My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 24
ตอนที่ 24 ออกเดินทางไปกับท่านอาจารย์
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
เมื่อหยวนเอ๋อได้ยินแบบนั้นเธอก็รีบคุกเข่าลงไปพร้อมกับพูดขึ้น “ท่านอาจารย์ ได้โปรดให้ศิษย์จัดการพวกมันในครั้งนี้ด้วย…”
ท้ายที่สุดแล้วคนที่ถูกลักพาตัวไปสุดท้ายก็เป็นครอบครัวของเธอ ดังนั้นการที่เธอจะรู้สึกโกรธแค้นจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาทั่วไป
แต่ลู่โจวไม่ได้ตอบรับหยวนเอ๋อกลับไปในทันที
หมิงซี่หยินที่มีประสบการณ์มากกว่าควรจะรับหน้าที่จัดการเรื่องในครั้งนี้ไป ตอนนี้วรยุทธ์ของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นมากอีกด้วย การจะปล่อยให้ศิษย์คนนี่จัดการคงจะเป็นการดีกว่า
ทันใดนั้นเองนกพิราบสื่อสารตัวหนึ่งก็ได้บินมา
“หยวนเอ๋อ! “
ตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้บินขึ้นไปบนฟากฟ้าอย่างรวดเร็วราวกับนกนางแอ่น เธอได้จับนกพิราบสื่อสารตัวนั้นเอาไว้
“ท่านอาจารย์ จดหมายจากศิษย์พี่สาม! “
“อ่านซะสิ”
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ได้ไปที่สำนักดาบสวรรค์เพื่อที่จะตรวจสอบเรื่องที่ท่านไหว้วานมา ศิษย์พบว่าตำแหน่งของผู้นำสำนักนั้นกำลังว่างอยู่ และในตอนนี้เองโจวจี้เฟิงก็ได้ออกจากสำนักดาบสวรรค์ไปเป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ตรวจสอบเพิ่มเติมไป ศิษย์ก็พบว่าโจวจี้เฟิงคนนั้นได้เข้าร่วมสำนักเที่ยงธรรมแทน ในตอนนั้นจางหยวนฉานจึงได้รับโจวจี้เฟิงพร้อมกับแต่งตั้งให้เขาได้กลายเป็นหนึ่งในสี่ผู้อาวุโสประจำสำนักไป และในตอนนี้โจวจี้เฟิงจึงกลายเป็นผู้อาวุโสที่ยังอายุน้อยที่สุดในสำนัก และเพราะวรยุทธ์ของเจ้าสำนักจางหยวนฉาน ศิษย์ก็เลยไม่กล้าที่จะเข้าไปตรวจสอบในส่วนลึกของสำนักเที่ยงธรรม…แต่จากข้อมูลที่ศิษย์พอจะรวบรวมมาได้ จางหยวนฉานคนนี้ได้ประกาศตัวต่อสาธารณชน เจ้านั่นดูถูกท่านอาจารย์มากมายต่อหลายครั้ง เจ้านั่นได้ประกาศตัวว่าเป็นสำนักที่มีเส้นทางขัดแย้งกับภูเขาทองของพวกเรา”
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้หยวนเอ๋อก็ได้หยุดอ่านลงไปกลางคันก่อนที่จะจ้องมองไปที่ลู่โจว
ลู่โจวในตอนนี้ก็ยังคงมีสีหน้าที่ดูสงบเยือกเย็นเช่นเคย ตัวเขานั้นไม่ได้แปลกใจอะไรเลย ‘มีคนจำนวนมากในโลกใบนี้ที่เกลียดชังในตัวฉัน การที่จะเพิ่มคนที่เกลียดชังไปอีกสักคนก็คงจะไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรอก’ ลู่โจวคิดอยู่ในใจ ถ้าหากตัวเขาสามารถจัดการเหล่ายอดฝีมือทั้ง 10 ที่มาบุกโจมตีภูเขาทองของเขาได้ กับลำพังเพียงแค่เจ้าสำนักเที่ยงธรรมตัวคนเดียวคงไม่อาจที่จะทำให้ลู่โจวเป็นกังวล
