My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 29
ตอนที่ 29 ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่
ลู่โจวในตอนนี้ที่ได้เห็นการแจ้งเตือนของระบบได้ถอนหายใจออกมา ‘หยวนเอ๋อคงหมดความอดทนแล้วอย่างงั้นสินะ’
ลู่โจวในตอนนั้นได้เหลือบมองไปที่เมนูของระบบ
ชื่อ: ลู่โจว
เผ่า: มนุษย์
วรยุทธ์: ขั้นสังหรณ์หยั่งรู้, ระดับการรวบรวมพลังลมปราณ
แต้มบุญ: 1,254
พลังอวตาร: ตรีบุปผา
อายุขัย: 4,505 วัน
ของที่มี: การ์ดระเบิดจุดสุดยอด x2, การ์ดประกันชีวิต x3, วิซซาร์ด
เคล็ดวิชาที่มี: คัมภีร์อักษรสวรรค์
…
ในตอนนี้ลู่โจวสามารถเก็บรวบรวมแต้มบุญได้มากกว่า 1,000 แต้มแล้ว ถ้าหากหักแต้มบุญที่ได้รับมาจากการสั่งสอนลูกศิษย์ไป ตอนนี้หยวนเอ๋อก็ได้สังหารคนชั่วไปกว่า 50 คนแล้ว
ลู่โจวไม่คาดคิดมาก่อนว่าหยวนเอ๋อจะรับมือกับเรื่องในยุทธภพได้อย่างเหมาะสมในทันทีที่เข้ามาแบบนี้ ยังไงซะเด็กก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ แม้ว่าวรยุทธ์ของเธอคนนั้นจะมีสูงสักแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วการด้อยประสบการณ์ก็ทำให้เธอไม่มีวิจารณญาณมากพอในการรับมือเรื่องต่างๆ ได้อยู่ดี ยิ่งไปกว่านั้นลู่โจวก็ยังได้รู้ประวัติความชั่วร้ายของสมาคมมังกรฟ้ามาจากหวังฟู่กุ่ย ดูเหมือนว่าสมาคมนี้จะทำชั่วเอาไว้เยอะ เจ้าพวกนี้ได้แอบอ้างชื่อสำนักทางใต้เพื่อที่จะทำชั่วนั่นเอง และเพราะแบบนี้ประชาชนคนตาดำๆ ในเมืองอันยางจึงได้รับความเดือดร้อนไปทั่ว เจ้าหน้าที่จากทางการเองก็ไม่กล้าที่จะทำอะไรกับสมาคมมังกรฟ้า ที่เป็นแบบนี้เพราะคนจากสมาคมได้รับการสนับสนุนจากสมาคมทางใต้ และเพราะแบบนี้เองจึงทำให้เมืองอันยางในตอนนี้ตกอยู่ในความหายนะครั้งใหญ่ ลู่โจวที่เห็นพวกคนจากสมาคมมังกรฟ้าถูกฆ่าไปไม่ได้รู้สึกสงสารอะไรพวกนั้นเลยแม้แต่น้อย
“หวังฟูกุ่ย ข้าอยากให้เจ้าช่วยตรวจสอบเรื่องที่คนสกุลมู่ทำเมื่อเร็วๆ นี้ที เจ้าพวกนั้นทำอะไรที่ผิดปกติก็รีบแจ้งให้ข้าทีนะ”
“ข้าน้อยจะไปเดี๋ยวนี้”
“ช้าก่อน”
“มีอะไรงั้นหรอครับท่าน? “
“เจ้าน่ะเอาของชิ้นนี้ติดตัวไป ถ้าหากมีใครเห็นของชิ้นนี้แล้วจะต้องไม่มีใครกล้าหยุดเจ้าไว้อย่างแน่นอน เอาล่ะไปได้แล้ว”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ของทั้งหมดที่จีเทียนเด๋ามีล้วนแต่ถูกระบบลบหายไปจนหมดแล้ว แต่ถึงแบบนั้นสารพัดของที่จีเทียนเด๋าเคยปล้นมายังมีสิ่งหนึ่งยังคงอยู่ มันเป็นเหรียญตราที่มาจากสมาชิกในราชวงศ์นั่นเอง ซึ่งลู่โจวพบเหรียญตราอันนี้ในศาลาปีศาจลอยฟ้าของเขา
ในช่วงบ่ายของวันนั้น…
ลู่โจวในตอนนั้นที่ไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไปจึงได้หลับตาพักผ่อนลง ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้กระโดดลงมาจากหลังคาอีกครั้ง หลังจากนั้นเธอก็ทักทายลู่โจวด้วยรอยยิ้มอันแสนสดใส “ท่านอาจารย์! “
ลู่โจวที่ลืมตาตื่นขึ้นขมวดคิ้วเล็กน้อย “คุกเข่าลงซะ! “
ฟรึบ!
