My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 256
ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะถามออกมา “แล้วจะหาเจ้านั่นเจออย่างงั้นหรอ? “
“เอ่อ…” ใบหน้าของหมิงซี่หยินเต็มไปด้วยความอึดอัดใน ครั้งสุดท้ายที่พยายามตามหาสีวู่หยาได้ ตัวเขารู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก หมิงซี่หยินได้ใช้เวลากว่าหลายวันรวมไปถึงต้องพบกับปัญหามากมายหลายอย่างกว่าที่จะหาตัวสีวู่หยาเจอ หลังจากที่ทำให้สีวู่หยาตื่นกลัวไป ในตอนนี้เขาจะต้องระมัดระวังตัวมากขึ้นแน่ ทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าสีวู่หยามีมันสมองที่ชาญฉลาดไม่เป็นรองใคร
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็นึกถึงกล่องใบเดิมที่อยู่ทางศาลาตะวันออกขึ้นมาได้ ตัวเขาได้ยกมือขึ้นมาอย่างช้าๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “งั้นก็พอได้แล้ว”
คนอื่นๆ ที่ได้ยินแบบนั้นได้ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะคารวะมาที่ลู่โจว
ในกระท่อมแห่งหนึ่งอันแสนเงียบสงบ
สีวู่หยากำลังนั่งสมาธิอยู่ที่ด้านในกระท่อมหลังนั้น “ท่านเจ้าสำนัก มีจดหมายมาจากหนูขโมยทั้งห้า”
“เจ้าพวกนั้นทำไม่สำเร็จสินะ? “
สีวู่หยาได้ลืมตาตื่นขึ้น ตัวเขารู้ดีว่าถ้าหากสำเร็จ ตัวเองจะไม่ได้จดหมายแบบนี้แน่ ตัวเขาจะต้องได้พัดขนนกยูงแทน
“ครับท่านเจ้าสำนัก…ผู้นำหนูขโมยทั้งห้าไป่ชินหยุนได้ส่งจดหมายมา เจ้านั่นเล่าว่าได้เจอกับเล้งลั่วที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า เพราะแบบนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะล่าถอยกลับมา”
“เล้งลั่ว…ท่านอาจารย์ทำให้คนที่เย่อหยิ่งแบบนี้ให้อยู่ภายใต้การควบคุมอย่างงั้นหรอ…” สีวู่หยาได้ส่ายหัว
“คนคนนั้นจะต้องเป็นคนที่ขับไล่พวกอัศวินดำในตอนที่อยู่แม่น้ำเรียวบางแน่ พวกหนูขโมยทั้งห้าเองก็เคยถูกพวกอัศวินดำเข้าขัดขวางมา ไม่แปลกเลยที่พวกเขาจะกลัวเล้งลั่วขนาดนี้”
“แต่ถึงแบบนั้นพัดขนนกยูงก็จะ…”
“พวกเราคงไม่มีโอกาสที่จะได้มันคืนแล้วล่ะ”
ถ้าหากลงมือขโมยในครั้งแรกไม่สำเร็จ การที่จะลงมือครั้งต่อไปคงจะเป็นอะไรที่ยากกว่าเก่าแน่
“แต่ถึงแบบนั้น…เจ้าพวกนั้นก็นำของสิ่งนี้กลับมา”
สาวกคนนั้นได้หยิบเศษกระดาษอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าก่อนที่จะส่งให้กับสีวู่หยาไป…มันเป็นภาพวาดของอะไรบางอย่าง แม้ว่ามันจะเป็นแค่ภาพวาดแต่สีวู่หยาก็ยังจดจำมันได้ดี สีวู่หยาได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะสั่งการ “ส่งจดหมายไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าซะ”
ในเช้าวันต่อมาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า
ณ ศาลาทางตะวันออก
ลู่โจวไม่ได้สะสมพลังพิเศษจากการทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ในคืนที่ผ่านมา ตัวเขาได้ลืมตาขึ้นมาก่อนที่จะเรียกเมนูระบบออกมา
แต้มบุญ: 19,380
