My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 33
จ้าวยู่ในตอนนี้ได้ยิ้มก่อนที่จะพูดออกมา “ศิษย์น้องแปดหน้าด้านพอที่จะเรียกตัวเองว่าเป็นราชาปีศาจได้เลยอย่างงั้นหรอทั้งๆ ที่มีวรยุทธ์เพียงแค่นั้นอะนะ”
ในบรรดาสาวกทั้งเก้าของจีเทียนเด๋า ซู่ฮ่องกงศิษย์คนที่แปดของเขาแข็งแกร่งกว่าหยวนเอ๋อเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นหยวนเอ๋อที่เป็นศิษย์มากว่า 5 ปีก็ได้ฝึกฝนตัวเองจนแซงหน้าของซู่ฮ่องกงไปแล้ว ดังนั้นจ้าวยู่จึงคิดว่าศิษย์น้องคนที่แปดคนนี้ไม่เอาไหนมาโดยตลอด คนไม่เอาไหนแบบนี้ไหนเลยที่จะกล้าเรียกตัวเองว่าราชาปีศาจ
ยี่เทียนซินที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ตอบกลับศิษย์พี่ของเธอไป “ไม่ใช่แค่น้องแปดที่อ่อนแอจนเกินไปหรอกนะ แต่ตาแก่นั้นนั่นแหละที่แข็งแกร่งเกินไป…”
คนทั้งโลกนั้นรู้ดีสิ่งที่จีเทียนเด๋าทำนั้นเรียกได้ว่าเป็น ‘สิ่งมหัศจรรย์’ เลยก็ว่าได้ สิ่งที่ตัวเขาได้ทำในช่วงที่หลายปีที่ผ่านมานั้นเหมือนกับปาฏิหาริย์ที่ไม่มีวันเป็นจริง ในช่วงที่จีเทียนเด๋ายังคงท่องไปทั่วยุทธจักร มีเพียงเหล่าสาวกของเขาเท่านั้นที่รู้ว่าท่านอาจารย์มหาวายร้ายคนนี้ทำอะไรได้บ้าง
…
หลังจากที่คนตระกูลซีทั้งหมดถูกช่วยเหลือไป ตอนนี้พวกเขาทุกคนต่างก็คุกเข่าให้กับลู่โจวก่อนที่จะทำความเคารพเพื่อแสดงความขอบคุณ ตามที่คาดการณ์เอาไว้ ตอนนี้ลู่โจวได้คนมาสวามิภักดิ์เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยคน ตัวเขาพบความจริงที่ว่าคนคนเดิมแม้ว่าจะโค้งคำนับสวามิภักดิ์สักกี่ครั้ง ตัวเขาก็จะไม่ได้แต้มบุญเพิ่มเติมอยู่ดี และเพราะแบบนี้จึงทำให้ลู่โจวรู้ได้ว่าระบบสวามิภักดิ์ของแต้มบุญนั้นมีโควตาจำกัดอยู่นั่นเอง
หยวนเอ๋อตัวน้อยได้พบกับแม่ของเธออีกครั้ง และการพบกับผู้เป็นแม่นั้นทำให้เธอรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากอยู่พักใหญ่ แต่น่าเสียดายที่พวกเธอนั้นไม่มีเวลาที่จะคุยกัน ลู่โจวขอให้หยวนเอ๋อส่งผู้เป็นแม่กลับที่พักไปซะก่อน ในตอนนี้ตัวพวกเขายังมีคนที่ต้องช่วยเหลืออยู่อีก “พ่อของเจ้าในตอนนี้กำลังตกอยู่ในมือของผู้ฝึกยุทธ์ที่พวกเราไม่รู้จัก พวกเราไม่รู้เลยว่าเจ้าพวกนั้นมีฝีมือมากน้อยแค่ไหน”
หลังจากที่ผ่านการต่อสู้สั้นๆ ที่หุบเขาตะวันฟ้าไป มู่หลงไห่ก็เริ่มเปลี่ยนความคิดที่มีเกี่ยวกับหยวนเอ๋อไป