“ตอนที่ศิษย์กำลังตรวจสอบเรื่องราวอยู่ที่หุบเขาแห่งไผ่ ที่แห่งนี้เองเป็นที่ตั้งของสำนักเที่ยงธรรม ศิษย์ได้ต่อสู้อย่างดุเดือดกับผู้อาวุโสของสำนักนั้น ชายคนนั้นมีชื่อว่าตั๋วฟ่าง ศิษย์ได้เอาชนะมาได้ แต่น่าเสียดายที่ศิษย์จัดการฆ่าชายคนนั้นไม่สำเร็จ” หยวนเอ๋อที่ได้อ่านต่อมาจนถึงตอนนี้ได้ขมวดคิ้วขึ้นมาอีกครั้ง
“ทันทีที่ศิษย์เข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด ศิษย์ก็วางแผนไว้ว่าจะลอบเข้าสำนักเที่ยงธรรมอีกครั้ง ศิษย์คิดจะลอบเข้าไปในยามราตรีเพื่อที่จะลอบสังหารจางหยวนฉาน ศิษย์จะเป็นผู้แก้แค้นให้กับท่านอาจารย์เอง”
เมื่อหยวนเอ๋ออ่านจดหมายในมือจนหมด ตอนนั้นเองเธอก็กำหมัดขึ้นก่อนที่จะหันไปหาลู่โจว “ท่านอาจารย์ ตั๋วฟ่างเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นศักดิ์สิทธิ์ ศิษย์คิดว่าศิษย์พี่สามจะต้องได้รับบาดเจ็บอะไรจากชายคนนั้นแน่! “
หมิงซี่หยินเองค่อนข้างประหลาดใจมาก ตัวเขาได้พูดออกมาเช่นกัน “ศิษย์พี่สามกำลังเสี่ยงชีวิตของเขาเกินไป! “
ถ้าหากไม่นับเจ้าสำนักอย่างจางหยวนฉาน ตั๋วฟ่างก็คงจะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่มีวรยุทธ์กล้าแกร่งที่สุดแล้วภายในสำนักเที่ยงธรรม ระดับวรยุทธ์ของชายคนนั้นอยู่ในขั้นที่เกือบจะสมบูรณ์แบบของขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้วนั่นเอง เหลือเพียงอีกหนึ่งก้าวเท่านั้น จางหยวนฉานคนนั้นก็จะสามารถฝึกยุทธ์จนพ้นมาจากระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว ในตอนที่จีเทียนเด๋าถูกเหล่าผู้ยอดฝีมือทั้งสิบเข้าโจมตี ในตอนนั้นเองจางหยวนฉานจึงได้ส่งศิษย์สาวกนับร้อยของเขาร่วมโจมตีจีเทียนเด๋าด้วยเช่นกัน นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาด้วนมูเฉิงก็เกลียดชายคนนี้มาโดยตลอด
แต่สิ่งที่ด้วนมูเฉิงทำมันออกจะเกินตัวไปซะหน่อย เขาจะลอบสังหารคนที่มีวรยุทธ์มากกว่าอย่างจางหยวนฉาน
ในขณะที่ลูบเคราไปพลางคิดไปพลาง ลู่โจวก็ได้พูดออกมา “แม้ว่าเจ้าสามจะดูเหมือนกับคนธรรมดาๆ แต่เจ้านั่นกับกล้าหาญ ฉลาดเฉลียว และมีความคิดเป็นของตัวเอง ผู้นำสำนักเที่ยงตรง จางหยวนฉานนั้นได้ฝึกยุทธ์ไปถึงระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์เมื่อราวๆ สัก 100 ปีก่อน แม้ว่าเจ้าสามจะมีระดับวรยุทธ์อยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์ก็ตามที แต่ถึงแบบนั้นเจ้าสามก็คงจะมีวรยุทธ์ที่ด้อยกว่าจางหยวนฉานคนนั้น ดูเหมือนว่าเจ้าสามจะขุดหลุมฝังศพตัวเองละนะถ้าหากเจ้านั่นคิดที่จะลอบสังหารจริงๆ “
“แล้วทำไมศิษย์พี่สามถึงได้พูดแบบนั้นกัน? ” หยวนเอ๋อตัวน้อยถามออกมา
หมิงซี่หยินที่ได้ฟังแบบนั้นจึงได้พูดออกมา “จ้าวยู่เองก็เพิ่งจะ…ข้าเข้าใจแล้ว! การที่ศิษย์พี่สามใช้โอกาสนี้ในการสังหารเจ้าผู้อาวุโสนั่นเป็นเพราะว่าศิษย์พี่อยากที่จะแสดงความจงรักภักดีให้กับท่านอาจารย์ให้เห็น! “
“…”
