My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 26
ตอนที่ 26 คดีลักพาตัว
สำนักทางใต้ถือว่าเป็นสำนักที่ใหญ่ที่สุดในโลกแห่งยุทธภพวันนี้ สำนักทางใต้นั้นมีลูกศิษย์สำนักมากกว่าหนึ่งหมื่นคน ทุกวันนี้ชื่อเสียงสำนักทางใต้นั้นทำให้ชาวออร์โธดอกซ์ทุกคนต้องหวาดกลัว และเฉกเช่นเดียวกับศัตรูของพวกเขา สำนักทางใต้นั้นทำให้ผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดในยุทธภพล้วนแต่ตกอยู่ในความหวาดกลัวเช่นกัน
ลู่โจวที่เปรียบสำนักทางใต้เป็นเหมือนกับสำนักที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังและความกลัว เขาไม่คิดเลยว่าสำนักแบบนี้จะเปิดรับสมาชิกใหม่ได้
“นี่หลานสาวเจ้าสินะ ตาแก่? หลานเจ้าน่ะดูยังเติบโตได้อีกมากแถมยังสะสวยซะด้วย แต่แน่นอน ข้าน่ะสามารถคุยกับท่านหัวหน้าได้เพื่อให้เจ้าทั้งสองคนเข้าร่วมสมาคมพร้อมกัน” ชายคนนั้นพูดออกมาก่อนจะยิ้มให้
‘ท่านอาจารย์ไม่ได้พูดอะไร…ข้าคิดว่าท่านอาจารย์คงจะโกรธอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าท่านอาจารย์จะบอกเอาไว้ว่าไม่ให้พวกเราสังหารคนอย่างง่ายดาย แต่ถึงแบบนั้นท่านอาจารย์ก็ไม่เคยบอกว่าห้ามทำร้ายผู้อื่นนิ…ถ้าเป็นงั้นแล้วละก็’ หยวนเอ๋อที่ก้มตัวลงในตอนนั้นเองเธอก็ยกขาของเธอขึ้นมา เธอได้เตะชายคนนั้นไปที่หน้าอกเข้าอย่างจัง
ชายคนนั้นถูกเตะลอยขึ้นไปกลางอากาศอย่างกับลูกฟุตบอล ในตอนนั้นเองชายคนนั้นก็กระอักเลือดออกมาด้วย ชายคนนั้นได้ลอยไปชนแผงของร้านขายของถึง 3 แผงด้วยกัน ถ้าหากกะจากสายตาแล้วลู่โจวคิดว่าชายคนนั้นจะต้องกระเด็นลอยไปไกลเกินกว่า 10 เมตรอย่างแน่นอน
การเตะในครั้งนี้เองได้ทำให้คนธรรมดาทั่วๆ ไปที่อยู่แถวนั้นถึงกับตกใจ พวกเขาทั้งหมดตัดสินใจถอยห่างไปด้วยความกลัวในทันที
“เจ้าน่ะไม่เคารพกฎหมายเลยอย่างงั้นสินะ? “
โชคไม่ดีเท่าไหร่ ถ้าหากเธอคนนี้รู้เรื่องเกี่ยวกับกฎหมาย แน่นอนว่าเธอคนนี้คงจะไม่ใช่หยวนเอ๋ออย่างแน่นอน
“ใครอนุญาตกันว่าให้เรียกคุณปู่ของข้าว่าตาแก่? ” หยวนเอ๋อได้วางขาข้างที่เธอเตะชายคนนั้นลงกับพื้นก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเดือดดาล
“เจ้า เจ้ากล้ามากที่โจมตีพวกเรา! ” หนึ่งในสมาชิกที่เหลือของสมาคมมังกรฟ้าได้พูดออกมา
“ข้าไม่ได้กล้าที่จะโจมตีเพียงเท่านั้น ข้าน่ะกล้าที่จะฆ่าพวกเจ้าด้วยซ้ำไป” ในตอนที่หยวนเอ๋อพูดออกมา ในตอนนั้นเองรอบตัวของเธอก็เปี่ยมล้นไปด้วยพลัง
ชายสองคนที่เหลือนั้นต่างสบตาซึ่งกันและกัน “นี่มันพลังขั้นรู้แจ้งเห็นจริง! “
ผู้ที่ฝึกยุทธ์จนถึงขั้นการผ่อนคลายร่างกายนั้นจะทำให้ผู้ฝึกมีพละกำลังร่างกายที่แข็งแกร่งแต่เพียงเท่านั้น แต่ถ้าหากผู้ฝึกยุทธ์ฝึกไปถึงขั้นรู้แจ้งเห็นจริงได้ ประสาทการรับรู้ทั้งห้านั้นจะตื่นตัวขึ้น ประสาทการรับรู้ทั้งหมดจะถูกกระตุ้นให้สามารถสร้างพลังงานออกมาได้ เมื่อผู้ฝึกยุทธ์ฝึกไปถึงขั้นรู้แจ้งเห็นจริงแล้ว คนคนนั้นก็จะกลายเป็นผู้ใช้วรยุทธ์อย่างแท้จริง
ฟรึบ!
