My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 513
ตอนที่ 513 แขกไม่ได้รับเชิญ
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
เมื่อจู่โจวเลิกแบกเกาะลอยฟ้าไว้บนพลังฝ่ามือ ตัวเขาก็ได้สังหารยอดฝีมือไปหลายคนแล้ว แม้ว่าจะมียอดฝีมือปรากฏตัวมากขึ้น แต่พวกเขาเหล่านั้นก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์อะไรได้
ภายในเขตแดนพลังที่เกาะเพิ่งไหลมี เป็นธรรมดาที่สาวกจากเกาะเพิ่งไหลจะได้เปรียบกว่าฝ่ายศัตรู อักขระพลังพิเศษบนร่มเป็นพลังที่สามารถต้านทานพลังจากเขตแดนพลังที่มีได้
หลี่จิงยิ่ได้ใช้พลังอวตารดอกเจ็ดกลีบสยบผู้บุกรุกเกาะเพิ่งไหลทั้งหมดอย่างสง่างาม แม้ว่านางจะเป็นหญิง แต่เพราะต้องอยู่ในกองทัพมานานจึงทําให้นางแข็งแกร่งและมีประสบการณ์ในการต่อสู้มากกว่าผู้ฝึกยุทธทั่วๆ ไป
นายหญิงหวางกําลังลอยอยู่บนอากาศ นางกําลังจ้องมองไปที่การเคลื่อนไหวของหลี่จิงอย่างพึงพอใจ
นี่คือวิธีที่โลกยุทธภพใช้มาโดยตลอด ปลาใหญ่มักจะกินปลาเล็กอยู่เสมอ
ผู้ฝึกยุทธบางคนยังคงตกตะลึง บางคนทําได้เพียงหัวเราะให้กับชะตากรรมก่อนที่จะกระโดดลงน้ําไป “มหาวายร้ายจีเทียนเด! เจ้านั่นคือมหาวายร้ายตัวจริง!”
ในน่านน้ําเบื้องล่างเกาะ หลัวยไม่ได้สนใจอะไรผู้ฝึกยุทธที่เลือกกระโดดลงไป มันได้ใช้การเคลี่อนไหวอันรวดเร็วแหวกว่ายในท้องทะเลก่อนที่จะสังหารทุกคน
“เป็นเพราะสถานศึกษาไท่ซูก่อปัญหาขึ้นมาแท้ๆ !”
“ไอกระจกไท่ซูบ้าบออะไรนั่น! เป็นเพราะกระจกนั่นพวกเราถึงต้องตาย!”
ภายใต้สถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเช่นนี้ เป็นธรรมดาที่จะมีผู้คนปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่ต่อและก็เพราะแบบนั้นจึงทําให้พวกเขาเลือกที่จะต่อสู้อย่างสุดพลัง มียอดฝีมือสองคนได้เผาผลาญจุดพลังลมปราณของตัวเองก่อนที่จะพุ่งชนม่านพลังที่กักขังทุกคนเอาไว้จากทางด้านบน
สู่โจวเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดดี ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นได้ปล่อยพลังฝ่ามือไปทางซ้าย ส่วนมืออีกข้างสู่โจวเลือกที่จะปล่อยพลังฝ่ามือไปทางขวา
พลังฝ่ามือที่ลูโจวปล่อยออกมาดูราวกับว่ามันมีดวงตาเป็นของตัวเอง พลังฝ่ามือได้ไล่ตามเป้าหมายที่พยายามจะหลบหนีก่อนที่จะจู่โจมเป้าหมายไปอย่างรวดเร็ว!
