My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 50
หมิงซี่หยินแทบที่จะรอแสดงพลังใหม่ของเขาไม่ไหวแล้ว เขาได้ปล่อยพลังออกมาจากร่างกายในขณะที่เดินลงภูเขาไปด้วย เขาอยากที่จะลงไปยังเชิงเขาให้เร็วที่ และเมื่อมาถึงหมิงซี่หยินก็สังเกตเห็นชาวยุทธ์ที่อยู่ด้านนอกม่านพลังป้องกัน ตัวเขาที่เห็นเป้าหมายก็ได้แสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายก่อนที่จะพูดขั้น “พลังร่างอวตารกลีบดอกบัวแห่งร้อยวิถี! “
ในตอนนี้หมิงซี่หยินได้กลายเป็นยอดฝีมือผู้ที่มีวรยุทธ์ขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ไปแล้ว แม้ว่าพลังร่างอวตารของเขาจะสูงเพียงแค่ 20 ฟุต แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่พลังจากชาวยุทธ์ที่มีเพียงขั้นศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่อาจเทียบเคียงอะไรกับพลังของเขาได้เลย
เหล่าชาวยุทธ์หญิงทั้งหลายที่อยู่ด้านนอกของม่านพลังต่างก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไป
“พลังร่างอวตารอย่างงั้นหรอ? พลังร่างอวตารกลีบดอกบัวแห่งร้อยวิถี? ” ผู้นำของชาวยุทธ์หญิงที่เห็นแบบขมวดคิ้ว
“วิ่ง! ” ใครบางคนอยากที่จะวิ่งหนี
“ช้าก่อน…พลังร่างอวตารนี่มันเล็กมาก เจ้านี่คงจะเพิ่งฝึกฝนตัวเองถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ พลังร่างอวตารของปรมาจารย์มหาวายร้ายนั่นสูงเกินกว่า 100 ฟุตไปแล้ว เพราะงั้นนี่ไม่ใช่ปรมาจารย์คนนั้น! “
“และนอกจากนี้…พวกเราจะวิ่งหนีไปไหนกันได้อีกล่ะ? “
ในตอนที่เหล่าชาวยุทธ์หญิงพูดคุยปรึกษากันอย่างเป็นกังวล ในตอนนั้นเองร่างอวตารที่สูงกว่ายี่สิบฟุตก็ได้บินมาถึงหน้าของพวกเธอแล้ว
หมิงซี่หยินได้เหลือบมองพวกเธอก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเย็นชา “พวกเจ้าเป็นใครกัน? พวกเจ้ากล้าดีมากที่มาบุกภูเขาทองแบบนี้! “
เหล่าชาวยุทธ์หญิงทั้งหมดต่างคุกเข่าลงไปในทันที
“ฮืมม? ” หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นก็ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไม่คิดมาก่อนว่าชาวยุทธ์ที่กล้ามาบุกภูเขาทองจะยอมแพ้อย่างง่ายดายแบบนี้
ภาพที่หมิงซี่หยินคิดเอาไว้ก็คือภาพที่เขาใช้พลังที่มีสยบเหล่าชาวยุทธ์ทั้งหลาย แต่ตอนนี้พวกเธอทั้งหมดกับปฏิเสธที่จะต่อสู้ไป ตัวเขาไม่รู้เลยว่าทำไมศัตรูถึงคุกเข่าขอความเมตตาตั้งแต่แรกเจอ
เหล่าชาวยุทธหญิงได้หยิบเหรียญตราของเธอมาก่อนที่จะมอบให้กับหมิงซี่หยินไป พวกเธอทั้งหมดไม่รู้เลยว่าชายที่ลอยอยู่ตรงหน้าแท้จริงเป็นใครกันแน่ แต่ที่แน่ๆ ชายที่อยู่ตรงหน้าไม่ใช่ปรมาจารย์มหาวายร้ายคนนั้นอย่างแน่นอน
“พวกเราเป็นเหล่าชาวยุทธ์ที่มาจากวังจันทรา! ได้โปรดช่วยพวกเราด้วยท่านผู้อาวุโส! “
“ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย ท่านผู้อาวุโส! “
เหล่าชาวยุทธ์หญิงทั้งหลายต่างก็โค้งคำนับก่อนที่จะพูดขอร้องออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน
หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกผิดนิดหน่อย พวกเธอทั้งหมดไม่ได้คิดที่จะมาโจมตีภูเขาทอง พวกเธอทั้งหมดนี้มาเพื่อศิษย์น้องคนที่หกของตัวเขา
ลู่โจวในตอนนี้ได้ทำลายวรยุทธ์ของยี่เทียนซินและขังเธอเอาไว้ในถ้ำแห่งเงาสะท้อน ดังนั้นเหล่าศิษย์สาวกจากวังจันทราจึงสูญเสียผู้นำอย่างเธอไป ในตอนนี้สามสำนักใหญ่จากทางใต้ไม่ต้องการที่จะปะทะกับภูเขาทองแห่งนี้โดยตรง พวกสามสำนักใหญ่โกรธที่สูญเสียเหล่ายอดฝีมือทั้งหลายไปทำให้พวกนั้นระบายความโกรธมาที่วังจันทราแทน และเพราะแบบนั้นจึงทำให้ทางวังจันทราแบกหน้ามาถึงที่นี่เพราะอยากได้ความช่วยเหลือ
หมิงซี่หยินรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ที่ตรงหน้าของเขามีชาวยุทธ์หญิงกว่าร้อยคน บางคนก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส บางคนก็ทรงผมยุ่งเหยิงไม่เป็นทรง บางคนไม่สามารถทรงตัวยืนได้ด้วยซ้ำไป
หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นก็ได้ถอนหายใจก่อนที่จะปลดพลังร่างอวตารไป
“ผู้นำวังจันทราของเจ้าน่ะทรยศหักหลังให้กับท่านอาจารย์ของข้า ศิษย์น้องหกน่ะถูกขังไว้ที่ด้านหลังของภูเขาลูกนี้ และถ้าหากจะพิจารณาจากเหตุการณ์นั้น พวกเจ้าทั้งหมดจากวังจันทราเองก็มีส่วนผิดเช่นกัน ข้าน่ะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพวกเจ้าถึงกล้าแบกหน้ามาที่นี่ พวกเจ้าน่ะอยากจะทิ้งชีวิตแล้วสินะ? ” หมิงซี่หยินมองพวกเธอด้วยรอยยิ้มอันชั่วร้าย และเพราะรอยยิ้มนั้นทำให้พวกเธอรู้สึกกลัวจับใจ
ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่ปรมาจารย์ผู้ชั่วร้ายจากภูเขาทองคนเดียวเท่านั้นที่ชั่วร้าย ลูกศิษย์ของเขาเองก็ไม่ได้แตกต่างกัน
“ท่านผู้อาวุโส ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย เห็นแก่เจ้าของวังจันทรา เห็นแก่พวกเราด้วยเถอะ! ” ชาวยุทธ์หญิงหลายคนได้พูดขอร้องอ้อนวอนออกมา
เหตุการณ์นี้ทำให้หมิงซี่หยินรู้สึกตื่นตกใจมาก ชาวยุทธ์จากวังจันทราคงจะสิ้นหวังจริงๆ จนทิ้งศักดิ์ศรีมาขอร้องตัวเขาผู้ที่เป็นเหมือนกับศัตรูแบบนี้
“ไม่” หมิงซี่หยินพูดเสร็จก็ได้หันหลังให้กับพวกเธอ
‘เจ้าพวกนี้คิดจะมาล้อเล่นอะไรกัน? พวกมันจะอยู่หรือจะไปก็ไม่เห็นเกี่ยวกับตัวข้า คิดว่าโชคดีแค่ไหนแล้วที่ข้าไม่ได้จัดการกับพวกเจ้าไปน่ะ…’
หมิงซี่หยินที่กำลังจะจากไปได้ยินเสียงกระดิ่งที่แปลกประหลาดมาจากระยะไกล
“ฮะ? ” หมิงซี่หยินหันกลับไปมอง ในตอนนั้นเองท้องฟ้าก็ถูกปกคลุมด้วยเมฆดำมาจากระยะไกล เมฆดำทั้งหลายได้เข้าปกคลุมทิศทางที่เสียงกระดิ่งได้ดังขึ้น
เมื่อได้ยินเสียงกระดิ่ง เหล่าชาวยุทธ์หญิงทั้งหลายที่มาจากวังจันทราต่างก็มีสีหน้าที่ซีดเซียว พวกเธอทั้งหมดรู้สึกกลัวจนวิ่งเข้ามาใกล้กับม่านพลังมากยิ่งขึ้น น่าเสียดายที่มีเพียงแค่คนภูเขาทองเท่านั้นที่สามารถเดินผ่านม่านพลังป้องกันได้อย่างอิสระ ไม่ว่าพวกเธอจะพยายามมากแค่ไหน ม่านพลังที่อยู่ตรงหน้าก็ยังขวางกั้นพวกเธอเอาไว้ที่ด้านนอกภูเขา
