My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 278
ลู่โจวมองไปที่ดวงอาทิตย์ ท่ามกลางความอบอุ่นของแสงอาทิตย์ ตัวเขาก็ได้เหยียดแขนออกมาก่อนที่จะเดินไปยังกลางลานบ้าน
ฉินจานและคนอื่นๆ ต่างก็เบิกตากว้างด้วยความหวาดกลัว ในตอนนี้พวกเขายืนนิ่งจนไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวได้อีกต่อไป ฉินจานไม่สามารถควบคุมร่างกายให้หยุดสั่นได้เลย
ลู่โจวในตอนนี้ยังคงมีสีหน้าไร้อารมณ์เช่นเคย ที่ใบหน้าของเขาไม่มีวี่แววของความโกรธแม้แต่น้อย สีหน้าที่เรียบเฉยเกินไปทำให้ใบหน้าของลู่โจวดูน่ากลัวยิ่งกว่าคนโกรธ
นี่ถือเป็นความผิดพลาดที่ไม่อาจให้อภัยได้ ฉินจานได้แต่เสียใจ
หยวนเอ๋อได้วิ่งตามมาจากด้านหลังของลู่โจว นางหัวเราะคิกคักก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านอาจารย์ ศิษย์จะนวดหลังให้ท่านทุกวันเอง”
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองด้วยความพึงพอใจ สาวน้อยคนนี้อย่างน้อยๆ ก็มีค่าพอที่จะสั่งสอน ‘สาวน้อยคนนี้กำลังเติบโตไปในทางที่ดีแล้วสินะ’
พรึ๊บ!
ฉินจานไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป ตัวเขาได้แต่คุกเข่า
ฉินโจและฉินรู่ปิงที่เพิ่งมาถึงต่างก็ตกตะลึง แม้ว่าจะไม่รู้เหตุผลแต่ถึงแบบนั้นพวกเขาทั้งคู่ก็เลือกที่จะคุกเข่าลงบนพื้นตาม
บรรยากาศที่ลานบ้านได้เปลี่ยนไปแล้ว มันเต็มไปด้วยบรรยากาศอันตึงเครียด ในที่สุดลู่โจวก็เป็นผู้ทำลายความเงียบสงบ “เจ้ารายงานให้กับใครกัน? “
“ข้าน้อยไม่กล้า! ” ฉินจานตอบกลับก่อนที่จะโค้งคำนับให้ เรื่องนี้เกี่ยวพันกับชีวิตของตัวเขารวมไปถึงญาติพี่น้องทั้งหมด
เมื่อได้ยินแบบนั้นลู่โจวก็ได้ถามออกมา “เจ้าศิษย์ทรยศของข้า ยู่เฉิงไห่…เสนออะไรให้กับเจ้ากัน? ” ก่อนที่ลู่โจวจะเปิดเผยตัวเองก่อนหน้านี้ ตัวเขาก็คาดคิดเอาไว้แล้วว่าฉินจานอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับยู่ฉางตง เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าฉินจานจะเกี่ยวข้องกับยู่เฉิงไห่แบบนี้
ฉินจานได้พูดตอบกลับมา “ท่านผู้อาวุโส…ได้โปรดให้ความยุติธรรมกับข้าด้วย พวกเราเป็นเพียงสหายกันเท่านั้น”
“สหาย? “
“ข้าไม่เคยคิดที่จเป็นศัตรูกับศาลาปีศาจลอยฟ้ามาก่อนเลย! ถ้าหากคำพูดของข้ามีคำโกหกแม้แต่คำเดียว ข้าขอตายอย่างเวทนาจะดีกว่า! ” ฉินจานได้พูดออกมาอย่างจริงจัง
ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะพูดขึ้น “ยู่เฉิงไห่อยากให้เจ้าทำอะไรกัน? “
