My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 287
ผู้ฝึกยุทธที่ได้เห็นภาพแบบนั้นต่างก็อ้าปากค้าง พุทธองค์กายาทองคำได้เคลื่อนไปที่ด้านหน้า ทุกๆ คนต่างก็ได้เห็นแค่ส่วนบนของร่างกายาทองคำเท่านั้น ครึ่งล่างของพุทธองค์กายาทองคำถูกปกคลุมไปด้วยกลุ่มดาบแทน
เป็นเพราะความเร็วของลู่โจวทำให้กลุ่มดาบที่ล้อมรอบตัวของเขาเอาไว้กระจัดกระจายก่อนที่จะตกลงสู่พื้น
ดาบมารดูเหมือนจะยิ่งมีพลังมากยิ่งขึ้น มันได้สั่นสะเทือนตัวเองก่อนที่จะส่งเสียงดังออกมา ตอนนี้ต่อหน้ามันคือศัตรูผู้แข็งแกร่ง ลู่โจวได้กวัดแกว่งอาวุธนิรนามเพื่อจู่โจมไปที่ดาบมาร สุดยอดอาวุธทั้งสองได้เข้าปะทะกัน!
แคล๊ง!
การปะทะกันของทั้งสองสุดยอดอาวุธได้ทำให้เกิดสะเก็ดไฟไปทั่ว คลื่นพลังลมปราณที่รั่วไหลออกมาจากการโจมตีผันผวนราวกับพายุหมุนเฮอร์ริเคน ดาบลอยฟ้าที่เหลือต่างก็หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวอีกต่อไป
ลู่โจวไม่ได้มองไปที่อาวุธนิรนามเลย ตัวเขาสัมผัสถึงอาวุธนิรนามผ่านพลังฝ่ามือได้ ในตอนนี้มันไม่ได้รับความเสียหายเลยแม้แต่น้อย ตัวเขาจ้องไปที่ดาบมารอย่างไม่ละสายตา หลังจากนั้นลู่โจวก็เหลือบมองดูเมนูระบบที่มี 3 วินาที, 2 วินาที, 1 วินาที… เมื่อหมดเวลาพลังพุทธองค์กายาทองคำก็ได้หายไป
ทุกๆ อย่างเงียบสงบลง
กลุ่มดาบลอยฟ้าเองต่างก็ร่วงหล่นลงสู่พื้น ในตอนนี้พวกมันทิ้งไว้แต่แสงระยิบระยับจากใบดาบเท่านั้น ที่เนินแห่งหนึ่งถูกดาบเหล่านั้นปักเอาไว้
ดาบมารเองก็ไม่ได้รับความเสียหายเช่นกัน แต่ถึงแบบนั้นก็มีอะไรบางอย่างที่ดูแปลกออกไป มันหยุดโจมตีลู่โจวแล้วนั่นเอง ในตอนนี้มันลอยอยู่ต่อหน้าลู่โจวพร้อมกับสั่นเครืออย่างเบาๆ …เดิมทีดาบมารได้หมายหัวของลู่โจวเอาไว้ แต่ในตอนนี้มันกลับเอียงไปที่ด้านข้างแทน เป้าหมายของมันคืออาวุธนิรนามนั่นเอง
ลู่โจวกำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อไป ถ้าหากตัวเขาใช้การ์ดป้องกันไร้ที่ติหมดไปและยังไม่สามารถโค่นดาบมารเล่มนี้ลงได้ เมื่อถึงตอนนั้นตัวเขาก็คงมีแต่จะต้องใช้การ์ดระเบิดจุดสุดยอดเท่านั้น
แต่ในตอนนี้ดาบมารยังคงไม่เคลื่อนไหว
ผู้ฝึกยุทธในสุสานแห่งดาบต่างก็จ้องมองชายคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าดาบหนึ่งเล่ม ทั้งสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากัน นอกเหนือจากความหวาดกลัวที่ผู้ฝึกยุทธมี พวกเขาทุกคนเองก็รู้สึกสับสนเช่นเดียวกัน พวกเขามั่นใจมากว่าพลังพุทธองค์กายาทองคำที่เห็นมันแข็งแกร่งกว่าของกงหยวนมาก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าชายคนนี้จะปราบดาบมารเล่มนี้ได้ ดาบที่มีระดับแตกต่างกันได้ตกกระจายอยู่บนพื้น มันเป็นสมบัติที่ทุกๆ คนล้วนแต่ปรารถนาอยากได้ แต่เพราะความน่ากลัวของดาบมารยังไม่ทันหายจางไป เพราะแบบนั้นจึงไม่มีใครกล้าหยิบดาบพวกนั้น
ซู่วว!
