My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 254
แคร๊ก! แคร๊ก! แคร๊ก!
รถม้าลอยฟ้าได้ส่งเสียงแตกร้าวเอี๊ยดอ๊าดตลอดทาง รอยแตกที่เคยมีเริ่มขยายตัวมากยิ่งขึ้น
ฮั๊วจงหยางเจ้าแห่งโถงมังกรฟ้าเป็นผู้ที่ควบคุมรถม้าอยู่นั่นเอง เขาไม่สามารถทำอะไรได้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยเหงื่ออันเยือกเย็น แม้ว่าฮั๊วจงหยางจะมีทักษะในการควบคุมรถม้ามากแค่ไหน แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ทำอะไรไม่ได้มากในรถม้าลอยฟ้าที่ได้รับความเสียหายแบบนี้ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากชะลอตัวลงในที่สุดฮั๊วจงหยางก็ไม่สามารถที่จะอดทนได้อีกต่อไป “ท่านเจ้าสำนัก รถม้าลอยฟ้าไม่สามารถไปต่อได้แล้ว”
“หุบปาก! ” สีหน้าของยู่เฉิงไห่เปลี่ยนไป สีหน้าของเขามันดูน่ากลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แม้ว่ารถม้าจะแหลกสลายหายไปยังไงซะพวกเขาก็จะต้องหนีไปให้ได้อยู่ดี เมื่อเห็นดอกบัวสีฟ้ากำลังเบ่งบานออกมา ความกลัวนี้ก็ยังติดอยู่ในใจยู่เฉิงไห่อยู่ดี ตัวเขารู้สึกสับสน ทำไมอาจารย์ของเขาถึงแข็งแกร่งได้ทั้งๆ ที่มีอายุมากถึงเพียงนี้? ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็แล้วแต่จะต้องหนีไปให้ได้! ฮั๊วจงหยางได้รวบรวมความกล้าทั้งหมดที่มีก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าหมายความว่าข้าไม่สามารถเร่งความเร็วรถม้าได้อีกต่อไป”
“หื๊ม? ” ยู่เฉิงไห่ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะจ้องมองไปยังพังงาควบคุมรถม้า
รถม้าลอยฟ้าได้ลอยส่ายไปส่ายมา มันยังคงเคลื่อนที่ช้าลง
‘ด้วยความเร็วเพียงเท่านี้มันจะไปต่างอะไรกับความเร็วที่มนุษย์ธรรมดาวิ่งกัน? ‘ อันที่จริงบินไปตามทางเองยังจะไวกว่าด้วยซ้ำไป
ยู่เฉิงไห่ได้เอามือไว้หลังก่อนที่จะพูดออกมา “สละรถม้าซะ”
“ครับท่านเจ้าสำนัก” เหล่าสาวกสำนักอเวจีที่อยู่บนรถม้าลอยฟ้าได้กระโดดลงจากรถม้าอย่างไม่ลังเล เมื่อฮั๊วจงหยางยังเห็นยู่เฉิงไห่อยู่บนรถม้า ตัวเขาก็ได้พูดออกมา “ท่านเจ้าสำนัก ยังไงพวกเราก็สร้างรถม้าลอยฟ้าได้ใหม่เสมอ” ถ้าหากยังไม่จบชีวิตลง รถม้าลอยฟ้าก็สามารถหาได้ใหม่ทุกเมื่อ ยังไงซะมันก็เป็นแค่ของนอกกายเพียงเท่านั้น
ยู่เฉิงไห่ได้พยักหน้าก่อนที่จะกระโดดออกไป ในทำนองเดียวกันฮั๊วจงหยางเองก็กระโดดออกจากรถม้าเช่นกัน
พรึ๊บ!
รถม้าที่ลอยโซเซได้ร่วงหล่นลงจากท้องฟ้าทันทีที่ไร้พลังขับเคลื่อน ยู่เฉิงไห่และฮั๊วจงหยางได้แต่มองรถม้ากลับมาในขณะที่บินอยู่บนอากาศ มันเป็นการจ้องมองครั้งสุดท้ายนั่นเอง ในเวลาเดียวกันไม่ไกลมากนัก ชายผู้เปี่ยมไปด้วยกล้ามเนื้อกำลังถือหอกราชันย์ก่อนที่จะลอยตามมาอย่างรวดเร็ว ต้วนมู่เฉิงได้ตะโกนไล่หลังมา “เจ้าคนทรยศ! “
ต้วนมู่เฉิงถือหอกราชันย์เอาไว้ที่มือขวา ตัวเขากำลังลอยขนาดไปกับพื้นดิน ยู่เฉิงไห่ที่ได้ยินเสียงเรียกได้หันกลับไปมอง ‘นี่มันศิษย์น้องสามไม่ใช่ท่านอาจารย์ นับว่าข้าก็พอจะมีโชคอยู่บ้าง…’ ยู่เฉิงไห่ได้หยุดบิน ตัวเขาได้ชูฝ่ามือขึ้นมา ฝ่ามือของเขาเปี่ยมไปด้วยพลังลมปราณอันหนาแน่น
ปั๊ง! ปั๊ง! ปั๊ง!