พลังฝ่ามือของลูโจวได้กระแทกยอดฝีมือทั้งสองคน พวกเขาทั้งคู่ตกลงก่อนที่จะชนเข้ากับพื้นเกาะเป็นเพราะเกาะเผิงไหลมีพื้นส่วนมากเป็นหินแข็ง และก็เพราะแบบนั้นจึงทําให้หัวของยอดฝีมือต่างก็ชนเข้ากับหินแข็ง หัวของทั้งคู่ได้แตกกระจายไปราวกับแตงโมที่ตกจากที่สูงบนพื้นที่ มีซากศพของยอดฝีมือเต็มไปด้วยกองเลือด
สู่โจวไม่ได้คิดที่จะใช้พลังวิเศษจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ แต่เมื่อใดก็ตามที่ตัวเขาเห็นผู้ที่คิดจะหลบหนี ลูโจวก็จะใช้พลังฝ่ามือปล่อยไปทางผู้ฝึกยุทธคนนั้น ม่านพลังของเกาะเพิ่งไหลเป็นงกรงนกในเกาะลอยฟ้าแห่งนี้ไม่มีที่สําหรับหลบหนีอีกต่อไป ทุกคนจะต้องพบกับความตายลูโจวได้จับจ้องทุกอย่างจากจุดที่สูงที่สุด ใครจะเป็นรายต่อไปกัน?
นายหญิงหวางเองก็ไม่ใช่ผู้ไร้ซึ่งประสบการณ์ นางได้เตรียมพร้อมรับมือกับวิกฤตของเกาะเพิ่งไหลมาโดยตลอด นางรู้ดีว่าจิตใจคนเรายากแท้หยั่งถึง เป็นธรรมดาที่คนเราจะเห็นแก่ผลประโยชน์มากกว่าคุณธรรม นางรู้ดีว่าผู้อาวุโสตรงหน้าโกรธแค่ไหน การที่ศิษย์ของตัวเองต้องได้รับอันตรายมีหรือที่ชาวสถานศึกษาไท่ซูจะได้อยู่อย่างสันติ ปัญหาทุกอย่างจะคลี่คลายถ้าหากสาวกจากสถานศึกษาไท่ซูทั้งหมดถูกฆ่าตาย แม้ว่าจะมีสาวกที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องก็ตามแต่พวกเขาก็ต้องถู กสังหารตายเพราะความโชคร้ายอยู่ดี
ในขณะเดียวกันหลี่จึงยี่ก็ไร้ซึ่งความเมตตาในฐานะที่นางเป็นศิษย์อัจริยะแห่งเกาะเผิงไหลนางได้แสดงพลังที่มีในการจัดการกับทุกคน ทุกสิ่งทุกอย่างเริ่มจากเกาะทางทิศตะวันออกจนตอน นี้เกาะทั้งสี่เริ่มกลับมาสู่ความสงบอีกครั้งแล้ว
ผู้ฝึกยุทธที่ยังเหลือรอดยังคงต่อสู้ดิ้นรนกันต่อไป หลายคนเลือกที่จะคุกเข่าอ้อนวอนขอความเมตตา แต่สําหรับสาวกของสถานศึกษาไทชู การคุกเข่าขอร้องของพวกเขาไม่อาจที่จะช่วยชีวิตของพวกเขาไว้ได้ ยังมีผู้ฝึกยุทธหลายคนพยายามบินออกจากม่านพลัง แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเพราะม่านพลังจึงทําให้พวกเขาเสียหลักตกลงไปสู่ท้องทะเล
หลัวยูก็เป็นเหมือนกับเจ้าแห่งท้องสมุทร มันได้สังหารทุกอย่างที่กล้าย่างกายเข้ามา