“โอ้! ” หยวนเอ๋อเริ่มเข้าใจสถานการณ์ทุกอย่างแล้วนั่นเอง
เห็นได้ว่าด้วนมูเฉิงนั้นเข้าใจว่าลู่โจวในตอนนี้เป็นเหมือนกับจี่เทียนเด๋าในอดีต ถ้าจีเทียนเด๋ายังคงอยู่ที่นี่ต่อไป ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครกันจะเป็นต้นเหตุที่จะทำให้ด้วนมูเฉิงยอมเสี่ยงเข้าสำนักเที่ยงธรรมไปด้วยตัวเองในยามค่ำคืนแบบนี้
แต่แม้ว่าด้วนมูเฉิงจะไปเสี่ยงอันตรายจริงๆ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็คงจะให้ความสำคัญกับความปลอดภัยมากที่สุดและแสร้งทำเป็นบาดเจ็บมากกว่า ด้วยวิธีการนี้เองจะทำให้ความไม่เข้าใจระหว่างศิษย์และอาจารย์เพิ่มมากยิ่งขึ้น ในที่สุดสิ่งนี้ก็จะก่อตัวขึ้นเป็นวงจรอุบาทว์ไป
หลังจากที่พิจารณาอยู่นาน ลู่โจวก็ได้พูดออกมา “เจ้าสี่ ข้าน่ะเคยให้เจ้าซ่อมแซมม่านพลังป้องกันของภูเขาทองเอาไว้ ม่านพลังป้องกันอันนั้นจะสามารถต้านทานการโจมตีของเหล่ายอดฝีมือได้…แต่ในตอนนี้ เจ้าน่ะจะต้องไปช่วยเจ้าสามสะสางงานต่อซะ หลังจากที่งานนี้จบลง เจ้าจงมุ่งมั่นฝึกฝนวรยุทธ์ของเจ้าไป เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมข้าจะให้สมบัติล้ำค่าระดับสรวงสวรรค์กับพวกเจ้าเอง”
ถ้าหากม่านพลังไม่ได้รับการซ่อมแซม ศิษย์คนโตและศิษย์คนรองของเขาอาจจะยุยงให้ชาวยุทธโจมตีภูเขาทองอีกครั้งก็เป็นได้ เหล่ายอดฝีมือชาวออร์โธดอกซ์ที่มารวมตัวกันจะต้องทำให้ตัวลู่โจวปวดหัวได้อย่างแน่นอน
หมิงซี่หยินดีใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้น “ได้ครับท่านอาจารย์”
ถ้าหากตัวเขาจะได้สมบัติล้ำค่าระดับสรวงสวรรค์มาจริงๆ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลาไปอีกกี่สิบปีที่จะต้องอยู่ในภูเขาลูกนี้ หรือจะต้องใช้เวลามากแค่ไหน นั่นก็เป็นเรื่องที่ถือว่าคุ้มค่าแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเวลาเพียงไม่กี่ปีเท่านั้น ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหลายต่างก็มุ่งมั่นฝึกยุทธ์จนต้องใช้เวลาตลอดทั้งชีวิตก็ตาม ผู้ฝึกยุทธ์เหล่านั้นก็ยังไม่เคยที่จะได้แม้แต่สัมผัสกับสมบัติล้ำค่าอย่างสมบัติระดับสรวงสวรรค์ ศิษย์พี่คนโตอย่างยู่เฉิงไห่ เขาคนนั้นเป็นเจ้าของดาบนิลโลหิต ศิษย์พี่คนโตได้ใช้ดาบเล่มนั้นในการตัดหัวของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์มากมายไปกว่าหลายหมื่นคน ว่ากันว่าความแตกต่างของผู้ที่มีสมบัติล้ำค่าระดับสรวงสวรรค์กับผู้ที่ไม่มีสมบัติเป็นเหมือนความแตกต่างระหว่างเด็กน้อยกับชายวัยกลางคน
เป็นเวลากว่าหลายปีแล้วที่จีเทียนเด๋าระมัดระวังตัวเองมากขึ้น เขาไม่เคยที่จะมอบสมบัติล้ำค่าระดับสรวงสวรรค์ให้กับใครอีกเลย และหมิงซี่หยินก็ไม่เคยคาดคิดเหมือนกันว่าท่านอาจารย์ของเขาจะสัญญาจะมอบสมบัติพวกนี้ให้ในยามวิกฤตแบบนี้
ยังไงซะก็คงจะรู้สึกตื่นเต้นสินะ?