“นายท่าน หลานสาวของท่านช่างแข็งแกร่งจริงๆ ทั้งๆ ที่มีอายุน้อยเพียงแค่นั้นแต่หลายของนายท่านกับเบิกเส้นพลังลมปราณทั้ง 8 จุดของวรยุทธ์ขั้นมหาราชครูได้ ข้ามั่นใจว่าเธอคนนี้จะต้องฝึกฝนตัวเองไปจนถึงขั้นศักดิ์สิทธิ์ได้อย่างแน่นอน” มู่หลงไห่ได้ยกย่องหยวนเอ๋อออกมาอย่างจริงใจ
ลู่โจวไม่ได้พูดอะไร ตัวเขาประสานมือไว้ด้านหลังก่อนที่จะเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรออกไปสักคำ
หยวนเอ๋อในตอนนั้นได้ใช้มือบิดไปที่เส้นผมของตัวเธอหลังจากนั้นเธอก็เดินตรงไปหามู่หลงไห่ก่อนที่จะพูดว่า “เจ้าน่ะบ้าไปแล้ว! เจ้าน่ะมันเพี้ยนไปแล้ว”
“เฮ้อ…” มู่หลงไห่พูดออกมาอย่างลำบากใจ
“เจ้าคิดแบบนั้นสินะ? ถ้าหากเจ้าในตอนนี้ไม่ได้มีประโยชน์กับพวกเรา ข้าก็คงจะเตะเจ้าไปนานแล้ว…”
“…”
มู่หลงไห่รู้สึกได้ว่าตัวเขานั้นไม่สามารถรับมือกับเด็กหญิงตัวน้อยอารมณ์แปรปรวนคนนี้ได้จริงๆ ตัวเขาไม่สามารถที่จะยั่วยุอะไรเธอได้เลย แม้ว่าตัวเขาจะพูดยกย่องหยวนเอ๋อมากแค่ไหนก็ตาม ‘าการปิดปากตัวเองเอาไว้คงจะเป็นการดีกว่าสินะ…’ มู่หลงไห่ที่คิดแบบนั้นได้เร่งฝีเท้าเดินตามลู่โจวไป ‘ปู่ของเธอคนนี้ใจดีและพูดคุยได้ง่ายกว่ามาก’
หลังจากที่เดินไปได้สักพักมู่หลงไห่ก็ไม่สามารถที่จะเก็บความอยากรู้อยากเห็นได้อีกต่อไป “นายท่านครับ ทำไมถึงต้องรีบช่วยคนสกุลซีกลับไปที่บ้านแบบนี้กัน? มันจะไม่เสียแรงเปล่าไปหรอถ้าหากพวกเขาจะถูกลักพาตัวอีกครั้ง? “
ในตอนนั้นไม่ต้องรอให้ลู่โจวตอบกลับ หยวนเอ๋อที่อยู่ตรงนั้นได้ชิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว “เจ้าโง่! ท่านปู่ของข้าน่ะมีเหรียญตราจักรวรรดิอยู่ และเพราะแบบนั้นข้าจะมอบเหรียญตราอันนั้นมอบให้กับพวกเขาไป! “
มู่หลงไห่ในตอนนี้กลัวตายจนไม่กล้าที่จะพูดอีกต่อไป
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นได้พูดออกมาาอย่างใจเย็น “ไม่ต้องกังวลไปหรอก เป้าหมายของศัตรูในครั้งนี้ไม่ใช่คนจากสกุลซี”
“ข้าก็คิดแบบนั้น” มู่หลงไห่ที่ฟังแบบนั้นได้พยักหน้าเห็นด้วย “ถ้าหากเจ้าพวกนั้นต้องการเงิน เจ้าพวกนั้นก็คงจะพูดกับเราไปแล้ว แต่เจ้าพวกนั้นกับไม่ได้พูดอะไรแถมยังไม่ฆ่าใครสักคนอีกด้วย และเพราะแบบนี้เจ้าพวกนั้นจะต้องหมายตาอย่างอื่นเอาไว้อย่างแน่นอน แล้วเจ้าพวกนั้นหมายตาอะไรกันแน่? “
ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้ใช้มือของเธอชี้ไปยังท้องฟ้า “นั่นนกพิราบสื่อสาร! “
พรึบ!