เมื่อกลิ่นเลือดเริ่มจางไปจากน้ําทะเล หลัวยูก็เริ่มกระโดดขึ้นมาจากผิวน้ําพร้อมกับฝูงปายฝูงปลายนับหมื่นและหลัวยูกําลังทําลายผิวน้ําทะเล มันเป็นภาพที่น่าทึ่งมากสําหรับผู้ที่พบเห็น
ถ้าหากผู้อาวุโสจีไม่ได้ประคองเกาะลอยฟ้าด้วยพลังฝ่ามือในก่อนหน้านี้ ภาพของฝูงปลาที่เห็นคงจะเป็นภาพเดียวที่น่าจดจําไปแล้ว
ฝูงปลาทั้งหลายยังคงส่งเสียงร้องออกมา เสียงร้องของพวกมันดูลึกล้ําราวกับเสียงของเป็ดแมนดาริน เสียงของพวกมันได้ไปถึงหูของธิดาหอยสังข์
ธิดาหอยสังข์ได้โบกมือให้กับฝูงปลา “ลาก่อนนะ”
นายหญิงหวางที่เห็นธิดาหอยสังข์ดูตื่นตกใจ นางได้พูดออกมาเบาๆ “ข้าไม่คิดมาก่อนเลย ว่าเด็กสาวคนนี้จะสามารถสื่อสารกับหลัวยูได้ หลัวยูไม่ใช่สัตว์ร้ายธรรมดาๆ มันเป็นสัตว์ที่อาศัยอยู่ในเผิงไหลมากว่าหลายร้อยปีแล้ว แม้แต่สาวกของเกาะเผิงไหลเองก็ยังไม่กล้าเข้าใกล้เขตน่านน้ําข้าประหลาดใจจริงๆ ที่รู้ว่าหลัวยูอาศัยอยู่ใต้เกาะลอยฟ้าแบบนี้”
สู่โจวได้พูดออกมา “ในตอนที่ข้าลงไปในทะเล ในตอนนั้นเขตแดนพลังก็เสียหายไปหมดแล้วสัตว์ที่มีสติปัญญาอย่างหลัวยู ไม่มีเหตุผลเลยที่มันจะเลือกทําลายที่ที่มันอาศัยอยู่”
“ผู้อาวุโสจี ท่านกําลังจะบอกว่ามีใครคนอื่นทําให้เขตแดนพลังเสียหายอย่างงั้นเหรอ?”นายหญิงหวางที่ฟังแบบนั้นดูตกใจ
“นั่นเป็นปัญหาของเจ้า ไม่ใช่ปัญหาของข้า”
“ขอบคุณสําหรับความหวังดี ผู้อาวุโสจี”
ครู่ต่อมาผู้ฝึกยุทธหลายคนที่พยายามฉกฉวยผลประโยชน์จากความวุ่นวายก็ถูกกําจัดจนหมด
เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ เป็นธรรมดาที่ยอดฝีมือผู้มีประสบการณ์การต่อสู้จะสามารถเก็บกวาดทุกอย่างได้อย่างรวดเร็ว หลี่จิงยีที่เก็บกวาดศัตรูทั้งหมดไปไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่เพียงนิดเดียว ถ้าหากไม่มีใครรู้จักภูมิหลังของนางมาก่อน คงจะไม่มีใครคิดเลยว่าสาวงามคนนี้จะเป็นนักรบผู้รับใช้กองทัพมากว่าหลายปี
สู่โจวไม่คิดที่จะสนใจอะไรภาพรวมของผู้ฝึกยุทธคนอื่นอีก ที่นี่เป็นเกาะเผิงไหล ตัวเขาได้คัมภีร์เผิงไหลและได้ช่วยเกาะลอยฟ้าตามที่ตกลงกันไว้แล้ว และนอกจากนี้ตัวเขายังได้รับหยกหลานเทียนมาด้วยความโชคดีอีกด้วย
ในตอนนั้นเองลูโจวก็นึกไปถึงหลัวยู ตัวเขาได้หันไปมองธิดาหอยสังข์ก่อนที่จะถามนางออกมา “หอยสังข์ เจ้าเข้าใจสิ่งที่หลัวยูสื่อสารมาอย่างงั้นสินะ?”
