My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 263
เคล็ดวิชาหยกเจิดจรัสเป็นเคล็ดวิชาที่มีวิธีการฝึกฝนที่น่าสนใจ เพราะแบบนั้นจ้าวยู่จึงเลือกที่จะฝึกฝนมันตามลำพัง
ถ้าหากนางพยายามที่จะเดินพลังลมปราณทั้งหมดอย่างเต็มที่ ผิวหนังบนร่างกายของนางก็จะเปลี่ยนไปจนดูคล้ายกับของโปร่งใส รอบๆ ร่างกายของนางก็จะถูกห่อหุ้มไปด้วยหมอกเย็นๆ พลังที่อยู่รอบกายของนางจะทำหน้าที่แลกเปลี่ยนระหว่างความร้อนและความเย็นให้กับร่างกาย
เห็นได้ชัดว่าจ้าวยู่กำลังพบกับอุบัติเหตุนิดๆ หน่อยๆ วิธีการฝึกฝนตนเองของนางไม่มีอะไรแปลกไป นางก็แค่ใจร้อนและอยากเห็นผลลัพธ์มากไป ถ้าหากไม่มีพลังคอยนำความอบอุ่นเข้าสู่ร่างกายให้มากพอ ร่างกายของนางก็จะเจ็บปวดเพราะความเย็นที่มีมันมากเกินไป
ลู่โจวที่ยืนอยู่ตรงหน้าจ้าวยู่ได้แต่ถอนหายใจออกมา “เหตุผลคืออะไรกัน? “
“ศิษย์ทำพลาดไป…ศิษย์ไม่ควรกังวลกดดันตัวเองมากไปถึงเรื่องฝึกตนเลย” จ้าวยู่ได้ถามออกมาในระหว่างที่ก้มหน้าให้
“แค่นั้นเองหรอ? “
“ศิษย์…ศิษย์ไม่กล้าพูด” จ้าวยู่พูดติดๆ ขัดๆ
“พูดออกมาซะ”
จ้าวยู่พยักหน้าให้แม้ว่านางจะตกใจมากแค่ไหนก็ตาม “ศิษย์เองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นับตั้งแต่ที่ศิษย์ได้รับวิธีการฝึกฝนตัวเองมาอย่างสมบูรณ์แบบ พลังลมปราณที่มีอยู่ภายในร่างกายก็เริ่มปั่นป่วน ศิษย์ไม่สามารถฝึกฝนตัวเองให้ก้าวหน้าไปได้เหมือนแต่ก่อนแล้ว”
ลู่โจวรู้สึกงุนงงเช่นกันเมื่อได้ฟังแบบนั้น ในตอนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับเหล่าศิษย์สาวกของเขาเลยแท้ๆ ในความเป็นจริงแล้วศิษย์คนอื่นๆ ต่างก็ฝึกฝนตัวเองไปอย่างรุดหน้าหลังจากที่ได้รับวิธีการฝึกฝนที่สมบูรณ์แบบไป จ้าวยู่เองได้เข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้าก่อนที่หยวนเอ๋อจะเข้าซะด้วยซ้ำไป แม้ว่านางจะไม่ได้มีพรสวรรค์เท่ากับหยวนเอ๋อแต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่ควรที่จะถูกทิ้งเอาไว้ล้าหลังขนาดนี้
“อย่าขยับ” ลู่โจวได้ยกมือขึ้นมา ในตอนนั้นพลังลมปราณอันอ่อนโยนก็ได้ครอบคลุมฝ่ามือของเขาเอาไว้ ตัวเขาได้ซัดพลังฝ่ามือนั้นไปบนร่างกายของจ้าวยู่
อย่างที่ลู่โจวได้คาดการณ์เอาไว้ เมื่อพลังลมปราณของตัวเขาเข้าไปที่เส้นพลังลมปราณทั้งแปดจุดของจ้าวยู่ พลังของความเย็นก็พยายามที่จะขับไล่พลังลมปราณของลู่โจวให้ออกมา
นี่มันต้องมีอะไรผิดพลาด มันไม่ใช่พลังความเย็นที่ควรจะมีอยู่ในเคล็ดวิชาหยกเจิดจรัส สิ่งนี้ดูเป็นเอกลักษณ์และแปลกประหลาดมาก ดูเหมือนว่ามันจะอยู่ในตัวนางมานานแล้ว
ลู่โจวได้ยกฝ่ามือขึ้นมาอีกครั้ง “เงยหน้าขึ้นซะ”
แม้ว่าอารมณ์ของลู่โจวจะแตกต่างไปจากเดิมมาก แต่ท่าทางโอ่อ่าของลู่โจวก็ยังทำให้จ้าวยู่ผู้เป็นลูกศิษย์รู้สึกประหม่าเหมือนเดิมอยู่ดี หลังจากนั้นครู่หนึ่งนางก็ได้เงยหน้าขึ้นมา
