My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 285
ลูกประคำถือเป็นอาวุธของชาวพุทธที่ไม่เหมือนกับอาวุธชิ้นไหนๆ มันสามารถใช้เป็นอาวุธลับในการโจมตีได้ นอกจากนี้มันยังสามารถใช้ป้องกันตัวเองได้อีกด้วย ลูกประคำถือเป็นอาวุธที่มีวิธีใช้หลายวิธีด้วยกัน แต่อย่างไรก็ตามมีเพียงผู้ฝึกยุทธยอดฝีมือเท่านั้นที่จะใช้งานมันได้ มันไม่เหมือนกับอาวุธอย่างกระบี่และดาบทั้งหลาย อาวุธอย่างลูกประคำจะต้องใช้การฝึกฝนเป็นพิเศษ
ลูกประคำได้พุ่งไปที่ด้านหน้า มันได้กลายสภาพไปจนดูเหมือนกับหินอุกกาบาตสีดำจำนวนมากแทน
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
“ปล่อยให้ข้าได้จัดการเอง” เจียงอาเฉียนได้พูดออกมา ตัวเขาไม่สามารถอดทนอดกลั้นได้อีกต่อไป เจียงอาเฉียนรีบชักดาบคีตะมังกรออกมาจากฝัก
ลู่โจวมองไปที่หยวนเอ๋อก่อนที่จะเอ่ยปากพูดออกมา “ปล่อยให้เขาจัดการซะ”
“ได้ค่ะ”
‘ถ้าหากหยวนเอ๋อพุ่งไปด้านหน้าด้วย ก็คงจะฝากความหวังที่เหลือเอาไว้กับฉินจานไม่ได้แน่ ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงแล้วใครจะปกป้องฉันกัน? ‘
เจียงอาเฉียนได้เคลื่อนไหวไปด้วยความเร็วสูง พลังแสงสีทองจากดาบได้ทอแสงออกมาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ลูกประคำทั้งหลายต่างก็ถูกปัดป้องไปได้
กงหยวนดูเหมือนจะคาดคิดเอาไว้แล้ว “เป็นดาบที่ดี” ตัวเขาเหลือบมองไปที่ดาบของเจียงอาเฉียน ใบหน้าของกงหยวนแสดงให้เห็นถึงความชื่นชมที่มีต่อดาบเล่มนั้น
เจียงอาเฉียนยิ้มให้ก่อนที่จะบินตรงไปที่กงหยวน
ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธทั้งหลายต่างก็พยายามตอบโต้การโจมตีจากกลุ่มดาบลอยฟ้า การโจมตีของดาบลอยฟ้าไม่ได้ปล่อยให้ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายมีเวลาได้หายใจ พวกเขาทั้งหลายต่างก็จ้องมองเจียงอาเฉียนที่บินผ่านไปอย่างมีความหวัง พวกเขารู้สึกมีความสุขมากเมื่อได้เห็นแบบนั้น ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายที่กำลังรับมือกับดาบก็จะได้ผลประโยชน์ไปด้วยอยู่ดี
กงหยวนเองก็เคลื่อนไหวเช่นกัน ร่างบกายของเขาส่วนหนึ่งเต็มไปด้วยพลังมืด ส่วนร่างกายอีกส่วนหนึ่งนั้นเต็มไปด้วยพลังแห่งแสงสว่าง
“พลังพุทธผสมผสาน! …”
ผู้คนทั่วไปต่างก็รู้ความรู้พื้นฐานนี้ดี ไฟกับน้ำเป็นพลังที่ไม่อาจจะเข้ากันได้ มีเพียงพลังหยินแหละหยางเท่านั้นที่ต่างออกไป แต่ถึงแบบนั้นกงหยวนจากวิหารแห่งความว่างเปล่ากลับสามารถผสมผสานวิชาพุทธทั้งสองเข้าด้วยกันได้ ชายคนนี้มีความสามารถมากแค่ไหนกัน?