หยวนเอ๋อได้บินไปกลางอากาศอย่างรวดเร็วก่อนที่จะคว้านกพิราบสื่อสารตัวนั้นเอาไว้
“นี่มันจดหมายจากพี่สี่! “
ลู่โจวในตอนนี้ไม่ได้ขอให้เธอเปิดอ่านขึ้นเหมือนกับครั้งก่อนๆ หยวนเอ๋อในตอนนั้นยื่นจดหมายให้กับตัวเขาไป หลังจากที่ลู่โจวอ่านจดหมายจบสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปในทันที
“จดหมายบอกอะไรบ้างคะท่านปู่? “
“ก็เป็นเรื่องอะไรที่น่าสนใจละนะ”
ด้วยการโบกมืออย่างเบาๆ ในตอนนั้นเองจดหมายทั้งหมดก็ได้แหลกสลายไป นกพิราบสื่อสารเองก็บินกลับขึ้นไปบนสายลม มู่หลงไห่ในตอนนี้กำลังยืนอยู่ในความเงียบสงบ เขาไม่แม้แต่จะกล้าถามอะไรเกี่ยวกับจดหมายฉบับนั้น
ลู่โจวได้มองไปยังทิวทัศน์ที่สวยงามด้านหน้าของเขาก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้ง “ส่งจดหมายให้กับพี่สี่ของเจ้าซะ บอกให้เจ้านั่นรอให้ข้ากลับไป”
“ค่ะ! “
จากสิ่งที่ปู่หลานคู่นี้ได้คุยกัน มู่หลงไห่ได้เดาเอาไว้ว่าทั้งสองคนนั้นคงจะมาจากสำนักอะไรสักอย่าง ในโลกของยุทธภพนั้นไร้ซึ่งขอบเขตใดๆ เป็นเรื่องปกติที่จะมีผู้ฝึกยุทธ์บำเพ็ญเพียรอย่างสันโดษ
“นายท่าน หัวหน้าของตระกูลซีไม่ได้ทิ้งตราประทับวิญญาณเอาไว้ ตอนนี้พวกเราไม่สามารถติดตามเขาได้อีกต่อไป ทำไมพวกเราถึงไม่…กลับกันล่ะ? ” มู่หลงไห่แนะนำลู่โจว
ลู่โจวเหลือบมองไปที่ชายเจ้าของเสียงก่อนที่จะตอบกลับไป “เจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเหรียญจักรวรรดิไหม? “
“เหรียญตราจักรวรรดิในโลกแห่งนี้สามารถระดมพลกองทัพของจักรวรรดิชั้นสูงนับแสนคนได้” มู่หลงไห่ได้พูดออกมา “กองทัพนั้นจะมีผู้บัญชาการทหารแปดคนด้วยกัน พวกเขาทั้งหมดจะอาศัยอยู่แต่ละด้านของเมืองหลวงในแต่ละมุมเมือง ว่ากันว่าผู้บัญชาการทหารทั้งสี่จากทางตอนเหนือล้วนแต่เป็นเหล่ายอดฝีมือระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ ส่วนทิศใต้, ตะวันออก และตะวันตกของเมืองหลวง ผู้บัญชาการจากทิศพวกนั้นเป็นเหมือนกับเกราะป้องกันกันที่แข็งแกร่งที่สุดไป ผู้บัญชาการทั้งแปดนั้นขึ้นตรงต่อจักรพรรดิคนเดียวเท่านั้น และสิ่งที่สั่งการผู้บัญชาการพวกนั้นได้จะมีเพียงผู้ที่ได้รับเหรียญตราจักรวรรดิเพียงเท่านั้น ที่เหรียญตราจักรวรรดิจะถูกสลักลวดลายของมังกรอันสวยงามและล้ำค่าเพื่อง่ายต่อการสังเกต”
ลู่โจวได้พยักหน้าให้กับเขา สิ่งที่มู่หลงไห่พูดออกมาทั้งหมดนั้นล้วนแต่เป็นความจริง หลังจากที่ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเอกลักษณ์สำคัญตัวเขาก็รู้ได้ทันทีว่าจีเทียนเด๋าในอดีตจะต้องแอบเข้าไปในพระราชวังก่อนที่จะขโมยเหรียญตราอันนี้ออกมาแน่ นับตั้งแต่วันนั้นเวลาก็ได้ผ่านพ้นไปนานมากแล้ว ตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว ไม่ว่าราชวงศ์ของจักรพรรดิจะโง่เขลามากสักแค่ไหน ยังไงซะพวกเขาก็ไม่ยอมปล่อยให้ผู้ใช้เหรียญตราจักรวรรดิปลอมๆ ระดมกองทัพหลวงได้แน่ แต่ยังไงซะความหมายสำคัญในเชิงสัญลักษณ์ของเหรียญตราก็ยังคงมีค่ามากอยู่ดี
