My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 32
ผู้ฝึกยุทธ์กว่าหลายสิบคนได้จ้องมองมายังพวกเขาทั้งสามคนในระหว่างที่ลอยอยู่กลางอากาศ และเมื่อเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้าไม่สู้ดี มู่หลงไห่ก็ได้ก้าวถอยหลังกลับไป ดวงตาของเขาเบิกเบิกกว้างขึ้นมาราวกับวัวที่กำลังจะถูกเชือด “นะ…นาย…นาย…นายท่าน จะ…เจ้าพวก…นั้นเป็นยอดฝีมือที่สามารถทะลวงพลังลมปราณได้ถึง 8 จุด นะ…นี่มัน…”
‘ข้าก็คิดอยู่แล้วว่านี่มันจะต้องเป็นกับดัก! ทำไมเจ้านี่ถึงยังมาที่ตรงนี้อีกล่ะ! ‘
“ข้าน่ะรู้ดี” ลู่โจวพยักหน้าตอบกลับไป
‘ฮะ? ‘ มู่หลงไห่ในตอนนี้อยากที่จะร้องไห้ออกมา ‘พวกเราจะตายกันหมดนี่ แล้วทำไมเจ้านี่ยังบอกว่ารู้อยู่แก่ใจอีกล่ะ? ทำไมกัน? ‘
มู่หลงไห่นั้นเติบโตขึ้นมาในครอบครัวสามัญชนที่ทำการค้าเป็นหลักเท่านั้น แม้ว่าตัวเขาจะเป็นเหมือนกับปลาต้นน้ำในโลกของการทำการค้า แต่ตัวเขาก็เป็นเพียงมดปลวกเท่านั้นเมื่ออยู่ในโลกของยุทธภพ โลกทั้งสองโลกนั้นมันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ตัวเขาที่อยู่ตรงนี้ไม่สามารถทำอะไรได้อีกต่อไป เมื่อเผชิญหน้ากับความกลัวในครั้งนี้? ตัวเขาในตอนนี้เพิ่งจะฝึกยุทธ์ได้ถึงขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ได้เพียงเท่านั้น และด้วยวรยุทธ์เพียงเท่านี้ตัวเขาจึงไม่มีคุณสมบัติที่จะยืนอยู่ต่อหน้าของยอดฝีมือที่มีระดับสูงเกินกว่ามหาราชครูไปได้
“นายท่าน ข้าคิดว่าพวกเราควรจะหนีตั้งแต่ตอนนี้! ” มู่หลงไห่ในตอนนั้นพูดแนะนำขึ้น ตัวเขารู้ดีว่าหยวนเอ๋อเองก็เป็นยอดฝีมือเช่นกัน ในตอนนี้ถึงแม้ว่าเด็กคนนี้จะเสียสละถ่วงเวลาให้อีกสักพัก เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็พอจะมีโอกาสที่จะหนีเอาชีวิตรอดไปได้
แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวในตอนนี้ก็ยังคงสงบและเยือกเย็น ตัวเขาในตอนนี้ทำเป็นเหมือนกับไม่ได้ยินคำพูดของมู่หลงไห่เลยแม้แต่คำเดียว ตัวเขายังจ้องมองไปยังยอดฝีมือเหล่านั้น
‘บ้า เจ้านี่มันจะต้องบ้าไปแล้วแน่! ‘
ในขณะเดียวกันหยวนเอ๋อเองนั้นก็ไม่ได้แสดงความเกรงกลัวอะไรออกมาเช่นกัน เธอในตอนนี้กำลังจ้องมองไปที่ผู้ฝึกยุทธ์ที่กำลังลอยอยู่บนท้องฟ้า ตัวเธอได้ใช้นิ้วมืออันเรียวบางชี้ไปที่คนเหล่านั้นก่อนที่จะนับเลขขึ้น “1, 2, 3, 4, 5 …”
“นี่เจ้าน่ะนับอะไรกัน? ” ศัตรูคนหนึ่งได้เอ่ยปากถามขึ้นมา เขาคนนั้นดูไม่สบอารมณ์เท่าไหร่นัก
หัวหน้าของกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกเราจะไม่ฆ่าคนนิรนาม เอ่ยนามของพวกเจ้ามาซะ! “
“มีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นมหาราชครู 12 คน” หยวนเอ๋อที่นับเลขเสร็จแล้วได้พูดออกมาอย่างสดใส
