My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 514 หยกหลานเทียนและดวงตะวัน
แสงที่ส่องสว่างออกมาได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนเอาไว้
ลู่โจวหันกลับไปมองเช่นกันแต่ในตอนนี้ตัวเขาต้องรักษาอาการบาดเจ็บของหยวนเอ๋อซะก่อน “วางหยกนั่นลงก่อน”
“ค่ะ”หอยสังข์ดูเหมือนไม่ต้องการแยกจากหยกชิ้นนี้
เจียงอาเฉียนที่เห็นหยกได้พูดขึ้น“หยกหลานเทียนสามารถใช้สร้างเป็นสร้อยคอได้ มันมีคุณสมบัติพิเศษที่ช่วยในการเสริมความแข็งแกร่ง, ปกป้องอวัยวะภายในและเสริมพลังของเส้นพลังลมปราณทั้งแปดได้…มันเหมาะกับสาวน้อยอย่างเจ้าแล้ว เอ่อ…สาวน้อย เจ้าดูอาการไม่สู้ดีเลยนะ”
“…”
“เอานางเข้ามาข้างในเร็ว”นายหญิงหวางรีบพูดขึ้น
พวกของลู่โจวรีบเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่
แม้ว่าชื่อเสียงและความแข็งแกร่งที่เกาะเผิงไหลมีจะเทียบเท่ากับศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่ได้แต่เกาะแต่ละแห่งต่างก็มีตำหนักเป็นของตัวเอง การที่จะมีของหรูหราแบบนั้นได้มันไม่ใช่สิ่งที่สำนักทั่วไปจะทำได้เลย
ภายในตำหนัก
นายหญิงหวางที่เข้ามาถึงรีบสั่งการ“เด็กๆ ”
“นายหญิง”
“ไปเรียกหมอฟางมา”นายหญิงหวางที่สั่งการเสร็จได้หันไปหาลู่โจวแทน “หมอฟางเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในการรักษา เขาเป็นหมอที่ฝีมือดีที่สุดแล้วที่เกาะเผิงไหลแห่งนี้ ด้วยฝีมือในการรักษาของเขาสาวน้อยจะต้องไม่เป็นไรแน่”
ลู่โจวยกมือขึ้น“ไม่จำเป็น”
นายหญิงหวางตกตะลึงนางไม่เข้าใจในสิ่งที่ลู่โจวพูด
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ชูฝ่ามือขึ้นที่ฝ่ามือของเขาส่องแสงสีฟ้าจางๆ ออกมา ระหว่างนิ้วมือของลู่โจวมีดอกบัวสีฟ้าขนาดเล็กปรากฏขึ้น ลู่โจวเลือกที่จะผลักพลังฝ่ามือไปด้านหน้าอย่างนุ่มนวล ดอกบัวสีฟ้าที่ถูกผลักตกลงบนร่างของหยวนเอ๋อ
หยวนเอ๋อรู้สึกสบายตัวขึ้นเมื่อดอกบัวสีฟ้าตกลงสู่ร่างกายท้ายที่สุดแล้วนางก็ได้หลับตาลง
ธิดาหอยสังข์มองไปที่หยวนเอ๋ออย่างรู้สึกผิดนางได้แต่โทษตัวเองที่ทำให้หยวนเอ๋อต้องได้รับบาดเจ็บ นางเหลือบมองไปที่เสื้อขนเมฆาที่กำลังสวมใส่อยู่ ถ้าหากหยวนเอ๋อไม่มอบชุดตัวนี้ให้กับนาง หยวนเอ๋อก็อาจจะไม่ได้รับบาดเจ็บก็เป็นได้
ดอกบัวสีฟ้าเริ่มขยายใหญ่ก่อนที่จะผลิบานในตอนนั้นเองพลังชีวิตอันมหาศาลก็ได้พุ่งออกจากดอกบัว
“นี่มัน…”นายหญิงหวางตกตะลึง นางไม่เคยเห็นวิชาแห่งการรักษาแบบนี้มาก่อน