ชายทั้งสองคนคุกเข่าลงก่อนที่จะร้องไห้ออกมา “ได้โปรดไว้ชีวิตพวกเราด้วยท่านหญิง! “
หยวนเอ๋อส่ายหัวออกมาก่อนที่จะตะคอกขึ้น “ทำไมข้าจะต้องทำแบบนั้นกันล่ะ? “
ในตอนที่หยวนเอ๋อกำลังกำหมัดขึ้นมาอีกครั้ง ตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้เดินมาขวางซะก่อน “เจ้าน่ะทำได้ดีมากหยวนเอ๋อ! ” คำชมนั้นทำให้หยวนเอ๋อกลับมาอารมณ์ดีได้อีกครั้ง ในตอนนั้นเองเธอก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข “ฮิฮิ! ข้าโกรธที่เจ้าพวกนี้มันกล้าเรียกท่านว่าตาแก่ เมื่อได้ยินแบบนั้นข้าก็เลยสั่งสอนพวกมันไปซะหน่อย”
ลู่โจวในตอนนั้นเหลือบมองไปที่ชายแปลกหน้าทั้งสองคน ในความเป็นจริงแล้วตัวเขาไม่ได้แคร์เลยว่าชายแปลกหน้าทั้งสองคนนี้จะอยู่หรือจะตาย แต่การตายของพวกเขาคงจะส่งผลเสียซะมากกว่า การตายของเจ้าพวกนี้จะต้องเป็นจุดสนใจอย่างแน่นอน
“สมาคมมังกรฟ้าของพวกเจ้านั้นอยู่ที่ไหนกัน ฮะ? ” ลู่โจวได้ถามออกไป
“สะ…สามไมล์ อยู่ทางตอนเหนือของแม่น้ำอันยางสามไมล์”
“ข้าน่ะเพิ่งจะมาถึงเมืองอันยางได้ไม่นาน ข้ายังไม่คุ้นเคยกับเมืองแห่งนี้สักเท่าไหร่ กลับไปบอกหัวหน้าของพวกเจ้าว่าข้าคนนี้อยากจะพบเขาเป็นการส่วนตัวในวันพรุ่งนี้”
“ขะ…ข้ารู้แล้ว”
“ไสหัวไปซะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้วชายทั้งสองคนที่เหลืออยู่ต่างก็ลุกไปช่วยเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บก่อนที่จะรีบออกไปจากที่นั่นในทันที
“ท่านอาจารย์รอบคอบมากเลยนะคะ การที่ถามถึงสมาคมของเจ้าพวกนั้นอยู่ที่ไหนได้ ถ้าหากเจ้าพวกนั้นผิดสัญญาพวกเราก็จะไปถล่มมันทั้งสำนักได้” หยวนเอ๋อพูดกับลู่โจวด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
ลู่โจวในตอนนั้นได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะใช้มือของเขาเคาะไปที่หน้าผากของหยวนเอ๋ออย่างอ่อนโยน “เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน? ข้าก็แค่อยากให้เจ้าพวกนั้นสืบสวนเรื่องการลักพาตัวคนสกุลซีก็เพียงเท่านั้น”
“อุ๊ย! ข้าผิดไปแล้วท่านอาจารย์….”