มีข่าวลือมานานมากแล้วว่ากงหยวนเจ้าอาวาสวิหารแห่งความว่างเปล่าฝึกฝนตัวเองจนประสบความสำเร็จไปหลังจากที่แยกตัวฝึกยุทธอยู่นาน ในตอนนี้ทุกคนต่างก็ได้เห็นความจริงนี้แล้ว ดูเหมือนข่าวลือจะเป็นจริง ทุกคนต่างก็จ้องมองดูกงหยวนด้วยความหวาดกลัว
“ไม่แปลกเลยที่นักบวชกงซุนจะมั่นใจถึงกับไปที่แท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ได้”
“ถ้าหากใช้วิชาพุทธผสมผสานนั่นได้ แม้แต่ท่านเจ้าสำนักทั้งหลายเองก็คงไม่อาจหยุดยั้งกงหยวนได้แน่”
“เว้นแต่ว่าปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าคนนั้นจะเคลื่อนไหว ถ้าหากไม่เป็นเช่นนั้นก็คงจะไม่มีใครหยุดยั้งเขาได้”
“พลังวรยุทธที่กงหยวนมีพัฒนาขึ้นมาก แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ยังไม่กล้าพอที่จะไปแก้แค้นศาลาปีศาจลอยฟ้า…ข้าคิดว่าคงจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะหยุดยั้งนักบวชเฒ่าคนนี้ได้ แต่น่าเสียดายที่นี่ถือสุสานแห่งดาบ ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าคงจะไม่มีวันมาที่นี่ได้แน่” ภาพที่ได้เห็นเป็นอะไรที่ดูประหลาดเป็นอย่างมาก สำนักย่อยฝ่ายธรรมะต่างก็เลือกที่จะนับถือศาลาปีศาจลอยฟ้า ในตอนนี้ผู้ฝึกยุทธฝ่ายธรรมะทำได้เพียงฝากความหวังทั้งหมดที่มีให้กับสำนักฝ่ายอธรรมอย่างศาลาปีศาจลอยฟ้าเท่านั้น
เมื่อเจียงอาเฉียนลอยอยู่กลางอากาศ ในตอนนั้นพลังมุทราก็ได้ปรากฏขึ้นอยู่เหนือร่างกายของกงหยวน พลังมุทราสีทองได้ส่องสว่างจากครึ่งเดียวเท่านั้น ส่วนพลังมุทราสีดำก็ได้ส่องสว่างจากส่วนที่เหลือ พลังทั้งสองกำลังหลอมรวมเข้าหากัน
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
เจียงอาเฉียนใช้ดาบที่มีแทงไปที่ด้านหน้าของกงหยวน ตัวเขารวดเร็วจนผู้ฝึกยุทธทั่วไปไม่อาจตามความเร็วได้ทัน แต่ถึงแบบนั้นพลังของเขาก็ถูกพลังมุทราของกงหยวนหยุดเอาไว้ได้
“ไสหัวไปซะ! ” กงหยวนตะโกนออกมา
พลังมุทราที่มารวมตัวกันได้พองตัวขึ้น
หลังจากนั้นเองลมอันรุนแรงก็ได้ผลักให้เจียงอาเฉียนถอยหลังกลับไป!
“มีแต่จะต้องหลบเท่านั้น…” เจียงอาเฉียนรู้ดีว่าพลังป้องกันของนักบวชเฒ่าคนนี้แข็งแกร่งมากแค่ไหน และเพราะแบบนั้นตัวเขาจึงตัดสินใจหลบการโจมตี
แม้ว่าจะตัดสินใจหลบ แต่การที่จะหลบพลังมุทรานี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย มันได้ขยายขนาดขึ้นมาอย่างไม่หยุดพัก กงหยวนได้ฝึกฝนกระบวนท่านี้มากว่าหลายพันครั้งแล้ว
ตู๊ม!
เจียงอาเฉียนได้ยกดาบคีตะมังกรขึ้นมาก่อนที่จะกำมันเอาไว้ในมือไม่ปล่อยไปไหน เมื่อพลังมุทรามาบรรจบกันพร้อมที่จะจู่โจม เจียงอาเฉียนที่จะถูกการโจมตีก็ได้รีบตะโกนออกมา “อ๊าก…สาวน้อยช่วยจับข้าที! “
พรึ๊บ!