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้คุกเข่าลงไปในทันที ตอนนั้นรอยยิ้มที่แสนสดใสที่เคยอยู่บนใบหน้าก็ได้จางหายไปแล้ว “ศิษย์ผิดไปแล้วท่านอาจารย์! ศิษย์ไม่ควรที่จะฆ่าเจ้าพวกนั้นเลย! “
“ข้าน่ะไม่ได้ตำหนิเจ้าเรื่องนั้นหรอกนะ”
“ฮะ? “
“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรอ เวลาเข้าไปที่บ้านของใครก็แล้วแต่ให้เข้าจากทางประตูหน้าน่ะ เจ้าน่ะคงจะลืมคำพูดของอาจารย์คนนี้ไปแล้วอย่างงั้นสินะ? คำพูดของข้าเป็นเพียงแค่ลมผ่านหูล่ะสิ? “
“ศิษย์ผิดไปแล้วท่านอาจารย์! ครั้งนี้ศิษย์มีเรื่องรีบร้อน ศิษย์ก็เลย…ลืมไป ศิษย์สัญญาว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีก” หยวนเอ๋อที่คุกเข่าอยู่ได้ก้มหัวเคารพลู่โจวในทันที
ถ้าลู่โจวได้อภัยให้กับหยวนเอ๋อในทุกๆ ครั้ง ลูกศิษย์คนนี้จะต้องทำผิดซ้ำๆ ซากๆ อย่างแน่นอน เธอคนนี้ก็คงจะไม่ได้บทเรียนอะไรเลย ลู่โจวที่คิดแบบนั้นได้ชี้ไปที่หินก้อนหนึ่งก่อนที่จะพูดขึ้น “เจ้าน่ะนอนคว่ำหน้าซะ”
“ฮะ? “
“ถึงแม้ว่านิสัยใจจริงของเจ้าจะเป็นคนจิตใจดี แต่ถึงแบบนั้นเจ้าก็ยังไม่คำนึงถึงกฎเกณฑ์หรือสิ่งที่ข้าพูดเลย และเพราะผู้เป็นพ่อเป็นแม่ของเจ้าไม่ได้สั่งสอนเจ้ามา ข้าผู้เป็นอาจารย์จะสั่งสอนเจ้าแทนหน้าที่ของพวกเขาเอง! “
หยวนเอ๋อตัวน้อยได้เดินไปที่หินก้อนนั้นก่อนที่จะนอนคว่ำลงอย่างเชื่อฟัง ลู่โจวในตอนนี้รู้ดีว่าไม่สามารถที่จะอ่อนข้อให้กับเธอได้อีกต่อไป ดังนั้นตัวเขาจึงยกมือขึ้นมาก่อนที่จะรวบรวมพลังเอาไว้ที่ฝ่ามือ ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ใช้มือที่เปี่ยมไปด้วยพลังของเขาฟาดไปที่บั้นท้ายของหยวนเอ๋อ
เพรี๊ยะ!
“ฮิฮิ! ศิษย์ไม่เจ็บเลยแม้แต่นิดเดียว…”
“คิดว่าจะหลอกข้าได้อย่างงั้นหรอ! ” ลู่โจวพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “ยกเลิกการใช้พลังป้องกันซะ! “
“ท่านอาจารย์! ศิษย์ผิดไปแล้ว ศิษย์จะไม่ทำอีก ศิษย์สัญญาเพราะงั้นท่านอาจารย์ได้โปรดเมตตาด้วย! ” หยวนเอ๋อได้ขอร้องอ้อนวอนออกมา
“ยกเลิกพลังนั่นซะ”
“…”
หากไม่มีพลังในการป้องกัน หยวนเอ๋อในตอนนี้ก็คงไม่ต่างอะไรจากเด็กผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่ง แต่ถึงแบบนั้นการทำผิดก็ไม่อาจที่จะปล่อยปละละเลยไปได้ ถ้าหากลู่โจวอ่อนข้อให้กับเธอ เธอคนนี้ก็จะทำผิดต่อไปเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าลู่โจวจะเมินเฉยถึงเรื่องนี้ไปได้ในตอนที่อยู่ในภูเขาทอง แต่ภายในเมืองอันยางแห่งนี้ การที่จะทำอะไรแบบนั้นมันจะทำให้ดึงดูดความสนใจของคนอื่นมากเกินไป ลู่โจวไม่อยากให้ใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขารวมไปถึงหยวนเอ๋อ ดังนั้นตัวเขาจะต้องลงโทษหยวนเอ๋อนั่นเอง ลู่โจวไม่อยากให้เธอทำผิดอีกเป็นครั้งที่สาม
เพรี๊ยะ!