ดาบมารได้สั่นตัวเองอีกครั้ง
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้ยกมือขวาออกมา อาวุธนิรนามได้ลอยอยู่เหนือฝ่ามือของตัวเขา เมื่อเห็นอาวุธนิรนามปรากฏออกมาอีกครั้ง ดาบมารที่เห็นแบบนั้นเหมือนจะถอยห่างออกไป
เจียงอาเฉียนเห็นก็ตกใจที่ได้เห็นเช่นกัน “ในฐานะที่ข้าเป็นหนึ่งในสามผู้คลั่งไคล้แห่งดาบ ข้ามีเรื่องหนึ่งที่จะต้องประกาศที่นี่…”
หยวนเอ๋อและฉินจานต่างก็หันไปมองเจียงอาเฉียน ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรออกมา ในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้มีอะไรที่สำคัญถึงจะต้องประกาศออกมากัน?
เจียงอาเฉียนพูดต่อ “ดาบคีตะมังกรของข้าเป็นเพียงแค่ของเล่นเท่านั้นเมื่อเทียบกับดาบของท่านผู้อาวุโส! ดาบของเขาช่างงดงามแข็งแกร่งไร้ที่ติ! “
ดาบมารยังคงไม่เคลื่อนไหว
ลู่โจวได้มองไปที่ดาบมารอย่างสงสัยก่อนที่จะโบกมือเพื่อปล่อยอาวุธนิรนามเข้าจู่โจม
ดาบมารยังคงล่าถอยซ้ำ
อาวุธนิรนามได้กลับมายังมือของลู่โจว
ลู่โจวพยักหน้า แม้ว่าการปะทะกันของสุดยอดอาวุธทั้งสองจะไม่สามารถทำลายดาบมารได้ แต่การปะทะกันครั้งนั้นมันก็มากพอแล้วที่จะทำให้ดาบมารเล่มนี้กลัวเกรง
ภาพที่ได้เห็นช่างเป็นภาพที่แปลกประหลาดอย่างแท้จริง
เนื่องจากดาบมารเกรงกลัวอาวุธนิรนาม ดังนั้นลู่โจวจึงตัดสินใจที่จะปลดปล่อยพลังของอาวุธนิรนามออกมา ตัวเขาได้ขว้างอาวุธนิรนามออกไป
เมื่ออาวุธนิรนามถูกขว้างออกไป ล้อมรอบของมันก็ถูกห่อหุ้มเอาไว้ด้วยชั้นพลังงาน จากชั้นพลังงานชั้นที่หนึ่งก็เพิ่มเป็นชั้นที่สอง จากสองเพิ่มเป็นสี่จากสี่เพิ่มเป็นแปด…พลังที่ห่อหุ้มอาวุธนิรนามเอาไว้มันมีมากเกินกว่าจะนับได้
ความผันผวนของพลังลมปราณและกระแสพลังไม่ได้ทรงพลังอะไร แต่ถึงแบบนั้นดาบมารก็ยังสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามที่มาจากอาวุธนิรนามได้อยู่ดี
ดาบทั้งหลายที่ถูกม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดควบคุมเริ่มสั่นสะเทือนขึ้นมาในเวลาเดียวกัน
ดูเหมือนว่าดาบมารจะเรียกดาบทั้งหลายมา ในตอนนั้นเองดาบลอยฟ้าทั้งลายก็ได้พุ่งเข้าใส่อาวุธนิรนามภายในพริบตา
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ลู่โจวได้ถอยกลับมาอย่างรวดเร็ว ถ้าหากเกิดเรื่องที่จำเป็นขึ้นมาตัวเขาก็จะใช้การ์ดป้องกันไร้ที่ติในทันที แต่ดูเหมือนว่าความกังวลของเขาจะยังไม่เกิดขึ้น
ดาบมารได้เรียกดาบทั้งหมดเข้าจู่โจมอาวุธนิรนาม
ดูเหมือนว่าระหว่างดาบมารและดาบที่เหลือจะมีสายสัมพันธ์อะไรบางอย่างที่เชื่อมถึงกัน
แคล๊ง! แคล๊ง! แคล๊ง!