เจียงอาเฉียนที่ถูกพลังได้กระเด็นตกไปบนพื้น ตัวเขาในตอนนี้อยู่ในสภาพที่ไม่สู้ดีนัก ถ้าหากตัวเขาไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดในการป้องกัน เจียงอาเฉียนก็คงจะบาดเจ็บสาหัสไปแล้ว
“สมน้ำหน้า” หยวนเอ๋อได้พูดออกมาพร้อมรอยยิ้ม
ในตอนนั้นเองกงหยวนยังคงลอยอยู่เหนือหลุมศพเช่นเคย ตัวเขารู้สึกดีใจที่พลังมุทราที่ใช้ออกไปสามารถจัดการกับเจียงอาเฉียนได้ แต่อย่างไรก็ตามตัวเขาก็ไม่คิดที่จะหยุดการโจมตีเพียงแค่นั้น ลูกประคำของเขายังคงจู่โจมผู้คนต่อไป
“ไม่มีทาง” เจียงอาเฉียนเบิกตากว้าง ตัวเขากระแทกฝ่ามือลงบนพื้นก่อนที่จะดีดตัวเองถอยหลังกลับมา
“แล้วยังไงกัน? ไปสู้ซะสิ” หยวนเอ๋อได้พูดขึ้น
“ไม่ไหว! ข้าทำดีที่สุดแล้ว…ดูเหมือนว่าข้าจะไม่ใช่คู่มือของนักบวชเฒ่านั่นเลย! ” เจียงอาเฉียนได้ตอบปฏิเสธออกมาอย่างไม่ลังเล
ทุกๆ คนต่างก็มองออกว่าเจียงอาเฉียนยังไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริงออกมา เจียงอาเฉียนจะไปใช้พลังทั้งหมดได้ยังไงถ้าหากตัวเขายังไม่ยอมใช้พลังร่างอวตาร? แต่แน่นอน เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปกติสำหรับชายผู้รักชีวิตตัวเองยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด
หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นจึงได้ใช้พลังป้องกันทุกคนเอาไว้อีกครั้ง
ลูกประคำทั้งหลายได้กลับมาพุ่งโจมตีอีกครั้ง พวกมันได้เชื่อมโยงกันจากสายลูกประคำที่กงหยวนสวมใส่อยู่ “การจะนักการเจ้านักบวชนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่าย…พลังมุทราของเขาสามารถป้องกันได้แม้แต่การโจมตีของดาบคีตะมังกร” เจียงอาเฉียนได้พูดต่อ “ข้าเกรงว่าคงจะมีแต่ท่านเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะจัดการเรื่องนี้ได้ ท่านผู้อาวุโส”
“ท่านอาจารย์…” หยวนเอ๋อรู้สึกไม่พอใจนิดหน่อยหลังจากที่ได้ฟังคำพูดนั้น นางได้หันไปหาลู่โจวเพื่อเป็นการขออนุญาตแทน นางอยากที่จะลงมือสู้กับกงหยวนนั่นเอง
แม้ว่าหยวนเอ๋อจะมีสมบัติล้ำค่ามากมายหลายชิ้นติดตัว แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็ยังไม่ไว้วางใจนาง อันที่จริงเจียงอาเฉียนยังไม่เอาจริง แต่ถึงแบบนั้นเขาก็สามารถบอกได้ว่าคู่ต่อสู้ของตัวเองมันน่ากลัวมากแค่ไหน
นักบวชเฒ่าคนนี้เป็นคนที่มีฝีมืออย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าเขายังไม่ได้เอาจริงเช่นกัน ถ้าหากจะต้องสู้กันอย่างเอาจริงเอาจังจะต้องเกิดความเสียหายครั้งใหญ่แน่
“ลืมมันไปซะเถอะ” ลู่โจวส่ายหัวปฏิเสธ
กงหยวนได้ยิ้มก่อนที่จะพูดขึ้น “มันยังไม่สายไปหรอกหรอ? ข้าน่ะมาที่นี่ก็เพื่อที่จะตั้งใจมารับดาบมาร พวกเจ้าน่ะไม่ได้เตรียมตัวอะไรมาเลยด้วยซ้ำไป”
ลู่โจวไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไร “พลังวิถีพุทธปีศาจไม่ใช่พลังวิถีพุทธที่แท้จริง…”
“วิถีพุทธทุกอย่างก็ล้วนแต่เป็นวิชาที่เก่งกาจด้วยกันทั้งนั้น” กงหยวนโต้กลับ “ข้าเป็นเพียงคนเดียวในใต้หล้าแห่งนี้ที่สามารถฝึกฝนวิถีพุทธทั้งสองอย่างแบบนี้ได้”
ลู่โจวส่ายหัวอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนที่จะตอบกลับ “ข้าคิดว่าเจ้าจะมีอะไรที่ดีกว่านี้ซะอีกถึงคิดมั่นใจทำลายม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ด…ท้ายที่สุดแล้วข้ากลับประเมินเจ้าสูงไปเอง”
“หืม? “
เมื่อลู่โจวยกมือขึ้นมาและกำลังจะใช้การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาต…
แคล๊ก!