‘ดูเหมือนจะได้แต้มบุญ 7,550 แต้มมาจากแท่นประลองดอกบัวสินะ…น่าเสียดายจริงๆ ยังขาดแต้มบุญอีก 620 แต้มก็สามารถซื้อพลังร่างอวตารร่างใหม่ได้แล้ว’ ลู่โจวไม่ได้ตั้งใจที่จะซื้อร่างอวตารใหม่เป็นพิเศษ ในตอนนี้ตัวเขากำลังทำความเข้าใจพื้นฐานของระบบอยู่ ตัวเขารู้สึกว่าการจะจับฉลากนำโชคได้พลังร่างอวตารร่างใหม่มาจากการจับฉลากนำโชคคงจะเป็นอะไรที่เป็นไปได้ยากแน่ แต่ถึงแบบนั้นตราบใดที่มันยังมีโอกาสอยู่ มันก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเกิดขึ้นอยู่ดี เพราะแบบนี้จึงทำให้สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ชื่นชอบการเสี่ยงโชคเป็นไหนๆ
“ฉันจะจับฉลากนำโชค 5 ครั้ง…” ลู่โจวไม่รอช้าเขารีบจับฉลากนำโชคในทันที
หลังจากที่จับฉลากนำโชคไปตัวเขาก็ได้พึมพำออกมาอย่างตัดพ้อ “ตามคาด ฉันควรจะเก็บแต้มบุญเอาไว้ซื้อร่างอวตารมากกว่าสินะ”
ลู่โจวกำลังศึกษาเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ต่อไป ในตอนนั้นเองจ้าวยู่ก็ได้ทำความเคารพก่อนที่จะพูดออกมาจากด้านนอกศาลา “ท่านอาจารย์ มีจดหมายมาจากสีวู่หยาค่ะ”
“อ่านซะ”
หลังจากที่ได้ฟังคำพูดของผู้เป็นอาจารย์ จ้าวยู่ก็อ่านจดหมายในทันที “สีวู่หยาได้บอกว่าตัวเองมีวิธีการในการปลดล็อกกล่องที่ท่านครอบครองอยู่…แต่ถึงแบบนั้นเขากลับยื่นข้อเสนอมาให้ สีวู่หยาต้องการพัดขนนกยูงที่ท่านอาจารย์ครอบครองอยู่กลับคืนไป นอกจากนี้เขายังอยากให้ท่านคลายพลังผนึกมนตราบนตัวของเขาให้เป็นการแลกเปลี่ยนกับข้อมูลนั่น”
หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ ลู่โจวก็ได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก “เจ้าทรยศ! “
จ้าวยู่สัมผัสได้ถึงความโกรธของลู่โจว นางได้รีบพูดออกมาอย่างเร่งรีบ “ท่านอาจารย์โปรดระงับความโกรธของท่านเอาไว้ก่อน”
“เจ้าทรยศนั่นคิดว่าตัวเองสูงส่งมากแค่ไหนกัน…เจ้านั่นคิดว่าจะต่อรองกับข้าได้เพียงเพราะออกจากภูเขาทองไปสินะ? “
“ท่านพูดถูกแล้วท่านอาจารย์ สีวู่หยาดูเหมือนจะไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำเข้าซะแล้ว! ” จ้าวยู่ได้พูดขึ้น
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้ถามออกมา “เจียงอาเฉียนได้ส่งข้อความอะไรกลับมารึยัง? “
นี่ก็ผ่านไปสักพักหนึ่งแล้ว ด้วยนิสัยที่เจียงอาเฉียนมีเขาจะต้องส่งข้อความกลับมาแล้วแน่
“ท่านอาจารย์ เจียงอาเฉียนยังไม่ได้ตอบจดหมายมาเลยค่ะ” จ้าวยู่ได้ตอบกลับมา
“งั้นไม่เป็นไร ไปได้แล้ว”
“ศิษย์ขอตัวก่อน” หลังจากนั้นจ้าวยู่ก็ได้จากไป
ทันทีที่จ้าวยู่จากไปลู่โจวก็ตรวจสอบเมนูภารกิจอีกครั้ง ในตอนนี้ภารกิจตามหากุญแจที่หายสาบสูญยังคงไร้เบาะแสเช่นเดิม ลู่โจวได้พยายามค้นหาเรื่องนี้จากในความทรงจำอดีตแทน บางทีตัวเขาอาจจะหาอะไรบางอย่างเจอก็เป็นได้ แต่ท้ายที่สุดแล้วความทรงจำของเขาก็ดูจะเลือนลานเกินกว่าจะหาอะไรเจอได้ ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้พูดออกมาอย่างสงสัย “หรือว่ามันจะเกี่ยวข้องกับความทรงจำที่ขาดหายไปกัน? “