ลู่โจวได้พูดต่อไป “ข้ามีอะไรที่อยากจะถามเจ้าสักหน่อย ก่อนที่เจ้าจะเข้าร่วมศาลาปีศาจลอยฟ้าเจ้าเคยฝึกเคล็ดวิชาอะไรมาก่อนไหม? “
จ้าวยู่ส่ายหัวก่อนที่จะตอบกลับมา “ไม่ค่ะ”
“อย่ามาโกหกข้า”
ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ถ้าหากจ้าวยู่โกหกลู่โจวจะต้องจับได้แน่
จ้าวยู่รู้สึกหวาดกลัวมากเมื่อเห็นสายตาของลู่โจว สายตาของเขามันเต็มไปด้วยความโกรธอันเกรี้ยวกราด นางไม่กล้าที่จะโกหกแน่ “ศิษย์พูดความจริง! “
ลู่โจวพยักหน้า ตัวเขาได้ลูบเคราก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าให้เคล็ดวิชาหยกเจิดจรัสไปทั้งหมดแล้ว ในตอนนี้เจ้าฝึกไปถึงขั้นไหนแล้วกัน? “
จ้าวยู่ได้ตอบกลับมา “ศิษย์โง่เขลาเอง ศิษย์เพิ่งจะฝึกฝนได้ถึงระดับหกเท่านั้น ศิษย์ยังไม่คุ้นเคยกับขั้นที่เจ็ดเลย ส่วนขั้นที่แปดและขั้นที่เก้ายากเกินกว่าที่ศิษย์จะทำความเข้าใจได้ ในตอนนี้ศิษย์เองยังไม่มีเวลาฝึกฝนตัวเองให้มากพอ”
ในตอนนี้เคล็ดวิชา 2 ขั้นสุดท้ายที่เหลืออยู่เหนือระดับของจ้าวยู่มากเกินไป ต้นตอของเรื่องทั้งหมดก็คงจะเป็นเพราะจ้าวยู่มีพลังวรยุทธที่ไม่มากพอ
พิษเย็นที่อยู่ในร่างกายของนางถือเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้นางไม่อาจที่จะฝึกฝนตัวเองจนรุดหน้าได้
“ลองคิดดูอีกครั้ง ก่อนที่เจ้าจะฝึกฝนเคล็ดวิชาหยกเจิดจรัส เจ้าได้เคยพบกับผู้ฝึกยุทธคนอื่นและได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาที่ไม่รู้จักตามเขาหรือไม่? หรือเจ้าได้รับบาดเจ็บมากัน? ” ลู่โจวได้ถามออกมา
ต้นกำเนิดของพิษเย็นที่อยู่ในร่างกายยังคงเป็นปริศนา ไอพิษที่อยู่ในร่างกายของนางยังไหลออกจากร่างกายก่อนที่จะหายไปในชั้นบรรยากาศ
จ้าวยู่ไม่ได้มีความสามารถหรือพรสวรรค์เหมือนกับศิษย์ทั้งทั้งหลายที่เหลือ แต่ถึงแบบนั้นนางก็ยังมีความสามารถมากกว่าคนทั่วไปอยู่ดี ถ้าหากนางได้รับการฝึกฝนตัวเองอย่างถูกวิธีตั้งแต่แรก นางก็คงจะไม่ติดอยู่ที่เดิมเหมือนอยู่แบบนี้ เป็นไปได้ว่าพิษเย็นที่อยู่ภายในร่างกายอาจจะเกิดจากใครคนอื่น
จ้าวยู่ในตอนนั้นกำลังใช้ความคิดอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นไม่นานนางก็ได้พูดออกมาเบาๆ “ในตอนที่ศิษย์อายุได้ 9 ขวบ ศิษย์ได้เข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้าเข้า…มีหลายอย่างที่เกิดขึ้น แต่ความทรงจำของศิษย์ก็เลือนรางเกินกว่าที่จะจำได้แน่ชัด”
“แล้วก่อนหน้านั้นล่ะ? ” ลู่โจวได้ถามต่อ
การที่จะนึกถึงเรื่องหลังที่เข้าร่วมศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ยังเป็นเรื่องที่ง่ายกว่า แต่ถึงแบบนั้นถ้าหากนางลองนึกย้อนดูดีๆ จ้าวยู่อาจจะจดจำอะไรบางอย่างที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้
