My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 282
การที่ทุกคนมาถึงที่นี่ก็เพื่อที่อยากจะเสี่ยงโชคที่จะได้รับดาบดีๆ ทำไมทุกคนถึงจะต้องตั้งแถวกันด้วยล่ะ? แม้แต่เจียงอาเฉียนเองก็ยังรู้สึกสับสน
ฉินจานได้พูดออกมาด้วยรอยยิ้ม “ที่นี่มีคนมากไป มีสำนักใหญ่ถึงสี่จากสิบสำนักต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่ เป็นธรรมดาที่จะต้องมีการจัดลำดับความสำคัญ สำนักย่อยที่เหลือจะต้องรวมกลุ่มกันเอง สำนักฝ่ายธรรมะอันสูงส่งรู้ดีว่าต่างคนต่างหาทางออกเป็นอะไรที่ไร้ค่า ท้ายที่สุดแล้วถ้าหากไม่สามารถที่จะบรรลุเป้าหมายได้ก็คงจะมีแต่การร่วมมือเท่านั้นที่เป็นทางออก”
มีผู้ฝึกยุทธคนหนึ่งได้ลอยอยู่เหนือกลุ่มผู้ฝึกยุทธที่มารวมตัวกัน ดูเหมือนว่าเขาคนนี้จะเป็นผู้ที่ได้รับเลือกให้กลายเป็นผู้นำสำหรับการรวมตัวในครั้งนี้ไป เขาคนนี้จะเป็นผู้ประสานการโจมตีของทุกคนให้เป็นหนึ่งเดียว
ในตอนนั้นเองดาบมากมายหลายเล่มที่อยู่ล้อมรอบหลุมฝังศพขนาดยักษ์ก็ได้รวมตัวกันก่อนที่จะพุ่งหาฝูงชน
“โจมตีกลับไปซะ! “
พลังฝ่ามือทั้งหลาย, คลื่นพลังดาบ ทุกสิ่งทุกอย่างได้ถาโถมเข้าใส่การโจมตีจากดาบมากมายหลายเล่ม
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
เจียงอาเฉียนที่ได้เห็นแบบนั้นรู้สึกมีความสุขมาก “ข้าต้องบอกเลยว่าคนพวกนี้ฉลาดหลักแหลมจริงๆ คงจะมีแต่การร่วมมือเท่านั้นที่จะฝ่าเข้าไปได้”
หลังจากที่โจมตีโต้กลับไปหลายรอบ ดาบที่รวมกลุ่มกันก็เริ่มตกลงสู่พื้นเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าจะมีดาบเก่าร่วงลงไป แต่กระแสพลังที่อยู่รอบกลุ่มดาบก็ยังจะดึงดาบเล่มใหม่ออกมาจากสุสานดาบอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดแล้วก็มีดาบเล่มใหม่โคจรรอบกลุ่มดาบเดิม
คนที่สร้างม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดจะต้องเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอน ม่านพลังป้องกันนี้เป็นพลังที่สามารถใช้ดาบทั้งหมดที่มีอยู่ในสุสานเพื่อกำจัดศัตรู
“หยุดเร็วเข้า! ” ผู้ฝึกยุทธที่กำลังสั่งการตะโกนออกมา “เตรียมพร้อมสำหรับระลอกใหม่ซะ…”
ฉินจานที่เห็นดาบชุดใหม่กำลังจะโจมตีเข้าใส่ ตัวเขาได้แต่ส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าพวกนั้นอย่างมากก็หยุดดาบได้แค่จำนวนหนึ่งเท่านั้น เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้สร้างม่านพลังแห่งดาบจะไม่คำนึงถึงเรื่องนี้ เมื่อจำนวนดาบในม่านพลังลดลง พลังจากม่านพลังก็จะดึงดาบกลับมาใช้อยู่ดี”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเจียงอาเฉียนก็กำดาบของตัวเองเอาไว้แน่น ‘ถ้าหากข้ารู้เรื่องนี้ข้าก็คงจะไม่เอาดาบคีตะมังกรนี้มาหรอก’ เจียงอาเฉียนรู้สึกเสียดาย มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะเสียดาบที่นี่ไป