ตั้งแต่ได้ข้ามมิติมา ลู่โจวก็คุ้นเคยกับร่างอันแก่ชราร่างนี้แล้ว แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร ตราบใดที่ตัวเขายังมีการ์ดพลังชีวิตได้อยู่ ลู่โจวก็จะกลับมาเป็นหนุ่มได้อีกครั้ง แม้ว่าจะฟื้นคืนอายุขัยได้ แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่อาจที่จะฟื้นคืนความทรงจำที่ขาดหายไปได้
หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งลู่โจวก็ไม่พบกับอะไรที่มีประโยชน์ ตัวเขาได้ส่ายหัวอย่างหมดหวังก่อนที่จะกลับไปศึกษาเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ต่อไป
ในเช้าวันรุ่งขึ้น ลู่โจวไม่ได้ลืมตาขึ้นมาอีกเลย ในตอนนั้นเองจ้าวยู่ก็ได้เดินมายังศาลาทางตะวันออกพร้อมกับจดหมายที่มีอยู่ในมือ
จ้าวยู่กำลังเห็นอาจารย์ของตัวเองเคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาด เพราะแบบนั้นนางจึงไม่กล้าที่จะขัดจังหวะลู่โจว นางได้รอสักพักก่อนที่ในที่สุดนางจะเดินมาโค้งคำนับให้กับลู่โจว “ท่านอาจารย์ มีจดหมายมาค่ะ”
ลู่โจวได้หยุดทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ก่อนที่จะถามออกมา “จดหมายจากใครกัน? “
“ตอนแรกศิษย์เองก็อยากที่จะอ่านก่อน แต่ดูเหมือนว่าเนื้อหาภายในมันจะสำคัญจนเกินไป ศิษย์ก็เลยคิดว่าไม่เหมาะ ดังนั้นศิษย์เลยรีบนำจดหมายมาให้ท่านอาจารย์แทน” จ้าวยู่ได้อธิบายทุกอย่าง
“อ่านซะสิ”
“ค่ะท่านอาจารย์” จ้าวยู่ได้คลี่จดหมายออกมาก่อนที่จะเริ่มอ่าน “เมื่อวานศิษย์ได้ผิดไปแล้ว ศิษย์หวังว่าท่านอาจารย์จะยกโทษให้กับศิษย์ผู้โง่เขลาคนนี้ แม้ว่าข้าจะได้ออกจากภูเขาทองไปแล้วแต่ถึงแบบนั้นข้าก็ไม่เคยคิดเป็นศัตรูกับท่านอาจารย์เลย เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความจริงใจที่ศิษย์มี ศิษย์ได้ให้ใครบางคนส่งข้อมูลให้กับสิ่งที่ท่านอาจารย์ตามหาแล้ว”
หลังจากที่นางอ่านจดหมายเสร็จจ้าวยู่ก็ได้เก็บจดหมายฉบับนั้นไป “ในตอนนี้มีแม่ชีอยู่ที่เชิงเขา นางกำลังขอเข้าพบท่านอาจารย์อยู่ ข้าสงสัยว่าเจ้าพวกนั้นจะเป็นของศิษย์น้องเจ็ด เพราะแบบนั้นศิษย์ก็เลยยังไม่ให้เหล่าแม่ชีเข้ามา ศิษย์อยากจะขอคำสั่งจากท่านอาจารย์กว่า”
“แม่ชีอย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวรู้สึกงุนงง “แม่ชีจากวิหารเมฆาสวรรค์อย่างงั้นสินะ”
เมื่อได้ยินคำว่าแม่ชี ลู่โจวก็คิดถึงแม่ชีแห่งวิหารเมฆาสวรรค์ ลู่โจวดูสงบนิ่ง ในตอนนี้ตัวเขากำลังใช้ความคิดอยู่ ‘นี่มัน…บังเอิญอย่างงั้นหรอ? ความทรงจำที่เกี่ยวกับวิหารเมฆาสวรรค์ล้วนแต่เป็นอะไรที่แปลกประหลาด แต่ไม่ว่าจะเป็นยังไงลู่โจวก็คิดว่าแม่ชี้พวกนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกุญแจที่ตามหาอยู่
“ให้นางเข้ามา”‘
“ศิษย์จะพานางมาเองค่ะ” จ้าวยู่ได้ออกจากศาลาทางตะวันออกไป