ในตอนนั้นเองหลุมศพขนาดยักษ์ก็ได้ถูกเปิดออก ชิ้นส่วนที่เคยถูกโจมตีบัดนี้ได้พังทลายไปแล้ว
คำจารึกที่อยู่หน้าหลุมศพได้ลอยขึ้นไปบนอากาศ มันอัดแน่นกันจนดูไม่เป็นรูปร่าง
แสงสว่างทั้งเจ็ดบัดนี้ได้ส่องสว่างมากกว่าเดิม
เมื่อเศษหินทั้งหลายได้ตกลงสู่พื้น…ดาบสัมฤทธิ์เล่มหนึ่งก็ได้ลอยขึ้นจากพื้น
เมื่อคำจารึกมาบรรจบกัน…มันก็เหมือนกับแมลงเม่าบินเข้ากองไฟ คำจารึกทั้งหลายได้พุ่งเข้าหาดาบขนาดใหญ่เล่มนั้น
ในตอนนั้นเองมันเต็มไปด้วยควันสีดำ
ดาบใหญ่ได้ถูกคำจารึกทั้งหลายเปิดใช้งานขึ้นมา ที่ใบดาบกำลังสั่นไปมาเล็กน้อย
มีโซ่ถึงแปดเส้นด้วยกันที่ล้อมรอบดาบเล่มนั้นเอาไว้ คนอื่นๆ ที่เห็นแบบนั้นก็แต่ได้ตกใจ โซ่ทั้งแปดเดิมทีไม่ได้มีไว้เพื่อทำให้หลุมฝังศพถูกยึดอย่างมั่นคง! แท้จริงแล้วมันมีไว้เพื่อเก็บรักษาดาบขนาดใหญ่เท่านั้น
กงหยวนเองยังคงลอยอยู่ที่เดิม เมื่อเห็นดาบที่อยู่ตรงหน้าตัวเขาก็ได้หัวเราะอย่างตื่นเต้นก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “ในที่สุดข้าก็ได้รับรางวัลที่รอมาเนิ่นนาน! ” เสียงหัวเราะของนักบวชเฒ่าได้ดังไปทั่วสุสานแห่งดาบ
ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายกำลังยุ่งอยู่กับการรับมือจากดาบทั้งหมด พลังคลื่นเสียงนี้เองได้ทำให้พวกเขาถอยห่างมาจากดาบได้เล็กน้อย ผู้ที่ไม่สามารถต้านทานพลังการโจมตีได้ล้มลงไปกับพื้น
ในตอนแรกลู่โจวตั้งใจที่จะจบชีวิตกงหยวน แต่เมื่อเห็นดาบขนาดใหญ่ตัวเขาก็หยุดความคิดนี้เอาไว้ก่อน ดาบเล่มนั้นมันดูแปลก…
ดาบขนาดใหญ่ได้สั่นตัวเองราวกับมันพยายามที่จะหลุดออกจากพันธนาการ กงหยวนได้พูดย้ำด้วยน้ำเสียงอันนุ่มลึก “อย่างได้เกลียดข้าเลย ข้าจะเป็นผู้รับดาบเล่มนี้เอาไว้เอง” ตัวเขาได้พลิกตัวไปในกลางอากาศก่อนที่จะกางฝ่ามือออกมา ในระหว่างที่ลดตัวลงมาเพื่อจับดาบมาร ในตอนนั้นเองพลังของดาบก็ได้ล้อมรอบกงหยวนเอาไว้ซะก่อน!