การต่อสู้รอบต่อไปได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ตู๊ม!
อาวุธนิรนามได้เปล่งประกายแสงออกมา หลังจากนั้นเองมันก็ได้ผลักดาบทุกเล่มให้กระเด็นถอยกลับไปดั้งเดิม เมื่อปลดปล่อยพลังเพื่อจัดการกับดาบจำนวนมากเอาไว้ได้อาวุธนิรนามก็ได้กลับมาสู่สภาพเดิมอีกครั้ง มันได้ลอยอยู่บนอากาศก่อนที่จะเปล่งแสงสีแดงจางๆ ออกมา
ดาบลอยฟ้าที่เข้ามาโจมตีล้วนแต่ร่วงหล่นสู่พื้น
แคล๊ก! แคล๊ก! แคล๊ก!
ดาบที่มีระดับต่ำไม่อาจที่จะทนทานพลังอันน่ากลัวจากอาวุธนิรนามได้ ดาบบางส่วนได้ถูกทำลายไปในทันที แม้แต่ดาบที่ทุกคนยอมรับได้ก็ยังตกเกลื่อนอยู่บนพื้นดินเช่นเดียวกัน
ภาพที่ได้เห็นได้ทำให้ผู้ฝึกยุทธทุกคนล้วนแต่สิ้นหวัง ดาบทุกเล่มที่ได้เข้าปะทะกับอาวุธนิรนามล้วนแต่ถูกทำลายไป! ดวงตาของทุกๆ คนจับจ้องไปที่อาวุธนิรนาม
“นั่นมันดาบอะไรกัน? “
“นอกจากดาบมารแล้วดูเหมือนจะไม่มีดาบเล่มไหนเทียบกับดาบเล่มนั้นได้” ดวงตาของเจียงอาเฉียนเปล่งประกายขึ้นมา ตัวเขาเกือบที่จะโยนดาบคีตะมังกรทิ้งไปแล้ว ในตอนนี้ในสายตาของเขามีเพียงอาวุธนิรนามแค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ลู่โจวเองก็ประหลาดใจในพลังของอาวุธนิรนามเช่นกัน มันดูเฉียบคมเกินกว่าความคาดหมายของเขาไปมาก
ดาบมารได้พุ่งเข้าใส่ลู่โจวอีกครั้ง ครั้งนี้ลู่โจวได้ใช้พลังป้องกันก่อนที่จะควบคุมอาวุธนิรนามโจมตีกลับไปที่ดาบมารเล่มเดิม
แคล๊ง! แคล๊ง! แคล๊ง!
เกิดการปะทะกันถึง 3 ครั้งด้วยกัน!