ธิดาหอยสังข์พยักหน้าเบาๆ “อืม มันบอกข้าว่าลูกของมันอยู่ที่ด้านล่าง”
“แล้วมันทําตามคําสั่งเจ้าได้ยังไงกัน?” สู่โจวถามออกมาด้วยความสงสัย
สัตว์ร้ายแห่งท้องทะเลอย่างหลัวผู้ได้รับการฝึกฝนตัวเองมายาวนานกว่ามนุษย์ซะด้วยซ้ํา อย่างน้อยๆ มันคงจะมีเวลาฝึกฝนยาวนานกว่า 100 ปี หรือหลายหมื่นปี แม้ว่ามันจะมีความสามารถน้อยกว่ามนุษย์ แต่พวกมันก็ยังมีประสบการณ์ที่มากกว่า จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีมนุษย์คนไหนรู้เลยว่าท้องทะเลมันกว้างใหญ่เพียงใด
ครั้งหนึ่งเคยมีผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบเคยพยายามข้ามผ่านมหาสมุทรที่ไม่มีสิ้นสุดไปเพื่อไปยังดินแดนอีกฝั่ง แต่หลังจากที่บินอย่างยาวนาน พลังลมปราณของเขาก็หมดลงชายคนนั้นตกลงสู่ทะเลก่อนที่จะถูกสัตว์ร้ายของผืนมหาสมุทรกัดกินไป
สัตว์ทะเลหลายชนิดสามารถบินได้ในเวลาอันสั้น เมื่อผู้ฝึกยุทธบินใกล้ผิวน้ําจนเกินไป ในตอนนั้นผู้ฝึกยุทธก็จะเสี่ยงพบกับอันตรายมากขึ้นเท่านั้น แต่ในการบินรักษาระดับความสูงเองก็ยังเป็นการสิ้นเปลืองพลังลมปราณไปอย่างเปล่าประโยชน์ และเพราะเงื่อนไขทั้งหมดที่ว่ามาจึงทําให้ไม่มีผู้ฝึกยุทธคนไหนก้าวข้ามผ่านมหาสมุทรที่ไม่มีที่สิ้นสุดได้
ธิดาหอยสังข์ส่ายหัวของนางก่อนที่จะเริ่มใช้ความคิด “ข้าข้าก็แค่บอกให้มันทําอะไร และมันก็เชื่อฟังข้าเอง”
หลัวยูถือเป็นสัตว์ร้ายที่มีสติปัญญา แน่นอนว่ามันไม่ต้องการปล่อยเกาะลอยฟ้าทําลายบ้านเกิดของมันอย่างแน่นอน
นายหญิงหวางถอนหายใจก่อนที่จะถามออกมา “จากนี้เป็นต้นไปพวกเราควรจะปฏิบัติต่อหลูโจวเป็นคนพูดต่อ “ข้าว่าหลัวยูคงจะเข็ดหลาบแล้วล่ะ มันคงเลือกย้ายออกแน่”
ก่อนที่หลัวยูจะจากไป ในตอนนั้นหลัวยูก็ได้กระโดดไปตามผิวน้ํา มันเป็นการอําลาธิดาหอยสังข์นั่นเอง เมื่อมีการอําลาแบบนั้นนั่นก็เป็นสัญญาณอย่างชัดเจนว่าหลัวยูจะจากไป
นายหญิงหวางพยักหน้าเห็นด้วย ใบหน้าของนางช่างว่างเปล่า
ในขณะนั้นเองหลี่จิงยี่ที่ได้เก็บกวาดทั้งหมดเสร็จได้กระโดดกลับมา “ผู้อาวุโสจี ผู้ฝึกยุทธจากสถานศึกษาไท่ซูถูกกําจัดหมดแล้วค่ะ”
ลูโจวพยักหน้าให้
นายหญิงหวางพูดต่อ “ทุกๆ ท่านได้โปรดตามข้ามาเถอะ”