“ท่านอาจารย์ ศิษย์เจ็บ! “
การตีสั่งสอนของลู่โจวไม่ต่างอะไรไปกับการใช้ไม้เรียว ถึงแม้ว่าตัวเขาจะมีวรยุทธ์อยู่ในขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ แต่ถึงแบบนั้นเขาก็สามารถรวบรวมพลังเพื่อลงโทษสั่งสอนเด็กผู้หญิงคนหนึ่งได้อยู่ดี
เพรี๊ยะ! เพรี๊ยะ! เพรี๊ยะ!
หลังจากตีไปถึงสามครั้ง ในตอนนั้นเองลู่โจวก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ในสมัยที่จีเทียนเด๋ายังคงอยู่ ในตอนนั้นเขาไม่เคยลงโทษหยวนเอ๋อมาก่อนเลย จีเทียนเด๋าเคยลงโทษตั้งแต่ศิษย์คนแรกจนไปถึงศิษย์คนที่แปด ตัวเขานั้นเคยทำให้ศิษย์ทุกคนถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสมาแล้ว
หลังจากที่ลงโทษหยวนเอ๋อไป ในตอนนั้นเองใบหน้าของหยวนเอ๋อก็เต็มไปด้วยความคับแค้นใจ ที่ดวงตาของเธอนั้นมีน้ำตาไหลริน
ถึงแม้ว่าหยวนเอ๋อคนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าคนอื่นจะกลายเป็นปีศาจผู้น่ากลัว แต่เมื่อเธออยู่ต่อหน้าลู่โจวแล้ว เธอก็ยังคงเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโตเสมอ นอกจากเธอจะต้องถูกพรากมาจากอกของผู้เป็นพ่อแม่ ถึงจะเป็นแบบนั้นเธอก็ยังมีศิษย์พี่ของเธอคอยให้ความช่วยเหลืออยู่เสมอ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นลู่โจวก็ไม่คิดว่าความรักของศิษย์พี่ทั้งหลายจะสามารถทดแทนความรักของผู้เป็นพ่อแม่ได้ ในสายตาของเธอคงจะมีแต่อาจารย์เพียงเท่านั้นที่จะสามารถพึ่งพาได้ และการที่ถูกคนที่ไว้ใจลงโทษทำร้ายร่างกายแบบนี้จะไม่ทำให้หยวนเอ๋อรู้สึกคับแค้นใจได้ยังไงกัน?
“เจ้าน่ะลุกขึ้นซะ” ลู่โจวได้เก็บมือทั้งสองข้างของเขาเอาไว้ที่ด้านหลัง
“ท่านอาจารย์ศิษย์เจ็บมาก”
“ดีมาก ข้าอยากให้เจ้าจำความรู้สึกนี้เอาไว้ ถ้าหากเจ้ากล้าลืมสิ่งที่ข้าได้สั่งสอนเอาไว้อีก ข้าก็อยากให้เจ้านึกถึงเรื่องในตอนนี้เอาไว้ซะ”
“ศิษย์จะทำตาม! ” หยวนเอ๋อที่รับปากได้เม้มฝีปากน้อยๆ ของเธอ
“ติ้ง! คุณได้สั่งสอนหยวนเอ๋อ คุณได้รับ 300 แต้มบุญ”
ลู่โจวได้จ้องมองไปที่ค่าความจงรักภักดีของหยวนเอ๋อ แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย หรือว่าถ้าหากลูกศิษย์คนไหนมีค่าความจงรักภักดีมากกว่า 80% อยู่แล้วลูกศิษย์คนนั้นก็จะไม่มีค่าความจงรักภักดีลดลงตราบใดที่ตัวเขาไม่ได้ทำให้ลูกศิษย์คนนั้นผิดหวังอย่างงั้นสินะ
หยวนเอ๋อนั้นยังเด็กมากนัก…และเพราะแบบนั้นแล้วเธอจึงสั่งสอนได้ง่ายที่สุด นี่ไม่เหมือนกับศิษย์พี่ของพวกเธอ
ลู่โจวที่คิดแบบนั้นได้ส่ายหัวอีกครั้ง ตอนนี้ดูเหมือนว่าหนทางยังอีกแสนยาวไกล ตัวเขานั้นรู้เรื่องนี้ดี