ผู้นำของกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ได้เงียบไปครู่หนึ่ง ตอนนั้นเขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้จะไม่รู้สึกอะไรกับยอดฝีมือทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้าเลย “ท่านผู้นั้นได้บอกกับพวกเราว่าให้ฆ่าใครก็แล้วแต่ที่จะมาช่วยตัวประกัน…”
ในตอนนั้นเองหัวหน้าของผู้นำก็ได้พยักหน้า “ถึงแม้ว่าพวกเราจะได้รับค่าตอบแทนมา แต่ถึงแบบนั้นการจะฆ่าคนที่มีวรยุทธ์แข็งแกร่งแบบเจ้าตั้งแต่อายุยังน้อยแบบนี้ เห็นทีคงจะต้องเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากแน่ แย่หน่อยนะที่เจ้าน่ะเข้ามาข้องเกี่ยวกับคนสกุลซีแบบนี้”
ผู้ฝึกยุทธ์อีก 11 คนที่ตอนแรกอยู่ด้านหลังได้กำลังเคลื่อนที่ไปล้อมหยวนเอ๋อในพริบตา
“ใครกันที่จ่ายค่าตอบแทนให้กับพวกเจ้า? ” ลู่โจวได้ใช้เสียงอันแหบแห้งถามออกไป
“เจ้าน่ะเป็นใครกัน ตาแก่? ” ผู้นำของผู้ฝึกยุทธ์ได้จ้องมองไปยังลู่โจวและมู่หลงไห่ เมื่อพวกผู้ฝึกยุทธ์สัมผัสได้ว่าหนึ่งในนั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ และอีกคนหนึ่งนั้นเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นรู้แจ้งเห็นจริงเท่านั้น ดังนั้นพวกผู้ฝึกยุทธ์ทั้งหมดจึงไม่ได้รู้สึกอยากที่จะใส่ใจอะไร
ลู่โจวในตอนนั้นเองก็ส่ายหัว ตัวเขารู้ดีว่าทั้งเหตุผลทั้งหมดรวมไปถึงกฎเกณฑ์ที่มีอยู่ในโลกต่างก็ถูกกำหนดโดยผู้ที่แข็งแกร่งเพียงเท่านั้น
“หยวนเอ๋อ” ลู่โจวได้หันไปทางหยวนเอ๋อตัวน้อย
หญิงสาวตัวน้อยได้ยิ้มให้กับลู่โจว ตัวเธอในตอนนั้นได้กางแขนก่อนที่จะใช้เท้าเตะพื้นอย่างเบาๆ ก่อนที่เธอจะลอยขึ้นไปเท้าของเธอก็ได้ทิ้งหลุมเอาไว้บนพื้นดิน
“ฮะ? ” มู่หลงไห่ในตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้ที่โง่งมโดยสมบูรณ์แบบ ตัวเขาไม่เคยเจอใครที่เป็นแบบนี้มาก่อน ถึงแม้ว่าศัตรูตรงหน้าจะมีวรยุทธ์อยู่ที่ขั้นมหาราชครู แต่ถึงแบบนั้นบรรยากาศรอบๆ ตัวของพวกเขาก็ต่างจากตัวของหยวนเอ๋ออยู่ดี
“ฆ่าเจ้าเด็กนั่นซะ! “
ทันทีที่ผู้นำออกคำสั่ง ในตอนนั้นเองเสียงหัวเราะของหยวนเอ๋อก็ได้ดังขึ้นไปทั่วหุบเขา หลังจากนั้นหยวนเอ๋อก็ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
“วิชาตัวเบาท่องทะยานเมฆาแห่งดวงดาวทั้งเจ็ด” เคล็ดวิชานี้เองเป็นเคล็ดวิชาส่วนสำคัญที่หยวนเอ๋อนั้นได้มาจากจีเทียนเด๋า เคล็ดวิชานี้เองจะทำให้ตัวของเธอนั้นสามารถใช้เท้าเหยียบย่ำไปบนอากาศได้ การเคลื่อนไหวดุจดั่งเงาลึกลับนั้นรวดเร็วเหมือนกับสายฟ้า
ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้นตัวเธอก็ได้อยู่ทุกหนทุกแห่งอยู่บนท้องฟ้า ในตอนนั้นเองดวงตาทั้งหมดของผู้ฝึกยุทธ์ต่างก็เบิกกว้างขึ้นมาในทันที
พึ่บ! พึ่บ! พึ่บ!
ผู้ใช้วรยุทธ์ขั้นมหาราชครูคนหนึ่งได้ถูกลูกเตะเข้าไปที่กลางอากาศ แต่แทนที่ตัวเขาคนนั้นจะล้มลงกับพื้น เขาคนนั้นกับถูกโยนลงไปที่พื้นดินอย่างรุนแรงแทน
พึ่บ! พึ่บ! พึ่บ!