หมิงซี่หยินไม่ได้สนใจกลุ่มสตรีที่อยู่ตรงหน้า เขาเพ่งสมาธิทั้งหมดไปที่เมฆดำตรงหน้าแทน จากสัญชาตญาณที่เขามีหมิงซี่หยินก็รู้ได้ทันทีว่าเมฆดำตรงนั้นมาพร้อมกับเจตนาร้าย ยิ่งไปกว่านั้นคนที่สามารถเดินทางมาด้วยวิธีนี้ได้จะต้องเป็นคนที่เก่งกล้าอย่างแน่นอน
“คนจากวิหารปีศาจมาถึงที่นี่แล้ว! “
“เจ้าพวกคนจากวิหารปีศาจ! “
“ท่านผู้อาวุโสได้โปรดให้พวกข้าเข้าไปด้วย”
“พวกเราทั้งหมดยินดีที่จะรับใช้ท่านผู้อาวุโสทุกอย่าง”
‘เจ้าพวกนี้ที่มาจากวังจันทราที่อยู่ภายใต้การนำของยี่เทียนซิน เป็นผู้ที่นำพายุร้ายมาที่นี่อย่างงั้นหรอ? ‘ หมิงซี่หยินกำลังคิดถึงกับสถานการณ์ทั้งหมด ตัวเขาที่มองไปที่ด้านหน้าก็รู้สึกสิ้นหวังแทนพวกชาวยุทธ์หญิง
เมื่อสูญเสียยอดฝีมือที่มีวรยุทธ์ระดับมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ไป พวกชาวยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ที่เหลือก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรต่อไปให้สำเร็จลุล่วงได้ ไม่ว่าพวกเธอจะแข็งแกร่งแค่ไหนแต่ถ้าหากขาดซึ่งผู้นำแล้วพวกเธอก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้
“วิหารปีศาจอย่างงั้นหรอ? ” หมิงซี่หยินรู้สึกแปลกๆ เขาคิดว่าวังจันทราจะถูกสามสำนักใหญ่ทางใต้โจมตี แล้วทำไมถึงเป็นวิหารปีศาจแทนล่ะ?
หมิงซี่หยินได้เหลือบมองไปที่เหล่าชาวยุทธ์หญิงอีกครั้ง ตัวเขาเองก็รู้สึกไม่เป็นสุขเช่นกันเมื่อเห็นความสั่นกลัวของอิสตรี
‘ไร้สาระสิ้นดี! เจ้าพวกนี้คิดว่ามันมีพลังอำนาจเหนือกว่าภูเขาทองอีกงั้นหรอ? ทำไมเจ้าพวกนี้ถึงกลัววิหารปีศาจมากกว่าภูเขาทองกันอีกล่ะ? ‘
เมื่อเมฆดำได้เข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น หมิงซี่หยินก็สามารถมองเห็นด้วยตาของตัวเองแล้วว่ามันคืออะไรกันแน่ มันไม่ใช่เมฆดำ แต่สิ่งที่เขาเห็นอยู่บนอากาศคือเหล่าชาวยุทธ์มากมายที่กำลังรวมตัวกันอยู่ พวกเขาทั้งหมดต่างก็สวมชุดคลุมสีดำ ที่ใจกลางนั้นมีรถม้าลายมังกรสีดำขนาดใหญ่ถูกสลักเอาไว้
“น่าสนใจดีนิ! ” หมิงซี่หยินที่เห็นแบบนั้นก็ได้ประสานมือเอาไว้ด้านหลัง ตัวเขายังรอคอยอย่างเงียบๆ ต่อไป
ในสมุดบัญชีดำมีชายทั้งสามคนติดอยู่ในอันดับต้นๆ พวกเขาก็คือจีเทียนเด๋า, ยู่เฉิงไห่ และซู่จินฉาน
การจัดอันดับจากบัญชีดำจะวัดมาจากความชั่วร้ายของชาวยุทธ์คนนั้นๆ และระดับวรยุทธ์ที่พวกเขามี คนส่วนมากที่มีรายชื่อในบัญชีดำล้วนแต่แข็งแกร่งและมีไหวพริบอันเป็นเลิศ
คนที่กำลังอยู่ในรถม้าตอนนี้ก็คือซู่จินฉาน เขาคือผู้ที่อยู่ในบัญชีดำอันดับสามนั่นเอง เขาเป็นยอดฝีมือที่มาจากวิหารปีศาจ เขาเป็นรองเจ้าสำนักของวิหารปีศาจนั่นเอง
สิ่งที่ทำให้หมิงซี่หยินรู้สึกแปลกนั่นก็คือทำไมจู่ๆ พวกวิหารปีศาจถึงได้โจมตีวังจันทรากัน วิหารปีศาจและภูเขาทองต่างก็ทำทุกอย่างโดยนึกถึงแต่ตัวเองมาโดยตลอด
กริ๊ง! กริ๊ง!