ฉินจานได้ยิ้มก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่ต้องกังวลไป ม่านพลังดาบจะต้องใช้เวลาสักพักในการเพิ่มจำนวนดาบ”
ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธที่คอยสั่งการอยู่ก็ได้มองไปที่กลุ่มของลู่โจว “แล้วพวกท่านมาจากสำนักไหนกัน? “
“พวกเราไม่ได้อยู่ในสำนักไหนทั้งนั้น” เจียงอาเฉียนได้ตอบกลับ
“ถ้าหากเป็นแบบนี้พวกเจ้าควรจะกลับไปจะดีกว่า! ที่นี่มีม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดอยู่ ถ้าหากเจ้าได้รับบาดเจ็บก็อย่าปริปากบ่นก็แล้วกัน! “
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมา แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรนางก็ได้ยินคำพูดของลู่โจวซะก่อน “ปล่อยพวกเขาไปเถอะ”
“ค่ะ” หยวนเอ๋อตอบกลับมา
“ท่านผู้อาวุโสช่างใจกว้างจริงๆ …ถ้าหากปล่อยไว้แบบนี้พวกเราคงจะเห็นแนวทางแน่” เจียงอาเฉียนได้ถอยกลับไปก่อนที่จะพูดเสริม “นี่มันเหมือนกับวิธีของข้าไม่มีผิด”
ฉินจานได้พูดต่อ “แต่ข้าเกรงว่าเราจะต้องเป็นศัตรูกับคนของสี่สำนักใหญ่…พวกเขาเองก็คงจะหมายตาดาบมารเอาไว้เช่นกัน”
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะจ้องมองคนอีกกลุ่มอย่างเงียบๆ
ในขณะเดียวกันที่ใกล้ๆ กระท่อมแห่งหนึ่ง
สีวู่หยาในตอนนี้กำลังอาบแดดอย่างสบายใจ
ยี่ฉีชิงได้ปรากฏตัวขึ้นมาก่อนที่จะโค้งคำนับและพูดขึ้น “ท่านเจ้าสำนัก พวกเราได้ข่าวมาแล้ว ท่านผู้อาวุโสในตอนนี้เข้าสุสานไปแล้ว! “
ดวงตาของสีวู่หยาเบิกตากว้าง ตัวเขาได้หันกลับมาหาสาวกก่อนที่จะพูดขึ้น “เจ้ากำลังพูดอะไรกัน? “
ยี่ฉีชิงเองก็ผงะเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นสีวู่หยามีท่าทีที่แปรปรวนแบบนั้น อย่างไรก็ตามสิ่งที่รายงานไปก่อนหน้านี้ก็ยังเป็นความจริงอยู่ดี “ท่านผู้อาวุโส…ได้เข้าไปที่สุสานแห่งดาบแล้วครับ”
สีวู่หยาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน สีหน้าของเขาดูค่อนข้างที่จะแข็งกระด้าง แม้ว่าสีวู่หยาจะไม่ได้รู้สึกโกรธเป็นพิเศษ แต่ถึงแบบนั้นความโกรธก็ได้แสดงออกมาจากอารมณ์ได้อย่างชัดเจน ตัวเขาได้ส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านอาจารย์ที่รัก ท่านจะทำลายแผนการทุกอย่างของข้าเลยสินะ! “
หลังจากนั้นสีวู่หยาก็ได้พูดออกมาช้าๆ “ข้าจงใจปล่อยข่าวลือออกไปว่าสุสานแห่งดาบถูกเปิดขึ้น ศิษย์พี่รองของข้าเป็นคนเปิดสุสานมาด้วยตัวเอง การเปิดสุสานในครั้งนี้จะทำให้พวกสำนักธรรมะต้องสูญสิ้นไปในคราเดียว! ” น่าเสียดายที่ท่านอาจารย์เองก็เข้าไปที่สุสานแห่งดาบเช่นกัน หรือว่าจะต้องฆ่าผู้เป็นอาจารย์คนนี้จริงๆ แผนการทุกอย่างถึงจะสำเร็จได้กัน?