ดาบมารถูกผลักออก! ครั้งนี้มันไม่โชคดีเหมือนกับครั้งที่แล้ว
ดาบมารที่ถูกผลักออกร่วงหล่นสู่พื้น
“ม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดถูกทำลายแล้ว! ถ้าหากไม่มีพวกดาบลอยฟ้า ม่านพลังแห่งดาบนี่ก็จะไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไป! ” ผู้ฝึกยุทธทั้งหลายเริ่มมีความหวัง แม้ว่าพวกเขาจะรู้สึกเสียดายที่มีอาวุธจำนวนมากถูกทำลายไปในการต่อสู้ แต่ถึงแบบนั้นดาบที่เหลืออยู่ก็ยังเป็นดาบที่ดีทั้งนั้น วิธีนี้จะทำให้พวกเขาประหยัดเวลาในการเลือกดาบที่ดีได้
ฉินจานได้เหยียดหลังขึ้นมาจากกองหิน ตัวเขาได้เช็ดเลือดที่ริมฝีปาก ฉินจานได้จ้องมองดูม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดที่อยู่บนพื้นดินอย่างไม่อยากจะเชื่อ เหตุใดกันม่านพลังถึงถูกยกเลิกการใช้งานทั้งๆ ที่ไม่มีใครลงมือทำอะไรด้วยซ้ำ? สิ่งนี้ฟังดูไม่สมเหตุสมผล ตัวเขาได้จ้องมองไปที่รอบตัวแต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ได้มีอะไรผิดปกติ สิ่งที่ดูผิดปกติที่สุดก็คืออาวุธนิรนาม
สำหรับเจียงอาเฉียน ตัวเขาเองก็ตกอยู่ในสภาวะสับสนเช่นกัน ตัวเขาจ้องมองไปยังอาวุธนิรนามอย่างไม่ละสายตา ในตอนนี้เจียงอาเฉียนไม่อาจที่จะรักดาบคีตะมังกรของเขาได้มากเหมือนเมื่อก่อนแล้ว…ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้ลอยอยู่บนอากาศ ตัวเขาจ้องไปที่อาวุธนิรนามเช่นกัน
ในตอนนั้น…
ตู๊ม!
ในที่สุดดาบมารก็ได้ร่วงมาที่ใจกลางของม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ด มันได้ส่งเสียงพร้อมกับสั่นอย่างไม่หยุดพัก คำจารึกที่เคยบรรจบกันได้ปรากฏออกมาก่อนที่จะกระจายไปในอากาศราวกับฝูงผึ้ง
“คำจารึกพวกนั้นเป็นแหล่งพลังสินะ…” ลู่โจวรู้สึกงุนงง ตัวเขาไม่ได้เรียกอาวุธนิรนามกลับมาในทันที คำจารึกทั้งหลายได้เข้ามาปกคลุมอาวุธนิรนามแทน ในตอนนั้นเองพลังก็ได้ไหลเข้าสู่อาวุธนิรนาม
“เอ่อ…” เจียงอาเฉียนอยากจะร้องไห้ “ดาบมารได้ยอมจำนนแล้ว…พลังที่หล่อเลี้ยงมันมาตลอดกว่าหลายปีถูกกระชากออกไปโดยอาวุธของท่านผู้อาวุโส”
นี้เป็นตัวอย่างอันดีของผู้ที่สามารถอยู่รอดเป็นคนสุดท้ายได้ ในโลกแห่งดาบมันเรียบง่ายกว่าโลกของคนมาก ผู้ที่ชนะก็จะกลายเป็นผู้คุมกฎ ส่วนผู้แพ้ก็จะถูกลดสถานะลงไม่ต่างอะไรกับโจรผู้ร้าย ดาบมารที่ส่งต่อพลังไปได้ร่วงหล่นลงสู่พื้น ใครจะไปคาดคิดกันว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้นได้?
ดาบมารยังคงสั่นสะเทือนอยู่บนพื้น ในตอนนั้นคำจารึกทั้งหลายยังคงพุ่งเข้าหาอาวุธนิรนามต่อไป คำจารึกที่พุ่งไปหาอาวุธนิรนามมีจำนวนมหาศาล มันได้ลอยอยู่ในอากาศจนดูคล้ายกับกลุ่มควันดำทึบ
หลังจากที่ได้รับพลังจากคำจารึก อาวุธนิรนามก็เริ่มหมุนตัวเอง
ลู่โจวมองไปที่อาวุธนิรนามของเขาอย่างสงสัย
นับตั้งแต่ที่ตัวเขาได้รับอาวุธนิรนามมา สิ่งที่ลู่โจวได้ศึกษาเกี่ยวกับมันก็คือความคมรวมไปถึงระดับของอาวุธชิ้นนี้ อาวุธนิรนามที่ได้รับพลังพวกนี้ไปจะแข็งแกร่งมากขึ้นแค่ไหนกัน?
ครู่ต่อมาอาวุธนิรนามก็ได้หยุดตัวลง
ในที่สุดดาบมารก็หยุดสั่นก่อนที่จะวางราบอยู่บนพื้น
คำจารึกทั้งหมดเองก็หายไปแล้วเช่นกัน