เจียงอาเฉียนกางแขนก่อนที่จะพูดขึ้น“ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกันว่ามันคืออะไร…แต่นี่มันจะต้องเป็นพลังที่มหัศจรรย์มากแน่ แม้แต่มนุษย์ยังถูกหลัวยูไล่สังหารได้ ในตอนนี้จะมีอะไรที่ทำให้น่าตกใจได้อีก”
นายหญิงหวางพยักหน้าเมื่อปรมาจารย์เผิงไหลได้รับคัมภีร์สวรรค์เผิงไหลมา ตัวเขาก็ได้ศึกษาคัมภีร์นั้น จนถึงวันนี้ก็ยังไม่มีใครเข้าใจมันได้ เป็นธรรมดาที่ในโลกนี้ยังมีวิชาลึกลับและวิชาใหม่ๆ ซ่อนอยู่ ฝีมือของลู่โจวในการยกเกาะลอยฟ้าเป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน
หลังจากที่ดอกบัวสีฟ้าจางหายไปหยวนเอ๋อก็ลืมตาตื่นขึ้น
“เจ้ารู้สึกอย่างไร”
หยวนเอ๋อขยับแขนไปรอบๆก่อนจะตอบกลับมา “ข้าไม่เจ็บแล้ว”
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองพร้อมพยักหน้า“เจ้าจะต้องใช้เวลาพักฟื้นร่างกายเป็นเวลา 3 วันกว่าที่ร่างกายเจ้าจะหายเป็นปกติ”
ธิดาหอยสังข์ได้พูดอย่างสำนึกผิด“นี่เป็นความผิดของข้าเองที่ถ่วงพี่หยวนเอ๋อเอาไว้”
คำพูดของธิดาหอยสังข์ได้ดึงดูดความสนใจของทุกคน
เจียงอาเฉียนที่เห็นนางเริ่มสงสัย“ผู้อาวุโสจี นางเป็นศิษย์คนใหม่ของท่านอย่างงั้นเหรอ”
ลู่โจวส่ายหัว
“พรสวรรค์ที่นางมียอดเยี่ยมมากนางไม่ได้ด้อยไปกว่าศิษย์ทั้งเก้าของท่านเลย ท่านช่างมีสายตาที่เฉียบคมจริงๆ ”
“นางมีพลังวรยุทธขั้นสังหรณ์หยั่งรู้ได้ในทันที”
“หะ”ปากของเจียงอาเฉียนอ้าค้าง ตัวเขาเคยเห็นสาวน้อยคนนี้ควบคุมหลัวยูมาก่อน เพียงเพราะความสามารถในการควบคุมสัตว์ร้ายเพียงอย่างเดียว ทุกสำนักบนยุทธภพจะต้องยอมต่อสู้กันเพื่อแย่งตัวนางแน่ และหนำซ้ำนางยังสามารถไปถึงขั้นสังหรณ์หยั่งรู้โดยที่ไม่ผ่านการฝึกร่างกายอีก เป็นธรรมดาที่เจียงอาเฉียนจะอ้าปากค้าง
“เจียงอาเฉียน”
“ข้าอยู่ที่นี่แล้ว”
“สถานการณ์ภายในพระราชวังเป็นไง”
เจียงอาเฉียนส่ายหัวก่อนที่จะพูดออกมา“ผู้อาวุโสจี การแยกดอกบัวทองคำนั้นแพร่หลายเป็นอย่างมาก ทุกคนต่างก็ใช้เวลาทุกนาทีไปกับการฝึกตนเพื่อที่จะนำหน้าทุกคน ศิษย์คนแรกของท่านก็ยังคงพยายามพิชิตมณฑลต่างๆ ศิษย์คนที่เจ็ดของท่านก็หูตากว้างไกล ศิษย์ของท่านรู้ทุกเรื่องแม้แต่ข้าที่เข้าห้องน้ำเขาก็ยังรู้ เอ่อ…ข้าหมายความว่าศิษย์ของท่านยอดเยี่ยมมาก”
“แล้วตอนนี้หลิวกู่กำลังทำอะไร”