จ้าวยู่นิ่งเงียบไป ในตอนนี้นางดูลนลานไม่เหมือนเดิม
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดออกมา “เจ้ากำลังปิดบังอะไรข้าเอาไว้สินะ? “
“ศิษย์ไม่กล้า! “
จ้าวยู่ก้มหน้าลงไปก่อนที่จะพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “มีใคร…มีใครบางคนบอกกับศิษย์เอาไว้…ใคร…ใครคนนั้นบอกว่าศิษย์มาจากพระราชวัง แต่ถึงแบบนั้นศิษย์ไม่ก็คิดเชื่อ” หลังจากพูดจบจ้าวยู่ก็ยังคงส่ายหัวปฏิเสธอยู่อย่างงั้น
“ใครกันที่บอกเจ้าเรื่องนี้” ลู่โจวได้ถามออกมา
“ศิษย์เองก็ไม่รู้จักเขา ศิษย์บอกได้แค่ว่าเขาเป็นขุนนาง บางทีเขาอาจจะเป็นขุนนางที่มาจากพระราชวังเช่นกัน…ในตอนที่พบกับศิษย์น้องยี่เทียนซินในตอนนั้น ศิษย์ได้พบกับคนคนนั้นที่หุบเขาตะวันฟ้า…หลังจากเรื่องนั้นท่านอาจารย์ก็รู้เรื่องทุกอย่างดี” จ้าวยู่ได้ตอบกลับ
ลู่โจวไม่ลืมว่ายี่เทียนซินทำอะไรกับตัวเขาเอาไว้ ยี่เทียนซินได้พากลุ่มผู้ฝึกยุทธจำนวนหนึ่งดักซุ่มโจมตีเขาที่หุบเขาตะวันฟ้านั่นเอง
ยี่เทียนซินอาจจะเป็นศิษย์คนที่กล้าหาญที่สุดแล้ว ตอนนี้ลู่โจวไม่ได้คิดเรื่องนี้อีกแล้ว ตัวเขากำลังสงสัยมากกว่าว่ายี่เทียนซินที่ถูกขับไล่ออกไปจากศาลาปีศาจลอยฟ้าในตอนนี้ยังมีชีวิตอยู่ไหม
“ถ้าหากเจ้ามาจากพระราชวังจริง งั้นพวกเราก็ควรที่จะเริ่มตรวจสอบจากพระราชวังก่อน” ลู่โจวได้พูดออกมา
จ้าวยู่เองก็มีโอกาสที่จะไปพระราชวังก่อนหน้านี้ แต่ถึงแบบนั้นนางก็ได้มอบโอกาสให้กับหมิงซี่หยินไปแทน
“ศิษย์จะทำตามกฎของศาลาปีศาจลอยฟ้า ศิษย์จะตัดขาดความสัมพันธ์ที่มีในอดีตไป ศิษย์ไม่กล้าที่จะฝ่าฝืนกฎของพวกเรา” จ้าวยู่พูดออกมา
“ถ้าหากคาดไม่ผิดพิษเย็นที่เจ้าได้รับมาคงจะเป็นพลังที่มาจากฝ่ามือหยินแห่งความมืดไม่ผิดแน่…มันคือพลังของลัทธิเต๋าด้านมืด เจ้าไม่รู้เรื่องนี้เลยอย่างงั้นหรอ? “
จ้าวยู่ส่ายหัวปฏิเสธไป
สายตาของลู่โจวได้จ้องไปที่จี้หยกที่ห้อยอยู่บนเอวของจ้าวยู่ ตัวเขานึกถึงในตอนที่รับนางเข้ามาเป็นลูกศิษย์ใหม่ๆ จี้หยกอันนี้คือจี้หยกที่ติดตัวนางมาตั้งแต่ยังเด็ก ตอนนี้ลู่โจวกำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่ เรื่องนี้มันชักจะยิ่งน่าสงสัยเพิ่มขึ้นมาแล้ว ถ้าหากนางไม่ได้มาจากตระกูลสูงศักดิ์จริงก็คงจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีจี้หยกล้ำค่าติดตัวอยู่แบบนี้
“มีใครอยู่ไหม”
“ค่ะ ท่านปรมาจารย์? ” ผู้ฝึกยุทธหญิงคนหนึ่งได้เดินเข้ามาจากด้านนอก
“ไปพาฮั๊วยู่จิงมาซะ”
“ค่ะ ท่านปรมาจารย์”
ไม่นานหลังจากนั้นฮั๊วยู่จิงก้ได้เดินทางมาถึงศาลาทางใต้ เมื่อนางมาถึงด้านนอกห้องจ้าวยู่ นางก็โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านปรมาจารย์! “