ลูโจวเหลือบมองธิดาหอยสังข์และหยวนเอ๋อที่กําลังได้รับบาดเจ็บ หยวนเอ๋อต้องการพักผ่อนในคืนวันนี้ เมื่อคิดได้แบบนั้นตัวเขาจึงตัดสินใจที่จะเดินตามนายหญิงหวางที่กําลังมุ่งหน้าไปทางเกาะทิศตะวันออก
เมื่อถึงตอนนี้สาวกของเกาะเผิงไหลจากทั่วทุกเกาะได้มารวมตัวกันอยู่ที่ด้านนอกของห้องโถงใหญ่แล้ว
หม่าชิงที่เป็นผู้นําในภารกิจช่วยเหลือจากสํานักชิงหยุนเองก็ยืนรออยู่ในห้องโถงใหญ่เช่นกัน
ทุกคนต่างก็ยืนอยู่สองข้างทาง
สาวกจากเกาะเพิ่งไหลทั้งหมดไม่ได้คํานึงถึงพลังที่พวกเขามีอีกต่อไป ทุกคนกําลังมองดูชายช ราที่กําลังเดินผ่านไปอย่างน่าเกรงขาม
ตามกฏของสํานักเผิงไหล เหล่าสาวกที่มารวมตัวกันที่นี่เป็นการรวมตัวกันเพื่อต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและเป็นการแสดงความเคารพนันเอง
“ยินดีต้อนรับผู้อาวุโส!”
ที่บันไดก่อนถึงห้องโถงใหญ่ นายหญิงหวางเป็นผู้ที่ออกมาต้อนรับด้วยตัวเอง นางกําลังรอให้ลู่โจวเดินขึ้นบันไดอยู่ “ทุกคน คุกเข่า” เสียงของนางดังก้องไปทั่วลานกว้าง
สาวกจากเกาะเพิ่งไหลรวมไปถึงหลี่จึงยี่ที่ออกจากสํานักนานแล้วได้คุกเข่าลง การเคลื่อนไหวของทุกคนที่คุกเข่ามันพร้อมเพรียงกันจนกลายเป็นจุดสนใจ
“ติ้ง! ได้รับการสรรเสริญจากคน 2,805 คน ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 28,050”
ทุกคนต่างก็ทําความเคารพลูโจวจากใจจริง
นายหญิงหวางได้พูดต่อ “ผู้อาวุโสจีเป็นผู้ที่รักษาเกาะลอยฟ้าเอาไว้ด้วยพลังฝ่ามือ และเพราะแบบนั้นพวกเราชาวเกาะเผิงไหลจึงรอดพ้นวิกฤตร้ายแรงมาได้ ทุกคนคารวะให้กับผู้อาวุโสจี”ทันทีที่นางพูดจบนายหญิงหวางก็เริ่มคารวะเพื่อเป็นการขอบคุณและแสดงความเคารพให้กับลูโจว
สู่โจวได้โบกมือของตัวเอง พลังลมปราณที่ตัวเขาปล่อยออกมาได้พยุงให้นายหญิงหวางลุกขึ้น
“ไม่จําเป็นจะต้องกล่าวขอบคุณข้า” ลูโจวพูดต่อ “การนี่นายหญิงอย่างเจ้ายอมคุกเข่าต่อหน้าคนอื่นแบบนี้ข้าเองก็คิดว่ามันไม่เหมาะเช่นกัน”
“ท่านพูดถูกแล้วผู้อาวุโส” นายหญิงหวางลุกขึ้น
ในตอนนั้นเองสู่โจวก็ได้พูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “แล้วเจ้าน่ะจะไม่คิดแสดงตัวอย่างงั้นเหรอ?”