ยี่ฉีชิงไม่กล้าที่จะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตัวเขาได้แต่ยืนรออยู่ข้างๆ ก่อนที่จะรอรับคำสั่งต่อไป ไม่ว่าจะได้รับคำสั่งแบบไหนมาตัวเขาก็จะต้องทำตามอย่างไม่มีเงื่อนไข
หลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งสีวู่หยาก็ได้พูดออกมาอีกครั้ง “ศิษย์พี่รองได้พูดอะไรไหม? “
“หลังจากที่ท่านยู่ฉางตงเปิดสุสานแห่งดาบได้ ตัวเขาก็ได้จากไปในทันที ท่านยู่ฉางคงเป็นคนที่ไม่ชอบให้ใครติดตาม เพราะแบบนั้นพวกเราก็เลยไม่กล้าที่จะติดตามเขาไป”
“แล้วศิษย์พี่ใหญ่อยู่ไหนกัน? “
“ท่านยู่เฉิงไห่กำลังรับมืออยู่กับสำนักเที่ยงธรรม แม้ว่าจะยุ่งอยู่แต่ท่านยู่เฉิงไห่ก็บอกให้ท่านสามารถติดต่อตัวเขาได้ตลอดเวลา” ยี่ฉีชิงตอบกลับ
สีวู่หยาได้พิจารณาถึงสิ่งที่ได้ยินก่อนที่จะถอนหายใจและพูดออกมา “ข้าเชื่อว่าความคิดของศิษย์พี่รองจะต้องสอดคล้องกันกับข้า” เพียงครู่เดียวเท่านั้นสีหน้าที่แปลกไปของสีวู่หยาก็ได้กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “ยกเลิกแผนที่สุสานแห่งดาบซะ”
“ครับท่านเจ้าสำนัก”
ยี่ฉีชิงกำลังจะกลับไปทำหน้าที่ แต่ตอนนั้นตัวเขาก็ได้ยินสีวู่หยาพูดออกมาซะก่อน “ใครให้ข้อมูลนี้กับพวกเรามา? “
“หนึ่งในสามผู้คลั่งไคล้แห่งดาบ เจียงอาเฉียน” ยี่ฉีชิงได้ตอบกลับไป
“ตรวจสอบประวัติเขาซะ”
“รับทราบ”
สีวู่หยารู้สึกสงบลงมากแล้ว ตัวเขาได้พึมพำออกมากับตัวเอง “มันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร…อย่างน้อยๆ พวกเราก็จับปลาตัวใหญ่ได้”
ภายในสุสานแห่งดาบ ใกล้ๆ กับหลุมฝังศพขนาดใหญ่
ดาบลอยได้ยังคงโคจรอยู่รอบหลุมศพ
กลุ่มผู้ฝึกยุทธกำลังใช้พลังโจมตีตอบโต้ไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“หยุดซะ” มีเสียงของใครบางคนดังขึ้น
“นับดาบพวกนั้นซะ” ผู้ฝึกยุทธที่คอยสั่งการพูดขึ้น
“มีดาบทั้งหมด 50 เล่ม…ดาบที่ไร้คุณภาพ 10 เล่ม, ดาบระดับปกติ 30 เล่ม และดาบระดับลึกลับอีก 10 เล่ม”
“พวกเราโชคไม่ดีนัก…ไม่มีดาบระดับโลกอยู่เลย”
“สุสานแห่งดาบไม่ใช่ที่ขัดเกลาดาบชั้นยอดเอาไว้หรอกหรอ? ทำไมมันถึงไม่มีดาบระดับโลกเลยหลังจากที่ผ่านไปหลายปีแบบนี้กัน? ” มีใครบางคนถามคำถามขึ้น
“มันต้องไม่ใช่แบบนั้นแน่ พวกเราเพิ่งจะพบกับดาบเพียงแค่ 50 เล่มเท่านั้น ดาบระดับโลกขึ้นไปคงจะหาได้ยากกว่านี้ พวกเราคงจะหาดาบพวกนั้นไม่ได้ง่ายๆ แน่” ผู้ฝึกยุทธที่กำลังลอยอยู่ได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดต่อ “ทำต่อไปซะ”
ในตอนนั้นเองดาบที่โคจรรอบหลุมฝังศพก็ได้ลอยออกมาจากอีกทิศทาง
แคล๊ง! แคล๊ง! แคล๊ง!