“เจ้ายังจำได้ไหมว่าบ้านของเจ้าน่ะอยู่ที่ไหนกัน? ” ลู่โจวได้ถามขึ้น
“ข้าจำได้เพียงว่าบ้านของข้านั้นมีสิงโตหินสองตัวอยู่ที่หน้าประตู พ่อของข้าชอบจะฝึกซ้อมดาบและหอกอยู่เป็นประจำ ส่วนแม่ของข้าชอบจะทำงามฝีมืออย่างการฝึกเย็บปักถักร้อยซะมากกว่า…” หยวนเอ๋อค่อยๆ นึกถึงภาพความทรงจำในอดีตก่อนที่จะพูดขึ้น
ในบรรดาลูกศิษย์ของจีเทียนเด๋าทั้งหลาย ลูกศิษย์บางคนนั้นถูกตัวเขาพรากออกมาจากอ้อมอกของผู้เป็นบิดามารดาด้วยตัวของเขาเอง ส่วนลูกศิษย์บางคนนั้นก็เลือกที่จะติดตามตัวเขาเองด้วยความสมัครใจ สำหรับลู่โจวในตอนนี้ เขาจำได้เพียงว่าหยวนเอ๋อในตอนนั้นยังเด็กมาก เธอถูกพ่อแม่ของเธอส่งมาที่ภูเขาทอง ลู่โจวในตอนนี้ไม่รู้สาเหตุเลยว่าทำไมกันพ่อแม่ของหยวนเอ๋อถึงจะต้องส่งเธอมาให้กับจีเทียนเด๋า
ทำไมพ่อแม่ของหยวนเอ๋อถึงอยากที่จะส่งลูกมาเข้าถ้ำเสือกัน?
…
บ้านของครอบครัวตระกูลซีนั้นไม่ได้หายากเลย เมืองอันยางเมืองนี้ไม่ใช่เมืองที่ยิ่งใหญ่อะไร และเพราะแบบนั้นเองจึงมีบ้านเพียงไม่กี่หลังเท่านั้นที่จะมีฐานะร่ำรวย แน่นอนว่าหนึ่งในนั้นก็คือบ้านของครอบครัวตระกูลซี ดังนั้นถ้าหากถามชาวบ้านไปเรื่อยๆ จะต้องพบบ้านตระกูลซีอย่างง่ายดายแน่นอน
เมื่อพวกเขาทั้งสองคนมาถึงประตูหน้าบ้าน หยวนเอ๋อในตอนนี้ก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เธอที่กำลังรอท่านอาจารย์ของเธออยู่ได้กระโดดข้ามหัวสิงโตหินทั้งสองตัวราวกับกระต่าย
“ท่านอาจารย์ นี่ไงสิงโตที่ศิษย์เล่าให้ฟังน่ะ! มันเหมือนกับในความทรงจำของศิษย์ทุกอย่างเลย! “
“เอาล่ะ ตอนนี้ถึงบ้านของเจ้าแล้ว อย่ามัวแต่เล่น รีบลงมาซะ”
“โอ้! “
ตอนนั้นเองลู่โจวก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่เมนูภารกิจ ภารกิจเกี่ยวกับการสืบสวนคดีลักพาตัวนั้นได้ปรากฏขึ้นบนแถวเมนู
ลู่โจวได้ส่งเสียงเรียกคนในบ้านไปไม่นานมากนักประตูหน้าบ้านก็กำลังจะถูกเปิดขึ้น ประตูนั้นถูกเปิดออกมาอย่างช้าๆ ในตอนนั้นเองชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่แต่งตัวเหมือนกับพ่อบ้านก็ได้มองมายังพวกเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“พวกเจ้ามาหาใครกัน? “
“ท่านพ่อท่านแม่ของข้าอยู่ที่ไหนกัน? ” หยวนเอ๋อตัวน้อยพยายามมองผ่านเข้าไปในประตูเพื่อที่จะมองหาผู้เป็นพ่อและผู้เป็นแม่นั่นเอง
พ่อบ้านที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้แต่ขมวดคิ้ว “เจ้าเป็นใครกันแม่สาวน้อย? พ่อแม่ของเจ้าคงไม่ได้อยู่ที่นี่หรอกนะ”
เพรี๊ยะ!