“เอ่อ…องค์จักรพรรดิ”เจียงอาเฉียนลังเลอยู่ชั่วขณะ ยังไงซะตัวเขาก็เคยเป็นองค์ชายสามแห่งราชวังมาก่อน ในตอนที่ตำหนักจิงเหอถูกเผาไปเมื่อหลายปีก่อน เจียงอาเฉียนก็ได้ออกจากพระราชวังมาก่อนที่จะกลายเป็นผู้คลั่งไคล้ดาบไป แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามหลิวกู่ก็ยังคงเป็นพ่อของเขาอยู่ดี นี่เป็นเหตุผลที่เจียงอาเฉียนไม่ได้ติดต่อศาลาปีศาจลอยฟ้าเมื่อไม่นานมานี้ ตัวเขาคาดการณ์ไว้อยู่แล้วว่าองค์จักรพรรดิจะต้องปะทะกับศาลาปีศาจลอยฟ้าเข้าสักวัน สถานการณ์ของทั้งสองฝ่ายเริ่มทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่ยู่เฉิงไห่ได้ทำลงไปได้ผลักดันให้เหล่าราชวงศ์ต้องลุกขึ้นสู้แต่สิ่งที่ทำให้เหล่าราชวงศ์พลาดก็คือการเข้าไปยุ่งกับชาวศาลาปีศาจลอยฟ้ามากเกินไป แม้แต่สถานศึกษาไท่ชูและสำนักเฮ้งชูที่เพิ่งจะยุ่งเกี่ยวกับลู่โจวเมื่อไม่นานมานี้ก็ยังใกล้ชิดกับทางราชวงศ์เช่นกัน…
“เขาเป็นพ่อของเจ้าอย่างงั้นสินะ”ลู่โจวพูดออกมาอย่างรู้ทัน
เจียงอาเฉียนยังคงนิ่งเงียบ
ลู่โจวพูดต่อ“เจ้าถือเป็นแหล่งข่าวของข้ามาอย่างเนิ่นนานแล้ว แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้ติดค้างอะไรข้า แต่เจ้าก็พยายามทำงานอย่างหนัก แต่ถ้าหากเจ้าบอกข้า…”
“…”เจียงอาเฉียนเบิกตากว้าง จิตใจของเจียงอาเฉียนเริ่มเกิดความสับสน ถ้าหากตัวเขาบอกสิ่งที่ลู่โจวต้องการ ตัวเขาจะถูกปล่อยไปอย่างงั้นเหรอ ในตอนนั้นเองเจียงอาเฉียนก็นึกไปถึงวันวานที่ยังอยู่ในพระราชวัง ภาพในตำหนักจิงเหอได้ปรากฏขึ้นในใจของตัวเขา ในตอนนั้นมีอาจารย์ที่แสนจะน่ากลัวและน่าเคารพอยู่ อาจารย์คนนั้นได้สอนวิชาการฝึกยุทธให้กับเจียงอาเฉียน และคนคนนั้นก็ยังเป็นมารดาผู้ให้กำเนิดเขา…ใบหน้าของคนคนนั้นเจียงอาเฉียนได้ลืมเลือนไปนานแล้ว…ในตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูใกล้เข้ามา แต่ถึงแบบนั้นเจียงอาเฉียนก็ไม่อาจย้อนกลับได้
หลังจากที่ใช้เวลาไปพักหนึ่งรอยยิ้มที่เจียงอาเฉียนมีก็เปลี่ยนกลายเป็นสีหน้าที่เคร่งขรึมแทน มันหาได้ยากมากที่เจียงอาเฉียนจะจริงจังขึ้นมาแบบนี้ ตัวเขาได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดกับลู่โจว “ชะตากรรมของแต่ละคนล้วนถูกลิขิตแล้ว…ข้าเองก็ได้ทำสุดความสามารถแล้วด้วย”
ลู่โจวพยักหน้าตัวเขาเดินไปหาเจียงอาเฉียนในขณะที่เอามือไขว้หลัง “เจ้าฉลาดจริงๆ ”
เจียงอาเฉียนยังคงนิ่งสงบ
“ไม่ว่าเจ้าจะขอความเมตตาหรือไม่ข้าก็จะไม่เปลี่ยนใจ…”
เจียงอาเฉียนพูดไม่ออก‘แล้วสิ่งที่ข้าเคยทำมาทั้งหมดมันไม่มีความหมายเลยอย่างงั้นเหรอ’ เจียงอาเฉียนตกใจ เห็นได้ชัดว่าการที่ผู้อาวุโสคนนี้ถามคำถามขึ้นมา เป็นเพราะว่าตัวเขาไม่อยากให้เจียงอาเฉียนไปขวางทางนั่นเอง เมื่อคิดถึงเรื่องนี้แล้วเจียงอาเฉียนก็หนาวไปถึงกระดูก
“แต่ถ้าหากดูความสัมพันธ์พิเศษของเจ้าและหลิวกุ่ยข้าจะเห็นแก่มันและไม่ให้เจ้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพระราชวังอีก”