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้ยืดแขนยืดขารอ ไม่นานต่อมาจ้าวยู่ก็ได้พาแม่ชีมายังศาลาทางตะวันออก “ท่านอาจารย์ คนๆ นี้ก็คือแม่ชีเสวียนจิง แม่ชีจากวิหารเมฆาสว่าง”
“เสวียนจิงแห่งวิหารเมฆาสว่างขอคารวะท่านผู้อาวุโส ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะพบท่าน”
ลู่โจวได้หยุดใช้ความคิดก่อนที่จะมองไปยังแม่ชีคนนั้น
เสวียนจิงได้สวมเสื้อคลุมของเหล่าแม่ชีมา นอกจากนี้นางก็ยังใส่หมวกและยังถือลูกปัดในแบบชาวพุทธ นางเป็นแม่ชีที่มีอายุมากแล้ว ผมของนางเริ่มเปลี่ยนกลายเป็นสีเงิน ลู่โจวที่เห็นแม่ชีผู้มาเยือนได้พูดต่อไป “ยืนและพูดธุระของเจ้ามาซะ”
เสวียนจิงได้ลุกขึ้นยืน นางหยิบกล่องผ้าสีแดงออกมาจากแขนเสื้อก่อนที่จะพูดออกมากอีกครั้ง “ข้ามาที่นี่ก็เพื่อคืนของให้กับท่านด้วยตัวเอง” ลู่โจวได้โบกแขน
กล่องบ้าใบนั้นได้ลอยเข้าหาฝ่ามือลู่โจว เสวียนจิงที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดออกมาอย่างช้าๆ “ปรมาจารย์จิงหยานเป็นผู้ทิ้งของสิ่งนี้เอาไว้เบื้องหลัง…เมื่อข้าได้รับแจ้งมาว่าท่านกำลังตามหามันอยู่ ข้าก็เลยนำของชิ้นนี้กลับมาคืนให้”
“จิงหยานทิ้งของสิ่งนี้เอาไว้อย่างงั้นหรอ? “
“หลังจากที่ท่านจิงหยางได้พบกับท่านในครั้งสุดท้าย ท่านก็ไม่เคยที่จะได้พบกับท่านผู้อาวุโสอีกเลยเป็นเวลากว่าหลายปีด้วยกัน เพราะแบบนั้นท่านก็เลยมิอาจที่จะนำของสิ่งนี้มาคืนท่านได้” เสวียนจิงได้พูดขึ้น
ลู่โจวมองไปที่กล่องผ้าที่อยู่ในมือ ตัวเขาได้ใช้พลังลมปราณไปที่ฝากล่อง กล่องใบนั้นได้เปิดขึ้น…
“ติ้ง! ภารกิจเสร็จสิ้น: ตามหากุญแจที่หายสาบสูญสำเร็จ 1/1 ได้รับแต้มบุญ: 1,000”
แท้จริงแล้วภายในกล่องใบนั้นมีกุญแจที่ดูโบราณดอกหนึ่งถูกเก็บอยู่ภายในกล่อง บางทีมันอาจจะเป็นของที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวในอดีต เรื่องราวที่ลู่โจวไม่อาจจะนึกย้อนกลับไปได้
ลู่โจวได้เก็บกุญแจดอกนั้นก่อนที่จะถามออกมา “ตอนนี้สถานการณ์ที่วิหารเมฆาสว่างเป็นยังไงบ้างแล้ว? “
“ถ้าหากจะให้ข้าพูดตามตรง ข้าต้องขอบคุณท่านจริงๆ ที่ลงโทษวู่เหนียนไป…วู่เหนียนได้เพิกเฉยต่อกฎเกณฑ์ที่วิหารเมฆาสว่างมีและก่อกรรมทำเข็ญไปทุกหนทุกแห่ง นางสมควรแล้วที่จะได้รับโทษทัณฑ์ ตอนนี้นางได้สูญเสียพลังวรยุทธทั้งหมดไป และวู่เหนียนก็ไม่ใช่แม่ชีแห่งวิหารเมฆาสวรรค์อีกต่อไปแล้วด้วย” เสวียนจิงได้อธิบายออกมา ผลลัพธ์นี้เองเป็นไปตามที่ลู่โจวคาดหวัง
ลู่โจวพยักหน้าก่อนที่จะพูดขึ้น “แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงกันว่าข้ากำลังตามหาของสิ่งนี้อยู่? “
เสวียนจิงที่ได้ฟังแบบนั้นดูสับสน “ประสกสีเป็นคนส่งข่าวนี้ให้กับข้าเอง ท่านไม่รู้หรอกหรอ? “
จ้าวยู่ได้พูดออกมา “เป็นไปตามที่คาดไว้จริงๆ เจ้าทรยศนั่น! “
“ทรยศอย่างงั้นหรอ? ” เสวียนจิงรู้สึกสับสน
จ้าวยู่ได้พูดต่อไป “ไม่มีอะไรเกี่ยวกับท่านหรอก ท่านแม่ชี ท่านน่ะอยู่ในวิหารมานานเกินไปแล้ว ท่านอาจจะไม่เข้าใจเรื่องที่พวกเราพูดไปบางเรื่อง ถ้าหากท่านเสร็จธุระแล้วข้าจะเป็นผู้ไปส่งท่านเอง”