หยวนเอ๋อได้ใช้มือของเธอตบไปที่หน้าของชายคนนั้น “อย่ามาถามอะไรมากความ! เจ้าน่ะกำลังขวางทางท่านปู่ของข้าอยู่นะ! “
พ่อบ้านคนนั้นได้ใช้มือข้างหนึ่งของเขาจับไปที่แก้มของตัวเอง ตอนนี้ตัวเขากำลังสั่นไปทั้งตัว
ลู่โจวไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ออกมาดี ในตอนนั้นตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกผิดอะไรกับการกระทำของหยวนเอ๋อเช่นกัน บางครั้งการให้ความสำคัญกับพิธีรีตองมากไปอาจจะส่งผลต่อผลลัพธ์ของงานก็เป็นได้
ในตอนนี้หยวนเอ๋อตัวน้อยเป็นเหมือนกับหลายสาวสุดกตัญญู เธอช่วยให้ลู่โจวนั้นเข้าไปที่ในตัวบ้านได้อย่างรวดเร็ว
ในบ้านสกุลซีนั้นมีแต่ความว่างเปล่า ตัวเขานั้นไม่เห็นคนรับใช้แม้แต่สาวใช้สักคนเดียว แม้แต่โต๊ะ, เก้าอี้ รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้นต่างก็ถูกขนออกไปจนหมด ภายในบ้านนั้นมีแต่เพียงความว่างเปล่าหลงเหลืออยู่เพียงเท่านั้น
“ดูเหมือนว่าเรื่องที่เจ้าสี่พูดออกมาจะเป็นเรื่องจริงอย่างงั้นสินะ” ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างแผ่วเบา
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นจึงหันกลับไปพูดกับพ่อบ้านด้วยความโกรธแค้น “เจ้าน่ะมานี่สิ! “
“ฮะ? “
“ท่านพ่อท่านแม่ข้าอยู่ไหนกัน? “
คำถามนี้เองยังคงทำให้สีหน้าของพ่อบ้านคนนี้มีแต่ความว่างเปล่าเช่นเคย หยวนเอ๋อในตอนนี้เติบโตขึ้นมาจากเมื่อก่อนมากแล้ว และเพราะแบบนั้นเธอจึงดูไม่เหมือนกับในตอนที่เธอยังเด็ก ดังนั้นพ่อบ้านคนนี้จึงจดจำเธอไม่ได้นั่นเอง
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้ถามชื่อของพ่อบ้าน “เจ้าน่ะเชื่ออะไรกัน? “
“ขะ…ข้าชื่อหวังฟู่กุ่ย ข้าเป็นพ่อบ้านของบ้านสกุลซีครับ” ชายคนนั้นเอาแต่พูดตะกุกตะกักออกมา ในตอนนั้นเองเขาก็ยังใช้มือข้างหนึ่งจับไปที่แก้มฝั่งที่โดนตบตลอดเวลา
“แล้วซีอันไปไหน? ข้าคิดว่าเขาคนนั้นจะเป็นพ่อบ้านซะอีก? ” หยวนเอ๋อจำได้เพียงชายคนนั้นที่ขึ้นภูเขาทองไป ชายคนที่ไปขอความช่วยเหลือกับท่านอาจารย์นั่นเอง
“พะ…พวกเขาถูกลักพาตัวไปหมดแล้วครับ”
“เด็กคนนี้ก็คือซีหยวนเอ๋อ เธอเป็นนายน้อยของบ้านสกุลซียังไงล่ะ” ลู่โจวได้ชี้ไปยังหยวนเอ๋อก่อนที่จะแนะนำตัวเธอขึ้น
“ฮะ? “
หวังฟู่กุ่ยได้กลืนน้ำลายและมองหยวนเอ๋อตั้งแต่จากบนลงล่าง ในตอนนั้นเองภายในช่วงเวลาสั้นๆ เท่านั้น ดวงตาของพ่อบ้านคนนี้ก็ได้เปล่งประกายออกมา “คุณหนู! ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว! ข้ามีชื่อว่าหวังฟู่กุ่ย! “