เมื่อได้ยินแบบนั้นเจียงอาเฉียนก็ได้คารวะ“ขอบคุณที่เมตตาผู้อาวุโส”
ถ้าหากเจียงอาเฉียนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของพระราชวังตัวเขาคงจะต้องถูกมอบหมายให้ทำงานอื่นอย่างแน่นอน…ทันใดนั้นเองเจียงอาเฉียนก็จดจำอะไรบางอย่างได้ “ผู้อาวุโสจี…แม่นางแซ่หลัวที่ท่านบอกให้ข้าตามหา พวกเราไม่มีทางที่จะหาตัวนางเจอได้”
“ในตอนนี้ยังไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับนางมากนักและนั่นก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ข้าเดินทางมาที่นี่”
“แม่นางแซ่หลัว”นายหญิงหวางที่ได้ฟังแบบนั้นถามออกมาอย่างสับสน
เจียงอาเฉียนพูดต่อ“แม่นางแซ่หลัวเป็นผู้ที่เคยช่วยหยุนเทียนลั่วให้กลายเป็นเจ้าสำนักในเมื่อ 300 ปีก่อน นางมีพรสวรรค์ในการใช้ท่วงทำนองเช่นกัน ข้าไม่ได้พบเบาะแสอะไรเกี่ยวกับนางจนถึงตอนนี้ การจะตามหานางก็เหมือนกับการงมเข็มในมหาสมุทร!”
“แม่นางที่มีความสามารถแบบนั้นจะไม่เป็นที่รู้จักได้ยังไงกัน”นายหญิงหวางรู้สึกสับสนมากกว่าเดิม
“ท่านพูดถูกแล้วนายหญิงนางเป็นคนที่ไม่ได้โด่งดังอะไร…ไม่ว่าจะหายังไงข้าก็ไม่พบเบาะแสนางเลย ข้าไม่คิดว่าสีวู่หยาเองจะหาเบาะแสได้เช่นกัน” เจียงอาเฉียนแสดงความคิดเห็น
ในตอนนั้นเองธิดาหอยสังข์ที่ถือหยกหลานเทียนอยู่ก็ได้พูดขึ้น“ร้อน ร้อน…ร้อน”
หยกหลานเทียนได้ปล่อยควันสีเขียวออกมา
“เร็วเข้ารีบวางหยกหลานเทียนไว้ใต้แสงอาทิตย์เร็ว” เจียงอาเฉียนรีบพูดขึ้น
ธิดาหอยสังข์ตกตะลึงไปชั่วขณะนางมองไปที่ลู่โจวก่อน
ลู่โจวพยักหน้าให้ก่อนจะพูดขึ้น“ไปซะ”
ธิดาหอยสังข์ได้ออกจากตำหนักก่อนที่จะวางหยกหลานเทียนไว้ที่ขั้นบันได
ดวงอาทิตย์ได้ฉายแสงไปบนหยกหลานเทียนควันสีเขียวจากหยกหลานเทียนได้ลอยขึ้นไปบนอากาศ
ภายใต้แสงอาทิตย์หยกหลานเทียนดูเหมือนจะเปล่งประกายเจิดจ้า
ลู่โจวได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก“ยกมือขึ้นมา ควบคุมลมหายใจและตั้งสมาธิให้ดี”
แสงแดดกำลังละลายหยกหลานเทียนอยู่นั่นเอง
“ค่ะ”
ลู่โจวได้ใช้มีดพลังงานขนาดเล็กปาดไปที่นิ้วของสาวน้อย
เลือดของธิดาหอยสังข์1 หยดถูกลู่โจวใช้พลังลมปราณพัดมันไปที่หยกหลานเทียน
เมื่อหยกหลานเทียนสัมผัสกับเลือดในตอนนั้นเองมันก็ส่งเสียงแตกออกมา
แคร๊ก!
ดูเหมือนหยกหลานเทียนจะถูกใช้งานแล้วสีที่มันมีกลายเป็นสีเขียวอ่อนที่ดูนุ่มนวลไป
สาวกจากเกาะเผิงไหลที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดได้แต่อิจฉาสาวน้อยที่อยู่ตรงหน้า