มู่หลงไห่ตกตะลึงในภาพที่ตัวเขาเห็น ‘ผู้ใช้วรยุทธ์มหาราชครูที่เบิกเส้นพลังลมปราณทั้ง 8 ได้แข็งแกร่งมากขนาดนี้เลยอย่างงั้นหรอ? ‘
“ติ้ง! คุณได้สังหารคยชั่ว คุณได้รับแต้มบุญ 10 แต้ม”
“ติ้ง! คุณได้สังหารคยชั่ว คุณได้รับแต้มบุญ 10 แต้ม”
…
ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ หยวนเอ๋อก็ได้ใช้ลูกเตะของเธอโจมตีไปที่ผู้ฝึกยุทธ์ที่อยู่กลางอากาศให้จมดินไป แต่ละคนที่ถูกโจมตีนั้นหัวของพวกเขาต่างก็กระแทกเข้ากับผืนพสุธา ใบหน้าของผู้โชคร้ายเหล่านั้นเต็มไปด้วยเลือดก่อนที่จะเสียชีวิตไปในทันที ตอนนี้เหลือเพียงผู้ฝึกยุทธ์คนสุดท้ายที่เหลืออยู่เท่านั้น เขาคนนั้นกำลังจ้องมองไปที่หยวนเอ๋อด้วยสีหน้าที่มีแต่ความว่างเปล่า ในตอนนี้ราวกับว่าศัตรูที่อยู่ตรงหน้าได้สูญเสียความสามารถในการคิดไปเพราะความกลัวไปเป็นที่เรียบร้อย
หยวนเอ่อตัวน้อยในตอนนั้นก็ได้ปรากฏตัวต่อหน้าเขา ในตอนนี้ใบหน้าของเธอดูสงบนิ่งไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ราวกับว่าคนที่เหลือรอดอยู่เป็นคนที่ได้ตายจากไปแล้ว หยวนเอ๋อในตอนนั้นได้โบกมือทักทายศัตรูคนสุดท้าย “เจ้าน่ะต้องการความช่วยเหลืออะไรไหม? “
“ไม่…ไม่มีทาง! ข้าน่ะลงไปด้วยตัวเองได้”
พึ่บ!
ผู้นำฝ่ายศัตรูคนนั้นได้ปล่อยตัวเองล้มลงไปกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง ในตอนนี้อย่างน้อยตัวเขาก็ยังสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ นี่คือสิ่งที่ชายคนนี้ได้แต่คิดเอาไว้
ทันทีที่ตัวเขาลงมาถึงพื้น ในตอนนั้นเองจมูกคนนั้นก็ได้แต่กลิ่นคาวเลือดเท่านั้น ‘ข้าเป็นใครกัน? ข้ามาทำอะไรที่นี่กันแน่? ‘ ในชั่วพริบตานั้นเองผู้ฝึกยุทธ์ฝ่ายศัตรูก็ได้ลืมทุกสิ่งทุกอย่างไป แต่แล้วตัวเขาที่นึกย้อนไปก็จำทุกสิ่งทุกอย่างได้ ใช่แล้วเขาเป็นคนที่รับงานลักพาตัวในครั้งนี้มาเอง งานที่เขาได้รับมาก็คือการลักพาตัวคนสกุลซีรวมไปถึงสังหารทุกคนก็แล้วแต่ที่จะพยายามาช่วยคนพวกนี้
…
ในที่สุดมู่หลงไห่ก็กลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง ตัวเขาได้แต่กลืนน้ำลาย ตัวเขาในตอนนี้รู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังฝันไป
ลู่โจวได้เดินมาจากด้านหลังอย่างช้าๆ “เจ้าน่ะทำได้ดีมาก! “
“ฮี่ฮี่! ท่านปู่ชมข้า! ” หยวนเอ๋อตัวน้อยตั้งใจเอาไว้ว่าจะไว้ชีวิตชายคนหนึ่งเอาไว้และจัดการกับคนที่เหลือ ในตอนนั้นเธอตกใจกับคำชมของลู่โจวมาก
ลู่โจวในตอนนั้นได้เหลือบตาไปมองชายผู้รอดชีวิตพร้อมกับพูดออกมาอย่างเย็นชา “ใครกันที่เป็นผู้บงการพวกเจ้า? “
ชายคนที่เหลือรอดได้เงยหน้ามองชายชราที่อยู่ตรงหน้า เขาคนนั้นได้พูดออกมา “ข้าเองก็ไม่รู้”
“แล้วตัวประกันล่ะ อยู่ที่ไหนกัน? “
“มีคนพาพวกเขาไปแล้ว”
“ใครกัน? “
“ข้า…ข้าเองก็ไม่รู้”
“เจ้าเคยเห็นใบหน้าของเจ้านั่นไหม? “
“ไม่…”
ดูเหมือนว่าจะไม่ได้คำตอบอะไรออกมาจากปากชายคนนี้เลย หยวนเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นรู้สึกไม่พอใจมาก ในตอนนั้นลู่โจวได้แต่ขมวดคิ้วก่อนที่จะจ้องมองไปยังชายผู้เป็นผู้นำที่เหลือรอดอยู่ ในตอนนั้นเองชายที่เหลือรอดได้แต่วางมือคุกเข่าอยู่เพียงเท่านั้น ตัวเขากำลังสั่นเทาไปทั้งตัว