“หวังฟู่กุ่ย? ” หยวนเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นได้เกาหัวตัวเอง
“เรามาคุยกันก่อนเถอะ”
ภายในห้องโถงหลักของบ้านสกุลซี
หลังจากที่ได้ฟังคำอธิบายเกี่ยวกับสถานการณ์ในตอนนี้ไป ลู่โจวและหยวนเอ๋อก็รู้แล้วว่าสมาชิกส่วนใหญ่ของบ้านสกุลซีได้ถูกลักพาตัวจนไปจนหมด พวกเขาทั้งหมดถูกลักพาตัวไปโดยสมาชิกของแก๊งริมทะเลสาบ ในตอนนี้ไม่มีใครรู้ภูมิหลังของแก๊งนี้เลย แม้ว่าใครที่เป็นผู้บงการหรือแม้แต่แก๊งนี้อาศัยอยู่ที่ไหน ในตอนนี้ก็ไม่มีใครล่วงรู้ได้
และเนื่องจากบ้านสกุลซีถูกลักพาตัวถึงสองครั้งติดต่อกัน ในตอนนี้จึงไม่มีใครกล้าที่จะรับงานจากพวกเขาเลย ดังนั้นคนรับใช้ทั้งหมดรวมไปถึงสาวใช้ต่างก็หนีไปพร้อมกับของมีค่าในบ้าน หวังฟู่กุ่ยเป็นคนสุดท้ายที่อยู่ในบ้านหลังนี้
“ทำไมเจ้าไม่ไปแจ้งให้กับทางการล่ะ? ” ลู่โจวได้ถามออกมา
“ข้าได้ไปแจ้งแล้ว แต่ดูเหมือนว่าทางการจะไม่พบร่องรอยใดๆ เลย ทุกคนในบ้านสกุลซีต่างก็ถูกลักพาตัวไป มีเพียงคนที่ทำงานอยู่ที่ด้านนอกเท่านั้นที่ไม่ถูกลักพาตัวไป ตัวข้าโชคดีหนีมาได้น่ะ”
“แล้วทำไมเจ้าไม่หนีไปล่ะ? ” หยวนเอ๋อได้ถามขึ้นมา
“ครอบครัวสกุลซีดูแลตัวข้าดีมาโดยตลอด ข้าจะอยู่และตายที่นี่ในฐานะที่เป็นคนสกุลซี”
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้กล่าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม “เจ้าน่ะจงรักภักดีมาก โชคดีที่หยวนเอ๋อไม่ได้ฆ่าเจ้าไปซะก่อน”
หวังฟู่กุ่ยที่ได้ฟังมาถึงตอนนี้ก็รู้สึกเจ็บปวดได้ที่ใบหน้าของเขาอีกครั้ง หลังจากนั้นเขาก็พูดออกมาอย่างอายๆ ว่า “ตัวข้าสมควรโดนตบแล้วนายน้อย”
“เจ้าจะต้องเก็บเรื่องที่หยวนเอ๋อกลับมาไว้เป็นความลับซะ ข้าจะตรวจสอบการลักพาตัวและช่วยเหลือพวกเขาทั้งหมดกลับมาเอง” ลู่โจวพูดขึ้น
“ฮะ? “
แม้ว่าลู่โจวเดิมทีจะมีอายุที่ไม่ได้มากมายอะไรเลย แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ดูแก่เกินวัย นอกเหนือจากการวางท่าที่เกินไปของตัวเขาแล้ว ตอนนี้รูปร่างของตัวเขาเป็นเพียงชายชราที่พร้อมจะล้มลงไปกับพื้นได้ทุกเมื่อ หวังฟู่กุ่ยในอดีตนั้นเคยได้ยินมาจากพ่อของหยวนเอ๋อมา เขารู้ดีว่าหยวนเอ๋อนั้นถูกส่งออกไปจากบ้านแต่ไม่รู้ว่าถูกส่งไปที่ไหนกัน การส่งหยวนเอ๋อนั้นมีจุดประสงค์อะไรกันแน่
“พวกเราไปกันเถอะ! “