“เจ้าที่รู้เรื่องเหรียญตรานี้ดีทำไมยังกล้าจับหวังฟูกุ่ยเอาไว้อีกกัน? “
มู่หลงไห่ในตอนนั้นได้ตอบกลับด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย “ข้าประมาทเกินไป ข้าไม่ทันสังเกตถึงลวดลายมังกรที่ถูกสลักเอาไว้”
ลู่โจวในตอนนั้นไม่ได้ถามอะไรต่อ ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้ชี้ไปข้างหน้าก่อนที่จะพูดขึ้น “ท่านปู่ พวกเรารีบเดินไปข้างหน้ากันเถอะ”
“ได้เลย ข้าจะเดินนำเอง”
ทั้งสามคนได้เดินลัดเลาะไปตามทะเลสาบก่อนที่จะเดินไปถึงทุ่งหญ้าที่ว่างเปล่าแห่งหนึ่งที่ถูกล้อมด้วยภูเขาเอาไว้ ในตอนนี้ไม่มีใครอยู่รอบๆ พวกเขาทั้งสามเลย หลังจากที่สังเกตสภาพแวดล้อมโดยรอบหมดแล้วลู่โจวก็ได้ใช้น้ำเสียงนุ่มลึกของเขาพูดขึ้น “เผยตัวของเจ้าออกมาซะ! “
ไม่มีใครโต้ตอบตัวเขาเลยแม้แต่น้อย ภายในภูเขาและป่าไม้มีเพียงเสียงนกอันไพเราะตอบกลับมาเพียงเท่านั้น แต่ในตอนนั้นไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น มู่หลงไห่จู่ๆ ก็รู้สึกอึดอัดขึ้นมา ในตอนนั้นเองหลังของตัวเขากำลังรู้สึกถึงความเหน็บหนาว มู่หลงไห่รู้ได้ทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องร้ายขึ้นแน่ และเพราะแบบนั้นตัวเขาจึงพยายามที่จะถอยกลับไป
พรึบ!
ในทันใดนั้นเองสัตว์ป่าทั้งหลายรวมไปถึงนกนาๆ ชนิดที่อยู่ในป่าต่างก็หนีไปอย่างสุดชีวิต ตอนนั้นเสียงหัวเราะอันชั่วร้ายก็ได้ดังขึ้น เสียงหัวเราะนั้นได้ดังกึกก้องไปทั่วป่า ในตอนนั้นเองชายชุดดำขก็ได้บินออกมาจากภูเขาลูกนั้น ชายคนนั้นได้บินลงมาอย่างช้าๆ ราวกับว่าตัวเขานั้นเบาดุจดั่งขนนก
มู่หลงไห่ที่เห็นแบบนั้นก็รีบก้าวถอยกลับไป “นี่มันพลังอันแข็งแกร่ง! นี่มันผู้ฝึกยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ ท่าไม่ดีแล้ว เจ้านี้จะต้องเป็นวายร้ายมาจากภูเขาทองแน่! นายท่านพวกเราน่ะหนีเร็ว! ” มู่หลงไห่พูดขึ้นอย่างรีบร้อนก่อนที่จะรีบวิ่งหนีไป แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่สามารถวิ่งไปไหนได้ รอบตัวของเขาถูกพลังที่มองไม่เห็นกีดขวางขั้นกลางเอาไว้
“มันสายไปแล้วล่ะที่จะวิ่งหนีในตอนนี้” เสียงอันแหบห้าวของชายคนนั้นได้ดังขึ้น
“ช่วยข้าด้วยนายท่าน! “
ลู่โจวกำลังยืนตรงไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ตัวเขางเอามือพาดหลังก่อนที่จะตัดสินพลังของชายที่อยู่ตรงหน้าของเขา ชายคนนี้แข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกยุทธ์ขั้นมหาราชครูที่สามารถทะลวงพลังลมปราณได้ถึง 8 จุดไปแล้ว ชายคนนี้จะต้องเป็นยอดฝีมือขั้นศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็ไม่คิดว่าชายคนนี้จะมีค่าพอให้ใช้การ์ดระเบิดจุดสุดยอด ชายคนนี้มีผมยาวสีดำปกคลุมใบหน้า และเพราะแบบนั้นเองจึงทำให้ลู่โจวไม่อาจที่จะเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา
“ถ้าหากพวกเจ้าเลือกที่จะหนีไปตั้งแต่อยู่ที่หุบเขาตะวันฟ้า พวกเขาก็คงจะสามารถหนีไปได้แล้วแท้ๆ แต่น่าเสียดาย…พวกเจ้าน่ะจบแล้ว! “
“ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสังหรณ์หยั่งรู้อย่างงั้นสินะ…” ชายคนนั้นได้ใช้ดวงตาของเขาสอดส่องผ่านช่องผมที่ว่างอยู่ ตัวเขาได้มองไปที่มู่หลงไห่รวมไปถึงลู่โจวก่อนที่จะเหลือบมองไปที่หยวนเอ๋อตัวน้อยเป็นคนสุดท้าย “…และก็เจ้าผู้ใช้วรยุทธ์ขั้นมหาราชครูที่สามารถทะลวงพลังลมปราณทั้ง 8 จุดได้ ฮึฮึ ดูเหมือนว่างานในครั้งนี้จะเป็นข้อตกลงที่ยุติธรรมละนะ”
หยวนเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นก็ได้หัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบกลับไป “ดูเหมือนว่านี้จะทำให้เสียเวลานานหน่อยนะ”
ชายคนนั้นได้หัวเราะออกมาอย่างเสียงดัง
หยวนเอ๋อในตอนนั้นกำลังจะพุ่งไปจัดการศัตรู แต่ในตอนนั้นลู่โจวก็ได้ใช้มือห้ามของเธอเอาไว้ซะก่อน ในตอนนั้นเองตัวเขาก็ได้ใช้มือลูบเคราก่อนที่จะพูดต่อไป “เจ้าน่ะยังใจร้อนไม่เปลี่ยนเลยนะ ชายคนนี้น่ะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นศักดิ์สิทธิ์ เจ้าน่ะอาจจะต้องได้สู้กับชายคนนี้แน่”
“โอ้! “
มู่หลงไห่ในตอนนั้นถึงกับพูดไม่ออก ‘เจ้านี้แม้ว่าจะเป็นคนที่ดูจิตใจดีมากแค่ไหนแต่ทำไมเขาถึงกลับกล้าที่จะพูดจาโอ้อวดแบบนั้นได้? ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะว่าหลานสาวของเขาที่สามารถเบิกเส้นพลังลมปราณทั้ง 8 ของขั้นมหาราชครูได้อย่างงั้นหรอ? ‘
“เจ้ารู้ไหมว่ากำลังคุยกับใครอยู่กันตาแก่? ” ชายคนนั้นได้ใช้มือชี้ไปที่ตัวของลู่โจวโดยตรง
“วิชาหยินทั้งสามจากลัทธิเต๋าอย่างงั้นสินะ? ” ลู่โจวในตอนนั้นพูดออกมาอย่างใจเย็น
เสียงนั้นเองทำให้ชายคนนั้นถึงกับชะงักไปในทันที ตัวเขาละสายตาจากหยวนเอ๋อก่อนที่จะสบตาไปยังลู่โจว สัญชาตญาณของตัวเขาในตอนนี้ได้บอกกับตัวเองเอาไว้ว่าชายชราที่อยู่ตรงหน้านั้นกำลังเก็บซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้ ความจริงที่สามารถบอกเคล็ดวิชาที่ตัวเขาได้ฝึกฝนตั้งแต่แรกเห็นได้นั้นเป็นความสามารถที่พิสูจน์ได้ว่าชายชราคนนี้เป็นสุดยอดฝีมือ
“เจ้าน่ะเป็นใครกัน? “
“เจ้าน่ะกำลังฝึกฝนการหายใจย้อนกลับอยู่อย่างงั้นสินะ พลังงานอันแสนเข้มข้นของสวรรค์และโลกจะต้องเดินพลังผ่านจุดหลาวกงก่อนที่จะเก็บสะสมไว้ในแขนที่จุดตันเถียนแทน วิธีนี้มันง่ายที่จะฝึกฝนแต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังมีข้อบกพร่องอยู่ กระดูกของเจ้าน่ะจะได้รับความเหน็บหนาว ตัวเจ้าในตอนนี้น่ะจะต้องรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างน้อยๆ ก็คงจะเป็น 10 วันต่อ 1 เดือนอย่างงั้นสินะ”
ลู่โจวหยุดพูดชั่วคราวก่อนที่จะพูดอีกต่อไป “เจ้าน่ะเหลือเวลาอีกแค่สามเดือนเท่านั้น! “