กระเดิ่งที่ดังมาจากรถม้าสีดำลายมังกรยังคงดังอย่างต่อเนื่อง
ในที่สุดรถม้าคันนั้นก็ได้หยุดตัวลง มันห่างจากม่านพลังเพียง 100 เมตรเท่านั้น เสียงกระดิ่งที่ดังอย่างต่อเนื่องก็ได้หยุดลงเช่นกัน หมิงซี่หยินไม่ได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหวของรถม้าอีกต่อไป หลังจากที่จ้องมองชาวยุทธ์ทั้งหลายที่อยู่ใกล้ๆ กับรถม้าตัวเขาก็สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวเข้า
หลังจากที่ความเงียบสงบได้เข้าปกคลุมชั่วครู่ ในตอนนั้นเองชาวยุทธ์ระดับศักดิ์สิทธิ์ก็ได้บินออกมาจากรถม้า ชาวยุทธ์คนนั้นได้บินตรงเข้ามาหาหมิงซี่หยินครึ่งทางก่อนที่จะโค้งคำนับให้อย่างสุภาพ “วิหารปีศาจของพวกเราไม่ได้มีเจตนาที่จะบุกรุกภูเขาทอง หมิงซี่หยิน ท่านปล่อยให้พวกเราจัดการกับเหล่าชาวยุทธ์หญิงพวกนี้จะได้ไหม? “
หมิงซี่หยินมองไปที่เหล่าชาวยุทธ์หญิงที่กำลังตัวสั่นเพราะความหวาดกลัว ‘ถ้าหากข้าแต่งตัวเหมือนกับชายคนนี้ข้าจะดูน่ากลัวเหมือนมันไหมนะ…’
“แล้วแต่เจ้าเถอะ! ” หมิงซี่หยินที่พูดเสร็จก็ได้หันหลังให้กับม่านพลังไป
“ขอบคุณมาก! พวกเราจะกลับมาเพื่อแสดงความขอบคุณในภายหลังเอง” ชาวยุทธ์ที่สวมใส่เสื้อคลุมสีดำได้กวักมือขึ้นหลังพูดเสร็จ ในตอนนั้นเองชาวยุทธ์ทั้งหลายที่มากับรถม้าด้วยก็ได้พุ่งใส่เหล่าอิสตรีทั้งหลายราวกับพวกตั๊กแตนที่เห็นรวงข้าว
“ช้าก่อน! ” หมิงซี่หยินได้พูดออกพร้อมกับหันหลังกลับมาด้วย
“มีอะไรอีกอย่างงั้นหรอ? “
“ข้าน่ะเกือบลืมกิจวัตรใหม่ของท่านอาจารย์ไปซะสนิท…ท่านอาจารย์น่ะได้บอกกับข้าว่าให้ปฏิบัติกับผู้คนด้วยความกรุณาเมตตา” หลังจากที่พูดเสร็จเขาก็ได้ยกมือขึ้น ในตอนนั้นเองม่านพลังที่อยู่ด้านหน้าก็เริ่มสั่นคลอน ในที่สุดชาวยุทธ์หญิงก็สามารถเข้ามาในม่านพลังได้
หลังจากที่ได้ยินคำพูดของชายชุดดำ เหล่าชาวยุทธ์หญิงทั้งหมดก็รู้ได้ทันทีว่าคนที่อยู่ตรงหน้าของเขาตอนนี้ก็คือศิษย์คนที่สี่จากศาลาปีศาจลอยฟ้า ทันทีที่พวกเธอทั้งหมดเข้ามาด้วยพวกเธอก็คุกเข่าอย่างพร้อมเพรียงกัน “ขอบคุณที่ช่วยพวกเราเอาไว้ท่านหมิงซี่หยิน! “
ในตอนนั้นเองชาวยุทธ์ชุดดำก็ได้ขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่คิดว่านี่เป็นการกลับคำพูดน่ะ ท่านหมิงซี่หยิน? ” ชายคนนั้นได้ใช้เสียงอันแหบแห้งต่อว่าเขาอย่างไม่พอใจ
ในตอนนั้นเองที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า…
ลู่โจวในตอนนี้กำลังนั่งพิงเก้าอี้เพื่อพักผ่อนก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบดังขึ้น ‘ติ้ง! คุณทำให้ผู้ฝึกยุทธ์สวามิภักดิ์ได้ คุณได้รับแต้มบุญ 1,450’