“ฆ่ามันซะ! ” ลู่โจวได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันแผ่วเบา
“อะไรนะ! เจ้าน่ะจะไม่ถามอะไรอีกแล้วอย่างงั้นหรอ ช้าก่อน! ข้าจะบอกทุกอย่างเอง! อย่าฆ่าข้าเลย! “
ลู่โจวไม่ได้มองไปที่ชายคนนั้นอีกต่อไป ตัวเขาในตอนนั้นได้เอามือประสานไว้ที่หลังก่อนที่จะก้าวเดินต่อไป
หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้หัวเราะออกมา “ทำไมตอนนี้เจ้าจะยอมบอกแล้วล่ะ? “.
ไม่ใช่ว่าชายที่เป็นผู้นำคนนี้ไม่ต้องการที่จะบอกอะไรกับพวกลู่โจว เขาคนนี้เป็นถึงยอดฝีมือที่สามารถฝึกฝนวรยุทธ์ไปถึงขั้นมหาราชครูได้ ตัวเขาในตอนนี้ได้พ่ายแพ้ให้กับการต่อสู้ไป ดังนั้นตัวเขาจึงรู้สึกละอายแก่ใจที่จะต้องเปิดเผยทุกอย่างในทันทีแบบนี้
“คนสกุลซีทั้งหมดอยู่ที่หุบเขาตะวันฟ้า แต่ผู้นำครอบครัวตระกูลซีน่ะถูกแยกจากกันไป ข้าน่ะ…ข้าเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครที่เป็นผู้จ้างวานในครั้งนี้! “
ชายที่เป็นผู้นำได้บอกข้อมูลสำคัญทั้งหมดออกมาในทันที แต่ตอนนั้นลู่โจวก็ไม่ได้หันหลังกลับมา ตัวเขากำลังคิดว่าถ้าหากคนกลุ่มนั้นเป็นลูกศิษย์ของตัวเขาจริง ตัวเขาจะทำยังไง ตอนนี้ตัวเขามีการ์ดระเบิดจุดสุดยอดหลงเหลืออยู่ก็จริง แต่ถึงแบบนั้นการที่ตัวเขาจะใช้การ์ดที่มีเพื่อค้นหาลูกศิษย์ก็คงจะเป็นอะไรที่เกินเลยไปซะหน่อย
หยวนเอ่อที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้พูดต่อไป “ท่านปู่ ท่านน่าทึ่งมากจริงๆ! เจ้านี่ยอมบอกทุกอย่างออกมาหลังจากที่ทำให้เขากลัว! “
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ส่ายหัวของตัวเอง “ข้าน่ะไม่ได้อยากทำให้เจ้านั่นกลัวหรอกนะ”
“ท่านปู่? “
“สถานที่แห่งนี้จะต้องเป็นกับดักแน่นอน ดังนั้นผู้จ้างวานก็เลยจงใจทิ้งข้อความเหล่านี้เอาไว้โดยเจตนา ยังไงซะเจ้านี่ก็จะต้องบอกเราอย่างแน่นอน ไม่อย่างงั้นเจ้านี่ก็คงจะรักษาชีวิตเอาไว้ไม่ได้”
แต่ถึงแบบนั้นชายคนนี้ก็ยังมีค่าอยู่ เขาคนนี้จะช่วยให้ตัวของลู่โจวนั้นสามารถรับแต้มบุญเพิ่มมากขึ้นได้
“…”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ผู้นำคนนี้ก็ถึงกับทรุดตัวลงกับพื้น ใบหน้าของเขาซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด
…
ที่พระราชวังจันทรา…
ในตอนนั้นเองเหล่าผู้ฝึกยุทธ์หญิงกว่าหลายสิบคนกำลังร่อนเร่ไปตามภูเขาก่อนที่จะเดินลงไปทีละคน
ที่แห่งนี้เป็นพื้นที่ฝึกยุทธ์ที่เป็นเหมือนกับดินแดนสุดมหัศจรรย์ ผู้ฝึกยุทธ์หญิงทั้งหมดที่เคยฝึกฝนตัวเองอยู่ที่นี่ต่างก็เป็นเหมือนกับนางฟ้าที่ได้อาศัยอยู่ในธรรมชาติอันแสนงดงาม ใครจะคิดกันว่าสถานที่แห่งนี้จะเป็นสถานที่ของพระราชวังจันทรา สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่ยี่เทียนซินอาศัยอยู่ เธอคนนี้ได้สังหารคนไปมากมายภายใต้ชื่อของเพรชฆาตหน้าหยก
“นายท่าน พวกเราได้รับจดหมายมาค่ะ ตอนนี้ชายชราคนหนึ่งกับหญิงสาวได้เข้ามาที่บ้านของครอบครัวสกุลซีแล้ว”
ยี่เทียนซินและจ้าวยู่ที่ได้ฟังแบบนั้นถึงกับยืนขึ้นเมื่อได้ยินแบบนั้น
“แล้วยืนยันตัวตนของเจ้าพวกนั้นแล้วรึยัง? “
“พวกเขาทั้งหมดดูคล้ายกับคนในภาพวาดมาก แต่คนของเราไม่กล้าที่จะยืนยันเรื่องนี้”
คล้ายอย่างงั้นหรอ?
