาลูบเคราก่อนที่จะพูดออกมาอย่างมั่นใจ “ข้าจำได้ว่าม่อฉีมีพี่ชายอยู่ พวกเขาทั้งคู่ได้แยกจากกันในตอนที่ยังเด็ก หลังจากนั้นพี่ชายของเขาก็ได้หายตัวไป”
เล้งลั่วไม่ได้พูดอะไรกลับมา ท้ายที่สุดแล้วความจริงเพียงอย่างเดียวที่เขารู้นั่นก็คือการที่พวกศาลาปีศาจลอยฟ้าสู้กับสิบคนทรง เล้งลั่วไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย ตัวเขาได้ใช้น้ำเสียงอันแหบห้าวพูดตอบกลับมา “ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ยังไงม่อหลี่ก็จะต้องตาย”
ลู่โจวได้พูดต่อไป “เยี่ยมมาก ข้าจะปล่อยม่อหลี่ไว้ให้เจ้าจัดการก็แล้วกัน”
“ขอบคุณมากผู้อาวุโส” เล้งลั่วได้คารวะลู่โจว
ฝานลี่เทียนที่กำลังสังเกตการณ์อยู่ด้านหลังได้ตกตะลึง ตัวเขารู้สึกประทับใจลู่โจวมากที่สามารถทำให้เล้งลั่วยอมรับใช้แบบนี้ได้ ตัวเขาได้คิดเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว แม้ว่าพลังวรยุทธของฝานลี่เทียนจะหายไปทั้งหมด แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวกลับบังคับให้ตัวเขายอมเข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้า เรื่องแบบนั้นคงจะเกิดขึ้นกับเล้งลั่วแน่ แล้วเล้งลั่วจะทำยังไงถ้าหากพลังวรยุทธของเขาฟื้นฟูจนกลับมาเป็นเหมือนเดิมในอนาคตกัน?
“ท่านอาจารย์พวกเรามาถึงแล้ว”
รถม้าลอยฟ้าได้หยุดลอยอยู่เหนือแม่น้ำเรียวบาง
หยวนเอ๋อเป็นคนแรกที่เริ่มขยับตัว
จ้าวยู่และผู้ฝึกยุทธหญิงคนอื่นๆ จะต้องรอให้รถม้าลอยฟ้าถึงพื้นซะก่อน ดังนั้นพวกนางจึงไม่สามารถที่จะเคลื่อนไหวอะไรได้
ลู่โจวยังคงมองลงไปที่แม่น้ำเรียวบาง นอกเหนือจากศิษย์ของตัวเขาอย่างหยวนเอ๋อและต้วนมู่เฉิงในตอนนี้มีเพียงชายชราทั้งหลายรวมไปถึงผู้ฝึกยุทธหญิงที่ดูอ่อนแอเพียงเท่านั้น ลู่โจวรู้สึกมั่นใจมากกว่าตัวเขาจะต้องใช้การ์ดวิเศษในวันนี้แน่
ในตอนนี้ลู่โจวมีการ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตเหลือเพียงแค่ 4 ใบเท่านั้น ตัวเขาจะต้องใช้การ์ดเท่าที่จำเป็นที่สุด ‘ระบบนี้ตั้งใจเพิ่มความยากโดยกดดันไม่ให้ฉันใช้การ์ดวิเศษมากเกินไปสินะ? ‘
“มีเวทมนตร์คาถาอยู่ที่นี่” เล้งลั่วได้กวาดสายตามองไปยังทิวทัศน์เบื้องล่างก่อนที่จะพูดออกมาอย่างมั่นใจ
ต้วนมู่เฉิงในตอนนี้เป็นผู้ที่สามารถจ้องมองทิวทัศน์ได้ดีที่สุด จุดที่ตัวเขาบังคับรถม้าลอยฟ้าทำให้ตัวเขามองเห็นทุกอย่างที่อยู่เบื้องล่างได้อย่างชัดเจน แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็มองไม่เห็นเวทมนตร์คาถาเหมือนกับเล้งลั่ว “ท่านรู้ได้ยังไงกัน? ” สำหรับต้วนมู่เฉิง สถานที่แห่งนี้เป็นเหมือนกับสถานที่แสนสวยงามที่มีไว้เพื่อพักผ่อนเท่านั้น