ลู่โจวได้ถามในทันที “เจ้าอยู่ในพระราชวังมานานเท่าไหร่แล้ว? “
“ข้าอยู่ในพระราชวังไม่ถึงหนึ่งปี ท่านปรมาจารย์”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมาเจ้าได้พบกับขุนนางชั้นสูงผู้มีวิชาฝ่ามือหยินแห่งความมืดบ้างไหม? “
“ฝ่ามือหยินแห่งความมืดอย่างงั้นหรอ? ” ฮั๊วยู่จิงที่ได้ยินแบบนั้นรู้สึกสับสน นางได้แต่ส่ายหัวก่อนที่จะตอบกลับไป “ข้าไม่เคยเจอคนแบบนี้มาก่อนเลย…ในพระราชวังมีเหล่าขุนนางมากมายหลายคนที่เป็นยอดฝีมือในหลากหลายวิชาด้วยกัน ถ้าหากจะมีใครสักคนที่เชี่ยวชาญการใช้พลังฝ่ามือหยินแห่งความมืดอยู่ที่นั่นก็คงจะไม่ใช่เรื่องแปลกเลย”
คำตอบนี้ไม่ได้ต่างอะไรจากการไม่มีคำตอบ
“ลืมมันไปซะเถอะ…เอาล่ะเจ้าไปได้แล้ว” ลู่โจวได้โบกมือ
“ข้าน้อยขอตัวก่อน” ฮั๊วยู่จิงหันไปรอบๆ ก่อนที่จะออกจากศาลาทางใต้ไป เมื่อออกจากศาลานางก็ได้พึมพำอะไรบางอย่างออกมา “ท่านปรมาจารย์ช่างอ่อนโยนจริงๆ …”
ลู่โจวได้กลับไปยังห้องของจ้าวยู่ก่อนที่จะจ้องมองใบหน้าอันซีดเผือดของนาง “ลุกขึ้นนั่งซะเถอะ”
เมื่อจ้าวยู่ได้ยินแบบนั้นนางก็รู้สึกดีใจ นางรีบก้มหน้าก่อนที่จะพูดออกมา “ขอบคุณท่านอาจารย์! “
ค่าความจงรักภักดี +5%
จ้าวยู่ได้นั่งขัดตะหมาดอยู่ก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเร่งรีบ
พลังวรยุทธของลู่โจวอยู่ที่ระดับเต๋าควบคุมของขั้นศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น แต่สำหรับจ้าวยู่นางได้ฝึกฝนตัวเองจนอยู่ที่ระดับเต๋าผสมผสานของขั้นศักดิ์สิทธิ์แล้ว มันเป็นพลังที่อยู่สูงกว่าที่พลังลู่โจวมี ถ้าหากนางไม่สามารถขับไล่พิษเย็นได้ ลำพังตัวลู่โจวก็คงจะไม่สามารถทำได้เช่นกัน ด้วยเหตุนี้เองลู่โจวจึงพยายามใช้พลังพิเศษ แม้ว่าจะล้มเหลวแต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้เสียอะไร
“อย่าขยับไปไหน”
“ค่ะ”
ลู่โจวยกฝ่ามือขึ้นมา ในตอนนั้นเองพลังลมปราณของเขาก็ได้โอบล้อมฝ่ามือเอาไว้ มันเป็นพลังที่เหมือนกับกระแสน้ำ ในตอนนั้นเองลู่โจวก็รู้สึกได้ถึงพลังพิเศษที่มาจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ได้ มันได้ผสานเข้ากับพลังลมปราณของเขาที่อยู่ในมือ
พรึ๊บ!
พลังลมปราณได้ไหลเข้าสู่ร่างกายของจ้าวยู่ผ่านเส้นพลังลมปราณทั้งแปดเข้าสู่ร่างกายไป
จ้าวยู่ได้กระอักเลือดออกมาทันทีที่ถูกพลังฝ่ามือเข้าไป แม้ว่าจะเจ็บปวดแต่นางก็เก็บความเจ็บปวดนี้ไว้ นางไม่ได้ขยับหนีหรือแม้แต่จะมีท่าทีต่อต้านใดๆ
ตามที่คาดการณ์ พิษเย็นที่อยู่ในร่างกายของจ้าวยู่ได้ตอบโต้ในทันที ลู่โจวที่สัมผัสได้แบบนั้นก็ได้พูดขึ้นมาอย่างไร้อารมณ์ “เตรียมพร้อมให้ดี….พิษเย็นที่อยู่ในตัวของเจ้ากำลังที่จะพยายามตอบโต้กลับมาอย่างงั้นสินะ? “