ในตอนนั้นเองค่าความจงรักภักดีของหมิงซี่หยินก็ได้เพิ่มขึ้น 5% ในทันที
“ท่านอาจารย์ แล้วพวกเราจะเอายังไงกับครอบครัวของศิษย์น้องหญิงล่ะ? “
“เรื่องมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ ข้าจะตัดสินใจเองหลังจากที่คุยกับหยวนเอ๋อเอง”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว! ศิษย์จะเริ่มออกเดินทางเพื่อไปช่วยศิษย์พี่สามในทันที เมื่อทำงานสำเร็จ พวกเราจะกลับมาซ่อมแซมภูเขาทองอีกครั้งเพื่อซ่อมแซมม่านพลัง”
“ไปได้แล้ว”
หมิงซี่หยินได้ออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไป ลู่โจวเห็นเมนูภารกิจปรากฏขึ้นในเมนูระบบ
“ท่านอาจารย์ ทำไมท่านถึงดูใส่ใจกับโจวจี้เฟิงถึงขนาดนั้นล่ะคะ? เจ้านั่นไม่เห็นจะมีอะไรที่พิเศษเลย” หยวนเอ๋อถามออกมาอย่างสงสัย
“เหตุผลที่ข้าน่ะไว้ชีวิตเจ้านั่นในตอนที่เจ้านั่นพยายามที่จะลอบสังหารข้า ข้าน่ะอยากให้เจ้านั่นพบความจริงในสำนักดาบสวรรค์ เจ้านั่นน่ะยังคงแข็งแกร่งและเติบโตได้มากกว่านี้อีก แม้ว่าเจ้านั่นจะไม่เลือกเข้ามาอยู่ภายใต้ภูเขาทองของพวกเรา แต่ไม่ช้าก็เร็ว เจ้านั่นจะต้องสู้กับสำนักดาบสวรรค์อย่างแน่นอน ข้าที่อยากจะใช้ประโยชน์จากเจ้านั่น อยากมั่นใจว่าเจ้านั่นในตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่”
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นยิ้มขึ้นก่อนจะพูดออกมา “ท่านอาจารย์เคยจัดการกับพวกศัตรูโดยตรงโดยการสังหารพวกมัน แต่ตอนนี้…”
“เจ้าน่ะจะบอกว่าข้ารู้จักที่จะใช้สมองแล้วอย่างงั้นสินะ? “
หยวนเอ๋อแลบลิ้นออกมาโดยที่ไม่กล้าพูดอะไรอีกต่อไป
ลู่โจวหัวเราะออกมาเช่นกัน “ข้าไม่ถือโทษโกรธเจ้าหรอก”
การวางแผนในครั้งนี้เป็นเหมือนกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว สิ่งแรกที่ตัวเขาอยากจะทำนั่นก็คือการสร้างวินัยให้กับเหล่าศิษย์สาวกของเขา และอย่างที่สองนั้นก็คือการรักษาจุดแข็งของภูเขาทองลูกนี้เอาไว้ แม้ว่าเหล่าศิษย์สาวกของเขาจะชั่วร้ายมากแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นความแข็งแกร่งของภูเขาทองลูกนี้ก็คงจะต้องลดลงไปมากถ้าหากไม่มีเหล่าลูกศิษย์พวกนี้อยู่ ดังนั้นถ้าหากลู่โจวไม่ได้มอบอาวุธให้กับพวกลูกศิษย์ของเขา พวกนั้นก็เหมือนกับเสือที่ไม่มีเขี้ยวเล็บนั่นเอง
เพื่อที่จะรับมือกับสำนักผู้ยอดยุทธ์ทั้ง 10 ให้ได้ ในตอนนี้ลู่โจวนั้นยังไม่พร้อมเลยแม้แต่น้อย
“ท่านอาจารย์ แล้วท่านอาจารย์จะให้ศิษย์จัดการกับเรื่องครอบครัวตระกูลซีเองอย่างงั้นสินะ? “