หวังฟู่กุ่ยในตอนนี้ไม่แม้แต่จะกล้าถามคำถามลู่โจวออกไป แม้ว่าเขาจะดูเหมือนเป็นชายชราธรรมดาๆ แต่ถึงแบบนั้นชายคนนี้ก็เป็นที่เคารพของหยวนเอ๋อมาก ดังนั้นแล้วเขาจึงทำได้เพียงปล่อยให้ลู่โจวจากไปโดยไม่ถามอะไร
“หยวนเอ๋อ! “
“ค่ะ? ท่านอาจารย์”
“ไปที่สมาคมมังกรฟ้าในวันพรุ่งนี้เช้าซะ ถามเจ้าพวกนั้นว่าใครกันคือแก๊งที่เรียกตัวเองว่าแก๊งริมน้ำ”
“จำเอาไว้ด้วยล่ะว่าอย่าเปิดเผยตัวตนให้ใครได้ล่วงรู้”
“เข้าใจแล้วค่ะท่านอาจารย์”
ทันทีที่ลู่โจวได้มอบหมายงานเสร็จ ตอนนั้นเองเขาก็ได้รับการแจ้งเตือนจากระบบเข้า
“ติ้ง! ภารกิจสนับสนุนด้วนมูเฉิงสำเร็จ คุณได้รับรางวัล 200 แต้มบุญ”
หมิงซี่หยินทำภารกิจสนับสนุนเสร็จแล้วและกำลังจะกลับไปซ่อมแซมม่านพลังอย่างงั้นสินะ
ลู่โจวได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงในระบบ เมื่อตัวเขาได้ออกจากภูเขาทองไป งานที่ตัวเขาได้มอบหมายให้ศิษย์ทั้งสองคนทำต่อนั่นก็คือการซ่อมแซมม่านพลัง แต่ถึงแบบนั้นมีเพียงหมิงซี่หยินคนเดียวเท่านั้นที่กำลังทำงานอยู่ ในตอนนี้จึงมีความเป็นไปได้เดียวเท่านั้น ด้วนมูเฉิงกำลังบาดเจ็บอย่างแน่นอน
ในตอนนั้นเองที่ภูเขาทอง…
หมิงซี่หยินในตอนนี้กำลังยืนอ่านจดหมายให้กับด้วนมูเฉิงที่กำลังนอนอยู่บนเตียงได้ฟัง จดหมายนี่เองเป็นจดหมายมาจากหยวนเอ๋อ พวกเขาทั้งสองต่างก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลย ท่านอาจารย์ออกไปจากภูเขาเนี่ยนะ! ท่านกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่? “
ด้วนมูเฉิงที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ไอก่อนจะพูดออกมา “บางทีท่านอาจารย์อาจจะอยู่บนภูเขานานไปแล้วก็ได้ ดังนั้นเขาก็เลยอยากจะออกไปเดินเล่นน่ะ แต่ถึงแบบนั้นท่านอาจารย์ก็ไม่อยากที่จะเปิดเผยตัวตนของเขา”
“นั่นมันก็สมเหตุสมผลอยู่นะ…ท่านอาจารย์นั้นแปลกไปมาก ข้าน่ะเดาไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่” หมิงซี่หยินได้พูดออกมาพร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่
“ในอดีตที่ผ่านมาท่านอาจารย์นั้นเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบใช้สมองเท่าไหร่นัก ดังนั้นกลอุบายจึงเป็นทางเลือกเพียงหนึ่งเดียวที่จะใช้ต่อกรกับพลังอันยิ่งใหญ่ของเขาได้”
“บางที”
“บางทีงานซ่อมแซมม่านพลังที่เหลือเจ้าจะต้องทำด้วยตัวเองแล้วล่ะศิษย์น้อง ข้ากลัวว่าอาการบาดเจ็บของข้าอาจจะไม่หายดีภายใน 3-5 เดือนนี้”
“ไม่มีทาง! “