ทุกๆ คนต่างตื่นตกใจ ทุกคนต่างก็เหลือบมองไปรอบตัว
สาวกจากเกาะเพิ่งไหลทั้งหมดรีบลุกขึ้น พวกเขากําลังค้นหาคนนอกที่อาจจะซุกซ่อนตัวอยู่
“ไม่ ไม่ ไม่” ที่หลังประตูของห้องโถงใหญ่ มีใครบางคนพุ่งออกมา ชายคนนั้นถือดาบเอาไว้ที่มือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างได้ยกขึ้นในขณะที่เดินออกมาจากห้องโถงใหญ่
ทุกๆ คนต่างก็จับจ้องไปที่เขา
สาวกเกาะเพิ่งไหลทั้งหลายต่างก็กําอาวุธแน่น ทุกคนอยากที่จะจู่โจมชายแปลกหน้าในทันที
แต่นายหญิงหวางที่เห็นใบหน้าของชายคนนั้นได้อุทานออกมาด้วยความตกใจซะก่อน “หลิวเฉิน?”
“นายหญิง ข้าไม่ได้ใช้ชื่อนั้นอีกต่อไปแล้ว นับตั้งแต่นี้ไปโปรดเรียกข้าว่าอาเฉียน…” เจียงอาเฉียนได้พูดออกมาอย่างไร้ยางอาย
นายหญิงหวางที่ฟังแบบนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย
เมื่อเหล่าสาวกได้ยินเช่นนั้น เหล่าสาวกทั้งหมดก็ดูตื่นเต้น
“นี่มันศิษย์พี่ใหญ่?”
“ศิษย์พี่ใหญ่หลิวเฉินจริงๆ เหรอ?”
เจียงอาเฉียนยกมือขึ้นมาก่อนที่จะโบกมันให้กับฝูงชน “ถูกต้องแล้ว ข้ากลับมาที่นี่ก็เพราะคําเรียกร้อง ข้าก็คือผู้ฝึกยุทธอัจฉริยะแห่งเกาะเพิ่งไหล ผู้ใช้ดาบที่หล่อเหลาเยือกเย็นและพึ่งพาได้ข้าเจียงอาเฉียนมาแล้ว!”
สู่โจวที่ทนฟังการเปิดตัวทั้งหมดได้พูดออกมาอย่างหนักแน่น “เจ้าสนุกพอแล้วรึยัง?”
เจียงอาเฉียนสะดุด ตัวเขารีบโค้งคํานับพร้อมกับเสียงหัวเราะแห้ง “ข้าไม่ได้ตั้งใจที่จะหลบหน้าท่านผู้อาวุโส ข้าน่ะเฝ้ามองเหตุการณ์ทุกอย่างมานานแล้ว ข้าได้เห็นแม้กระทั่งเหล่าผู้ฝึกยุทธมากมายหลายคนต้องการโจมตีเด็กสาวตัวเล็กๆ อีกด้วย…สาวน้อย เจ้าอย่าได้มองข้าแบบนั้นสิ่งที่ข้าทําทั้งหมดถือเป็นงานอย่างหนึ่ง”
หยวนเอื้อพยายามสกัดกั้นความเจ็บปวดก่อนที่จะถ่มน้ําลายลงบนพื้น
ธิดาหอยสังข์ที่เดินตามมาก็ได้ถ่มน้ําลายบนพื้นเช่นกัน
“” เจียงอาเฉียนพูดไม่ออก
ลูโจวพูดต่อ “ข้าต้องยกเกาะทั้งเกาะด้วยพลังฝ่ามือเอาไว้ แต่เจ้ากลับดูสนุกสนานไปกับการชมการต่อต่อสู้”
“ผู้อาวุโส ท่านเข้าใจผิดแล้ว!” เจียงอาเฉียนรีบโบกมือปฏิเสธ “ข้าได้สังหารผู้ประสงค์ร้าย ไปกว่าหลายคนพวกเขาทั้งหมดต่างก็เป็นยอดฝีมือดูที่แขนข้า ข้าเองก็ได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้เช่นกัน”
“หืม?” ลูโจวขมวดคิ้ว