แม้ว่าการลงโทษในครั้งนี้จะทำให้หยวนเอ๋อรู้สึกคับแค้นใจ แต่หลังจากที่เธอยืนขึ้นแล้ว เธอก็เม้มริมฝีปากพูดขึ้นมาอีกครั้ง “สมาคมมังกรฟ้าบอกกับข้าว่าไม่มีสมาคมริมแม่น้ำอยู่จริง นั่นเป็นเพียงสมาคมปลอมๆ ที่ถูกจัดตั้งขึ้นอย่างชั่วคราวของเหล่าผู้ฝึกยุทธ์เท่านั้น…”
“ถูกจัดตั้งขึ้นชั่วคราวอย่างงั้นหรอ? “
“ใช่แล้วค่ะ เจ้าพวกนั้นโกหกศิษย์และพาคนจากทางการมาจัดการกับศิษย์ ศิษย์ที่โกรธก็เลยสั่งสอนพวกนั้นไป”
“สั่งสอนอย่างงั้นหรอ? “
“เอ่อ…ศิษย์ฆ่าเจ้าพวกนั้นไปแล้วน่ะ” หยวนเอ๋อที่พูดแบบนั้นได้แก้ตัวออกมาอย่างเร่งรีบ “เจ้าพวกนั้นได้เรียกยอดฝีมือมา ถ้าหากศิษย์ไม่ตอบโต้กลับไป ศิษย์ก็คงจะไม่ได้กลับมาหาท่านอาจารย์อีก…”
“พอแล้วล่ะ ใครหน้าไหนกันที่จะรังแกเจ้าได้ถ้าหากเจ้านั่นไม่ได้เป็นยอดฝีมือจนมีวรยุทธ์ถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้? ” ลู่โจวได้ใช้น้ำเสียงที่แฝงไปด้วยการตำหนิพูดขึ้น
หยวนเอ๋อในตอนนั้นไม่กล้าที่จะพูดออกมาอีกต่อไป
ลู่โจวได้คำนวณเวลาแล้ว จนถึงตอนนี้ควรจะเป็นเวลาที่หวังฟูกุ่ยกลับมาถึง แต่ตอนนี้เขายังไม่กลับมา หลังจากที่คิดไปสักพักลู่โจวก็ได้พูดออกมาอีกครั้ง “ตอนนี้หวังฟูกุ่ยยังไม่กลับมา เจ้าน่ะตามข้ามาซะ”
“ศิษย์เข้าใจแล้วค่ะ! “
ทั้งสองคนได้ออกจากบ้านของคนสกุลซีก่อนที่จะเดินออกไปที่ถนนใหญ่และมุ่งหน้าไปหาบ้านสกุลมู่ด้วยกัน
…
ที่พระราชวังจันทรา
ในตอนนั้นเองจ้าวยู่ดูเป็นกังวลและกระสับกระส่ายจนดูผิดปกติ เธอเดินไปเดินมาอย่างไม่หยุดพัก
“ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ไม่ต้องกังวลหรอกนะ ตอนนี้เรื่องก็มาจนถึงขั้นนี้แล้ว คงไม่มีอะไรที่จะทำให้พวกเรากลับไปเสียใจได้อีก พวกเราจะต้องไปให้สุด” ยี่เทียนซินที่เดินมาจากด้านหลังได้พูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“ศิษย์น้อง เจ้าน่ะไม่เข้าใจอะไรซะแล้ว ข้าน่ะไม่ได้กังวลถึงเรื่องที่พวกเราทำกันในเมื่อเดือนก่อน ข้าน่ะรู้ดีว่าตาแก่นั้นทั้งเป็นคนที่เจ้าอารมรณ์และเห็นแก่ตัวสุดๆ แต่เมื่อไม่นานมานี้ตาแก่นั้นกับเปลี่ยนแปลงไป”
“เปลี่ยนแปลงอย่างงั้นหรอ? เปลี่ยนแปลงอะไรกัน? “
“ถ้าหากจะให้บรรยายออกมาเป็นคำพูดเห็นทีคงจะยาก…ข้ารู้สึกว่านิสัยของเขาเปลี่ยนไป เขาดูอ่อนโยนและไม่ได้เป็นคนเจ้าอารมณ์อีกต่อไป” จ้าวยู่กำลังนึกถึงภาพต่างๆ หลังจากที่เห็นลู่โจวจัดการขับไล่เหล่ายอดฝีมือทั้งสิบ