เล้งลั่วชี้ไปยังรอบๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “ศาลาทั้งหมดนี้ถูกสร้างขึ้นมาตามหลักผังหยินหยางแปดเหลี่ยม…ที่นี่มีความผันผวนของพลังโคจรอยู่รอบสวน ไม่มีใครในสำนักแห่งความบริสุทธิ์จะใช้เวทมนตร์คาถาได้ขนาดนี้ มีความเป็นไปได้สูงว่านี้จะเป็นสุดยอดเวทมนตร์คาถา ความผันผวนของพลังที่อยู่รอบๆ มีไว้เพื่อปกปิดพลังที่แท้จริงของมันเอาไว้”
“วันนี้ข้าได้เปิดตาจริงๆ ” ต้วนมู่เฉิงคารวะเล้งลั่ว
แม้ว่าคนรุ่นใหม่อย่างต้วนมู่เฉิงจะมีพรสวรรค์ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไร้ซึ่งความรู้และประสบการณ์อยู่ดี
ฝานลี่เทียนได้เอนตัวเองบนรถม้าก่อนที่จะจ้องมองไปยังเวทมนตร์คาถาที่อยู่เบื้องล่าง ตัวเขาได้วางขวดเหล้าก่อนที่จะพูดออกมา “เวทมนตร์คาถานี้ดูซับซ้อนเป็นอย่างมาก ข้าน่ะสงสัยจริงๆ ว่ามันเป็นเวทมนตร์คาถาแบบไหนกันแน่? “
“เจ้ารู้จักเวทมนตร์คาถาด้วยอย่างงั้นหรอ? ” เล้งลั่วได้มองไปที่ฝานลี่เทียน
ฝานลี่เทียนที่ได้ฟังแบบนั้นไม่พอใจ ตัวเขาได้ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา “ถ้าหากมีสิ่งหนึ่งที่สำนักแห่งความบริสุทธิ์มีต่างจากสำนักอื่นๆ ก็คงจะเป็นความรู้เกี่ยวกับเรื่องเวทมนตร์คาถา…เมื่อพูดถีงเวทมนตร์คาถามันมีทั้งเวทมนตร์ควบคุมจิตใจ, คำสาป, เวทมนตร์ควบคุมพื้นที่ หรือแม้แต่เวทมนตร์ที่ทำให้สับสน…แต่ไม่ว่าจะเป็นเวทมนตร์คาถาแบบไหนก็ย่อมมีวิธีที่จะคลายมันได้”
ไม่น่าแปลกเลยที่ฝานซงจะรู้เรื่องเกี่ยวกับเวทมนตร์คาถาด้วย
ด้วยความสัมพันธ์ที่ม่อฉีเจ้าสำนักแห่งความบริสุทธิ์ที่มีต่อม่อหลี่ ไม่แปลกใจเลยที่สถานที่แห่งนี้จะมีเวทมนตร์คาถาอยู่ ไม่ว่าจะยังไงสำนักแห่งความบริสุทธิ์ก็ถือได้เป็นหนึ่งในสุดยอดสำนักฝ่ายธรรมะทั้งสิบ ผู้ฝึกยุทธคนอื่นๆ คงจะคิดไม่ถึงแน่ว่าหนึ่งในสำนักฝ่ายธรรมจะใช้ของชั่วร้ายอย่างเวทมนตร์คาถาซะเอง
เล้งลั่วได้ถามขึ้น “แล้วเจ้ารู้คลายเวทมนตร์คาถาไหม? “
“ข้าไม่รู้”
“…”
‘ถ้าหากไม่รู้แล้วจะพูดทำไม? เสียเวลาจริงๆ! ‘ ทุกๆ คนต่างก็คิดเป็นแบบเดียวกัน
ในเวลานั้นเองผู้ฝึกยุทธชุดเขียวกว่า 10 คนก็ได้ปรากฏตัวขึ้นจากสวนทางใต้
พวกเขาทั้งหมดค่อยๆ ลอยมาอย่างช้าๆ
“ท่านผู้อาวุโส”
ลู่โจวไม่ได้สนใจอะไรพวกเขา เพียงแค่หันไปมองเป็นเวลาสั้นๆ ลู่โจวก็เห็นว่าหนึ่งในผู้ฝึกยุทธที่กำลังจะมาหาตัวเขามียอดฝีมือที่มีพลังวรยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์อยู่ด้วย