ดาบทั้งหลายเข้าปะทะกัน
เมื่อดาบถูกพลังโจมตีจนร่วงลง ดาบบนพื้นก็ถูกกลุ่มผู้ฝึกยุทธเก็บไป ในตอนนั้นเองก้อนพลังบางอย่างก็ได้มารวมตัวกัน มันมีแสงจางๆ ทั้งเจ็ดแห่งที่ส่องสว่างออกมาจากพื้น
ฉินจานได้ขมวดคิ้วก่อนที่จะพูดออกมา “เป็นแบบนี้แย่แน่ ม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดถูกเปิดใช้งานแล้ว! มันเปิดใช้งานหลังจากที่เจ้าพวกนั้นเอาดาบทั้ง 50 เล่มไปอย่างงั้นหรอ? เจ้าพวกโง่! “
เจียงอาเฉียนเองก็ตกตะลึงเช่นกัน ตัวเขาได้มองไปที่ดาบลอยได้ก่อนที่จะพูดออกมา “ประตูสุสานยังไม่ถูกเปิด! ท่านผู้อาวุโส…ข้าคิดว่าศิษย์ของท่านคงจะล่อทุกคนมาที่นี่จริงๆ “
“หืม? ” ลู่โจวมองไปที่เจียงอาเฉียนอย่างสงสัย
“แหล่งข้อมูลของข้าที่มีอยู่ในสำนักแห่งความมืดถูกจัดการไปแล้ว…ข้าไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากมาที่นี่ด้วยตัวเอง” เจียงอาเฉียนได้ชี้ไปยังดาบที่ลอยได้ก่อนที่จะถอนหายใจและพูดขึ้นมาอีกครั้ง “ข้าพ่ายแพ้ในการประลองกับสีวู่หยา ช่างเป็นเรื่องที่น่าเศร้าใจจริงๆ …”
‘นั่นคือท่าทีของคนที่กำลังเศร้าอยู่จริงๆ อย่างงั้นหรอ? ‘
ลู่โจวได้พูดออกมาเยือกเย็น “เจ้านั่นก็แค่มีมันสมองที่ดีกว่าคนทั่วไปเท่านั้น…เขาคงต้องการที่จะจัดการกับเหล่าสาวกจากสำนักฝ่ายธรรมะด้วยม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดนี่ เป็นความคิดที่ดีใช้ได้ แต่สุสานแห่งดาบมีอุโมงค์ที่เชื่อมต่อกับห้องใต้ดินขององค์จักรพรรดิ การที่ทางเข้าสุสานแห่งดาบจะถูกปิดเอาไว้ก็คงจะไม่ได้ต่างกัน”
เจียงอาเฉียนเกากลัวก่อนที่จะพูดออกไป “ท่านพูดถูกแล้วท่านผู้อาวุโส”
ฉินจานได้พูดออกมา “บางทีในอุโมงค์อาจจะมีกับดักอื่นๆ รออยู่ก็เป็นได้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ผู้ที่สร้างที่นี่ออกแบบมาให้เป็นแบบนี้”
“ทำไมพวกเราไม่ลองไปหาคำตอบเองเลยล่ะ? ” เจียงอาเฉียนได้พูดเสริม
ดาบลอยฟ้าได้กลับมารวมตัวกันอีกครั้ง พวกมันได้โจมตีเข้าใส่กลุ่มผู้ฝึกยุทธฝ่ายธรรมะอย่างไร้ปรานี
แคล๊ง! แคล๊ง! แคล๊ง!
“แบบนี้แย่แล้ว! ม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดได้ถูกเปิดใช้งานแล้ว! ถอยเร็วเข้า! “
“ถอยก่อน! “
กลุ่มผู้ฝึกยุทธจำนวนมากได้วิ่งตรงไปที่ทางออก
ดาบลอยฟ้าได้เร่งความเร็วของตัวเองก่อนที่จะพุ่งผ่านทะลุอกของเหล่าผู้ฝึกยุทธไป ในพริบตาเดียวเท่านั้นผู้ฝึกยุทธระดับล่างกว่าสิบคนก็ได้เสียชีวิตไปในทันที หลังจากนั้นพลังร่างอวตารก็เริ่มปรากฏขึ้น! ผู้ฝึกยุทธที่มีพลังสูงกว่าเริ่มใช้งานพลังทั้งหมดที่มีออกมา
แคล๊ง! แคล๊ง! แคล๊ง!
ร่างสีทองขนาดใหญ่ได้เข้าขวางทางวิถีดาบเอาไว้ มันไม่ใช่พลังร่างอวตารแต่เป็นพลังกายาทองคำ ดาบที่บินเข้าหาพลังกายาทองคำล้วนแต่ถูกสะท้อนกลับไป
ในตอนนั้นทุกคนก็ต่างจับจ้องไปที่กายาทองคำที่เพิ่งจะปรากฏตัว