“ข้ามีหน้าที่ส่งข่าวของเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์และพระราชสำนักไปให้เขาเท่านั้น ข้าได้ติดหนี้บุญท่าน ท่านผู้อาวุโส ข้าไม่คิดที่จะทรยศต่อศาลาปีศาจลอยฟ้าแน่! ” ฉินจานได้พูดออกมาก่อนที่จะโค้งคำนับให้อย่างสุดตัว
“การที่เจ้าช่วยศิษย์ทรยศนั่น เจ้าได้รับค่าตอบแทนเป็นอะไรกัน? “
“…” ในหัวของฉินจานว่างเปล่า ไม่ว่าจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ยังไงตัวเขาก็ไม่มีทางกลับมาเป็นฝ่ายถูกได้ เพราะแบบนี้ฉินจานจึงไม่กล้าที่จะลุกขึ้น
พ่อบ้านของฉินจานอย่างหงฟู่เองได้รวบรวมความกล้าทั้งหมดก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าน้อยเป็นผู้พูดเรื่องทั้งหมดเอง…ให้ข้าน้อยได้ชดใช้มันด้วยชีวิตเถอะ ข้าจะชดเชยกับสิ่งที่ได้พูดออกไปเอง! “
พ่อบ้านคนนี้เป็นคนที่แตกต่างจากคนธรรมดาทั่วไป ตั้งแต่วินาทีที่ลู่โจวมาถึงคฤหาสน์หลังนี้ หงฟู่ก็คอยดูแลตัวเขาเป็นอย่างดี พ่อบ้านคนนี้เป็นคนที่ทั้งฉลาดและสามารถอ่านสถานการณ์ได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้นลู่โจวจึงรู้สึกประทับใจพ่อบ้านคนนี้เป็นพิเศษ “ตอบมาซะ”
พ่อบ้านชราได้รวบรวมความกล้าทั้งหมดก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านเจ้าสำนักยู่ไม่รู้มาก่อนว่าท่านจะมาที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์…ถ้าหากนายท่านของข้าต้องการที่จะเปิดเผยข้อมูลเรื่องนี้จริงๆ เขาก็คงจะไม่รอมาถึงวันนี้แน่ เป็นความจริงที่นายท่านของข้าติดต่อกับท่านเจ้าสำนักยู่…แต่ถึงแบบนั้นนายท่านของข้าก็ไม่กล้าที่จะบอกอะไรกับเจ้าสำนักยู่เพื่อให้ศาลาปีศาจลอยฟ้ามีภัยแน่ ภาพของท่านผู้อาวุโสที่อยู่ในคฤหาสน์คอยย้ำเตือนข้าเป็นอย่างดี ข้าจ้องมองดูภาพวาดนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนเก็บไปฝันก็ว่าได้”
สิ่งที่ได้ฟังมันฟังดูน่าอึดอัด ยังไงซะลู่โจวก็เป็นผู้ชาย ตัวเขากำลังนึกภาพพ่อบ้านคนนี้จ้องมองภาพวาดของชายหนุ่มซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ แค่คิดถึงลู่โจวก็รู้สึกอึดอัดมากขึ้นแล้ว แต่ถึงแบบนั้นสีหน้าของลู่โจวก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป ตัวเขาจะต้องหาข้อมูลกับฉินจานให้มากกว่านี้
หงฟู่ได้หันไปส่งสัญญาณให้กับคนรับใช้ที่อยู่ข้างๆ คนรับใช้คนนั้นได้กลับเข้าไปที่ห้องโถงคฤหาสน์ก่อนที่จะหยิบภาพวาดออกมาในมือ มันเป็นภาพของลู่โจวนั่นเอง แม้ว่าภาพวาดจะดูเหมือนตัวของลู่โจวมากแต่ถึงแบบนั้นมันก็เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น
หยวนเอ๋อได้รับภาพวาดใบนั้นมา นางได้จ้องมองไปที่ภาพก่อนที่จะยิ้ม “ท่านอาจารย์ ภาพวาดนี่ไม่ได้ดูดีเหมือนกับท่านเลย”