ลู่โจวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา “เรื่องนี้มันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก เหตุผลที่ข้าไม่ปล่อยให้ศิษย์พี่สี่ของเจ้าไปจัดการเรื่องนี้ เป็นเพราะว่าข้ากลัวว่าเจ้านั่นจะแก้ปัญหาอย่างเรียบง่ายและหยาบกระด้างจนเกินไป”
เขาได้ยินเรื่องราวการลักพาตัวจากหมิงซี่หยินในตอนที่จัดการเรื่องครั้งก่อนมา ศิษย์คนที่สี่ของเขาแทบที่จะเลียนแบบวิธีการแก้ปัญหาของจีเทียนเด๋าทั้งหมด การฆ่าเหล่าโจรภูเขาทันทีโดยที่ไม่พูดไม่จาอะไร ศิษย์คนนี้ไม่ได้จริงจังอะไรกับการหาคนร้ายตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังเลย
“ท่านอาจารย์ได้โปรดช่วยครอบครัวของศิษย์ด้วย! ” หยวนเอ๋อตัวน้อยได้คุกเข่าลงกับพื้น
นอกจากหยวนเอ๋อและลู่โจว ในตอนนี้ไม่มีใครอยู่ที่ภูเขาทองอีกต่อไป ดังนั้นลู่โจวจึงพูดออกมาว่า “ข้าจะไปเมืองอันยางด้วยตัวเอง”
“อะไรนะ? ท่านอาจารย์จะจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเองเลยหรอคะ? ” หยวนเอ๋อตัวน้อยถึงกับผงะ
ท่านอาจารย์คนนี้ไม่ได้ออกจากภูเขาทองมาเป็นเวลานานแล้ว แม้ว่าจะไม่มีใครพูดอะไร แต่ทุกๆ คนกับเดาเอาไว้ว่าเหตุผลที่จีเทียนเด๋าคนนี้ไม่ออกจากภูเขาไปคงจะเป็นเพราะร่างกายอันแก่ชราของเขาแน่ หยวนเอ๋อนั้นไม่คาดคิดมาก่อนว่าท่านอาจารย์จะยอมออกจากภูเขาเพื่อช่วยครอบครัวของเธอ
ด้วยเหตุนี้เองค่าความจงรักภักดีของหยวนเอ๋อจึงเพิ่มมากขึ้น 5%
“เรื่องนี้จะต้องไม่รั่วไหลออกไป ฝากจดหมายไว้ให้กับเหล่าศิษย์พี่ของเจ้าซะ พวกเราจะต้องเก็บความลับครั้งนี้เอาไว้ รีบส่งนกพิราบสื่อสารหาเจ้าพวกนั้นซะ”
“เข้าใจแล้วค่ะท่านอาจารย์! “
การตัดสินใจในครั้งนี้ของลู่โจวไม่เพียงแต่จะทำให้ส่งคำสั่งไปหาเหล่าลูกศิษย์จากระยะไกลได้ แต่ตัวเขาเองก็จะได้ไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัยกว่านี้มากด้วย
ตราบใดที่ลู่โจวได้เปลี่ยนเสื้อผ้าภายนอกของเขาไป แน่นอนว่าจะต้องไม่มีใครจำได้ว่าตัวเขาเป็นปรมาจารย์มหาวายร้ายแห่งหุบเขาทองอย่างแน่นอน นอกจากนี้เองหยวนเอ๋อยังเป็นผู้ติดตามของตัวเขา ตัวเขาที่จะได้ไปในเมืองอัน
อางจะต้องปลอดภัยอย่างแน่นอน
“วิซซาร์ด!”
เมื่อลู่โจวตะโกนเรียก ตอนนั้นเองท้องฟ้าก็เปี่ยมไปด้วสายฟ้า ในตอนนั้นเองสัตว์ขี่รูปงามก็ได้ปรากฏตัวขึ้น มันปรากฏตัวออกมาผ่านม่านหมอกของเมฆก่อนที่จะค่อยๆ ลงมาที่หุบเขาทอง
“ท่านอาจารย์ ท่านเปลี่ยนสัตว์ขี่พาหนะแล้วอย่างงั้นหรอ?” หยวนเอ๋อที่ได้ยืนดูอยู่ได้เผลอถามออกมา
ลู่โจวพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ขึ้นมาซะสิ!”
“ฮะ? ข้า…ข้าไม่กล้าขี่สัตว์ขี่ของท่านอาจารย์หรอกค่ะ”
“ไม่เป็นไร เจ้าน่ะมานั่งข้างหน้าข้าซะ พวกเราจะไปถึงเมืองอันยางได้โดยใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงเท่านั้น”