ม่อฉีคงจะไม่กล้าพอที่จะแสดงตัวแน่ เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงได้ส่งกลุ่มคนพวกนี้ออกมา
ต้วนมู่เฉิงที่เห็นผู้ฝึกยุทธทั้งหมดได้ตะโกนขึ้น “รีบพาเจ้าหัวขโมยม่อฉีมาที่นี่ซะ! “
“เอ่อ…” ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่ได้ยินแบบนั้นถึงกับตัวสั่น สีหน้าของพวกเขาในตอนนี้ซีดเซียว หน้าผากของพวกเขามีแต่เหงื่อที่ไหลริน
“พวกท่านมาที่สวนแห่งนี้ทำไมกัน? “
ลู่โจวส่ายหัว ม่อฉีรู้ดียิ่งกว่าใครๆ ว่าทำไมศาลาปีศาจลอยฟ้าถึงมาที่นี่ แม้ว่าสำนักแห่งความบริสุทธิ์จะตกอยู่ที่นั่งลำบากก็ตาม แต่ในตอนนี้ม่อฉีคงเลือกที่จะเสียสละเหล่าศิษย์สาวกทั้งหมดเอาไว้เพื่อซื้อเวลาให้ตัวเอง
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้โบกมือออกมาอย่างไม่ใส่ใจ “เก็บกวาดเจ้าพวกนี้ซะ”
“ค่ะ ท่านอาจารย์! ” หยวนเอ๋อเป็นคนเดียวที่สามารถกระโดดลงจากตรงนี้เพื่อไปทำภารกิจได้ การเคลื่อนไหวของนางที่เบาดั่งนกนางแอ่นทำให้นางสามารถใช้พลังเจ็ดดวงดาวล่องเมฆาบดขยี้ได้อย่างเต็มที่
ในขณะเดียวกันนั้นเองร่างกายของสาวน้อยตัวเล็กๆ ก็ได้พุ่งผ่านอากาศไป ที่ตัวของหยวนเอ๋อมีสายสะพายนิพพานอาวุธคู่ใจออกมาด้วยเช่นกัน
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ผู้ฝึกยุทธกว่าหลายสิบคนไม่สามารถที่จะต้านทานการโจมตีของหยวนเอ๋อได้แม้แต่ครั้งเดียว ผู้ฝึกยุทธหลายคนได้ตกลงไปในทะเลสาบที่อยู่เบื้องล่าง ในตอนนี้ทิวทัศน์ที่เคยสวยงามกลับเต็มไปด้วยละอองเลือดซะแล้ว
“…” เล้งลั่วและฝานลี่เทียนที่เห็นแบบนั้นถึงกับพูดไม่ออก ศาลาปีศาจลอยฟ้ายังคงแข็งแกร่ง
แม้แต่เล้งลั่วเองก็ยังตกใจในการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของหยวนเอ๋อ
ลู่โจวไม่ได้รู้สึกเห็นอกเห็นใจอะไรเหล่าสาวกสำนักแห่งความบริสุทธิ์ ม่อฉีคนนี้ได้สร้างปัญหาให้กับศาลาปีศาจลอยฟ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ม่อฉีได้สมคบคิดกับม่อหลี่โจมตีตัวเขาอยู่บ่อยครั้ง นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นเพียงเท่านั้น โชคร้ายที่ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ตรงนี้เป็นผู้ฝึกยุทธขั้นมหาราชครูซะส่วนใหญ่ เพราะแบบนั้นลู่โจวจึงไม่ได้แต้มบุญมากมายอะไร
‘ฉันจะต้องทำจิตใจให้มีสมาธิให้ได้’
หยวนเอ๋อที่จัดการทุกอย่างเสร็จแล้วรีบกลับไปที่รถม้าลอยฟ้า “ท่านอาจารย์ ศิษย์ทำภารกิจที่ท่านมอบหมายมาเสร็จสิ้นแล้ว”