ยี่เทียนซินที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้หัวเราะออกมา “ศิษย์พี่ ดูเหมือนศิษย์พี่จะกลัวขึ้นอีกระดับแล้วอย่างงั้นสินะ ศิษย์พี่น่ะเอาชีวิตรอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้และศิษย์พี่ก็ได้ทิ้งตาแก่นั้นมาแล้ว ศิษย์พี่ไม่ควรจะกลัวอีกต่อไปแล้วนะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นจ้าวยู่ก็นึกถึงช่วงเวลาอันแสนเจ็บปวดที่เคยผ่านมา ในตอนนั้นเองเธอก็ได้ถอนหายใจ “บางทีข้าคงจะคิดมากไปจริงๆ …เจ้าน่ะคิดจะใช้ข้าเป็นเหยื่อล่ออย่างงั้นสินะ? “
“ถ้าหากตาแก่นั้นยังคงเป็นเหมือนเดิม ข้าก็คิดว่านี่คงจะเป็นเรื่องยากมากแน่ แต่ศิษย์น้องเล็กหยวนเอ๋อน่ะรู้สึกปลื้มตาแก่นั้นเป็นที่สุด ศิษย์น้องเล็กน่ะมีนิสัยที่เรียบง่ายก็เพราะว่าถูกพรากออกจากครอบครัวตั้งแต่เด็ก ถ้าหากศิษย์น้องเล็กรู้เรื่องในครั้งนี้เข้า เธอจะต้องกลับไปที่เมืองอันยางอย่างแน่นอน เมื่อเป็นแบบนั้นพวกเราก็แค่จับเธอเอาไว้ ในตอนนี้ศิษย์พี่สามและศิษย์พี่สี่กำลังยุ่งอยู่กับการซ่อมแซมม่านพลัง และเพราะแบบนั้นแล้วนี่ถือว่าเป็นโอกาสของพวกเรายังไงล่ะ โอกาสที่จะทำให้ตาแก่นั้นยอมใช้ไพ่ตายออกมา และเมื่อไพ่ตายของตาแก่นั้นหมดเมื่อไหร่ ตาแก่นั้นก็จะเสร็จเรา”
“เจ้าวางแผนจะทำอะไรกับเขากันหลังจากที่เขาใช้ไพ่ตายจนหมด? “
“มีคนต้องมากมายจากสำนักของพวกออร์โธดอกซ์ที่เดือดร้อนก็เพราะวีรกรรมของตาแก่นั่น ถ้าหากพวกเรากระจายข่าวนี้ให้กับเจ้าพวกนั้นได้รู้ล่ะก็ ศิษย์พี่คิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นกัน? ยิ่งเป็นสำนักดาบสวรรค์ด้วยแล้ว สำนักที่สูญเสียลู่ฉางเฟิงไป นั่นจะต้องสนุกแน่”
“แล้วถ้าหากเจ้าพวกนั้นยังกลัวอยู่ล่ะ? “
จ้าวยู่นั้นเป็นคนที่เห็นภาพนั้น ภาพที่ผู้ฝึกยุทธ์นับหมื่นรวมไปถึงเหล่ายอดฝีมือทั้งสิบต่างก็หนีเอาชีวิตรอดจากอาจารย์ของเธอ เธอไม่มีวันลืมภาพในวันนั้นไปอย่างแน่นอน บางทีจีเทียนเด๋านั้นอาจจะเป็นคนเพียงคนเดียวในโลกใบนี้ที่สามารถทำให้ผู้ฝึกยุทธ์นับหมื่นหนีไปด้วยความหวาดกลัวแบบนั้นได้
“ข้าได้แพร่ข่าวให้กับสำนักของยอดฝีมือทั้งสิบพวกนั้นแล้วว่าตาแก่นั้นมียาลับซ่อนเอาไว้ ยอดฝีมือทั้งเก้าที่เหลือนั้นไม่ใช่คนที่โง่งมหรอกนะ ในไม่ช้าเจ้าพวกนั้นจะต้องออกโรงอย่างแน่นอน ในตอนนี้ก็ขึ้นอยู่กับเวลาแล้วล่ะว่าจะช้าหรือจะเร็ว”
เมื่อพูดจบลูกน้องคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามาขัดจังหวะการสนทนา “นายท่าน ข้าเพิ่งจะได้รับจดหมายมาจากเมืองอันยาง สมาคมมังกรฟ้าถูกทำลายแล้ว ที่นั่นพวกเราพบเห็นเหรียญตราสัญลักษณ์ของราชวงศ์ภายในเมือง”