เจียงอาเฉียนไม่กล้าที่จะแก้ตัวต่อ “ท่านพูดถูกแล้วล่ะ….ท่านพูดถูกแล้วผู้อาวุโส”
สู่โจวจําได้ว่าหลี่จึงได้แสดงวิชาการใช้ร่มที่ทรงพลังออกมาในระหว่างการต่อสู้ที่มณฑลเหลียงและเมืองทางตอนเหนือแต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่คิดว่านางจะมีความเกี่ยวข้องกับเกาะเผิงไหลมาก่อน เมื่อมองย้อนกลับไปสู่โจวก็ไม่แปลกใจเลยว่าพวกเขาทั้งคู่จะเคยเป็นสาวกของเกาะเพิ่งไหล
“เจียงอาเฉียน เจ้าฝึกฝนเคล็ดวิชาเต่พรางตัวและรักในการใช้ดาบยิ่งกว่าไหนๆแต่เกาะเพิ่ง ไหลเป็นที่รู้กันดีว่ามีแต่เหล่าผู้ใช้ร่มแล้วทําไมเจ้าถึงอยู่ที่นี่ได้?” ลูโจวถามออกมาในขณะที่ลูบเครา
“ร่มไม่เหมาะชายหนุ่มอย่างข้า ข้าชื่นชอบดาบมากกว่า”เจียงอาเฉียนตอบในขณะที่
นายหญิงหวางก้าวไปข้างหน้าก่อนที่จะคว้าหูของเจียงอาเฉียนเอาไว้ “เจ้ามันเลว”
“โอ๊ยเจ็บ! นายหญิง ปล่อยข้า ได้โปรดปล่อยข้าเถอะ…”
นายหญิงหวางได้ผลักเจียงอาเฉียนออกไป “เกาะเพิ่งไหลตกอยู่ในอันตรายแต่เจ้าก็ยังดื้อด้าน และยังเสเพลเช่นเดิม”
“ข้ามาที่นี่ให้เร็วที่สุดแล้ว…แม้แต่ศิษย์น้องจึงยี่เองก็ยังมาทีหลังข้า”เจียงอาเฉียนเอามือจับหูของตัวเองในขณะที่เดินถอยกลับ
นายหญิงหวางก็แค่พูดตําหนิเจียงอาเฉียนไปอย่างนั้นยังไงซะเกาะเผิงไหลก็ฟันฝ่าวิกฤตมาได้ เดิมที่เจียงอาเฉียนก็มีนิสัยแบบนี้มาตั้งแต่ต้นเจียงอาเฉียนมักจะทําตัวหลบๆ ซ่อนๆ มาโดยตลอดท้ายที่สุดแล้วนายหญิงหวางก็ถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “ข้ารู้สึกขอบคุณทุกคนจริงๆที่ช่วยเหลือเกาะเผิงไหล”
เจียงหาเฉียนส่ายหัวก่อนจะพูดต่อ “ข้าไม่กล้ารับความดีความชอบต้องขอบคุณผู้อาวุโสจีจริงๆ ที่ยกเกาะลอยฟ้าไว้ข้าไม่แปลกใจเลยที่ผู้อาวุโสจีจะเอาชนะยอดฝีมือจากสํานักใหญ่ทั้งสิบได้! ข้ารู้สึกดีใจจริงๆที่รู้จักยอดฝีมือแบบท่าน!”
ทุกคนบนเกาะต่างก็ปรบมือให้กับลูโจว การยกเกาะลอยฟ้าของลูโจวได้ทําให้ตัวเขาใช้พลังจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์จนหมด ถ้าหากไม่ได้ความช่วยเหลือจากหลัวยู ตัวเขาก็คงจะไม่สามารถรักษาเกาะเผิงไหลจนมาถึงตอนนี้ได้
ในตอนนั้นเองก็มีแสงสีเขียวจางๆ ส่องมาจากด้านข้างของลูโจว
นายหญิงหวาง, เจียงอาเฉียน และหลี่จึงยี่ต่างก็เหลือบมองไปที่มัน แสงที่ได้เห็นมาจากฝ่ามือของธิดาหอยสังข์นั่นเอง
“นั่นมันหยกหลานเทียน?”