ตู๊ม!
ราวกับว่าดาบมารมีสัมผัสนึกคิดเป็นของตัวเอง ทันทีที่กงหยวนเข้ามาใกล้เขาก็ถูกพลังจากดาบทำให้กระเด็นถอยกลับไป
กงหยวนเบิกตากว้าง
ตู๊ม!
ตัวเขากระเด็นถอยกลับมา
ในเวลาเดียวกัน ดาบทั้งหลายที่กำลังจู่โจมผู้ฝึกยุทธทั้งหลายเอาไว้ต่างก็กลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้ง มันถูกดาบมารเรียกมานั่นเอง ดาบทั้งหมดได้เปลี่ยนทิศทางไปในทันที
ชิ๊ง! ชิ๊ง! ชิ๊ง! ชิ๊ง! ชิ๊ง!
ดาบทุกเล่มได้กลับมารวมตัวกันจากทุกหนทุกแห่ง
กงหยวนไม่คาดคิดมาก่อนว่าดาบมารจะเชื่อฟังตัวเขายากถึงเพียงนี้ กงหยวนรีบใช้พลังมุทราออกมาอีกครั้ง
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
กลุ่มดาบลอยฟ้าได้โจมตีไปที่กงหยวนแทน!
ยังมีดาบอีกส่วนหนึ่งโจมตีเข้าใส่ผู้ฝึกยุทธทั้งหลาย ในตอนนี้ผู้ฝึกยุทธเหลือกันไม่มากแล้ว
มันเป็นการโจมตีที่ไม่เลือกปฏิบัตินั่นเอง
“ช่างเป็นพลังดาบที่น่ากลัวอะไรเช่นนี้” เจียงอาเฉียนได้พูดออกมาด้วยความตกใจ
“ดาบพวกนี้มันได้สะสมพลังกักเก็บเอาไว้มานานกว่าหลายปีแล้ว ในคราวที่พวกมันเอาจริง พวกมันก็เลยปลดปล่อยพลังทั้งหมดออกมาแบบนี้ ช่างน่ากลัวจริงๆ ” ฉินจานได้พูดออกมาด้วยความหวาดกลัว
ในตอนนั้นเองดาบจำนวนมากก็ได้พุ่งใส่พวกเขาเช่นเดียวกัน
หยวนเอ๋อกำลังป้องกันดาบที่โจมตีเข้าใส่ด้วยม่านพลังของตัวเองอีกครั้ง
กงหยวนยังคงป้องกันตัวเองจากดาบมากมายหลายเล่มเอาไว้ได้
“นักบวชเฒ่านั้นแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เลยอย่างงั้นหรอ?! ” เจียงอาเฉียนไม่เคยคิดเลยว่าพลังมุทราจะสามารถป้องกันดาบลอยฟ้านับไม่ถ้วนที่กำลังเข้ามาโจมตีพวกนั้นได้
ดาบขนาดใหญ่ยังคงไม่หยุดแค่นั้น มันใช้เวลาไม่นานกว่าที่โซ่ทั้งแปดจะหลุดออก
ดาบมารเป็นอิสระแล้ว!
ดาบมารที่ได้สะสมพลังอย่างเต็มที่ได้ส่องแสงประกายสีแดงเข้มออกมาจากใบดาบ
หลังจากที่สั่นสะเทือนได้ชั่วครู่ ดาบมารก็ได้เปลี่ยนทิศทางไป…
ดาบเล่มอื่นๆ ต่างก็หลีกทางให้กับมัน
พรึ๊บ!