ลู่โจวมองไปที่คำโปรยที่อยู่ด้านล่างภาพ “ท่านอาจารย์ที่เคารพ จีเทียนเด๋า” ที่ด้านล่างมีบทกวีเขียนเอาไว้ ลู่โจวไม่อยากที่จะเสียเวลาอ่าน ตัวเขาได้โบกแขนเพื่อส่งพลังไปยังภาพวาดใบนั้น
ภาพเหมือนได้ถูกกำลังลมปราณทำลายไปจนเหลือแต่ฝุ่นผง
‘เจ้าศิษย์ทรยศนี่กล้าเรียกข้าว่าอาจารย์ที่เคารพได้ยังไงกัน? ‘
“ผู้ที่เกิดมาเพื่อเป็นศัตรูของผืนฟ้า! “
“ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยท่านผู้อาวุโส! ” ฉินจานและหงฟู่ต่างก็คำนับลู่โจว ทั้งสองคนไม่กล้าเคลื่อนไหวไปไหน หน้าผากของพวกเขากระแทกไปที่พื้นอย่างพร้อมเพรียง
เมื่อลู่โจวพูดแบบนั้นออกมา ภายใต้สีหน้าที่ไร้อารมณ์ของตัวเขา ฉินจานและหงฟู่ก็รู้ได้ทันทีว่าผู้อาวุโสคนนี้กำลังโกรธอยู่ บทกวีภายใต้รูปวาดแท้จริงแล้วมีความหมายที่ลึกซึ้ง ตัวเขารู้ดีว่ายู่เฉิงไห่ต้องที่จะครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ภายใต้ผืนฟ้า ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงจะเป็นไปได้ยังไงกันที่ยู่เฉิงไห่จะไม่อยากได้ทรัพย์สมบัติจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไปด้วย?
เมื่อได้ฟังสิ่งที่หงฟู่พูด ลู่โจวก็รู้ว่ามันมีส่วนถูกอยู่บ้าง ถ้าหากฉินจานต้องการที่จะขายข่าวตัวเขาจริงๆ เขาก็คงจะแจ้งยู่เฉิงไห่ไปนานแล้ว ไม่จำเป็นเลยที่จะต้องรอแจ้งข่าวในตอนนี้
“เหตุผลที่ข้าต้องแจ้งข่าวท่านผู้อาวุโสในตอนที่จากไปเป็นเพราะเจ้าสำนักยู่เคยพูดอะไรบางอย่างกับข้าเอาไว้…” หงฟู่ได้พูดเสริม
“เจ้านั่นพูดว่าอะไร? “
“ข้าน้อยไม่กล้าพูด! “
ลู่โจวไม่ได้ตอบกลับ ตัวเขาจ้องไปที่หงฟู่ด้วยสายตาอันแหลมคม ‘ศิษย์คนนี้สมแล้วที่เป็นคนใหญ่คนโต เจ้านี้รู้วิธีที่จะกำจุดอ่อนของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้ได้ แต่ถึงแบบนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเจ้าจะปิดบังอะไรจากข้าได้ เจ้าศิษย์ทรยศ! ‘
ฉินจานได้พูดออกมาอย่างรีบร้อน “ท่านเจ้าสำนักยู่ได้สั่งการเอาไว้ อย่างแรกเขาอยากที่จะให้ท่านผู้อาวุโสใช้เวลาที่เหลืออาศัยอยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างสงบ”
“แล้วคำสั่งอีกอย่างล่ะ? ” หยวนเอ๋อได้ถามออกมาอย่างสงสัย
“ส่วนคำสั่งที่สอง ท่านเจ้าสำนักยู่ได้หวังเอาไว้ว่าท่านจะไม่ถือสากับเรื่องราวที่ผ่านมา…ความเกลียดชังมีแต่จะทำให้ท่านทุกข์ร้อนใจไปซะเปล่าๆ “
ฉินจานที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดเสริม “นั่นคือสิ่งที่เขาพูดจริงๆ “
หยวนเอ๋อรู้สึกงุนงง “เขาหมายความว่าอะไรกัน? “