ยี่เทียนซินในตอนนั้นได้หัวเราะก่อนที่จะพูดออกมา “ตาแก่นั้นจะต้องไม่มีวันที่จะพรางตัวอย่างแน่นอน เท่าที่รู้ในตอนนี้ศิษย์พี่สามกำลังได้รับบาดเจ็บอยู่ สำนักเที่ยงธรรมในตอนนี้เองก็กำลังส่งยอดฝีมือไปที่ภูเขาทอง นอกจากนี้การตายของลู่ฉางเฟิงเจ้าสำนักของสำนักดาบสวรรค์ยังทำให้เจ้าสำนักคนก่อนอย่างลู่เซียงคงจะต้องมองหาโอกาสในการแก้แค้นให้ลูกชายอยู่แน่ ศิษย์พี่สี่เพียงคนเดียวก็คงไม่อาจที่จะต้านทานเหล่ายอดฝีมือที่ฝึกฝนตัวเองถึงระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้หรอก”
จ้าวยู่รู้ดีว่าศิษย์น้องของเธอคนนี้ต้องการที่จะบอกอะไร นี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้วที่จีเทยนเด๋าจะใช้ไพ่ตายที่ซ่อนอยู่
“จะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าหากทั้งสองคนนั้นไม่ใช่ผู้แอบอ้าง? “
ยี่เทียนซินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้หัวเราะต่อไป “ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงเจ้าแก่นั่นก็ตกหลุมพรางของพวกเราไปแล้ว! “
“นายท่านพวกเราได้รับจดหมายมาอีกหนึ่งฉบับ ตอนนี้ผู้ใช้วรยุทธ์ที่ตั้งสมาคมริมแม่น้ำอยู่ที่หุบเขาตะวันฟ้าได้ตายไปหมดแล้ว ครอบครัวสกุลซีทั้งหมดก็ถูกช่วยเหลือออกไปหมด ตอนนี้เหลือเพียงผู้นำตระกูลเท่านั้น นอกเหนือจากนั้นถูกช่วยเหลือไปหมดแล้วค่ะ”
ยี่เทียนซินตาสว่างขึ้นมาในทันที ตอนนี้ตัวเธอดูไม่ได้ประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย “คนที่สามารถสังหารผู้ใช้วรยุทธ์ที่ตั้งสมาคมริมแม่น้ำขึ้นมาได้ คนคนนั้นจะต้องเป็นศิษย์น้องเล็กของพวกเราแน่”
ในตอนนี้เหลือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นศักดิ์สิทธิ์เหลืออยู่ไม่มากเท่าไหร่นัก เหล่ายอดฝีมือทั้งหมดที่มาจากพวกออร์โธดอกซ์ก็ไม่มีเหตุผลที่จะช่วยเหลือตระกูลเล็กๆ แบบนี้ มีเพียงหยวนเอ๋อคนเดียวเท่านั้นที่จะมีแรงจูงใจมากพอ
“ส่งจดหมายไปถึงราชาปีศาจซะ บอกเขาว่าแผนการของพวกเรายังคงดำเนินต่อไปไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง บอกเขาให้เตรียมพร้อมสำหรับแผนการขั้นต่อไปซะ”
“ข้าเข้าใจแล้ว!”