ยู่เฉิงไห่ได้ปัดป้องการโจมตีทั้งหมดจากหอกราชันย์
‘หืม? ‘
ยู่เฉิงไห่ตกใจอยู่ภายในใจ หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้ซัดพลังฝ่ามือกลับไป
ตู๊ม!
ฝ่ามือสรวงสวรรค์มืดมิด!
พลังฝ่ามือนี้มีขนาดใหญ่มากกว่าพลังฝ่ามือก่อนหน้านี้มาก มันได้บินไปยังต้วนมู่เฉิงโดยตรง
พลังของทั้งสองฝ่ายเข้าปะทะกัน
ต้วนมู่เฉิงสัมผัสได้ว่าแขนของเขากำลังด้านชา ตัวเขาพลิกตัวกลางอากาศก่อนที่จะร่อนต่ำลง เมื่อเห็นแบบนั้นฮั๊วจงหยางก็ได้พูดออกมา “ให้ข้าจัดการเองเถอะ! “
“ไม่จำเป็น” ยู่เฉิงไห่ได้ร่อนลงมาอย่างช้าๆ เช่นกัน
ทั้งสามได้ร่อนลงมาในเวลาเดียวกัน เหล่าสาวกของสำนักอเวจีได้กลับมารวมตัวกันอย่างรวดเร็วที่ด้านหลังของยู่เฉิงไห่และฮั๊วจงหยาง ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน
ต้วนมู่เฉิงได้ใช้หอกราชันย์ปักเข้าไปที่พื้น
ตัวเขาได้มองตรงไปยังยู่เฉิงไห่ก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “เจ้าคนทรยศ”
ยู่เฉิงไห่ส่ายหัว “ศิษย์น้องสาม…นี่มันก็ผ่านมากี่ปีกันแล้ว? เจ้ายังคงอารมณ์ร้อนเหมือนเก่าเลยนะ”
“ก็ยังดีกว่าคนทรยศแบบเจ้านั่นแหละ! ” ต้วนมู่เฉิงโต้กลับ
“ท่านอาจารย์อยู่ไหนกัน? ” ยู่เฉิงไห่มองผ่านต้วนมู่เฉิงไป
“ท่านอาจารย์ได้สั่งให้ข้าพาเจ้ากลับไป…ถ้าหากเจ้าเต็มใจรับความผิดแต่โดยดี ท่านอาจารย์จะต้องเมตตาเจ้าแน่” ต้วนมู่เฉิงไม่ได้เหมือนกับหมิงซี่หยิน เขาไม่ใช่คนที่ชอบพูดจาอ้อมค้อม ยู่เฉิงไห่ในตอนนี้ไม่ได้มีสถานะเหมือนกับศิษย์พี่ของเขาอีกต่อไป เพราะแบบนั้นต้วนมู่เฉิงจึงกล้าที่จะใช้คำพูดตรงๆ ออกมา
เมื่อเห็นว่าด้านหลังของต้วนมู่เฉิงไม่มีใคร ยู่เฉิงไห่ก็รู้สึกผ่อนคลายมากยิ่งขึ้น “ศิษย์น้องสาม พลังวรยุทธของเจ้าที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งขึ้นมาก ถ้าหากข้าไม่ได้ใช้ฝ่ามือพลังสรวงสวรรค์มืดมิดต้านทานพลังของเจ้าเอาไว้ ข้าก็คงจะต้องได้รับบาดเจ็บไปแล้ว”
“เลิกพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว…ข้าต้องการแค่คำตอบเท่านั้น เจ้าจะกลับไปกับข้าแต่โดยดีไหม? ” ต้วนมู่เฉิงไม่ได้ตกหลุมพรางกลอุบายของยู่เฉิงไห่
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ยินแบบนั้นได้ถอนหายใจออกมาพลางส่ายหัว “ข้าไม่มีทางเลือก…มีผู้คนมากมายในโลกใบนี้ที่อยากให้ข้าตาย ทั้งสำนักฝ่ายธรรมะรวมไปถึงสำนักฝ่ายอธรรมเองก็หวังเช่นเดียวกัน พวกเขาหวังให้ข้าตายด้วยกันทั้งนั้น…”