ในความจริงฉินจานและหงฟู่ไม่เข้าใจคำสั่งที่สองเช่นกัน แต่ถึงแบบนั้นสำหรับลู่โจวที่มีข้อมูลมากมายตัวเขาเข้าใจดี ความหมายแรกนั่นคือยู่เฉิงไห่รู้ว่าความทรงจำที่ลู่โจวมีขาดหายไป ส่วนความหมายอย่างที่สองสื่อถึงการออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าของตัวเขา ยู่เฉิงไห่ดูเหมือนจะมีเหตุผลของตัวเองในการจากศาลาปีศาจลอยฟ้าไป
หลังจากเงียบไปได้ครู่หนึ่งลู่โจวก็ได้พูดออกมา “บอกเจ้าศิษย์ทรยศนั่นให้มาที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ซะ”
เมื่อได้หยินแบบนั้นฉินจานก็เหงื่อแตก “ท่านผู้อาวุโส…แม้แต่ศิษย์คนที่เจ็ดของท่านเองก็ไม่สามารถทำให้เจ้าสำนักยู่มาพบตัวเขาด้วยตัวเองได้ เพราะแบบนั้นคนธรรมดาอย่างข้าก็คงจะทำไม่ได้เช่นกัน”
“ทำไมถึงเป็นแบบนั้นกัน? ” หยวนเอ๋อรู้สึกสงสัยมากกว่าขึ้น
“เอ่อ…ข้าเองก็ไม่อาจทราบได้” ฉินจานตอบกลับมา
เมื่อหงฟู่รู้ว่าบรรยากาศรอบตัวดูจางลงแล้ว ตัวเขาก็ได้พูดออกมา “ได้โปรดไว้ชีวิตนายท่านด้วยท่านผู้อาวุโส! “
เสียงของหงฟู่ได้ดังไปทั่วคฤหาสน์
ลู่โจวได้พูดขึ้น “ข้าไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล…ในเมื่อเจ้ากล้าเอ่ยปากมาแบบนี้ ข้าก็จะไว้ชีวิตฉินจานเอาไว้ให้”
“ขอบคุณท่านผู้อาวุโส! ” ฉินจานได้โค้งคำนับให้อย่างสุดตัว
“ติ้ง! ได้รับการสวามิภักดิ์ 15 คน ได้รับแต้มบุญ 200”
แม้ว่าจะได้รับการแจ้งเตือนจากระบบ สีหน้าของลู่โจวยังคงไร้อารมณ์อยู่ดี “แต่…” ลู่โจวได้พูดออกมา น้ำเสียงของเขาดูเปลี่ยนแปลงไป “แต่เจ้าจะต้องไปอยู่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าชั่วคราว”
“หะ? ” ทุกๆ คนที่ได้ยินแบบนั้นต่างก็ไม่เข้าใจความหมาย
เนื่องจากฉินจานได้ติดต่อกับยู่เฉิงไห่ เป็นธรรมดาที่เขาจะต้องรู้จักยู่เฉิงไห่ ลู่โจวจะไม่มีวันปล่อยแหล่งข้อมูลเช่นนี้ให้หลุดรอดไปได้แน่
ฉินจานดูเหมือนจะเข้าใจความคิดของลู่โจว ตัวเขาได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมา “ข้ายินดีที่จะรับใช้ท่าน ข้าจะบอกข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับท่านเจ้าสำนักยู่ให้กับท่านเอง”
ในตอนนี้มีผู้ฝึกยุทธกว่าหลายสิบคนบินมาจากท้องฟ้า
ตามกฎหมายที่มี การจะบินอยู่บนท้องฟ้าเหนือเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นเรื่องผิดกฎหมาย จะมีแต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตเป็นพิเศษหรือองครักษ์ประจำเมืองเท่านั้นที่จะทำได้
การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของเหล่าผู้ฝึกยุทธได้ทำให้ฝูงคนต่างหันไปมอง
“หยวนเอ๋อ”
“ค่ะท่านอาจารย์”
“พาเขาไปซะ”