ลู่โจวพยักหน้าตอบรับ ตัวเขากวาดสายตาไปทั่วสวนแห่งนี้ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันนุ่มลึก “ม่อฉี…”
เสียงสองพยางค์ของลู่โจวที่เปล่งออกมาฟังดูเหมือนกับเสียงฟ้าร้อง เสียงของลู่โจวฟังดูหนักแน่นและยังเต็มไปด้วยพลัง เสียงของเขาได้กระจายไปรอบสวน คลื่นเสียงนี้เองได้กระจายตัวจนครอบคลุมทั้งสวยแห่งนี้ไปเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อเห็นแบบนั้นเล้งลั่วก็อดไม่ได้ที่จะพูดชื่นชม “ข้าประทับใจจริงๆ “
ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่มีอะไรน่าประทับใจ ทุกคนที่ฝึกฝนตัวเองมาถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้ต่างก็ทำแบบนี้กันได้เท่านั้น”
เล้งลั่วตอบกลับไป “แต่ถ้าหากไม่ได้ผ่านการฝึกฝนให้เชี่ยวชาญ ไม่มีทางเลยที่จะสามารถควบคุมพลังคลื่นเสียงให้กระจายไปทั่วทุกหนทุกแห่งอย่างแม่นยำแบบนี้ได้ แม้แต่ผู้มีพลังขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์บางคนเองก็ยังไม่สามารถทำแบบนี้ได้”
ฝานลี่เทียนที่ฟังอยู่ได้พูดเสริมขึ้นมา “ข้าเองก็เห็นด้วยกับเจ้า…แม้ว่าพลังวรยุทธจะเป็นส่วนสำคัญ แต่ถึงแบบนั้นการฝึกฝนทักษะเองก็ยังเป็นอะไรที่สำคัญไม่แพ้กันอยู่ดี”
เหล่าศิษย์สาวกคนอื่นๆ ต่างก็มองลงไปที่สวนด้านล่าง
คลื่นเสียงนี้เองทำให้เหล่าสาวกของสำนักแห่งความบริสุทธิ์เสียหลักไป
ม่อฉีในตอนนี้กำลังซ่อนตัวอยู่ภายในห้อง ตัวเขากลัวกว่าที่จะกล้าออกไปได้ แต่ไม่ว่าจะกลัวแค่ไหนในตอนนี้ตัวเขาจะต้องรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีเพื่อตอบกลับไป “จีเทียนเด๋า! ” ม่อฉีได้ปล่อยพลังคลื่นเสียงออกมาเช่นกัน มันเป็นคลื่นเสียงที่มีแต่ความบิดเบี้ยวไร้ซึ่งพลัง
ฝานลี่เทียนขมวดคิ้วก่อนที่จะพูดขึ้น “เจ้าคนโง่เขลาเบาปัญญา”
เล้งลั่วในตอนนี้ไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากคลื่นเสียงนั้น
ในตอนนั้นเองจิตใจของลู่โจวปลอดโปร่ง ตัวเขารู้สึกสงบนิ่งเหมือนปกติ
ต้วนมู่เฉิงได้อาสาตัวขึ้นมา “ท่านอาจารย์…เจ้านั่นเป็นคนเรียกหาท่านเอง ข้าในฐานะศิษย์ยินดีที่จะไปลากตัวเจ้าแก่นั่นขึ้นมาเอง! “
ลู่โจวยกมือขึ้นมาก่อนที่จะตอบกลับไป “ไม่จำเป็นจะต้องทำแบบนั้นหรอก”
ที่สวนแห่งนี้ถูกปกป้องด้วยเวทมนตร์คาถา การที่จะส่งต้วนมู่เฉิงลงไปต่อสู้คงจะเป็นอะไรที่ประมาทจนเกินไป
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากสวน “ศาลาปีศาจลอยฟ้าที่แท้ก็เป็นพวกชอบเหยียบย้ำผู้อื่น ข้าเตือนเจ้าแล้วนะ อย่ารนหาที่จะดีกว่า! “