“…” ต้วนมู่เฉิงรู้สึกงุนงง เขาไม่รู้ว่าทำไมศิษย์พี่ใหญ่ของเขาถึงจะต้องพูดเรื่อยเปื่อยอะไรแบบนี้ ตัวเขาได้มองไปที่ยู่เฉิงไห่ที่มีสีหน้าอันแสนว่างเปล่า
ยู่เฉิงไห่ได้พูดต่อไป “แม้ว่าโลกใบนี้จะกว้างแค่ไหนแต่สุดท้ายก็ไม่มีที่ให้คนอย่างข้าบางเลยอย่างงั้นหรอ? ” ตัวเขาที่จ้องมองสีหน้าของต้วนมู่เฉิงรับรู้ถึงความจริง ศิษย์น้องคนนี้กำลังสับสนอยู่ ตัวเขาได้ถอนหายใจยาวเฮือกใหญ่อีกครั้งก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าเดาว่าเจ้าคงจะไม่เข้าใจความหมายของข้า จะดีแค่ไหนถ้าหากศิษย์น้องเจ็ดอยู่ที่นี่ด้วย…ถ้าหากเป็นเขา น้องวู่หยาจะต้องรู้แน่ว่าข้ารู้สึกยังไง”
ต้วนมู่เฉิงได้ตอบกลับไปตรงๆ “ถ้าหากเจ้านั่นอยู่ที่นี่ ข้าจะจับเจ้านั่นก่อนแน่”
“เจ้าทำได้อย่างงั้นหรอ? ” ยู่เฉิงไห่ได้ถามออกมา
“อืม…” ต้วนมู่เฉิงมองไปที่ฮั๊วจงหยางที่กำลังยืนอยู่ข้างๆ ยู่เฉิงไห่ แม้ว่าฮั๊วจงหยางจะไม่ได้เคลื่อนไหวอะไร แต่ถึงแบบนั้นต้วนมู่เฉิงก็รู้ได้ทันทีว่าชายคนนี้เป็นยอดฝีมือชั้นสูง ยิ่งไปกว่านั้นฮั๊วจงหยางคนนี้ยังแข็งแกร่งกว่าตัวเขา แม้ว่าฮั๊วจงหยางจะไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย ลำพังต้วนมู่เฉิงก็คงไม่อาจที่จะเอาชนะยู่เฉิงไห่ได้
ที่ต้วนมู่เฉิงไล่ตามยู่เฉิงไห่มาแบบนี้เป็นเหมือนกับการเสี่ยงโชคเท่านั้น ตัวเขาหวังว่ายู่เฉิงไห่จะได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของผู้เป็นอาจารย์ของเขา แต่ถึงแบบนั้นโชคกลับไม่เข้าข้าง ท้ายที่สุดแล้วต้วนมู่เฉิงก็เลือกที่จะถามขึ้นมาแทน “เจ้าเป็นคนบงการเรื่องที่เกิดขึ้นที่แท่นประลองดอกบัว ผู้ช่วยเหลือสำนักดาบสวรรค์สินะ? “
ยู่เฉิงไห่ได้หัวเราะออกมาก่อนที่จะพูดอย่างไม่พอใจ “สำนักอเวจีของข้ามีหรือจะร่วมมือกับสำนักดาบสวรรค์อันต่ำต้อยน่ะ? สำนักดาบสวรรค์เป็นสำนักอันดับต้นๆ ที่ข้าต้องการจะกวาดล้าง”
“สำนักดาบสวรรค์ได้สูญเสียความแข็งแกร่งไปนานแล้ว นับตั้งแต่ที่ลั่วฉางเฟิงได้ ลั่วซิงกงก็เป็นเหมือนกับลมหายใจเฮือกสุดท้ายของสำนักดาบสวรรค์ก็เท่านั้น…นี่เป็นโอกาสอันดีแล้วที่สำนักอเวจีจะกำจัดเจ้าพวกนั้น” ยู่เฉิงไห่ได้พูดออกมา
“เจ้าต้องการจะช่วยท่านอาจารย์อย่างงั้นหรอ? ” ต้วนมู่เฉิงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“เปล่า…” ยู่เฉิงไห่ส่ายหัวปฏิเสธ “ข้าก็แค่ทำตามแผนก็เท่านั้น”
“เจ้ามีเป้าหมายอะไรกันแน่? ” ต้วนมู่เฉิงได้ถามออกมาตรงๆ
ยู่เฉิงไห่ได้ยิ้มให้จางๆ ก่อนที่จะเดินหาต้วนมู่เฉิง…
ต้วนมู่เฉิงที่เห็นแบบนั้นก็ได้เดินถอยกลับไป
“ไม่ต้องกลัวไป” ยู่เฉิงไห่แตะไหล่ผู้เป็นศิษย์น้อง “ท่านอาจารย์ยังสบายดีสินะ? “
“ท่านอาจารย์ยังสบายดี” ใบหน้าของต้วนมู่เฉิงเต็มไปด้วยความหวาดระแวง
“จริงๆ อย่างงั้นหรอ? “
“แน่นอน ถ้าหากเจ้าไม่คิดแบบนั้น ไหนเลยเจ้าถึงจะต้องวิ่งหนีมาแบบนี้ได้” ต้วนมู่เฉิงได้โต้กลับไป
“…” ยู่เฉิงไห่ถึงกับพูดไม่ออกไปชั่วขณะ แต่ไม่ว่าจะยังไงตัวเขาก็ได้ฟื้นคืนสติมาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้ม “แล้วเจ้าเคยเห็นใครวิ่งหนีได้ช้าขนาดนี้อย่างงั้นหรอศิษย์น้อง? “
คำว่า ‘วิ่งหนีไป’ เป็นคำที่ไม่เหมาะจะอยู่ในการสนทนาของยอดฝีมือระดับสูงเลย ต้วนมู่เฉิงได้เกาหัวตัวเองก่อนที่จะพูดต่อไป “เจ้าน่ะทำถูกแล้ว…ถ้าหากข้าเป็นเจ้า ข้าก็คงทิ้งรถม้าลอยฟ้าไปก่อนที่จะวิ่งหนีไปนานแล้ว”
ฮั๊วจงหยางถึงกับพูดไม่ออก
สีหน้าของยู่เฉิงไห่ยังคงสงบเยือกเย็นราวกับว่ากำลังพูดถึงเรื่องสภาพอากาศ ทั้งสองคนได้เงียบไปชั่วครู่ก่อนที่ท้ายที่สุดยู่เฉิงไห่จะตอบกลับมาอีกครั้ง “ท่านอาจารย์ได้พูดถึงข้าบ้างรึเปล่า? “
ต้วนมู่เฉิงได้ส่ายหัว ตัวเขาได้แต่คิดอะไรอยู่ภายในใจ ‘ทำไมจะต้องพูดถึงด้วย? ชื่อของเจ้าทำได้แค่ยั่วโมโหท่านอาจารย์ก็เท่านั้น’ ยิ่งไปกว่านั้นการเอ่ยชื่อของยู่เฉิงไห่ต่อหน้าผู้เป็นอาจารย์เป็นอะไรที่ไม่ต่างจากแกว่งเท้าหาเสี้ยน
“แล้วเขาพูดถึงศิษย์พี่รองของเจ้ารึเปล่า? ” ยู่เฉิงไห่ถามออกมาอีกครั้ง
“ไม่” ต้วนมู่เฉิงตอบกลับไป
“งั้นก็ดี…”
ยู่เฉิงไห่ได้ตอบไหล่ของต้วนมู่เฉิงอีกครั้งก่อนที่จะพูดขึ้น “เจ้าควรจะกลับไปจะดีกว่า…”
ต้วนมู่เฉิงได้ตอบกลับยู่เฉิงไห่อย่างจริงจัง “ให้เวลาข้าครึ่งปี…”
“เวลาอย่างงั้นหรอ? สำหรับอะไรกันล่ะ? “
“ครึ่งปีพวกเราจะมาประลองกัน” ต้วนมู่เฉิงได้พูดออกมา
ยู่เฉิงไห่ที่ได้ฟังแบบนั้นได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดชมเชย “เป็นเรื่องดีที่เจ้าน่ะมีความกล้ามากพอที่จะมาท้าประลองข้าแบบนี้…ข้าน่ะชื่นชมในตัวเจ้าจริงๆ ไว้เจ้ากลับจากการฝึกฝนหนักเมื่อไหร่ไว้เรามาเจอกัน”
“ข้าจะเอาชนะเจ้าให้ได้” ต้วนมู่เฉิงพูดต่อ
ยู่เฉิงไห่ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมาพร้อมกับถอนหายใจ “ศิษย์พี่รองของเจ้าเองก็พูดกับข้าเช่นนี้”